ห้านาทีต่อมา ในขณะที่กำลังตามหลังรถ BMW สีดำของหลี่มู่หัวพวกเขาก็ได้ตรงเข้าสู่ท่าเรือจินเจ๋อวาน ในท่าเรือขนาดใหญ่นี้มีตู้คอนเทนเนอร์และรถบรรทุกที่จอดอยู่กระจัดกระจายเต็มไปหมด
ทั้งสองซ่อนตัวอยู่อย่างเงียบๆ อยู่ห่างหลายสิบเมตรจากโกดังพวกเขาเห็นหลี่มู่หัวแง้มเปิดประตูเหล็กโกดังสาม และเดินเข้าไป
“เราต้องเข้าไปด้วยมั้ย?” โม่เชี่ยนนีถามเสียงเบา
หยางเฉินไม่ทันได้ตอบอะไรเขายื่นมือจับแขนข้างหนึ่งของเธอแล้วค่อยๆ เดินเข้าประตูด้านข้างของโกดังซึ่งมีบันไดกลางแจ้งที่สามารถเข้าสู่ชั้นสองได้โดยตรง
หลังจากที่หลี่มู่หัวหายเข้าไปในโกดังที่สามเขาก็เหลือบไปเห็นสิ่งที่อยู่ด้านหน้า มีสินค้าอยู่ในนั้นพวกเขาเก็บสินค้าที่ไม่ได้ถูกส่งออกไปมาไว้ที่นี่ชั่วคราวเมื่อท่าเรือกลับมาใช้งานตามปกติ ของพวกนี้จะต้องถูกย้ายออกไป
บรรยากาศภายในโกดังค่อนข้างชื้น และเงียบเชียบ
หลี่มู่หัวโยนกระเป๋าเดินทางสองใบไปบนพื้นมองดูสภาพแวดล้อม และะโว่า
“ผมหลี่มู่หัวของมู่หยุนเงินอยู่นี่แล้ว”
สิ้นเสียงะโเสียงพูดสะท้อนจากโกดังก็ดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลี่มู่หัวขมวดคิ้ว ทันใดนั้นจู่ๆก็ปรากฏเงาสี่ร่างเดินออกมาจากหลังโกดัง
ชายที่เดินนำแต่งกายด้วยเสื้อเชิ้ตแล้วคลุมเสื้อกันลมทับอีกชั้นเป็รูปแบบที่ไม่เหมือนใคร ชายผู้นี้คาบซิการ์ไว้ในปากและเขาสวมรองเท้าแตะหนังสีดำยี่ห้อ FitFlop สายตาจ้องมองมาที่หลี่มู่หัวด้วยความสนใจ
หลี่มู่หัวเห็นคนคนนี้ แล้วก็ต้องตกตะลึงไปทันทีใบหน้าซีดเซียวของเขาเริ่มแดงก่ำไปด้วยความโมโห
“มัน... เป็ไปได้... ยังไง...”
คนที่เดินออกมาก็ไม่ใช่ใครอื่นนอกเหนือไปจากพี่ชายของหลี่มู่หัว คือหลี่มู่เฉิงนั่นเอง
ส่วนคนที่ยืนอยู่ข้างๆ หลี่มู่เฉิงเป็คนที่ได้รับความไว้วางใจมากๆ จากตระกูลหลี่ ซึ่งเป็บอดี้การ์ดและเลขาที่หลี่เต๋อเซินมอบหมายให้กับเขา คือหลี่เิ
บอดี้การ์ดอีกสองคนที่ใส่เสื้อผ้าสีดำและสวมแว่นกันแดด เห็นได้ชัดว่าเป็บอดี้การ์ดจากฝ่ายของหลี่มู่เฉิง
“ทำไม? แกแปลกใจมากมั้ยล่ะ?เ้าน้องชาย” หลี่มู่เฉิงถลึงตามองเขาคีบซิการ์ใส่ปากด้วยสองนิ้วขณะเอ่ยถามอย่างเ็า
หลี่มู่หัวเซถอยหลังไปสองก้าวดวงตาของเขาแสดงให้เห็นถึงความเหลือเชื่อ เ็ป เขาถามขึ้นว่า
“พี่ ทำไมพี่ถึงทำแบบนั้น?”
“ทำไม? ฮ่าๆๆหลี่มู่หัว ทุกอย่างต้องก้าวเดินต่อไป แต่แกยังถามฉันว่าทำไม?” หลี่มู่เฉิงปล่อยเสียงหัวเราะอย่างบ้างคลั่งและโยนซิการ์ลงตรงหน้าหลี่มู่หัว เขาคำราม “หยุดแกล้งทำตัวเป็คนดีเถอะฉันทนเห็นใบหน้าที่ใสซื่อแต่ใจคดของแกมามากพอแล้ว แกคิดว่าฉันเป็คนโง่และปัญญาอ่อนเหมือนตาแก่บางคนที่คิดว่าแกเป็ลูกที่ดีงั้นหรือ?”
หลี่มู่หัวพูดไม่ออก ราวกับว่าเขาไม่ได้รู้ว่าหลี่มู่เฉิงพูดถึงอะไรเขาได้แต่จ้องมองไปที่พี่ของเขาด้วยสายตาที่ว่างเปล่า
หลี่มู่เฉิงเงยหน้าขึ้นหัวเราะ และพูดว่า
“แกยังเสแสร้งอยู่อีกหรือ? ไม่เป็ไร แกสามารถเก็บอาการได้” อย่างไรก็ตามเมื่อคืนนี้สิ้นสุดลง แกจะไม่ได้เป็ส่วนหนึ่งของโลกนี้อีกต่อไปแต่แกไม่ต้องกังวลนะ ฉันจะดูแลบริษัท และทรัพย์สินของตระกูลให้แกเอง”
“พี่เป็ไปได้มั้ยที่พี่จะทำทุกอย่างเพื่อบริษัท และผลประโยชน์?” หลี่มู่หัวมองเขาด้วยสายตาเคลือบแคลง
“ผมไม่เคยคิดที่จะใช้ประโยชน์จากตระกูลตัวเองผมมักจะกระตุ้นให้พ่อดึงพี่เข้ามามีส่วนร่วมในบริษัทนอกจากนี้นับั้แ่ที่ผมเข้ามาควบคุมบริษัทนี้ ผมไม่เคยลืมที่จะให้โบนัสพี่ทุกปีทำไมพี่ต้องข่มขู่พ่อ และผมแบบนี้ และยังขู่วางะเิ เพื่อล่อผมให้มาที่นี่อีกทำไม?”
“พอแล้ว หุบปากพล่อยๆ ของแกไปซะ”หลี่มู่เฉิงเดินไปข้างหน้าสองสามก้าว และสาปแช่งหลี่มู่หัว
“แกคิดว่าฉันไม่รู้อะไรหรือ?สามปีก่อนตอนที่ตาแก่นั่นให้เงินฉันลงทุนถ้าไม่ใช่เพราะแกติดสินบนลูกน้องของฉัน และทำให้พวกเขาแก้ไขเนื้อหาการเจรจาต่อรองฉันถึงต้องเสียใจเช่นนี้? นอกจากนี้ทุกครั้งที่การลงทุนส่วนตัวของฉันมีสัญญาณของความสำเร็จก็จะถูกทำลายโดยศัตรูที่ไม่รู้จักแกคิดว่าฉันไม่รู้หรือว่าคนคนนั้นเป็แก?”
ท่าทีของหลี่มู่หัวเหมือนอยากพูดอะไรบางอย่างแต่หลี่มู่เฉิงไม่ได้เต็มใจที่จะรับฟัง หลี่มู่เฉิงหันไปรอบๆ และกำลังพูดต่อ “คราวนี้มู่หยุน อวี้เหล่ยและฉางหลินกำลังร่วมแรงร่วมใจกันในโครงการใหม่ มันเป็เื่ที่สำคัญมาก แต่พวกแกและตาแก่พวกนั้นกลับปฏิเสธที่จะเปิดเผยถึงข้อมูลแม้เพียงน้อยนิดให้กับฉัน...ไม่ใช่ว่าแกกำลังจะฮุบผลงานนี้ไว้คนเดียวหรอกหรอกหรือไง?เพื่อที่แกจะเอาทุกอย่างในตระกูลไป ถูกต้องใช่มั้ย? ในเมื่อพวกแกไม่คิดว่าฉันเป็ส่วนหนึ่งของตระกูลหลี่แล้วล่ะก็อย่าหาว่าฉันใจร้ายก็แล้วกัน”
“มันไม่ใช่อย่างนั้นนะพี่มันเป็ข้อตกลงที่เป็ความลับ หลังจากเื่นี้จบลง...”
“หุบปาก ฉันบอกให้แกหุบปากไง!”หลี่มู่เฉิงหันหัวกลับ “แกเห็นฉันเป็คนโง่หรือ?พวกแกทุกคนคิดว่าฉันเป็คนงี่เง่า คนโง่ เป็คนล้มเหลว และแกคิดว่าฉันจะไม่รู้หรือไง?ไม่ใช่แค่ศัตรูตระกูลซูใช่มั้ยล่ะ? แม้ว่าฉันจะไม่พึ่งพาพวกแกแต่ฉันก็รู้แล้วว่าใครเป็คู่แข่งสำคัญในเื่นี้ และรู้ดีด้วย”
หลี่มู่หัวค่อยๆ สงบลงหลังจากการตกตะลึงในครั้งแรกเขาข่มใจถามว่า “ดังนั้นพี่ก็เลยวางแผนที่จะลอบสังหารแขกคนสำคัญด้วยะเิชีวเคมีและขู่กรรโชกทรัพย์งั้นหรือ?”
“ถูกต้องแต่แน่นอนนั่นคงต้องขอบคุณหลี่เิ คนที่ตาแก่นั่นได้มอบหมายให้มาดูแลฉัน”หลี่มู่เฉิงเดินไปด้านข้างของหลี่เิ และตบไหล่ของหลี่เิเบาๆ“เห็นได้ชัดว่าหลี่เิสามารถรับรู้ถึงความถูก และความผิดได้ดีกว่าพวกแกเขาวางแผนกับฉัน และช่วยฉันในการดำเนินการแผนไปได้อย่างสมบูรณ์แบบ”
“ขอบคุณสำหรับคำชมครับนายน้อย”หลี่เิพยักหน้าตอบกลับให้หลี่มู่เฉิง
หลี่มู่เฉิงยังคงพูดต่อว่า “ในตอนแรกฉันวางแผนไว้ว่าตัวแทนของอวี้เหล่ยและฉางหลินจะต้องตายในวิลล่า และขัดขวางการทำงานร่วมกันครั้งนี้แต่น่าเสียดายที่พวกเขาไม่ตาย อย่างไรก็ตาม ตราบเท่าที่แกตายเป้าหมายของฉันก็จะสำเร็จ”
หลี่มู่หัวมีสีหน้าที่โศกเศร้า “พี่ครับผมเป็น้องชายของพี่คนเดียวแท้ๆ พี่้าจะฆ่าผมจริงๆ น่ะหรือ?”
“ไม่ ไม่ ไม่...” หลี่มู่เฉิงส่ายนิ้วไปมา เขายิ้มกว้าง และพูดว่า “ไม่ใช่ฉันที่้าให้แกตายฉันจะฆ่าน้องชายตัวน้อยที่น่ารักของฉันได้ยังไง? คนที่ฆ่าแกก็คือคนร้ายหลังจากยิงแกแล้วพวกเขาจะลงเรือ และหนีไปในขณะที่ฉันอยู่ในวิลล่าตลอดทั้งคืนทุกคนก็เห็นแล้วนี่ ว่าหลี่เิเป็คนฉันกลับห้องน่ะ”
เมื่อเสร็จสิ้นการสนทนาแล้วรอยยิ้มของหลี่มู่เฉิงก็หายไปทันที เจตนาการฆ่าในสายตาของเขาค่อยๆ เพิ่มมากขึ้นและทันใดนั้นเขาก็โบกมือ...
“ฆ่ามัน หลี่เิ”
“ครับ นายน้อย”
หลี่เิชักปืนกลเอ็มพีห้าขึ้นมาโดยไม่ลังเลปลดล็อกเซฟตี้ ยกปืนขึ้นและเล็งไปที่เป้าหมาย...
ไม่ทันได้คาดคิดปากกระบอกปืนสีดำถูกเล็งไปที่หัวของหลี่มู่เฉิงแทน