แสงตะเกียงภายในโถงหลักของตำหนักอี้คุนสว่างไสว ไข่มุกราตรีร้อยเม็ดถูกปลดผ้าคลุมออกส่องประกายแสงสีขาวสว่างจ้า
ไทเฮาอาบย้อมอยู่ท่ามกลางแสงสีขาว เผยให้เห็นไอสังหารในดวงตาของพระนาง
ฮวารั่วซียืนเงียบอยู่ด้านข้างมาโดยตลอด นางกำลังอดทนต่อไอสังหารที่ปกคลุมอยู่บนร่างของนาง
หลังจากส่งซ่งอี้เฉินกลับตำหนักบรรทมแล้ว ไทเฮาจึงสั่งปะาองครักษ์ที่ใกล้ชิดทั้งสองของอู๋เจาหรง ในเวลาเดียวกันก็ขังอู๋เจาหรงไว้ที่คุกในตำหนัก และสั่งห้ามมิให้ผู้ใดปล่อยข่าวแพร่งพรายออกไปเด็ดขาด ดังนั้นนางสนมตำหนักหลังจึงมิได้จากไป พวกนางอยู่ในตำหนักเฟิ่งชัยโดยที่ไม่ได้รับอนุญาตให้ออกไปแม้แต่ก้าวเดียว
ก่อนไทเฮาจะพาเต๋อเฟยกับฮวารั่วซีออกไป
ฮวารั่วซีไม่รู้เจตนาของไทเฮา แต่นางก็รู้ว่าหนีด่านเคราะห์นี้ไปไม่พ้นเป็แน่ นางแอบเงยหน้ามองไทเฮาด้วยหางตาครู่หนึ่ง
สีหน้าไทเฮาเ็าสุดขั้ว ความงดงามในวัยเยาว์ถูกกาลเวลาพรากไป เสน่ห์เลือนหาย ที่หลงเหลืออยู่คือความน่าเกรงขามตลอดหลายปีที่ผ่านมา ผนวกกับเจตนาสังหารในขณะนี้ที่ยิ่งชวนให้รู้สึกน่าสะพรึงกลัวจนตัวสั่น
เื่ที่ซ่งอี้เฉินถูกวางพิษกู่ไปััโดนเกล็ดัของไทเฮาเข้าอย่างจัง มีเป็หมื่นพันวิธีที่ทำให้เขาเกิดเื่ได้ ทว่าต้องไม่ใช่เพราะวิธีนี้เด็ดขาด
ทั้งวังหลวงมีไม่กี่คนที่วางพิษกู่ได้ กระนั้นในใจไทเฮากลับมั่นใจอยู่หนึ่งคน นางคิดมาโดยตลอดว่าคนผู้นี้มิได้เป็ผู้บริสุทธิ์อย่างแน่นอน
“ซูเฟย เื่นี้เ้ามีอันใดจะอธิบายกับอายเจียหรือไม่”
เสียงไทเฮาก้องกังวานอยู่ในตำหนักใหญ่โตมีความน่าเกรงขามอันยากจะต้านทาน
ฮวารั่วซีก้มศีรษะลงต่ำอดรู้สึกประหลาดใจไม่ได้
ไทเฮา้าให้นางอธิบาย หมายความว่าไทเฮาคาดเดาและมั่นใจในเื่นี้แล้ว ฮวารั่วซีรู้ว่าหากตนเองตอบได้ไม่ดี คืนนี้อย่าได้คิดก้าวออกไปจากตำหนักอี้คุนเลย
แม้ไทเฮากับซ่งอี้เฉินมีความขัดแย้งกัน ทว่าสุดท้ายแล้วก็เป็มารดากับบุตร บุตรชายเกิดเื่ มารดาต้องทวงคืนความยุติธรรมให้บุตรชายอยู่แล้ว แม้แต่อันตรายในอนาคตก็ต้องกำจัดให้หมดสิ้นไป
ฮวารั่วซีคุกเข่าบนพื้นทูลเสียงแ่ “ทูลไทเฮา รั่วซีไม่มีเื่ใดจะอธิบายเพคะ”
“เมื่อครู่ซางจือิพูดในตำหนักเฟิ่งชัยแล้ว ฮ่องเต้ถูกพิษกู่ พิษดอกท้อ เ้าไม่รู้เื่นี้จริงหรือ?”
“พิษดอกท้อเป็พิษกู่ที่ถูกบันทึกไว้ในตำรับยาหุบเขาหลิงอี รั่วซีไม่เคยพบเห็นมันมาก่อนเพคะ” ฮวารั่วซีทูลตอบเสียงเบา
“เผ่าเป่ยอูในปีนั้นได้ขโมยตำรับยาไปแล้ว”
“ทูลไทเฮา รั่วซีรับใช้ฝ่าามานานหลายปี แต่ไหนแต่ไรมาไม่กล้าหละหลวม ตอนแรกที่ฝ่าาเอ็นดูรั่วซี รั่วซีไม่เคยใช้พิษกู่ ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้รั่วซีไม่เคยได้ยินเื่พิษดอกท้อนั่นมาก่อน หมอหลวงกล่าวว่าใช้กันระหว่างสามีภรรยา ต่อให้รั่วซีโง่งมก็ไม่มีทางมอบฝ่าาให้ผู้อื่น ไทเฮา...…รั่วซีไม่เคยทำเื่นี้เพคะ”
“ไม่เคยทำจริงหรือ?”
“เพคะ” น้ำเสียงของฮวารั่วซีราบเรียบนัก “ั้แ่เหยียนฉายเหรินเข้าวังมา หม่อมฉันก็มิได้เข้าใกล้ฝ่าานานแล้ว แม้รู้สึกเศร้าใจอยู่บ้างและเกลียดที่ตนเองไร้ประโยชน์ ทว่าก็ไม่คิดจะทำเื่ฏเช่นนี้เด็ดขาดเพคะ”
ไทเฮาคล้ายจะเชื่อนางแล้ว น้ำเสียงจึงอ่อนลงเล็กน้อย “อายเจียก็มิได้ยืนยันว่าเื่นี้จะเป็เ้า เพียงแต่เ้าพอรู้เื่นี้อยู่บ้าง อายเจียจึงถามดูเท่านั้น”
ฮวารั่วซียังคงคุกเข่าพลางกล่าวอย่างจริงใจ “เพคะ รั่วซีเข้าใจความรักที่ไทเฮามีต่อฝ่าา ตอนนี้รั่วซีเองก็อยากสับคนที่ทำร้ายฝ่าาออกเป็หมื่นชิ้นเช่นกันเพคะ!”
“หลายปีมานี้เ้าติดตามอยู่ข้างกายฝ่าา อายเจียก็เห็นว่าเ้ามิได้วางพิษกู่ อายเจียเชื่อใจเ้า เพียงแต่เ้าสงสัยหรือไม่ว่าผู้ใดลงมือ?”
ฮวารั่วซีไม่เชื่อคำพูดนี้ของไทเฮาอยู่แล้ว หากเชื่อ ไทเฮาคงไม่ถามเช่นนี้อีก นี่เป็การทดสอบ กระนั้นนางกลับแสดงสีหน้าท่าทางนอบน้อมและครุ่นคิดอย่างจริงจัง ก่อนจะส่ายศีรษะพลางทูลว่า “หม่อมฉันไม่ทราบเพคะ เพียงแต่ในเมื่อเื่นี้เกี่ยวข้องกับอู๋เจาหรง ไทเฮามิสู้ทรมานถามนางสักรอบ ปกติอู๋เจาหรงเป็คนยโสโอหัง กระทำเื่ต่างๆ ไร้ซึ่งกฎเกณฑ์ เื่ในวันนี้แปลกนักเพคะ”
ในคำพูดของฮวารั่วซีแฝงบางอย่างอยู่ ทว่าไทเฮาฟังไม่ออก และนางก็คิดไปถึงขั้นนี้เช่นเดียวกัน
อู๋เจาหรงเป็เพียงคนไร้สมอง ทว่าตระกูลของมารดานางกลับไม่ได้ไร้สมอง อาลักษณ์อู๋ดำรงตำแหน่งขุนนางขั้นหนึ่ง จะไปดีเทียบเท่าเสนาบดีได้อย่างไร น่าเสียดายที่นางใช้การไม่ได้
เพราะเมื่อก่อนอู๋เจาหรงเป็ที่โปรดปราน เดิมทีไทเฮาไม่พอใจซ่งอี้เฉินนักและรู้สึกว่าเขาควบคุมตนเองไม่ได้ จนตอนนี้เข้าใจแล้วว่าเกิดจากพิษกู่ ในใจจึงรู้สึกผิดต่อบุตรชาย เจตนาสังหารที่มีต่ออู๋เจาหรงยิ่งเพิ่มทวี เื่นี้ต้องลงโทษให้หนัก มิฉะนั้นผู้ใดก็สามารถใช้พิษดอกท้อได้ ร่างกายซ่งอี้เฉินกลายเป็อันใดไปแล้ว!
ต่อให้พิษดอกท้อเป็วิชาลับของตำรับยาหุบเขาหลิงอี ในเมื่อยามนี้มีคนใช้มันแล้ว แสดงว่ายังมีคนอื่นที่ใช้อยู่อีก!
แววตาของไทเฮาลึกล้ำขึ้นอีกครั้ง ไอสังหารบนร่างกายที่เกิดจากความสงสัยฮวารั่วซีเบาบางลงเล็กน้อย หากแต่ยังคงไม่จางหายไป ในที่สุดเต๋อเฟยก็รวบรวมความกล้าทูลออกมาจากด้านข้าง “เื่ของอู๋เจาหรงที่งานเลี้ยงร้อยบุปผาเป็เื่เหลวไหลจริงๆ เพคะ แต่ทว่าองค์หญิงใหญ่กลับดูใจกว้างยิ่งนัก”
ไทเฮาเคาะโต๊ะเบาๆ เกิดเสียงดังกึกกึกกึก ทว่ามิได้เอ่ยอันใด
อาลักษณ์อู๋บิดาของอู๋เจาหรงเป็เส้นสายหนึ่งขององค์หญิงใหญ่ ไทเฮาทรงทราบเื่นี้มานานแล้ว ทั้งสองมีความสนิทสนมกัน อาลักษณ์อู๋เป็แขนซ้ายแขนขวาที่สำคัญมากขององค์หญิงใหญ่
หากเื่นี้ไม่เกี่ยวอันใดกับฮวารั่วซี นั่นหมายความว่าอาลักษณ์อู๋รู้เื่นี้ใช่หรือไม่?
เมื่อคิดถึงเื่เหล่านี้ ไทเฮารู้สึกหวาดกลัวเป็อย่างยิ่ง
หากอาลักษณ์อู๋รู้เื่นี้ เป็ไปได้หรือไม่ว่าสิ่งที่อู๋เจาหรงกระทำนั้นได้รับคำสั่งมาจากอาลักษณ์อู๋? หากเป็เช่นนั้นจริง อาลักษณ์อู๋จะกล้าบังอาจลงมือเช่นนี้ได้อย่างไร หากซ่งอี้เฉินตาย บุตรสาวก็จะกลายเป็หม้าย แล้วมันมีความหมายอันใดกับเขา?
เว้นเสียแต่...…
เว้นเสียแต่เป็ความคิดขององค์หญิงใหญ่!
ฮวารั่วซีกับซางจือิต่างก็มาจากเผ่าเป่ยอู นอกจากเต๋อเฟยและแม่นมซู ไทเฮาก็ไม่ได้บอกเื่นี้กับผู้ใด แน่นอนว่าองค์หญิงใหญ่ย่อมไม่รู้ว่าซางจือิถอนพิษนี้ได้
กล่าวอีกนัยหนึ่ง หากในวังหลวงไม่มีผู้ใดรู้เื่พิษกู่จริงๆ สามวันหลังจากซ่งอี้เฉินหมดสติและตด้วยพิษ เช่นนั้นผู้ใดจะได้รับประโยชน์มากที่สุด?
แน่นอนว่าต้องไม่ใช่หญิงชราที่สูญเสียบุตรชายไปเฉกเช่นนาง!
เมื่อคิดถึงเื่เหล่านี้ ไทเฮาพลันจิกปลอกเล็บลงบนรอยแยกโต๊ะ ไอสังหารเข้มข้นแผ่ออกมา
ฮวารั่วซีเห็นเช่นนี้ก็คาดเดาความคิดของไทเฮาได้แล้ว นางจึงตอบรับคำทันทีและไม่รีรออีก “ทูลไทเฮา รั่วซีคิดว่าครั้งนี้เป็โอกาสอันดีเพคะ”
ได้ยินเช่นนี้ไทเฮาจึงมองนางด้วยแววตาค้นหาที่แอบซ่อนอยู่ “อย่างไร?”
“อาลักษณ์อู๋” นางยื่นมือออกมา แบนิ้วทั้งห้าพลางทำท่าโบกเบาๆ แสดงท่าทางปาดที่ลำคอ
ไทเฮามองนางด้วยสีหน้าเรียบเฉย ท้ายที่สุดจึงอ้าปากเอ่ย “อนุญาต”
ยามนี้นึกไม่ถึงว่าองค์หญิงใหญ่จะมีเจตนาลอบปลงพระชนม์ฝ่าา เช่นนั้นนางก็ไม่อาจนั่งนิ่งรอความตายฝ่ายเดียว หลายปีมานี้องค์หญิงใหญ่อยู่อย่างสุขสบายเกินไป ครั้งนี้นางควรสั่งสอนพระธิดาของอดีตฮ่องเต้เสียหน่อย!
หลังจากได้รับการยืนยันจากไทเฮา ในที่สุดฮวารั่วซีก็เป่าปากโล่งอกเมื่อรู้ว่าตนเองผ่านด่านเคราะห์นี้ไปได้แล้ว ทว่าในใจยังคงรู้สึกกังวล
ตอนนี้ไทเฮาเริ่มสงสัยนางแล้ว