นายหญิงเสิ่นเหลือบมองสามีแวบหนึ่ง นายท่านเสิ่นเข้าใจเขาจึงยิ้มให้กู้เจิงก่อนกล่าว “พวกเ้าคุยกันเถอะข้าจะไปสับฟืน” พูดจบ เขาก็ผละไปที่ห้องเก็บฟืน
แม่สามีกับกู้เจิงพากันไปหาที่นั่งคุยในเรือนชุนหงรีบชงชามาปรนนิบัติ แล้วนางก็นั่งฟังสิ่งที่เกิดขึ้นเงียบๆ
นายหญิงเสิ่นตบมือเย็นเยียบของลูกสะใภ้เบาๆนางรู้ว่าเด็กคนนี้คงใไม่น้อย จึงเอ่ยอย่างรักใคร่ว่า “เื่ที่เ้าเคยทำในอดีตกับตวนอ๋อง อาเยี่ยนไม่ได้ปิดบังพวกเราตอนนั้นข้ากับพ่อของอาเยี่ยนก็เคยไม่เห็นด้วยกับการแต่งงานของพวกเ้า”
กู้เจิงฟังเงียบๆ หากเป็นางที่มีบุตรชายที่ดีและเก่งอย่างเสิ่นเยี่ยนนางก็คงไม่เห็นด้วยที่จะให้แต่งงานกับนาง
“แต่ต่อมาพอเ้าแต่งงานเข้ามาแล้วแม้เ้าจะเป็ถึงคุณหนูของจวนป๋อเจวี๋ย แต่กลับให้ความเคารพคนต่ำต้อยอย่างพวกข้าและเมื่อได้อยู่ร่วมกัน ข้าก็ได้เห็นว่าเ้าเป็คนยังไงข้าก็ยิ่งประทับใจในตัวเ้ามากขึ้นข้าจึงคิดว่าเื่ที่เกิดขึ้นในบ้านของเ้าน่าจะมีความเข้าใจผิดอะไรบางอย่าง”
ชุนหงที่ฟังอยู่แม้ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ท่านป้าเสิ่นพูดถึงเื่ในอดีตกับเื่ของตวนอ๋องนางจึงอดกังวลไม่ได้ เลยพูดแทรกขึ้นมาว่า “ท่านป้าเสิ่น เื่ในอดีตไม่เกี่ยวอะไรกับคุณหนูนะเ้าคะทุกอย่างเป็ความคิดของหวังซู่เหนียงเ้าค่ะ” นางแอบขอโทษซู่เหนียงอยู่ในใจ
“ชุนหง เ้าพูดอะไร” กู้เจิงรีบตวาดใส่
นายหญิงเสิ่นยิ้มบางๆ “ไม่ว่าจะถูกหรือผิด ความรักของพ่อแม่ที่มีต่อลูกล้วนเป็ความหวังดีเสมอ” นางหยุดไปครู่หนึ่งแล้วกล่าวต่อ “วันนี้เห็นท่านอ๋องทำกับเ้าขนาดนั้น ข้าคิดว่าเื่ในอดีตที่เคยเกิดขึ้นคงทำให้เป็สาเหตุที่ท่านอ๋องนึกรังเกียจเ้าขึ้นมา”
กู้เจิงนิ่งเงียบ ตวนอ๋องคงจะจงเกลียดจงชังนางอย่างมาก
“ไหนๆ เื่มันก็ผ่านไปแล้ววันหน้าเ้ากับอาเยี่ยนก็ใช้ชีวิตอย่างปกติเถอะ เดิมทีท่านอ๋องก็เป็คนมีเมตตาต่อผู้คนอยู่แล้วเ้าก็อย่าได้กังวลไปเลย” นายหญิงเสิ่นกล่าวอย่างให้กำลังใจ
“เ้าค่ะท่านแม่” กู้เจิงซาบซึ้งใจนางคิดไม่ถึงว่าแม่สามีจะปฏิบัติต่อนางอย่างใจกว้างเช่นนี้
หลังจากกลับถึงห้อง กู้เจิงก็กระโจนลงบนเตียงทันที
ชุนหงที่ตามเข้ามาก็รีบถามว่ามีเื่อะไรเกิดขึ้นกู้เจิงเล่าเื่ในรถม้าให้ชุนหงฟังด้วยสีหน้าเศร้าหมอง “เ้าว่าข้าโชคร้ายเป็พิเศษหรือไม่”
ชุนหงพยักหน้า สีหน้าเต็มไปด้วยความกังวล “โชคดีที่นายท่านเสิ่นกับท่านป้าเสิ่นเข้าใจ” คุณหนูกับตวนอ๋องเคยมีเื่กันมาก่อน เป็ใครก็ต้องไม่สบายใจ
อีกด้านหนึ่ง รถม้าของตวนอ๋องได้มาจอดอยู่หน้าประตูจวนนานแล้วแต่ท่านอ๋องกลับไม่ก้าวลงจากรถม้าสักที
พ่อบ้านว่านเดินออกมารอรับท่านอ๋องเห็นเขาไม่ลงมาจากรถจึงก้าวขึ้นรถแล้วเปิดม่านออก เห็นท่านอ๋องนั่งมองมือตัวเองด้วยสีหน้าเป็กังวลท่านอ๋องเงยหน้าส่งสายตาเ็ากลับมาเขาก็รู้ทันทีว่าท่านอ๋องคงมีเื่ในใจให้คิด คงอยากจะอยู่ตามลำพังเขาจึงรีบลงมาและใช้สายตาถามฉางหลิ่วที่คอยปรนนิบัติอยู่ข้างกายท่านอ๋องมาโดยตลอดเกิดเื่อะไรขึ้น
ฉางหลิ่วส่ายหน้า เขาเดินออกห่างจากรถม้า บิดามารดาของเสิ่นเยี่ยนไม่รู้หรือว่าเกิดเื่อะไรขึ้นระหว่างท่านอ๋องและคุณหนูใหญ่กู้แต่คิดไปคิดมาก็ไม่น่าจะมีเื่ใหญ่อะไรกระมัง
ภายในรถม้าจ้าวหยวนเช่อนั่งมองมือทั้งสองข้างของตนด้วยสีหน้าเยือกเย็นเมื่อครู่เขาเข้าไปประคองสตรีผู้นั้นไว้ในอ้อมแขนอย่างไม่รู้ตัวเขาทำไปโดยไม่แม่แต้จะคิด อยู่ๆ นางก็เข้ามาอยู่ในอ้อมกอดของเขาแล้ว พอได้สติขึ้นมาเขาจึงผลักนางออกไปอย่างแรง
ร่างที่ครั้งหนึ่งเคยอ่อนนุ่มอย่างหาที่เปรียบมิได้ใบหน้าอ่อนเยาว์ที่ยิ้มให้เขาราวกับดอกท้อที่บานสะพรั่ง จ้าวหยวนเช่อแสยะยิ้มมือที่วางอยู่บนตักค่อยๆ กำแน่น หากเขาปล่อยให้ร่างกายกระทำไปก่อนความคิดแบบวันนี้ต่อไปต้องเกิดเื่ขึ้นแน่
ตกเที่ยง สองสามีภรรยาสกุลเสิ่นก็ช่วยกันขุดมันเทศทั้งหมดออกจากแปลงปลูกนายหญิงเสิ่นนำมันเทศที่ขุดออกมาวางไว้ในตะกร้า เพื่อเตรียมที่จะนำไปล้างน้ำ
กู้เจิงเทน้ำลงในอ่างไม้ใหญ่ “ท่านแม่ มันเทศพวกนี้จะต้มหมดเลยหรือเ้าคะ”
“ใช่แล้ว” นายหญิงเสิ่นเลือกไปพลางพูดว่า “ต้มเสร็จแล้วค่อยตากให้แห้งหลังจากนี้ถ้าอยากกินก็ค่อยหยิบออกมานึ่งกิน”
นายท่านเสิ่นนั่งพักผ่อนแหงนหน้ามองท้องฟ้าสีคราม “ดูจากท้องฟ้าวันนี้ อีกไม่กี่วันข้างหน้าฝนคงตกหนักถ้าอย่างงั้นพรุ่งนี้พวกเราจะร่อนแป้งมันเทศกันดีไหม?”
“พรุ่งนี้ท่านจะไปตกปลาปลาเขียวในทะเลสาบบนูเากับพวกพี่ใหญ่และพี่รองไม่ใช่หรือเ้าคะ?” นายหญิงเสิ่นถามสามี
“ข้าลืมเื่นี้ไปเลย พี่ใหญ่บอกว่าพี่สะใภ้ชอบกินปลาเขียวราดซอสมากปีนี้จับปลาได้เยอะ พี่สะใภ้คงดีใจ” พ่อเสิ่นกล่าว
กู้เจิงกับชุนหงทำงานเงียบๆ ฟังบทสนทนาประจำวันของสองสามีภรรยาสกุลเสิ่นส่วนเื่ที่เกิดขึ้นเมื่อเช้านี้ ขอเพียงพ่อแม่สามีของนางวางใจกู้เจิงก็ไม่ต้องกังวลอะไรแล้ว
วันต่อมา ยังไม่ทันรุ่งสาง ลุงรองและลุงใหญ่ก็มาเรียกนายท่านเสิ่นไปตกปลากันทีู่เาตอนที่กู้เจิงเดินออกมาจากห้อง ก็เห็นพวกเขาพากันเดินจากไปอย่างร่าเริงพอดี
“ท่านป้าใหญ่ ท่านป้ารอง ท่านก็มาด้วยหรือ” กู้เจิงเห็นท่านป้าหลายคนอยู่ที่นี่ ก็อดรู้สึกแปลกใจไม่ได้
“อาเจิงเ้าตื่นแต่เช้าขนาดนี้เลยหรือ? เ้าทำงานหนักเกินไปหรือเปล่า” ป้าใหญ่พูดเสียงดังอย่างเป็ปกติ
ป้ารองยิ้มและกล่าวว่า “อาเจิงเพิ่งแต่งงานมา ก็ต้องทำขยันต่อหน้าแม่สามีน่ะสิ”
นายหญิงเสิ่นยิ้มอ่อนโยน “อาเจิงหน้าบาง พวกท่านอย่าล้ออาเจิงอีกเลย” นางหันไปพูดกับกู้เจิงว่า “ก่อนท่านลุงสามจะกลับมาข้ากับท่านป้ารองของเ้าจะไปทำความสะอาดบ้านพวกเขาหน่อย อาหารเช้าเ้าก็ดูเอาเองนะ”
“เ้าค่ะ” กู้เจิงรับคำ
“คุณหนูท่านทำอะไรอยู่เ้าคะ” ชุนหงคิดไม่ถึงว่าวันนี้คุณหนูใหญ่จะตื่นแต่เช้าถึงเพียงนี้
“ชุนหง ข้าไม่คิดว่าท่านแม่จะดีขนาดนี้” กู้เจิงตอบชุนหง
ชุนหงก็พยักหน้า “ท่านป้าเสิ่นใจดีกว่าคนปกติมากเ้าค่ะคุณหนูท่านยังไม่ได้ล้างหน้าล้างตาใช่ไหมเ้าคะ บ่าวไปต้มน้ำร้อนให้คุณหนูดีกว่า” พูดจบก็เดินไปเตรียมอ่างน้ำมาให้คุณหนูของนาง
จู่ๆ กู้เจิงก็รู้สึกเช่นนี้ เมื่อครู่ที่นางเห็นท่านแม่กับป้าทั้งสองยืนอยู่ด้วยกันนางรู้สึกว่าพวกเขาต่างกันป้าใหญ่กับป้ารองมองแล้วดูแล้วเหมือนชาวบ้านธรรมดาที่พบเห็นได้ทุกหนทุกแห่งแต่แม่สามีของนางไม่ใช่ นางเป็คนนิ่งเงียบ ท่าทีก็ดูสง่างามหากเปลี่ยนจากชุดอยู่บ้านธรรมดาเป็ชุดผ้าไหมหรูหราแล้วละก็ คงไม่ด้อยไปกว่านายหญิงตระกูลใหญ่ๆอย่างแน่นอน
อาหารเช้าเป็ชุนหงทำ มีข้าวต้มและเครื่องเคียง ทั้งกุ้งแห้ง หน่อไม้แห้งและไข่
กู้เจิงหิวขึ้นมาทันทีแต่เห็นชุนหงทำท่าเหมือนไม่มีอารมณ์จะกินข้าวก็ถามอย่างแปลกใจว่า"ปกติแล้วเ้าชอบกินคำโตที่สุด ทำไมวันนี้ถึงไม่กินล่ะ”
“คุณหนู ท่านว่าตอนนี้ท่านบุตรเขยจะทำข้อสอบได้หรือไม่เ้าคะ”
กู้เจิงหัวเราะออกมา “ข้ายังไม่กังวล เ้าจะเป็ห่วงอะไร?”
“บ่าวไม่ต้องเป็ห่วงหรือเ้าคะ ท่านบุตรเขยเป็ความหวังของทั้งซู่เหนียงและบ่าวจะไม่ให้บ่าวกังวลได้หรือเ้าคะ” ชุนหงกล่าว
“ทหารมาขวางทาง น้ำไหลท่วมดิน ข้ายังไม่กังวลเื่พวกนี้เ้าก็อย่าได้กังวลไปเลย”
“คุณหนูไม่กังวลเลยสักนิดหรือเ้าคะ” ชุนหงถามอย่างไม่ยอมแพ้
กู้เจิงดื่มน้ำแกงอึกหนึ่ง “ข้าเป็ห่วงน้องรองกู้เจิงชินมากกว่า”
ชุนหงครุ่นคิด “แน่นอนว่าบ่าวก็เป็ห่วงคุณชายรองเช่นกันหวังว่าคุณชายรองจะสอบผ่านด้วย”
กู้เจิง “...” เอาเถอะอย่างน้อยนางก็ฝากความหวังไว้กับคนทั้งสองแล้ว
นายบ่าวทั้งสองคนเมื่อทานอาหารเสร็จก็คิดจะกลับไปที่ห้องเพื่ออ่านหนังสือกันตามปกติแต่จู่ๆ ก็มีรถม้าของจวนตระกูลกู้มาจอดลงหน้าบ้านคุณหนูสี่กู้เหยาและแม่เฒ่าซุนเดินลงมาจากรถม้าด้วยกัน
“พี่ใหญ่” กู้เหยาเห็นกู้เจิงก็วิ่งเข้ามาหากระโปรงสีชมพูพริ้วไหวเป็ระลอกตามฝีเท้าที่วิ่งของนาง
“คุณหนูใหญ่” แม่เฒ่าซุนคารวะกู้เจิง
“น้องสี่” กู้เจิงประหลาดใจ “เ้ามาทำอะไรที่นี่?”
กู้เหยาบุ้ยปาก มองพี่สาวคนโตอย่างออดอ้อน “พี่ใหญ่ถามเหมือนไม่ต้อนรับข้าเลย”
กู้เจิงแปลกใจ น้องสี่คนนี้ไม่เคยพูดดีๆและทำตัวน่ารักกับนางเช่นนี้มาก่อนหรือว่าตอนนี้ความสัมพันธ์ระหว่างพวกนางพี่น้องควรจะต้องสนิทสนมกันมากขึ้นหรือนางจะร่วมแสดงงิ้วกับน้องสี่ก็ได้
เมื่อคิดได้เช่นนี้ กู้เจิงก็ยิ้มอย่างสนิทสนมให้น้องสี่ “ทำไมถึงจะไม่ต้อนรับล่ะ ข้ากำลังคิดถึงเ้าอยู่พอดี”
กู้เหยาตัวแข็งทื่อ พอเห็นสายตาของแม่เฒ่าซุนมองมาที่ตนก็นึกถึงสิ่งที่มารดากวดขันนางมาตลอดใน่หลายวันมานี้ จึงรีบรวบแขนกู้เจิงอย่างเป็มิตรแล้วพูดอย่างน่ารักว่า“ข้ารู้อยู่แล้วว่าพี่ใหญ่ต้องต้อนรับข้าอย่างดี”