ซินหรูงกๆ เงิ่นๆ เมื่อเดินออกไปนางมิได้หยิบอาภรณ์ขึ้นมาปิดแผ่นหลังอันเปลือยเปล่าของหลินชิงเวยหลินชิงเวยนอนคว่ำกอดหมอนใบหนึ่งในใจยังคิดว่าจะฝึกเด็กน้อยคนนี้มาเป็เด็กถือล่วมยาของตนแต่เห็นท่าทางของนางแล้วคิดว่านานแค่ไหนจึงจะฝึกนางออกมาได้?หากว่ากันตามลักษณะของนางแล้วเกรงว่าจะเกิดอุบัติเหตุจากการออกไปรักษาผู้อื่นมากกว่า...
อย่างรวดเร็ว แสงสว่างภายในห้องตรวจเกิดเงาพาดผ่านหลินชิงเวยรู้ทันทีว่ามีคนเข้ามาแล้ว นางกล่าวว่า “รบกวนท่านหมอหลวงใส่ยาให้ข้าอย่างมืออาชีพสักหน่อย”
ต่อมามีคนนั่งลงริมเตียงหยิบยาบนโต๊ะขึ้นมาอีกครั้ง เขาใช้ปลายนิ้วเขี่ยขี้ผึ้งออกมาทาลงบนแผ่นหลังของหลินชิงเวยน้ำหนักมือของเขาเบาและสม่ำเสมออย่างยิ่ง เขาพยายามที่จะไม่แตะต้องถูกาแของหลินชิงเวยเทียบกับซินหรูแล้วหนักแน่นสุขุมกว่ามากกระทั่งปลายนิ้วนั้นเลื่อนผ่านจากแผ่นหลังมาถึงบริเวณข้างลำคอของหลินชิงเวยความรู้สึกเจ็บชานั้นถูกแทนที่ด้วยความรู้สึกเย็นสบายความแสบร้อนจากความเ็ปนั้นค่อยๆ สูญสลายไปแทนที่ด้วยความรู้สึกสบายเนื้อสบายตัว
บริเวณท้องนิ้วของเขามีไตแข็งๆ ชั้นหนึ่งเมื่อััถูกผิวของหลินชิงเวยแล้วรู้สึกได้ถึงความหยาบเล็กน้อยทว่ากลับมีเสน่ห์อย่างน่าประหลาด มันทำให้ความเ็ปของนางบรรเทาเบาบางลงได้
หลินชิงเวยหรี่ตาลงกับความรู้สึกสบายเนื้อสบายตัวส่งเสียงร้องงึมงำในลำคอเป็พักๆ ทว่าเมื่อสติของนางกลับคืนมา ราวกับความเงียบงันภายในห้องตรวจนี้ออกจะผิดธรรมดาเกินไปสักหน่อยมันเงียบงันเสียจนมีความรู้สึกอบอุ่น นางก้มหน้ามองมือข้างนั้นที่อยู่บนลำคอของตนปลายนิ้วชี้กำลังลูบอยู่บนผิวของนาง นิ้วมืออื่นๆ จึงงอลงเล็กน้อย นิ้วมือเ่าั้สะอาดสะอ้านกลมมน เรียวยาวชัดเจน
นี่มันใช่มือของท่านหมอหลวงาุโที่ไหนกัน!
หลินชิงเวยจับมือข้างนั้นไว้ทันทีแล้วพลิกกายหันกลับมามอง
จากนั้นถึงกับตื่นตะลึง
ผู้ที่นั่งอยู่ริมเตียงของนาง ถึงกับเป็เซียวเยี่ยนที่ไม่พูดไม่จา
เซียวเยี่ยนเองก็ตื่นตะลึงเช่นกัน
ยามนั้นเสื้อผ้าของหลินชิงเวยตกลงมาครึ่งๆ เพียงแค่กะพริบตาก็เป็ชายโสดหญิงม่ายอีกแล้ว ดวงตาทั้งสี่ประสานสายตากัน บรรยากาศอุบอุ่นกำกวมนั้นแผ่กระจายทั่วภายในห้อง
หลินชิงเวยขมวดคิ้ว “ไฉนจึงเป็ท่านได้? ข้าเรียกหมอหลวงไม่ใช่เซ่อเจิ้งอ๋อง”
“เวลานี้หมอหลวงล้วนมีงานล้นมือ”
“ถึงอย่างนั้นก็ไม่จำเป็ต้องเดือดร้อนถึงท่าน”หลินชิงเวยพูดแล้วก็ลุกขึ้น
ใครจะคาดคิดว่าเซียวเยี่ยนกลับกดนางลงบนหัวไหล่ของนาง “อย่าเพิ่งขยับยังมีอีกเล็กน้อยก็เรียบร้อยแล้ว”
หลินชิงเวยดิ้นรนขัดขืน ไม่เพียงไม่อาจดิ้นรนหลุดจากฝ่ามือของเซียวเยี่ยนได้กลับกลายเป็ว่ายิ่งดิ้นรนเสื้อผ้าของตนก็ยิ่งเปิดกว้างขึ้นจากมุมที่เซียวเยี่ยนมองลงไปไม่เพียงแต่จะมองเห็นแผ่นหลังเปลือยเปล่าของหลินชิงเวยยังสามารถมองเห็นลายเส้นโค้งนูนของทรวงอกที่เป็รูปร่างเลือนราง
“หากเ้ายังขยับอีก าแก็จะปริออกแล้ว” น้ำเสียงของเซียวเยี่ยนกล่าวหนักขึ้น
หลินชิงเวยร้องฮึ“นั่นดูเหมือนไม่ใช่เื่อะไรของเซ่อเจิ้งอ๋องกระมังเซ่อเจิ้งอ๋องปล่อยข้าจะดีที่สุด ทายาเื่พรรค์นี้ไม่เหมือนเื่ขึ้นเตียงไม่อาจบังคับใจกันได้!”
“เ้าช่างปากคอเราะร้ายนัก ในเมื่อเป็เยี่ยงนี้เ้าก็ลองดูว่าจะเอาตัวรอดจากเงื้อมมือของเปิ่นหวางได้อย่างไร”ดูเหมือนเซียวเยี่ยนถูกนางกวนจนมีโทสะเสียแล้ว ดังนั้นไม่ว่าจะต้องออกแรงดิ้นรนอย่างไรหลินชิงเวยก็ปรารถนาจะคลานขึ้นมาให้ได้
นางยอมรับว่านางโมโหเหลือเกินดังนั้นนางจึงไม่ปรารถนาจะพูดคุยกับคนประเภทนี้ เมื่อ้าใช้คนก็เรียกหาคนเมื่อผู้อื่นหมดประโยชน์แล้วกลับนิ่งดูดาย นางไม่้ามีความเกี่ยวข้องอะไรกับบุรุษประเภทนี้
ก่อนหน้านี้ นางประเมินเขาสูงไปจริงๆ
ทว่านางเพิ่งจะโก่งหลังขึ้นมา เซียวเยี่ยนกลับจี้สกัดจุดบนหลังของนางสองครั้งหลินชิงเวยพบว่าตนเองเคลื่อนไหวไม่ได้จึงได้แต่นอนนิ่งอยู่บนเตียง
หลินชิงเวยด่าทอ “มารดาท่านท่านยังทำเื่ไร้ยางอายกว่านี้ได้อีกหรือไม่?!ถ้ามีความสามารถจริงๆ ก็ปล่อยข้า!”
เซียวเยี่ยนกลับมีท่าทีเงียบขรึม เขาใส่ยาให้หลินชิงเวยต่อไป “เปิ่นหวางไร้สามารถเ้าคงต้องพยายามเองแล้ว”
นางยังไม่พบว่าที่จริงแล้วคนผู้นี้ช่างไร้เหตุผลสิ้นดีความสุขุมอดทนของนางที่สั่งสมมากว่าสามสิบปีกำลังจะถูกเขาใช้จนหมดสิ้นหลินชิงเวยร้องฮึ “ข้าดูแล้วท่านต่างหากที่เป็คนไร้ยางอายคนนั้นเป็ถึงเซ่อเจิ้งอ๋อง ไม่ต้องพูดว่าอยู่ร่วมกับสตรีคนหนึ่งที่ไม่ได้เป็คนในครอบครัวในสถานที่รโหฐานซ้ำยังคลุกคลีกับนางสนมที่ถูกฮ่องเต้ทอดทิ้งต่อให้อยู่ในห้องตรวจของหมอหลวงแล้วจะแตกต่างอันใดกับชายโสดหญิงม่าย?”
หลินชิงเวยรู้สึกว่านานมากแล้วที่นางไม่ได้โมโหถึงเพียงนี้ นางโมโหเสียจนอกแทบจะะเินางจึงกล่าวอย่างแข็งกร้าวว่า “ในเมื่อเป็เช่นนี้ เหตุใดท่านยังต้องเสแสร้งแกล้งทำอีกอย่างไรก็หาเื่เสียจนร้อนรุ่มไปทั้งตัวแล้ว”
“เปิ่นหวางบอกแล้วว่า เวลานี้หมอหลวงมีงานล้นมือ”
หลินชิงเวยโมโหจนต้องกล่าวกลั้วหัวเราะว่า“ท่านอ๋องพูดจามามากมายทั้งหมดนี้ พูดให้กระจ่างแล้วที่จริงก็คือใส่ใจข้ากระมังข้ายังไม่อยากจะเชื่อจริงๆ หมอหลวงทั้งหมดไม่มีแม้สักคนที่ว่างเลยหรือเพียงแต่ให้คนอื่นมาไม่วางใจเท่าท่านอ๋องลงมือด้วยตนเอง ท่านใส่ใจข้าก็บอกมาตรงๆก็พอ ไฉนต้องปิดบัง อ้ำๆ อึ้งๆ เช่นนี้...ชิ...คนชั่วช้า ท่านเบามือหน่อยได้หรือไม่!”
เซียวเยี่ยนเลิกคิ้ว เขาเจตนาออกแรงกดลงบนาแของหลินชิงเวยหลินชิงเวยจึงสงบลงมาได้บ้าง
อย่างไรนางก็เคลื่อนไหวไม่ได้ ถือเสียว่าฉีดยาชาก็แล้วกัน ไม่ว่าจะดิ้นรนอย่างไรก็ไม่เกิดผลใดๆทั้งสิ้น
เมื่อเซียวเยี่ยนใส่ยาแล้วเสร็จปลายนิ้วนั้นหยิบเสื้อผ้าของหลินชิงเวยขึ้นมาเบาๆ คลุมแผ่นหลังของนาง“เรียบร้อยแล้ว” จากนั้นปลายนิ้วของเขาจึงแตะลงบนแผ่นหลังของนางเพื่อคลายจุดให้นาง
หลินชิงเวยพลิกกายกลับมาทันที นางบิดตัวแล้วตวัดฝ่ามือลงไปบนใบหน้าของเซียวเยี่ยนปฏิกิริยาโต้ตอบของเซียวเยี่ยนรวดเร็วยิ่งนัก เขาจับข้อมือของหลินชิงเวยเอาไว้ข้อมือเล็กๆ ที่อยู่ในอุ้งมือของเขาราวกับเป็งานศิลปะชั้นเยี่ยมชิ้นหนึ่งความรู้สึกเรียบลื่นนั้นส่งผลให้แทบไม่อยากจะปล่อยมือ
เซียวเยี่ยนรูปร่างสูงใหญ่กว่าหลินชิงเวยมากไม่ว่าจะเป็รูปร่างหรือเรี่ยวแรง นางล้วนไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเซียวเยี่ยนดังนั้นนางจึงเรียกชิงหลันให้เตรียมจู่โจมเซียวเยี่ยน
เซียวเยี่ยนว่องไวปราดเปรียวนัก ชั่วขณะที่ชิงหลันกำลังจะจู่โจมนั้นเขาสะบัดแขนเสื้อแล้วถอยออกไป มองหลินชิงเวยด้วยสายตาเยียบเย็นจากนั้นหันกายเดินออกจากห้องไป
ไม่นานนักซินหรูประคองยาที่ต้มเสร็จแล้วกลับมานางและหลินชิงเวยดื่มคนละถ้วย หลินชิงเวยกล่าว“ไม่ใช่ให้เ้าไปเรียกหมอหลวงมาหรือไร เหตุใดจึงกลายเป็เซ่อเจิ้งอ๋อง?”
ซินหรูกะพริบตาปริบๆ “เป็เซ่อเจิ้งอ๋องเองที่้ามาเ้าค่ะอีกทั้งพี่สาวมิใช่บอกว่า พี่สาวเป็คนไข้ มิใช่หญิงสาวไม่ต้องกังวลเื่ชายหญิงใกล้ชิดกัน ข้ายังหาท่านหมอหลวงไม่พบเซ่อเจิ้งอ๋องก็ถามข้าว่าเื่อะไร ดังนั้นข้าจึงบอกกับเขา เขาจึงมา”ซินหรูพูดแล้วมองหลินชิงเวยอย่างจริงจัง “เซ่อเจิ้งอ๋องทำให้พี่สาวเจ็บแล้วกระมังข้าเห็นเขาพันแผลออกมาไม่เลวนี่เ้าคะ”
คนทั้งสองไม่ได้รั้งอยู่ในสำนักหมอหลวงนานนักหลังจากออกมาแล้วนางกำนัลที่รออยู่ด้านนอกจึงเข้ามาสอบถามจากนั้นนำทางพาพวกนางกลับไปพักผ่อนตามคำสั่งของเซ่อเจิ้งอ๋อง
กลับมาเยือนตำหนักแห่งนี้เป็ครั้งที่สามหลินชิงเวยมองตัวอักษรตัวใหญ่ๆ สามตัวที่อยู่บนประตูตำหนัก “ตำหนักฉางเหยี่ยน”นางไม่รู้ว่าควรจะมีสีหน้าอย่างไรดี