บทที่ 63 ชนะหญิงงาม
รอจวบจนแสงจางลง เห็นเพียงหลินเหยาที่ยังคงยืนอยู่บนอากาศ ไม่นานก็ร่วงตกลงมาบนลานประลองต่อสู้และสลบอยู่บนพื้น เวลานี้เสื้อผ้าของหลินเหยายับย่นไม่เป็ระเบียบนัก อาภรณ์สีเขียวมรกตที่รัดเอวฉีกขาดหลายจุด เผยให้เห็นผิวบอบบางและขาวหมดจดที่อยู่ข้างใน คิดว่าคงเกิดจากการปะทะกันเมื่อครู่นี้
ลู่อวี่ลังเลอยู่พักหนึ่งก่อนเดินเข้าไปปล่อยไฟแท้หนิงคงออกมาล้อมรอบบริเวณนั้นไว้ เพื่อป้องกันไม่ให้พลังชีวิตของหลินเหยารั่วไหลออกมา และถูกผู้อื่นฉวยโอกาสจากมัน แม้ว่าข้อตกลงในระหว่างการพนันต่อสู้ของเขากับสตรีผู้นี้จะเป็เพียงเื่ตลก และจุดประสงค์คือกังวลเพียงว่าในภายภาคหน้านางจะเข้ามาเกาะแกะไม่ปล่อย ทว่าตอนนี้ เมื่อเห็นใบหน้างดงามของหลินเหยาซีดราวกับหยกใส และเมื่อนึกถึงสีหน้าที่ไม่ยอมแพ้ของนางเมื่อครู่ ในใจลึกๆ ก็รู้สึกสงสารอย่างบอกไม่ถูก
คิดแล้วก็อดหัวเราะเยาะตัวเองไม่ได้ บุรุษนี้ไม่ได้เื่เสียจริง ชาติก่อนเปรียบเื่รักระหว่างบุรุษสตรีราวกับรองเท้าเก่าๆ ที่ถูกทิ้ง ไม่ว่าจะงดงามมีเสน่ห์เพียงใด ก็ทำเพียงเชิดหน้าหนี หาได้สนใจไม่ แต่คิดไม่ถึงว่าสตรีตัวเล็กๆ ที่มองเขาเหมือนเศษดินเศษโคลนผู้หนึ่ง จะทำให้เขารู้สึกรักและสงสารได้ ไม่มีสิ่งมหัศจรรย์ใดในโลกจะสำคัญไปกว่าความรู้สึกรักและสงสาร ไม่มีอะไรเทียบได้อีกแล้วในโลกใบนี้!
ทันใดนั้นมีเสียงครวญครางเล็กๆ ดังขึ้น เมื่อรู้ว่าหลินเหยากำลังจะได้สติฟื้นกลับมา ลู่อวี่ที่ไม่นึกไม่กลัวว่าจะถูกเข้าใจผิด กลับนั่งยองๆ มองนางอยู่ตรงนั้น
“เ้า! คนสารเลว ข้าไม่มีทางปล่อยเ้าไปแน่!” หลังจากที่หลินเหยาได้สติฟื้นขึ้นมาเห็นสภาพของตัวเอง เมื่อครู่นางเพียงอ่อนแรงและหนาวเหน็บจนสลบไปเท่านั้น ร่างกายไม่ได้รับาเ็อะไร
ทันทีที่เห็นลู่อวี่กำลังมองมาที่ตัวเองด้วยสายตาลามก ก็คิดอะไรไม่ออกแล้ว เวลานี้ใบหน้าที่ขาวซีดอยู่ก็บูดบึ้งลง แต่ดูจากสภาพตอนนี้แล้ว เห็นได้ชัดว่าตัวเองไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา ดังนั้นจึงได้แต่มองอีกฝ่ายอย่างขุ่นเคืองใจ และพูดอาฆาตไว้ ในขณะเดียวกันก็ปล่อยเวทมนตร์ป้องกันหนึ่งบทมาห่อหุ้มผิวบอบบางไว้ หลังจากนั้นก็รีบหยิบอาภรณ์ชุดหนึ่งมาเปลี่ยนให้ตัวเองอย่างรวดเร็ว ทำราวกับว่ากลัวถูกลู่อวี่มองจนพรุน แล้วตัวเองจะเสียเปรียบอย่างไรอย่างนั้น
อาภรณ์ที่นางนำมาใส่เป็ชุดสีเขียวเช่นเดิม นอกจากแบบที่ต่างออกไปเพียงเล็กน้อยแล้ว หากไม่ใช่คนที่ช่างสังเกต หรือสนิทกัน ก็ยากที่จะแยกแยะออก
ลู่อวี่เองก็นับว่าเป็ผู้ที่ไม่ได้สังเกตเช่นเดียวกันว่าอาภรณ์ของหลินเหยาต่างอะไรจากตัวก่อน เขากำลังครุ่นคิดอยู่ว่าจะฝึกฝนและปรับเปลี่ยนคุณหนูสามตระกูลหลินผู้นี้อย่างไรดี
ตอนนี้แม้ว่าคนมุงดูการต่อสู้อยู่นอกเวทีประลองยังไม่สามารถยืนยันได้ว่า ตระกูลหลินหรือตระกูลลู่ สองตระกูลนี้ผู้ใดเป็ฝ่ายชนะหรือฝ่ายแพ้ แต่เมื่อเห็นโซ่เปลวไฟแท้หนิงคงที่ปล่อยออกมาบังสายตาทุกคน และปะติดปะต่อการต่อสู้ระหว่างทั้งสองเมื่อครู่นี้แล้ว ก็พอจะเดาผลลัพธ์ออกคร่าวๆ
ผู้เฒ่าท่านหนึ่งลูบเคราอมยิ้ม พูดขึ้นว่า “ฮ่าๆ นับว่าเป็โชคชะตาฟ้าลิขิต ที่กำหนดให้พวกเขามารักกัน ดูเหมือนว่านายน้อยตระกูลลู่จะเป็ฝ่ายชนะในครานี้ พวกเขามีภูมิหลังตระกูลที่เหมือนกัน อีกทั้งมีคุณสมบัติและความสามารถเช่นเดียวกัน คนทั้งคู่นั้น บุรุษก็เก่งกาจมีความสามารถ ส่วนสตรีก็งดงามโดดเด่น ไม่ใช่ว่านี่คือคู่สร้างคู่สมหรือ หากข่าวแพร่กระจายออกไป นับว่าเป็เื่ราวที่ดีไม่น้อย!”
คุณชายจากตระกูลผู้หนึ่งที่อยู่ข้างๆ กลับพูดด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความอิจฉา “ผู้เฒ่าเช่นเ้า ใช่เื่มาพูดจาไร้สาระหรือ คู่สร้างคู่สมอะไรกัน? นายน้อยตระกูลลู่กำลังชิงตัวสตรีกลางวันแสกๆ นายน้อยตระกูลลู่ผู้นี้ ขึ้นชื่อเื่เป็บุรุษเ้าสำราญแต่เดิมอยู่แล้ว น่าเสียดายใบหน้างดงามของคุณหนูสามตระกูลหลินเสียจริง!”
เมื่อคนที่มีความสุขบนความทุกข์ของผู้อื่นได้ยินคำพูดนี้ ก็อดหัวเราะเสียงดังและกล่าวขึ้นไม่ได้ว่า “ที่สหายท่านนี้พูดมาไม่นับว่าผิด เพียงแต่ ผู้ใดจะรู้ บางทีคุณหนูสามอาจจะชอบพอกับนายน้อยตระกูลลู่อยู่ก่อนแล้ว อย่าลืมเล่า นายน้อยตระกูลลู่เป็ถึงคนปรุงโอสถขั้นห้าเชียว บางทีคุณหนูสามตระกูลหลินอาจจะวางกับดักไว้แล้วก็ได้?สตรีเวลาเกี้ยวบุรุษนั้นนับว่าง่าย แต่บุรุษเกี้ยวสตรีนั้นยากแสนยาก ราวกับต้องปีนูเาทั้งลูก ครานี้นายน้อยตระกูลลู่คิดจะถอยคงไม่ได้แล้ว โง่เขลายิ่งนัก!”
เมื่อบรรดาชาวบ้านที่อยู่โดยรอบได้ยินคำพูดนี้ ก็หัวเราะเสียงดังออกมาทันที มีคนพูดคล้อยตามว่า “ใช่ ใช่ ข้ารู้สึกว่า นี่มันเหมือนฉากต่อสู้หาเ้าบ่าวมาแต่งเข้าตระกูล!”
ในเวลานี้ ลู่อวี่ได้ถอนเอาไฟแท้หนิงคงกลับมาแล้ว ภาพปรากฏเผยให้เห็นคนทั้งสองที่อยู่ตรงหน้าทุกคน
หลินเหยาที่เพิ่งจะเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่เสร็จ เมื่อได้ยินที่ทุกคนซุบซิบนินทากัน ทั้งอายทั้งโกรธ เวลานี้ถึงแม้นางจะไม่ได้รับาเ็สาหัส แต่กลับเหนื่อยอ่อนจนไม่มีเรี่ยวแรง ด้วยใช้ลมปราณในตัวไปจนหมดสิ้นแล้ว เหตุเพราะนางเองก็ไม่ได้แข็งแกร่งไปกว่าคนธรรมดามากนัก มิเช่นนั้นนิสัยอย่างนางมีหรือจะทนต่อคำพูดเหล่านี้ได้ ไม่ว่าอย่างไรก็คงจะต่อสู้กับลู่อวี่จนตายกันไปข้างหนึ่งแน่นอน
แต่ถึงแม้จะเป็เช่นนี้ นางก็ยังไม่ยอมทำหน้าดีๆ ต่อลู่อวี่ และทำเพียงรีบฟื้นฟูลมปราณให้กลับมาหายดีโดยเร็ว มิเช่นนั้นอีกสักประเดี๋ยว เ้าคนสารเลวผู้นี้ต้องนำตัวนางไปแน่ เมื่อนั้นนางคงไม่มีแม้แต่แรงจะขัดขืนแน่นอน
ตอนนี้เมื่อลู่อวี่เห็นใบหน้าที่ซีดเผือดของหลินเหยา จึงหยิบยาอายุวัฒนะเม็ดหนึ่งยัดเข้าปากของนาง และพูดว่า “กินซะ จะได้ฟื้นกำลังกลับมาบ้าง แล้วก็ตามข้าไปซะดีๆ เพราะตอนนี้เ้าเป็คนของข้าแล้ว!”
หลินเหยาพลันโมโหขึ้นมาทันที เดิมทีก็อยากจะเขวี้ยงยาอายุวัฒนะกลับไป แต่เมื่อยกมือขึ้นมากลับหยุดชะงักค้างไว้ พยายามอย่างมากกว่าจะฝืนยิ้มออกมาได้ จากนั้นก็ไม่ได้พูดอะไรแต่กลืนยาเม็ดนั้นลงคอทันที ในใจก็คิดไปด้วยว่า เอาแรงกลับมาได้เสียหน่อย แล้วค่อยว่ากัน! ก่อนหน้านั้นนางไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าจะพ่ายแพ้ให้กับบุรุษผู้นี้ มิหนำซ้ำยังถึงขั้นคิดว่าจะทำให้เขาอับอาย หลังจากนางเอาชนะคนสารเลวเช่นเขาได้ แต่ผู้ใดจะรู้ว่าเ้าคนสารเลวผู้นี้แกล้งทำเป็หมูกินเสือและคิดไม่ถึงว่านางจะยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาด้วย อีกทั้งยังกลายเป็คนของเขาอีก เช่นนี้แล้วนางจะทนกลืนความอับอายนี้ลงท้องได้อย่างไร? แต่เมื่อตกอยู่ในที่นั่งลำบาก ต้องยอมถอยเพื่อไม่ให้ตกเป็เบี้ยล่าง อดทนไปก่อนแล้วกัน
ตัวของหลินเหยาเองก็มียาฟื้นกำลัง แต่ยาอายุวัฒนะนั้นล้ำค่านัก หากไม่ถึงตาย มีหรือที่นางจะทำใจเอามากินได้ ในเมื่อตอนนี้ลู่อวี่เอายาอายุวัฒนะมาให้ ก็ช่างเหมาะเจาะราวกับจับวาง นางจะได้ประหยัด หากไม่กินก็น่าเสียดาย
ในใจก็คิดเช่นนี้ เพราะรู้ว่าลู่อวี่คงจะไม่ทำอะไรนางตอนนี้ ดังนั้นจึงนั่งลงบนพื้นและเริ่มปรับลมปราณอย่างจริงจังทันที!
เมื่อครู่ลู่อวี่ก็ใช้พลังไปมากทีเดียว โดยเฉพาะก่อนหน้านี้ที่ใช้ยาอายุวัฒนะเพื่อบรรลุพลังยุทธ์ขึ้นชั่วคราว ตอนนี้ฤทธิ์ยาเริ่มอ่อนแอลงเรื่อยๆ แล้ว ความรู้สึกที่มีพลังในเมื่อครู่นี้ก็ค่อยๆ หายไป ความรู้สึกไร้เรี่ยวแรงเริ่มกลับมา แต่สิ่งที่ผู้อื่นไม่รู้ก็คือ แม้ว่ายาอายุวัฒนะที่เขาเพิ่งกินเข้าไปจะเป็ยาอายุวัฒนะที่ทำให้บรรลุขั้นพลังยุทธ์ขึ้นชั่วคราว แต่มันก็เป็ยาอายุวัฒนะประเภทหนึ่งที่เขาคิดค้นขึ้นโดยเฉพาะ แม้ว่าจะมีผลข้างเคียง แต่ก็มีเพียงเล็กน้อยเท่านั้น มันไม่ได้มีผลกระทบต่อการฝึกฝนพลังยุทธ์และเวทมนตร์คาถาใดๆ มากสุดก็เพียงใช้พลังมากเกินไป แต่หลังจากกินยาฟื้นฟู และปรับลมปราณไหลเวียนไม่กี่วัน ก็ฟื้นตัวกลับมาเหมือนเดิม อีกทั้งยังฟื้นตัวเร็วกว่าหลินเหยานัก
ผู้ที่อยู่ข้างสนามจำนวนไม่น้อยกำลังเตรียมตัวลุกออกไปแล้ว แต่ก็มีคนอีกมากที่ยังคงอยู่ต่อ เพราะ้าดูว่า คุณหนูสามตระกูลหลินจะเต็มใจยอมรับความพ่ายแพ้จริงๆ และติดตามไปอยู่กับนายน้อยตระกูลลู่นับแต่วันนี้หรือไม่ หากเป็เช่นนี้ ความสัมพันธ์ระหว่างตระกูลหลินและตระกูลลู่ ย่อมไปไกลกว่านี้อย่างแน่นอน เช่นนั้นย่อมต้องส่งผลกระทบต่อตระกูลและสำนักใหญ่อื่นๆ ในเทียนตูด้วย
ทันใดนั้นมีคนถามขึ้นมาอย่างใคร่รู้ว่า “เกิดอะไรขึ้น? นายน้อยตระกูลลู่ไม่ได้กินยาเพื่อกระตุ้นพลังหรอกหรือ เหตุใดเขาถึงทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น? หรือว่าเมื่อครู่เขาไม่ได้กินยานี้หรือ? แต่พลังยุทธ์ของเขาเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน มิเช่นนั้นตอนนี้คงมีพลังยุทธ์อยู่ใน่เริ่มต้นของขั้นฟันฝ่าเท่านั้น!”
ทันทีที่บุคคลนี้พูดออกมา คนที่เดิมทีคิดจะลุกไปจากที่ตรงนี้และพวกที่อยู่รอดูสถานการณ์ต่อไปก็ฮือฮากันขึ้นมาทันใด ใช่ เมื่อครู่นี้ก็เห็นๆ กันอยู่ว่านายน้อยของตระกูลลู่มีพลังยุทธ์เพิ่มขึ้นมาอยู่่ปลายขั้นฟันฝ่าจริงๆ ตอนนี้โดดกลับไปอยู่่เริ่มต้นขั้นฟันฝ่าอีกคราแล้ว แล้วเหตุใดถึงไม่มีผลข้างเคียงเล่า อย่างน้อยตอนนี้เขาก็ควรจะหน้าซีดและไร้เรี่ยวแรงไปทั้งตัวไม่ใช่หรือ
เวลานี้ทุกคนหันกลับมามองหน้ากัน เพราะไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น หรือว่านี่จะเป็ยาอายุวัฒนะชนิดหนึ่งที่ไม่มีผลข้างเคียงแต่กลับเพิ่มพลังยุทธ์ขึ้นชั่วคราวเท่านั้น?เพราะการต่อสู้กันระหว่างลู่อวี่และหลินเหยาหากพูดถึงจริงๆ แล้วก็ไม่ได้ใช้เวลานานนัก ให้นับตามจริงแม้แต่เวลาหนึ่งก้านธูปก็ยังไม่ถึง ดังนั้นคนจำนวนไม่น้อยที่สนใจเื่นี้ ต่างก็นึกถึงมันขึ้นมา
หากผู้ที่มองทะลุปรุโปร่งนึกอยากจะลองขึ้นมา ก็จะได้รู้ว่ายาอายุวัฒนะที่สามารถปรับพลังยุทธ์ให้สูงขึ้นชั่วคราวโดยไม่มีผลข้างเคียงใดๆ นายน้อยตระกูลลู่จะต้องเป็คนปรุงขึ้นมาเอง มิฉะนั้นคงเป็ไปไม่ได้ที่ทั่วทั้งโลกบำเพ็ญเพียรแห่งเทียนตูจะไม่รู้เื่นี้
แม้ว่าหลังจากที่คนจำนวนมากจะเดาเื่นี้กันได้ ต่างก็เลือกที่จะเก็บไว้เป็ความลับ แต่สิ่งที่เรียกว่าความลับจะไม่เป็ความลับอีกต่อไปหากรู้กันสามคน เวลานี้ผู้ฉลาดที่อยู่ในเวทีประลองจะมีเพียงสามคนนี้ได้อย่างไร? แต่โชคดี แม้ว่าเื่นี้จะน่าใ แต่ข่าวก็ไม่ได้แพร่กระจายไปเร็วมากนัก ไม่เช่นนั้น ก็ไม่รู้ว่าจะมีอีกกี่คนที่คิดกันไปต่างๆ นานา!
ลู่หนาน ลู่เหว่ยเฉิน และผู้อื่นที่รออยู่ทางด้านข้างก็มีสีหน้าท่าทางดีใจเช่นกัน เว้นแต่มู่เสวียนที่ยืนเฉยๆ มิได้ไม่สนใจอะไร
ลู่หนาน จับมือของมู่เสวียนแล้วพูดอย่างโอ้อวดว่า “ดูสิ พี่ชายไม่เป็อะไรเลย เมื่อครู่นี้ข้าบอกเ้าแล้วเ้ายังไม่เชื่อ พี่ชายคือคนปรุงโอสถขั้นห้า จะกินยาเรื่อยเปื่อยโดยไม่มั่นใจได้อย่างไร? พี่ชายของข้าทะนงตนจะตายไป จะเสี่ยงทุกอย่างเพื่อสตรีคนเดียวได้อย่างไร!”
มู่เสวียนเบะปากพูดขึ้น “แล้วอย่างไรเล่า? ไม่ใช่เพราะคุณหนูสามตระกูลหลินหรอกหรือ เขาถึงกินยาอะไรนั่น! เชอะ!”
ลู่หนานเหลือบมองมู่เสวียนด้วยความสงสัย เพราะไม่รู้ว่าสหายเกิดเป็อะไรขึ้นมา แต่พี่ชายเอาชนะคุณหนูสามตระกูลหลินได้โดยที่ตัวเองไม่าเ็หนัก ดังนั้นนางจึงไม่เก็บเอามาใส่ใจ ได้แต่อดทนรอพี่ชายนำตัวคุณหนูสามตระกูลหลินมา แต่เมื่อนึกถึงใบหน้าหยิ่งยโสของนางที่หน้าประตูงานประมูลเมื่อครู่นี้ กำลังเดินตามพี่ชายของนางมาราวกับสะใภ้ตัวน้อยต้อยๆ นางก็อยากจะหัวเราะออกมา อยากจะเห็นจริงๆ ว่าคุณหนูสามตระกูลหลินมีสีหน้าอย่างไร
แต่ในเวลานี้ หลินเหยาคิดไม่ถึงว่าจะเป็เช่นนี้ นางใไม่น้อยกับสิ่งที่ตัวเองเห็น! เดิมทีนางคิดว่าต่อให้มียาอายุวัฒนะฟื้นฟู และอยากฟื้นฟูลมปราณในตัวให้กลับมาสมบูรณ์เต็มที่ ก็คงต้องใช้เวลาสักพัก แต่คิดไม่ถึงว่าเพียงนั่งสมาธิไปได้ไม่กี่อึดใจ พลังลมปราณก็ฟื้นฟูกลับมาอย่างสมบูรณ์แล้ว นี่มันยาอายุวัฒนะอะไรกัน ถึงได้มีฤทธิ์เช่นนี้? หรือว่าจะเป็ยาหุยหยวนเป่า? ไม่สิ แม้ว่ายาหุยหยวนเป่าจะเป็ยาอายุวัฒนะฟื้นฟูสภาพและมีมูลค่ามากเท่าไร แต่หากนักพรตที่มีพลังยุทธ์ต่ำกว่าขั้นตงซวนกินเข้าไป ก็ต้องตกอยู่ในอันตรายที่จะถูกครอบงำด้วยพลังมหาศาลที่มีอยู่ในนั้น ย่อมไม่ใช่สิ่งที่นักพรตธรรมดาจะสามารถใช้ได้
ทว่านางไม่เคยได้ยินมาก่อนว่ามียาอายุวัฒนะที่สามารถฟื้นฟูพลังลมปราณให้กลับมาได้อย่างสมบูรณ์ในไม่กี่ลมหายใจเช่นนี้! หรือว่าจะเป็ยาอายุวัฒนะที่เพิ่งค้นพบหรือ? เมื่อคิดได้เช่นนี้ ก็ปะติดปะต่อสถานะของลู่อวี่ได้ บุรุษนี้ที่เป็คนปรุงโอสถขั้นห้าที่อายุน้อยที่สุดในเทียนตู เมื่อคิดแล้วก็ยิ่งใไปใหญ่ บุรุษเ้าเล่ห์ลามกผู้นี้มีความสามารถนี้ด้วยหรือ?
แม้ว่าอาจารย์ของนางจะไม่ใช่คนปรุงโอสถ แต่ก็มีศิษย์พี่หญิงผู้หนึ่งในสำนักที่เป็คนปรุงโอสถขั้นห้า ยาอายุวัฒนะที่ติดตัวอยู่ก็ได้มาจากศิษย์พี่หญิงผู้นี้ที่ปรุงโอสถให้ แต่เมื่อเอาทั้งสองมาเปรียบเทียบกัน แม้แต่ตัวนางยังรู้สึกผิดหวังและเสียใจ เพราะไม่มีอะไรให้เอามาเปรียบเทียบกันได้แม้แต่น้อย
ยาอายุวัฒนะที่ใช้ฟื้นฟูพลังเทียบได้กับความเร็วในการฟื้นตัว หากมียาอายุวัฒนะนี้ใช้ในระหว่างต่อสู้ ตัวนางมีหรือจะแพ้ให้กับคนสารเลวผู้นี้ ตราบใดที่นางยังสามารถอดทนได้สักพัก แล้วรอจนกระทั่งระดับขั้นพลังยุทธ์ที่เพิ่มขึ้นชั่วคราวของเขาลดลง เขาย่อมตกอยู่ในกำมือของนางไม่ใช่หรือ?
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้