“คุณหนูซูเป็ลูกค้าประจำ เอาเช่นนี้แล้วกัน ข้าลดราคาให้เ้า” อวี้เซียนเซียนพูดพร้อมรอยยิ้ม “ท่านก็ให้สักห้าหมื่นตำลึงแล้วกัน”
ราคานี้ยังถือว่าอยู่ในการคำนวณของซูิเยว่ ไม่ถือว่าแพง แต่วันนี้นางรีบร้อนออกจากเรือนจึงไม่ได้เอาเงินติดตัวมาเยอะขนาดนั้น
ซูิเยว่ขมวดคิ้วพลางคิดว่ามีอะไรพอจะเป็ไปได้หรือไม่
“เป็อะไรไปหรือ?” อวี้เซียนเซียนเห็นนางขมวดคิ้วก็คิดว่าซูิเยว่ไม่พอใจกับราคานี้ “หากคุณหนูซูคิดว่าแพงไป เื่ราคาเราคุยกันได้”
นางพูดไปก็หันไปมองเ้านายของตัวเองที่อยู่ด้านหลังผ้าโปร่ง ก่อนหน้านี้เ้านายเคยบอกไว้ว่า หากซูิเยว่มีความ้าอะไรก็อย่าทำให้นางรู้สึกไม่ดี
“ไม่ใช่เ้าค่ะ” ซูิเยว่ถอนหายใจมองอวี้เซียนเซียน
“คืออย่างนี้เ้าค่ะ วันนี้ข้ารีบออกจากเรือน แถมยังตัดสินใจมาที่นี่แบบกะทันหันจึงไม่ได้พกเงินติดตัวมามากขนาดนั้น ไม่ทราบว่าจะเอาของอย่างอื่นมามัดจำไว้ก่อน เมื่อกลับไปแล้วข้าค่อยเอาเงินห้าหมื่นตำลึงมาไถ่คืนได้หรือไม่”
ในใจของซูิเยว่รู้สึกกังวลเล็กน้อยเมื่อพูดประโยคนี้ออกมา ถึงแม้อวี้เซียนเซียนจะให้เกียรตินาง แต่ในฐานะคนทำธุรกิจจะมีเื่ผลประโยชน์มาเกี่ยวข้องตลอด นางให้หวังซวินใส่หน้ากากไปแล้วก็ถือว่าใช้ก่อนจ่ายทีหลัง ไม่รู้ว่าอวี้เซียนเซียนจะยอมหรือไม่
อวี้เซียนเซียนได้ยินก็ชะงักไปเสี้ยววินาที จากนั้นก็หัวเราะออกมา “ได้สิเ้าคะ คุณหนูซูเป็ลูกค้าประจำของพวกเรา เื่แค่นี้ได้อยู่แล้วเ้าค่ะ”
ซูิเยว่ถอนหายใจ เช่นนั้นก็ดี นางถอดกำไลเงินแกะสลักดอกไม้ที่ข้อมือออกก่อนจะวางไว้ตรงหน้าอวี้เซียนเซียน กำไลนี้เป็ของต่างหน้าที่มารดาทิ้งเอาไว้ให้
สำหรับนางแล้วตอนนี้มันไม่ต่างอะไรกับของไร้ราคา ยิ่งยามที่ไม่มีทางเลือก บนตัวก็มีแค่ของสิ่งนี้ที่มีค่าพอจะเอามาวางมัดจำไว้ได้
“คุณหนู” เสี่ยวอวี่ที่อยู่ด้านหลังเห็นภาพนี้ก็อดร้องออกมาไม่ได้ “นี่คือของที่ฮูหยินให้ท่าน....”
ซูิเยว่หันไปมองเสี่ยวอวี่ พอนางรู้ตัวว่าถูกมองก็รีบหุบปากเงียบทันที
ซูิเยว่มองอวี้เซียนเซียนแล้วพูด “เช่นนั้นข้าจะเอากำไลวงนี้มัดจำไว้ที่เ้าของหออวี้เป็การชั่วคราว หลังจากนั้นข้าจะเอาเงินห้าหมื่นตำลึงมาไถ่คืน”
อวี้เซียนเซียนมองกำไลวงนั้น พอฟังคำพูดของเสี่ยวอวี่นางก็เข้าใจ กำไลวงนี้คงจะเป็ของดูต่างหน้าที่มารดาของซูิเยว่ทิ้งเอาไว้ให้
อวี้เซียนเซียนลังเลอยู่เล็กน้อย นางมองอยู่ครู่หนึ่งสุดท้ายก็รับกำไลนั้นมา “เช่นนั้นก็ได้ คุณหนูซูโปรดวางใจ ข้าจะเก็บกำไลวงนี้เอาไว้อย่างดี”
“ขอบคุณเ้าค่ะ”
“รอเดี๋ยว” ตอนนี้เองที่บุรุษซึ่งเงียบอยู่หลังผ้าโปร่งมาตลอดก็พลันเอ่ยเสียงใสขึ้นมา ทั้งยังแฝงไปด้วยรอยยิ้มหลายส่วน
ซูิเยว่ขมวดคิ้ว สายตามองไปยังคนที่อยู่ด้านหลังม่าน อวี้เซียนเซียนเองก็หันไปมองเ้านายอย่างไม่เข้าใจ
เชียนซวินจือมองซูิเยว่ที่อยู่ด้านนอกผ้าม่านก็ยกยิ้ม “เซียนเซียน เอากำไลคืนให้แม่นาง”
อวี้เซียนเซียนชะงักไปรู้สึกไม่เข้าใจเล็กน้อย เ้านายเป็คนอย่างไรนางนั้นรู้ดี เชียนซวินจือไม่เคยทำการค้าขายที่ขาดทุน
แต่นางก็ฟังคำพูดของเชียวซวินจือแล้วดันกำไลวงนี้กลับไปตรงหน้าของซูิเยว่
ซูิเยว่ในตอนนี้มีแต่ความงุนงงอยู่เต็มหัวใจ ไม่รู้ว่าคนรับผิดชอบของหอเชียนจี้คนนี้มีความคิดอะไร ต่อมาก็ได้ยินเชียนซวินจือพูด “คุณหนูซูใส่ใจธุรกิจของหอเชียนจี้ของข้าเช่นนี้ หน้ากากหนังคนชิ้นนี้ก็ถือว่ามอบให้คุณหนูซูแล้วกัน”
นางชะงักไป คิ้วขมวดเข้าหากันลึกขึ้นกว่าเดิม แต่นางก็ยังเอ่ยปฏิเสธ “น้ำใจของท่านข้าใช้ใจรับไว้แล้ว แต่การทำธุรกิจจะทำให้พวกท่านขาดทุนไม่ได้ กำไลวงนี้เอามามัดจำไว้ที่พวกท่านก่อนเถิด”
“คุณหนูซูทำแบบนี้เป็การไม่ให้เกียรติกันนะ ก็แค่หน้ากากหนังคนชิ้นเดียวเอง ไม่ได้มีค่าอะไรขนาดนั้น แต่หากเอาไปผูกไมตรีกับคุณหนูซูได้ ข้าน้อยจะถือว่ามันเป็กำไร”
ซูิเยว่ปฏิเสธแล้วแต่ก็ไม่สำเร็จ นางจึงทำได้แค่รับกำไลกลับมา “เช่นนั้นก็ได้ ข้ารับกำไลนี่กลับไปก่อน แต่ว่าห้าหมื่นตำลึงข้าไม่มีทางติดพวกท่านแน่ วันหลังจะเอามาคืน”
ตอนนี้เชียนซวินจือไม่ได้พูดอะไรอีก
ซูิเยว่ยืนขึ้นมองอวี้เซียนเซียน “เช่นนั้นข้าขอตัวลาก่อน”
“เ้าค่ะ เช่นนั้นข้าก็ไม่รั้งแม่นางเอาไว้แล้ว เดินทางปลอดภัย”
ซูิเยว่พาเสี่ยวอวี่ หนิงหยวนและหวังซวินออกจากห้อง เด็กรับใช้คนนั้นยืนรออยู่ที่หน้าประตู พอเห็นพวกเขาออกมาก็พาออกจากหอฉวินฟางด้วยเส้นทางเดิมไปที่ประตูหลัง
หลังจากนั้นซูิเยว่ก็พาหวังซวินไปร้านเสื้อผ้าและซื้อเสื้อผ้าใหม่ให้เขาเปลี่ยน ตอนนี้หวังซวินเปลี่ยนหน้าตาจนกลายเป็อีกคนแล้ว
ซูิเยว่พิจารณาหวังซวินั้แ่หัวจรดเท้าอย่างพอใจอยู่หลายรอบ
“ดีมาก ั้แ่ตอนนี้เป็ต้นไป เ้าก็คืออาต้า เป็องครักษ์ข้างกายข้า สิ่งที่เ้าจะต้องเปลี่ยนไม่เพียงแค่รูปลักษณ์ภายนอกเท่านั้น ยังมีท่าทางการพูดจารวมถึงความเคยชิน เ้าจะเป็หวังซวินแบบแต่ก่อนไม่ได้แล้ว ต่อให้ตอนนี้คนคนนั้นจะยืนอยู่ตรงหน้าเ้า สายตาของเ้าก็จะไม่เผยความลับอะไรออกมา เข้าใจหรือไม่?”
“เข้าใจขอรับ” หวังซวินพยักหน้า เขาติดตามข้างกายองค์ชายห้ามานาน ขายชีวิตเพื่อองค์ชายห้ามาแล้ว ย่อมไม่ใช่พ่อค้าธรรมดาแน่นอน ความฉลาดหลักแหลมในเื่นี้เขาก็ยังพอมีอยู่ “คุณหนูวางใจเถิด”
เขาพูดไปก็ยกมือขึ้นมาลูบหน้าตัวเอง ั้แ่หักหลังองค์ชายห้าก็เริ่มถูกไล่ฆ่ามาตลอด เขาไม่ได้ปรากฏตัวต่อหน้าคนอื่นๆ อย่างเปิดเผยเช่นนี้มานานมากแล้ว “คุณหนู วันนี้ขอบคุณท่านมากจริงๆ ขอรับ”
พอซูิเยว่ได้ยินเขาพูดประโยคนี้หูก็แทบจะมีผื่นขึ้น นางโบกมือ “เอาล่ะ เอาล่ะ ต่อไปคงมีเื่ที่ข้าจะต้องใช้เ้าบ้าง”
นางพูดแล้วชี้ไปทางเสี่ยวอวี่กับหนิงหยวน “ต่อไปเ้าก็ทำความคุ้นเคยกับพวกเขาให้มากๆ ไม่เข้าใจอะไรก็ถามพวกเขาก็พอ”
“ขอรับ”
ณ หอฉวินฟาง หลังจากซูิเยว่ออกจากประตูไป อวี้เซียนเซียนก็เข้าไปด้านหลังผ้าโปร่ง
เชียนซวินจือนั่งตรงข้างโต๊ะด้วยท่าทางสบายๆ พร้อมดื่มชาติดต่อกันหลายแก้วแล้ว
“เ้าของหอ” อวี้เซียนเซียนขมวดคิ้วเอ่ยถามด้วยความไม่เข้าใจเล็กน้อย “วันนี้เ้าของหอมีความคิดอะไรหรือเ้าคะ?”
เชียนซวินจือวางแก้วชาลง ดวงตาแฝงรอยยิ้มมองไปทางนางก่อนเอ่ยเสียงเรียบ “เื่นี้เ้าไม่ต้องสนใจหรอก อย่างไรจำคำข้าเอาไว้ ต่อไปหากเป็คำขอของคุณหนูซู ไม่ว่าอะไรจะต้องรับปาก”
“เ้าค่ะ หากเกินขอบเขตของกิจการหอเชียนจี้ของพวกเราล่ะเ้าคะ?”
“เื่นี้เ้าไม่ต้องสนใจ” แววตาของเชียนซวินจือประกายความสนุก “จะมีคนไปจัดการให้อยู่แล้ว”
ขณะเดียวกันในอีกฟากหนึ่ง สถานที่ที่พวกซูิเยว่เพิ่งจะทิ้งรถม้าไป ตอนนี้พวกคนชุดดำได้ตามมาทันแล้ว
พลังรบของคนเป็หัวหน้าฟื้นฟูกลับมาแล้ว มือแหวกเปิดผ้าม่านรถม้าด้วยใบหน้าโเี้ ภายในรถม้าว่างเปล่า ไม่มีสิ่งใดหลงเหลือทิ้งเอาไว้ อีกทั้งรถม้าคันนี้ก็เป็รถแบบธรรมดามากจึงไม่รู้จะเริ่มตรวจสอบจากจุดไหน
คนชุดดำตบไปที่ผนังรถม้าอย่างแรงหนึ่งทีจนรถม้าแตกออกเป็เสี่ยงๆ
“บัดซบ”
“จะทำอย่างไรดี?” คนชุดดำอีกคนหนึ่งเข้ามาถามเสียงเบา ภายในดวงตาแฝงไปด้วยความหวาดกลัว “ทำภารกิจไม่สำเร็จ กลับไปเ้านายไม่มีทางปล่อยพวกเราไว้แน่”
คนชุดดำที่เป็หัวหน้ามองเขา “แม้แต่ขยะชิ้นหนึ่งก็ยังจับไม่ได้ พวกเรานี่ยิ่งกว่าขยะเสียอีก ต้องกลับไปรายงานรับโทษกับเ้านายแล้ว”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้