ต้นเพลิงเป็สถานที่ที่เต็มไปด้วยโคมไฟ ล้วนมีเทียนอยู่ข้างใน แม้โคมไฟส่วนใหญ่จะทาน้ำมันตุงเพื่อป้องกันไฟไหม้ แต่ถึงอย่างไรก็ไม่อาจชะล่าใจได้ เทศกาลโคมไฟของทุกปีมักเกิดเหตุเพลิงไหม้เล็กใหญ่ต่างกันไป ร้านค้าแผงลอยจึงต้องตั้งเรียงรายริมแม่น้ำ ทั้งยังมีการเตรียมถังน้ำและกระสอบทรายไว้ตามจุดต่างๆ
แต่คราวนี้เปลวเพลิงโหมกระหน่ำลุกท่วมหัว! คราแรกที่ได้ยินเสียงหวีดร้องของผู้คน ประกายไฟยังประปราย ทว่าชั่วพริบตาเดียว ซุ้มประตูที่ประดับประดาด้วยโคมไฟงดงามกลับกลายเป็ซุ้มประตูเพลิง ริมแม่น้ำลมพัดแรง คานไม้ที่เคยใช้ค้ำยันกลายเป็เชื้อเพลิงชั้นดี ยิ่งลมหนาวพัดผ่าน เปลวเพลิงก็ยิ่งโหมกระหน่ำ มอดไหม้ั้แ่โคมไฟยี่สิบสี่สารทไปจนถึงโคมไฟลายพืชพรรณและสัตว์นานาชนิดให้กลายเป็เถ้าถ่าน เมื่อเปลวเพลิงลุกลามมาถึงร้านค้าแผงลอยทำจากไม้กระดานและเกวียนฟาง สถานการณ์ก็ยิ่งเลวร้ายกลายเป็ทะเลเพลิง
ัเพลิงเริงระบำกลางทะเลเพลิง เปลวไฟพวยพุ่งด้วยแรงลม โบกสะบัดไปมาราวกับนางรำในงานรื่นเริง ชั่วพริบตางานโคมไฟก็ลุกเป็ไฟทุกหนทุกแห่ง เสียงเผาไหม้ เสียงะเิดังเป็ระยะๆ เกิดสะเก็ดไฟกระจายเต็มท้องฟ้า ร่วงหล่นลงมาราวลูกเห็บ
ผู้คนมากมายที่พึ่งสนุกสนานอยู่กับการเที่ยวชมโคมไฟและการแสดงอับจนหนทางหนี ดิ้นทุรนทุรายในกองเพลิง เสียงกรีดร้องครวญครางดังเซ็งแซ่ บ้างก็ถูกเศษซากปรักหักทับถม นานเข้าเสียงสายลมและเปลวเพลิงก็กลบเสียงผู้คน กลายเป็เสียงโหยหวนสุดแสนทรมาน
หลังโหมกระหน่ำซุ้มประตูทางนี้แล้ว ัเพลิงก็เริ่มเคลื่อนคลานมาตามถนน ฝูงชนบนถนนย่านการค้าฝั่งตะวันออกต่างวิ่งหนีเอาชีวิตรอด ผู้คนนับไม่ถ้วนที่มาเที่ยวงานโคมไฟสุดแสนยิ่งใหญ่อลังการนี้เบียดเสียดกันไปมา ผู้คนทั้งตื่นตระหนกและเต็มไปด้วยความสับสน แม้พยายามยืนเกาะกลุ่มกัน แต่ในยามคับขัน เด็กและคนชราจะต้องได้รับการช่วยเหลือก่อน พวกเขาจึงถูกแยกออกจากกัน ผ่านไปไม่นานก็เกิดเสียงสามีภรรยาร้องเรียกหากัน เสียงเด็กน้อยร่ำไห้หาพ่อแม่ สถานการณ์ตกอยู่ในความโกลาหล
“ไป! รีบหนีเร็ว!”
เว่ยเสี่ยนใไม่ต่างกัน รีบสั่งให้คนพาเว่ยชงออกไปจากที่นี่ แม้มีผู้ติดตามจำนวนมาก แต่ยามนี้ผู้คนวิ่งหนีตายจ้าละหวั่น แม้พยายามเกาะกลุ่มกันไว้ แต่สุดท้ายก็ถูกแยกออกจากกัน แม้เห็นอยู่ตรงหน้า ทว่าไม่อาจฝ่าฝูงชนไปหากันได้
เว่ยชงหวาดกลัวตัวสั่น กอดโคมไฟอันใหญ่ไว้ในอ้อมแขนแน่นพลางร้องไห้
“ร้องอะไรนักหนา!” ยามนี้เว่ยเสี่ยนไม่มัวสนใจยศศักดิ์ ดุเด็กน้อยเสียงดัง “ไม่ต้องเข็นแล้ว อุ้มเขาไป!”
ขันทีข้างกายรีบปลดเข็มขัดออก และอุ้มเด็กน้อยออกมาจากรถเข็น ทว่าทันใดนั้นก็มีใครบางคนเหาะอยู่กลางอากาศ พุ่งเข้าหาพร้อมอาวุธ
“ระวัง!” ิหยวนสังเกตเห็นนักฆ่าผู้นั้นผ่านแสงไฟจากกองเพลิงที่ลุกโชน จึงะโเตือนตามสัญชาตญาณ แต่ตัวเขานั้นอยู่ห่างจากพวกเว่ยชงไม่น้อย น้ำไกลดับไฟไม่ทัน ทำได้เพียงเฝ้ามองคมกระบี่ที่กำลังพุ่งเข้าหาสองคนนั้นอย่างลุ้นระทึก
ในยามสิ้นหวัง จู่ๆ ก็มีบางอย่างลอยมาสกัดคมกระบี่จนกระเด็นไปอีกทาง เสียงกระบี่หล่นกระทบพื้นดังก้อง แม้ิหยวนอยู่ไกลยังได้ยิน มองตามทิศทางของสิ่งนั้น พบว่าเป็ชายหนุ่มผู้มีหน้ากากสุนัขปกปิดใบหน้า เขาใช้โคมไฟสี่เหลี่ยมที่พึ่งได้มาขวางไปสกัดคมกระบี่ของนักฆ่า
“คุ้มกัน! คุ้มกัน!” เว่ยเสี่ยนไม่อาจปกปิดฐานะได้อีกต่อไป ะโสั่งการทันที
แผนการลอบสังหารล้มเหลว ทว่านักฆ่ากลับจู่โจมอีกครั้งแทนที่จะถอยกลับ กระบี่เล่มใหม่พุ่งเข้าใส่ขันทีที่อุ้มเว่ยชง เืสีสดพวยพุ่ง ขันทีล้มลงกองที่พื้น มือที่เคยกอดตัวเ้านายไว้แน่นคลายออก ร่างเด็กหนุ่มผู้อ่อนแอกำลังจะทรุดลงสู่พื้น แต่ทันใดนั้นก็มีแส้เส้นหนึ่งพุ่งเข้าไปพันรอบเอวเว่ยชงไว้ ก่อนจะพาเขาเหาะขึ้นไปบนอากาศ ระหว่างนั้นก็มีชายฉกรรจ์สี่หรือห้าคนเผยตัวออกมาจากรอบทิศทางพร้อมดาบในมือ และเริ่มจู่โจมพวกเขา
เว่ยเสี่ยนเอาแต่ยืนอึ้งอ้าปากค้าง วันนี้เขาทำท่าจะชักกระบี่ฆ่าคนตั้งหลายหน มาตอนนี้ต้องเผชิญหน้ากับนักฆ่า เขากลับใกลัวจนไม่กล้าชักกระบี่ออกมาสู้ เอาแต่เรียกหาองครักษ์ ช่างไร้ประโยชน์อะไรอย่างนี้
ิหยวนนึกโกรธจนอยากก่นด่า เขารู้ฐานะของเว่ยชงดีกว่าผู้ใด แต่กลับไม่กล้าชักกระบี่ออกมาปกป้อง ตอนนี้ิหยวนไม่มีอาวุธ ได้แต่หลบหลีกคมกระบี่ พยายามเดินเข้าไปดึงกระบี่ในมือเว่ยเสี่ยนออกมาตัดแส้เส้นนั้น
แน่นอนว่ามันเป็อาวุธชั้นดี แส้ยาวขาดสะบั้นทันที เว่ยชงจึงลอยอยู่กลางอากาศและกำลังจะตกลงมาสู่พื้น ิหยวนยังไม่ทันได้ะโบอก ชายหนุ่มหน้ากากสุนัขก็พุ่งเข้าไปรับตัวเว่ยชงไว้ และอุ้มเขาไว้ในอ้อมแขน
ิหยวนถอนหายใจด้วยความโล่งอก พวกเขาไม่เคยรู้จักกันมาก่อน แต่ทั้งสองก็เข้าขากันดีเสียจนอดแปลกใจไม่ได้
เหมือนว่าเด็กหนุ่มจะเป็เป้าหมายของคนพวกนั้น เพราะนักฆ่าสามคนพุ่งเข้าหาเขาพร้อมกัน ิหยวนเห็นชายหนุ่มกำลังอุ้มเว่ยชงอยู่จึงทำได้เพียงหลบหลีกไปรอบๆ ิหยวนที่มีกระบี่ในมือจึงพยายามเข้าไปช่วย
ิหยวนฝึกวรยุทธและเพลงกระบี่เพียงเพื่อฝึกลมปราณ ร่างกายแข็งแรง ผ่อนคลายจากการเล่าเรียนในตำรา เพื่อให้มีความรู้ทั้งบุ๋นและบู๊ และก็เพื่อความเคลื่อนไหวคล่องแคล่วและใช้ป้องกันตัว ไม่เคยคิดว่าจะได้ใช้มันเพื่อฆ่าคน
อีกฝ่ายหมายเอาชีวิตอย่างไม่ลดละ เขาได้แต่กะชับกระบี่ในมือแน่น หันมองตนเองที่เป็เพียงบัญฑิตอ่อนแอ หากเทียบกันแล้วฝีมือคงเทียบเหล่านักฆ่าไม่ติด หากไม่ฮึดสู้มีหวังคงเละเป็ผักโดนสับ นึกไม่ถึงว่าเมื่อคมดาบและคมกระบี่มาจะไม่ใครเอาชนะใครได้
ไม่ว่าในชาติที่แล้วหรือชาตินี้ นี่เป็ครั้งแรกที่ิหยวนเผชิญหน้ากับคนร้ายด้วยศาสตราวุธ มือของเขาจึงชุ่มไปด้วยเหงื่อ ใจเต้นเร็วเหมือนกลองรัว ต้องขอบคุณที่เขาพรากเพียรศึกษาและฝึกฝนเพลงกระบี่มาหลายปี ขอบคุณท่านลุงที่เข้มงวดกวดขัน ขอบคุณท่านอาจารย์โหวอิงที่ไม่เคยอ่อนข้อให้ยามต่อสู้กับเขา เพลงกระบี่ที่เขาเล่าเรียนมานั้นเรียบง่าย แต่สร้างโดยปรมาจารย์ผู้มีชื่อเสียง มันเป็เพลงกระบี่ที่ผ่านการคิดค้นและปรับปรุงมาอย่างดี และิหยวนก็ฝึกฝนมันจนชำนาญแล้ว ตอนนี้เขาต่อสู้ด้วยสติครึ่งหนึ่ง ด้วยสัญชาตญาณอีกครึ่งหนึ่ง ่แรกเขายังเก้ๆ กังๆ ไม่ค่อยคล่องแคล่วนัก แต่ความแม่นยำสูงมาก ต้องขอบคุณสติปัญญาที่มีมาแต่กำเนิดของเขา หลังลับคมกระบี่กับอีกฝ่ายระหว่างการต่อสู้อย่างต่อเนื่อง เขาก็เริ่มเข้าใจแก่นแท้ของเพลงกระบี่ ยิ่งสู้เขาก็ยิ่งพริ้วไหวและเก่งกาจมากขึ้นเท่านั้น
ประจวบกับวันนี้เขาถูกเว่ยเสี่ยนวางอำนาจบีบบังคับ เบื้องหน้าเขาอาจเป็เหมือนวีรบุรุษช่วยคนที่ตกอยู่ในอันตราย แต่ความจริงความโกรธที่เขาเก็บไว้ในใจถูกระบายออกมาผ่านการต่อสู้
การต่อสู้เป็ไปอย่างดุเดือดเืพล่าน ยิ่งิหยวนต่อสู้มากเท่าไร เขาก็ยิ่งฮึกเหิมมากขึ้นเท่านั้น กวัดแกว่งกระบี่ราวกับสาดหมึก ปลายกระบี่พริ้วไหว โจมตีอีกฝ่ายสำเร็จได้ในที่สุด เขาสังหารคนหนึ่ง แล้วหันไปแทงอีกคนหนึ่ง
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------