เวลายามค่ำคืนผ่านไปอย่างรวดเร็วซูหรงหรงตื่นนอนด้วยความรู้สึกนอนเต็มอิ่ม
เตียงนอนนี้ช่างนุ่มนิ่มดีจริงๆทั้งอ่อนนุ่มและอบอุ่น แล้วยังมีกลิ่นหอมจางๆ ส่งผ่านมาที่จมูกของเธอ รวมถึงหมอนข้างที่แสนสบาย...
อื้มการตื่นนอนตอนเช้าเป็อะไรที่ดีที่สุดแล้ว
ซูหรงหรงกอดกระชับ ‘หมอนข้าง’ ของเธอแน่นขึ้นไปอีก เธอถูตัวไปมากับหมอนข้างอันนั้น
อา...สบายจังเลย
‘หมอนข้าง’ แท้จริงแล้วคือคุณหมอนข้างนั้นก็คือคุณทหารคนหนึ่ง
หากเขาใช้เท้าถีบเธอเข้าทีหนึ่งเธอคงจะตื่นจ้านอี้หยางอยากเห็นปฏิกิริยาของยัยกระต่ายน้อยหลังจากลืมตาขึ้นมา
ทว่าคุณหมอนข้างคงจะลืมไปหนึ่งเื่เสียแล้วกระมังยัยกระต่ายน้อยไม่เหมือนเขาและไม่ใช่พลทหารในการดูแลของเขาที่จะสามารถตื่นตรงตามเวลา
ตรงกันข้ามยัยกระต่ายน้อยคนนี้รักการนอนอย่างเกียจคร้านบนเตียงเป็ที่สุดโดยเฉพาะการได้นอนในโพรงกระต่ายแสนสบายยิ่งทำให้เธอสบายเสียจนไม่อยากตื่น
จ้านอี้หยางมองเข็มนาฬิกาที่เดินทางมาถึงเลขเจ็ดบนข้อมือของตนเองทว่ายัยกระต่ายน้อยยังคงนอนหลับอุตุอยู่เหมือนเดิมโดยไม่มีทีท่าว่าเธอจะตื่นขึ้นมาเลยสักนิด
หลายปีมาแล้วที่เขาเคยชินกับการตื่นนอนตอนเช้าสำหรับเขาแม้แต่นาทีเดียวก็สายไม่ได้ ดังนั้นในเมื่อยัยกระต่ายน้อยไม่ยอมตื่นก็คงมีแค่วิธีปลุกให้ตื่นเท่านั้น
เขาม้วนปอยผมของซูหรงหรงด้วยปลายนิ้วก่อนจะนำปอยผมนั้นไปเขี่ยที่ใบหน้าของเธอเขาแทบไม่อยากจะเชื่อว่าจนถึงขนาดนี้ยัยกระต่ายน้อยยังคงหลับได้ไม่ไหวติง
เธอทำเพียงแค่ขยับตัวนิดหน่อยเท่านั้น
การโดนอะไรปัดไปมาบนใบหน้านั้นมันค่อนข้างจักจี้มากแต่วิธีนี้กลับใช้ไม่ได้กับซูหรงหรง เพราะเธอไม่แม้แต่จะลืมตาขึ้นมาเลยด้วยซ้ำ
คิ้วของจ้านอี้หยางขมวดเข้าหากันเขายังคงปัดผมลงบนใบหน้าเธอต่อ
ครั้งนี้เค้ายิ่งเพิ่มความจักจี้ขึ้นไปอีกในที่สุดซูหรงหรงก็ทนไม่ไหว เธอใช้มือตบเข้าที่ใบหน้าตนเองเธอถูริมฝีปากไปมาก่อนจะลืมตาขึ้น
แสงยามเช้าปกคลุมทั่วทั้งห้องของเธอเธอลูบคลำใบหน้าแต่ก็ไม่พบความผิดปกติใดๆ เธอคิดที่จะกอดหมอนข้างแล้วหลับตานอนต่อ
แต่ขณะนั้นเองก็มีเสียงทุ้มต่ำดังขึ้นเหนือหัวของเธอ
“อรุณสวัสดิ์"
เธอเหลือบมองไปที่หน้าต่างห้องนอนที่ถูกแสงอาทิตย์ยามเช้าอ่อนๆสาดส่องเข้ามา
อืม ยังเช้าอยู่เลย่เวลาที่ดีที่สุดในยามเช้ามีไว้สำหรับ...การนอนนี่นา
ยัยกระต่ายน้อยทิ้งตัวลงบนหมอนข้างของเธอโดยตั้งใจจะหลับต่อ
จ้านอี้หยางเองก็ดูไม่รีบร้อนเขารอคอยที่จะได้เห็นปฏิกิริยาตอบกลับของซูหรงหรงว่าจะมีขึ้นเมื่อใด
ซูหรงหรงหลับต่อไปได้สักพักก็รู้สึกเหมือนมีบางสิ่งบางอย่างไม่ถูกต้องแต่เธอก็ยังคงนอนอย่างี้เีบนที่นอน และไร้ปฏิกิริยาตอบกลับใดๆจากเธอ
เมื่อนอนได้ครู่หนึ่งเธอก็นึกอะไรขึ้นมาได้เมื่อสักครู่มีคนพูดกับเธอว่า อรุณสวัสดิ์ ใช่หรือไม่
อืมอีกอย่างเธอก็ค่อนข้างคุ้นเคยกับเสียงนั้นเสียงนั้นช่างคล้ายกับเสียงของจ้านอี้หยาง
ห้ะ ทำไมอยู่ๆ ก็ได้ยินเสียงของจ้านอี้หยางหรือเมื่อวานจะฟังเสียงของเขามากเกินไป?
ช่างเถอะ นอนต่อดีกว่า
ซูหรงหรงทั้งกอดทั้งถีบหมอนข้างตนเอง2 ครั้งเธอยังคงรู้สึกสบาย ริมฝีปากเผยรอยยิ้มขึ้นมา
ทันทีทันใดเธอก็มีปฏิกิริยาตอบกลับ...หมอนข้าง? หมอนข้างที่ไหนกัน? เมื่อคืนตอนที่นอนก็ไม่เห็นจะมีหมอนข้างนี่นา!
เธอลืมตาขึ้น...หมอนข้างที่เธอว่าตอนนี้ใส่ชุดคลุมอาบน้ำสีขาวเมื่อมอง้า หมอนข้างใบยาวนี้คือจ้านอี้หยาง!
ภาพตรงหน้าของเธอคือใบหน้าอันหล่อเหลาและร่างกายที่ถูกสวมด้วยชุดคลุมอาบน้ำสีขาวของจ้านอี้หยางชุดที่เขาสวมใส่ทำให้เขาดูสบายมากกว่าปกติ ยิ่งพิจารณาเขาตอนนี้ก็ยิ่งรู้สึกได้ถึงความหล่อของเขา
ทว่า...ซูหรงหรงกลับร้องไห้ออกมาจ้านอี้หยางมานอนอยู่บนเตียงของเธอได้อย่างไร? ไม่ใช่ว่าเขานอนอยู่ที่ห้องนอนใหญ่เหรอ?
ใครก็ได้มาบอกเธอทีว่านี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่? หรือว่าเธอประสาทหลอน?
ซูหรงหรงรู้สึกราวกับโดนใบหน้าของจ้านอี้หยางสะกดเอาไว้แม้แต่มือที่โอบกอดเขาตอนนี้ก็ยังคงอยู่ในตำแหน่งเดิม
เมื่อจ้านอี้หยางเห็นปฏิกิริยาของซูหรงหรงที่แสดงออกมาแล้วเขากระตุกยิ้มที่มุมปาก
“ตื่นแล้วเหรอ?"
เมื่อได้ฟังเธอก็มีปฏิกิริยาตอบกลับทันที
“โอ๊ะ"
เธอส่งเสียงออกมาก่อนจะขยับตัวถอยหลังในตอนนี้เธอมีแต่ความรู้สึกฟุ้งซ่าน
“นาย...นายมาอยู่ที่ห้องนอนของฉันได้ยังไง? ไม่ใช่ว่านายต้องไปนอนห้องใหญ่เหรอ?"
“หืม?"
จ้านอี้หยางขมวดคิ้ว
“ฉันบอกเธอั้แ่เมื่อไรกันว่าฉันจะนอนที่ห้องใหญ่?"
ซูหรงหรงเบะปาก
“นายสัญญากับฉันแล้วว่าจะให้ฉันนอนที่ห้องรอง"
“แล้วตอนนี้เธอไม่ได้นอนในห้องรองหรือยังไง?"
“…”
เอ่อถ้าจะพูดแบบนั้นมันก็ใช่
อ๊าย ไม่ถูกสิ...ตอนนี้จ้านอี้หยางก็อยู่ในห้องรองเหมือนกันนี่
ซูหรงหรงถอนหายใจอย่างหนักหน่วงแล้วมองไปที่เขาสักครู่หนึ่งเธอก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้เธอรีบเปิดผ้าห่มดูชุดที่เธอสวมใส่ เมื่อเห็นว่ายังเป็ชุดเดิมเธอก็หายใจสะดวกขึ้น
จ้านอี้หยางกระตุกยิ้มที่มุมปากเขารู้ั้แ่เมื่อวานแล้วว่าโดนยัยกระต่ายน้อยแกล้ง
“จ้านอี้หยาง!"
ยัยกระต่ายน้อยะโเสียงดัง
“นายทำแบบนี้ได้ยังไง?"
“ฉันทำแบบไหน?"
จ้านอี้หยางทำเป็ไม่รู้ไม่ชี้
“ในเมื่อคุณหญิงจ้านไม่อยากนอนห้องใหญ่ฉันก็เลยพาตัวเองมานอนห้องรองกับเธอ ฉันทำผิดอะไร?"
ซูหรงหรงหาทางตอบกลับคำพูดของจ้านอี้หยางไม่ได้เธอเม้มปากแน่น แล้วเอ่ยอย่างไม่พอใจเสียเท่าไร
“แบบนี้ถือว่าไม่ผิด...แต่ว่า...."
แต่ว่าฉันไม่ได้้าให้นายมานอนเป็เพื่อนฉันนี่!
“ซูหรงหรงเธอกำลังกลัวอะไรกันแน่?"
จ้านอี้หยางรู้แต่ก็ยังถามเขาหรี่ตาเล็กลง
บัดนี้แก้มบนใบหน้าของยัยกระต่ายน้อยกลายเป็สีชมพูระเรื่อ
“ไม่...ฉันไม่ได้กลัวอะไร?"
“เอ้อ?"
เมื่อได้ยินดังนั้น จ้านอี้หยางก็หมุนตัวกลับซูหรงหรงยังไม่ทันระวัง เธอถอนหายใจออกมา ดวงตาเบิกตาโพลงก่อนจะขยับถอยหลังเธอจ้องเขาแน่นิ่ง แววตาของเธอเต็มไปด้วยความหวาดผวา
จ้านอี้หยางเผยยิ้มที่มุมปากแล้วลูบผมของเธอ
“ตื่นนอนได้แล้ว"
เมื่อพูดจบเขาก็ลุกขึ้นจากเตียง แต่ว่ายัยกระต่ายน้อยยังคงนอนอยู่บนเตียงแล้วมองดูเขา
“ยังเช้าอยู่เลย"
อีกอย่างทำไมจะต้องมาปลุกเธอให้ลุกจากที่นอนด้วยเธอครุ่นคิดภายในใจของตนเอง
จ้านอี้หยางเดินมาถึงตัวของซูหรงหรงเขาชี้ไปที่เตียง
“ให้ฉันนอนด้วยหรือเธอจะตื่นนอนเลือกเอา?"
แน่นอนว่าซูหรงหรงไม่คิดที่จะนอนร่วมหมอนกับจ้านอี้หยางอีกครั้งหนึ่งเธอไม่รอช้าที่จะเปิดผ้าห่มแล้วรีบลุกขึ้นตื่นนอนเธอได้ยินจ้านอี้หยางบอกให้เธอไปเปลี่ยนเป็ชุดกีฬา เธอไม่ได้คิดอะไรมากทำตามที่เขาบอกอย่างว่าง่าย เธอเปลี่ยนชุดตัวเองเป็ชุดกีฬาสีส้มอ่อน
เมื่อเสร็จแล้วจ้านอี้หยางเองก็เดินออกมาจากห้องนอนหลัก เขาเองก็สวมชุดกีฬาเช่นกัน
“เอ๊ะพวกเราจะไปไหนกันเหรอ?"
ซูหรงหรงเอ่ยอย่างไม่เข้าใจ
“จ๊อกกิ้งตอนเช้า"
“…”
ในขณะที่กำลังตะลึงงันเธอก็ถูกจ้านอี้หยางลากออกไปนอกห้องแล้ว
จ๊อกกิ้งอะไรกันเื่พวกนี้ช่างเป็เื่ที่ห่างไกลจากสไตล์การใช้ชีวิตของเธอโดยสิ้นเชิง
เธอเคยตื่นมาออกกำลังกายตอนเช้าล่าสุดก็ตอนที่เรียนมัธยมตอนนั้นเธอต้องเตรียมความพร้อมร่างกายเพื่อไปตรวจร่างกาย
นี่มันก็ผ่านมา 10 ปีแล้ว
โอ้วตอนนี้สนิมมันเกาะร่างกายของเธอไปหมด
“จ้านอี้หยาง..."
ยัยกระต่ายน้อยกระตุกมือของนายหมาป่าเธอทำหน้าตาน่าสงสารใส่เขา
“...ฉันไปซื้ออาหารเช้าให้นายกินดีมั้ย?"
“ไม่ดีวิ่งเสร็จแล้วเราค่อยไปกิน"
น้ำตาของเธอแทบจะไหลออกมาเธอจ้องเขาน้ำตาคลอก่อนจะเอ่ยราวกับขอร้อง
“คุณสามีนายไปวิ่งคนเดียวได้มั้ย?"
เสียงอ่อนหวานที่เปล่งว่า ’สามี’ะเืไปถึงใจของจ้านอี้หยาง เขาชะงักงันไปชั่วครู่สายตาจับจ้องกลับไปที่ซูหรงหรง เหมือนคำพูดของเธอจะเป็เพราะสถานการณ์พาไปเท่านั้นตัวเธออาจจะไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพูดอะไรออกมา
“ไม่ได้"
จ้านอี้หยางปฏิเสธอีกครั้ง
“เธอร้องขอมานอนห้องรองฉันก็ตามใจเธอ ในตอนนี้ฉันอยากออกไปวิ่ง เธอเองก็ควรตามใจฉันบ้างไม่ใช่หรือไง? ระยะทางที่พวกเราจะไปวิ่งไม่ไกลหรอก แค่ 2,000 เมตรเอง"
“...."
ซูหรงหรงได้ยินก็แทบจะอ้วกออกมาเป็เืถ้า2,000 เมตรไม่ไกล แล้วระยะทางเท่าไรถึงจะเรียกว่าไกลกัน
โอ๊ย ไม่เอานะ
การที่จ้านอี้หยางลากซูหรงหรงออกมาวิ่งตอนเช้านี้เหมือนเขาจะพกภาระมาด้วยเสียมากกว่าเพราะในขณะที่เธอวิ่ง เขาเองก็ต้องคอยดูแลเธอเพราะฉะนั้นก้าวที่เขาวิ่งจึงช้ากว่าปกติมาก
ซูหรงหรงวิ่งทั้งน้ำตาเธอวิ่งช้าๆ ข้างเขา ทว่าเธอวิ่งได้เพียง 200-300 เมตรก็ไม่ไหวแล้ว เธอหอบหายใจแฮ่กๆก่อนจะคว้าเข้าที่มือของเขา
“พวกเรา...หยุดสักแป๊ป...ดีมั้ย?"
“ไม่ได้"
จ้านอี้หยางยังคงหายใจปกติเหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“ถ้าเธอหยุดตอนนี้เธอก็จะไปต่อไม่ไหว"
“แต่ว่า..."
ซูหรงหรงหอบหายใจ
“...แต่ว่า...ฉันวิ่งไม่ไหวแล้ว"
“เธอต้องสู้ต่อไปฉันเองก็ยังไม่หยุดเลย เธอเองก็ต้องห้ามหยุดเหมือนกัน"
จ้านอี้หยางยังคงไม่ยินยอม
“..."
วู้ว นี่มันเห็นแก่ตัวชะมัด
ซูหรงหรงร้องไห้น้ำตาเปรอะเต็มหน้าตอนนี้เธอหาข้อเสียของการเป็ภรรยาทหารออกแล้วหนึ่งจุด
ถึงอย่างไรเสียเธอก็แต่งงานกับเขามาแล้วแต่ทำไมจ้านอี้หยางที่วิ่งมาตั้งนานถึงดูไม่เป็อะไรเลยล่ะ? ราวกับว่าเขากำลังเดินอย่างสบายๆบนพื้นดินอย่างไรอย่างนั้น
อ๊ายทหารนี่แข็งแรงแบบนี้ทุกคนเลยมั้ยนะ?
แต่จะว่าไปแล้ว พอได้เห็นจ้านอี้หยางในมุมนี้ก็ยิ่งรู้สึกว่าเขาหล่อมากขึ้น
แสงแดดที่กระทบลงบนใบหน้าอันคมเข้มของเขายิ่งทำให้จ้านอี้หยางดูหล่อยิ่งขึ้นไปอีก
โอ้ย หวังว่าเธอจะสามารถวิ่งกับพี่ชายสุดหล่อคนนี้ไปได้จนจบ
แต่ในความเป็จริงเธอวิ่งได้เพียงแค่หนึ่งพันเมตรก็หมดแรง
ผู้หญิงคนหนึ่งที่ไม่ได้ออกกำลังกายมาหลายปีโดยเฉพาะผู้หญิงแบบซูหรงหรงแล้ว การวิ่งได้ถึง 1,000 เมตรนับว่าเป็เื่อัศจรรย์ที่สุด
“จ้าน...จ้านอี้หยางฉัน...ไม่ไหวแล้ว"
ซูหรงหรงทิ้งตัวเองลงบนม้านั่งข้างแม่น้ำเธอหอบหายใจอย่างเหนื่อยอ่อนท่าทางของเธอตอนนี้เหมือนกระต่ายที่ใกล้จะหมดลมหายใจอยู่รอมร่อ
จ้านอี้หยางหยุดวิ่งเขาเข้าไปดึงตัวยัยกระต่ายน้อยให้ลุกขึ้นเมื่อได้เห็นสภาพที่มีเพียงลมหายใจแต่ไร้กำลังของเธอตอนนี้แล้วเขากระตุกยิ้มขึ้นที่ริมฝีปาก
“นี่ไงล่ะที่ฉันบอกว่ากายหอบหายใจ"
“หา?...อ่อ"
ซูหรงหรงหายใจถี่ๆเธอหมดแรงที่จะตอบเขากลับ
“ยังเหลืออีก 1,000 เมตร"
จ้านอี้หยางบอกกับเธอ
ซูหรงหรงรีบหลับตาปี๋
“ฉันตายแล้ว...นายอย่ามาสนใจฉันเลยนายไปวิ่งคนเดียวเถอะ"
จ้านอี้หยางไม่ตอบรับหรือปฏิเสธเขาทำเพียงมองซูหรงหรง
ครู่เดียวซูหรงหรงก็ลืมตาขึ้น น้ำตาไหลอาบแก้ม
“นายวิ่งช้าหน่อยฉันเดินตามหลังนายโอเคมั้ย? นี่ก็ถือเป็การที่ภรรยาทำตามคำร้องขอของสามีเหมือนกันนะ"
เมื่อเขาเห็นว่ายัยกระต่ายน้อยคงจะไม่ไหวจริงๆจ้านอี้หยางจึงยอมปล่อยเธอไป
“เอาเถอะวันนี้พอแค่นี้ก่อน พวกเราไปซื้ออาหารเช้ากินกัน"
ซูหรงหรงน้ำตาเกือบจะทะลักไหลออกมาเธอรู้สึกขอบคุณจ้านอี้หยางมาก แต่ทันใดนั้นเธอก็รู้สึกแน่นที่หน้าอก
“จ้านอี้หยางฉันอยากอ้วก"
เมื่อได้ฟังดังนั้นจ้านอี้หยางขมวดคิ้วแล้ววิเคราะห์ เขาไม่คิดว่าร่างกายของซูหรงหรงจะอ่อนแอขนาดนี้
“ซูหรงหรงั้แ่พรุ่งนี้เป็ต้นไป แม้ฉันจะไม่อยู่บ้าน แต่เธอจะต้องตื่นมาวิ่ง 2,000 เมตรทุกเช้า"
จ้านอี้หยางหรี่ตามองคนสุขภาพไม่ดีตรงหน้า
“หา?..."
ซูหรงหรงเบิกตาโพลงก่อนจะหลับตาลงอีกครั้ง
คราวนี้ได้ตายของจริงแน่นอน