ขาหน้าของเสี่ยวฮุยคล่องแคล่วอย่างมาก
เจินจูส่งขวดทรงกลมใบเล็กนั้นให้มัน มันก็ถือไว้ได้อย่างมั่นคง
นางจึงสอนให้มันบิดฝาไปถึงตำแหน่งที่มีรู จากนั้นให้มันลองเทลงมา
เสี่ยวฮุยเฉลียวฉลาดยิ่งนัก รอบเดียวก็สามารถเรียนรู้ได้แล้ว อีกทั้งมันยังรู้สึกว่าเป็สิ่งที่แปลกใหม่อีกด้วย จึงหมุนเปิดหนึ่งทีหมุนปิดหนึ่งที หมุนเล่นไปมาเช่นนี้อยู่หลายรอบ
เจินจูกระซิบกับมัน
“พรุ่งนี้ข้าจะแขวนขวดเล็กไว้บนคอของเ้า ตอนเ้าไปคฤหาสน์ชานเมืองนั่นต้องระมัดระวังด้วยนะ ได้ยินว่าด้านในเลี้ยงแมวไว้ไม่น้อย แต่พรุ่งนี้เสี่ยวเฮยก็จะไปด้วย ข้าจะให้มันไปปกป้องเ้าสักหน่อย อย่าลืมล่ะ หากมีคนพบเ้าต้องรีบหลบทันที” นางมองมันครู่หนึ่งเพื่อดูว่ามันเข้าใจหรือไม่และกล่าวต่อ
“พรุ่งนี้จะมีผงยาใส่อยู่ข้างใน แต่มันมีพิษ เ้าห้ามปัญญานิ่มเทออกมาเล่นเด็ดขาด ตอนที่ข้าให้เ้าใช้เทออกมา จำไว้ว่าต้องกลั้นหายใจด้วย”
“กลั้นหายใจคงเข้าใจกระมัง ก็คือการไม่หายใจออกแล้วก็ไม่หายใจเข้า เ้าลองทำให้ข้าดูสิ”
“เฮ้อ ไม่ใช่เช่นนี้ ข้าหมายถึงลมในจมูก ไม่เข้าแล้วก็ไม่ออก”
“…ใช่แล้ว กลั้นไว้สักพักหนึ่ง รอให้เทผงยาหมดแล้วก็รีบปิดฝาทันที หลังจากนั้นออกให้ห่างจากที่เดิมแล้วค่อยหายใจ เข้าใจหรือไม่?”
ตลอดทั้งบ่าย เจินจูล้วนพูดไม่หยุดอยู่กับเสี่ยวฮุย จนกระทั่งมันเข้าใจความหมายทั้งหมดของนางแล้ว นางถึงได้ขยี้ขนฟูนุ่มนิ่มของมัน และส่งก้านผักกวางตุ้งในมิติช่องว่างให้หนึ่งก้านถือเป็รางวัล
เสี่ยวเอยนั่งอยู่บนโต๊ะทานอาหาร มันหรี่ตามองนางอย่างแ่เบา
ราวกับกำลังตำหนินาง ...เหตุใดต้องให้เสี่ยวฮุยช่วย ทำไมไม่ใช้มัน
เจินจูหัวเราะ นางคว้าอุ้งเท้าน้อยๆ ที่มีเนื้อแน่นของมันขึ้น อุ้งเท้าเช่นนี้จะหมุนฝาขวดได้อย่างไร นางอธิบายไปพลางหัวเราะไปพลาง
ดวงตาสีเขียวเข้มของเสี่ยวเฮยหรี่ลงครึ่งหนึ่ง ดึงอุ้งเท้าที่มีเนื้อน้อยๆ ของตัวเองกลับอย่างทั้งโกรธทั้งอับอาย แล้วจึงหมุนตัวหันหลังเดินจากไปอย่างเย่อหยิ่ง
เจินจูมองทีหนึ่ง เ้าเหมียวน้อยนี่โกรธเสียแล้ว นางจึงล้วงเอาก้านผักกวางตุ้งออกมาเอาใจประจบมัน แต่เสี่ยวเฮยหันหนี ยังคงงอนไม่เลิก
โกรธจริงด้วยแฮะ เจินจูรีบกล่าวขอโทษยอมรับผิดทันที การทำท่าทางที่จริงใจ อีกทั้งรับปากว่าจะเพิ่มปลานึ่งน้ำแร่จิติญญาให้เป็สองเท่า มักเป็สิ่งที่ง้อมันให้กลับมาดีเหมือนเดิมได้เสมอ
มารดาเถอะ เ้าตัวดีนี่เล่นใหญ่จริงๆ
ผงม่านถัวหลัวถูกบรรจุเข้าในขวดเล็ก ส่วนขวดใหญ่ใบนั้นนางจะถือเอาไว้เอง ส่วนขวดเล็กนั่นเตรียมรัดเชือกเส้นเล็กไว้เรียบร้อย เพื่อพรุ่งนี้จะได้ผูกไว้บนคอของเสี่ยวฮุย
แม้พรุ่งนี้แค่ไปสำรวจคฤหาสน์เท่านั้น แต่ต้องซ่อมแซมประตูหน้าต่างบ้านก่อนฝนตก [1] เตรียมไว้ให้พร้อมสักหน่อยจะได้ไม่เกิดความผิดพลาด
...งานเลี้ยงวันเกิดของหลินเยว่เหยาจะเริ่มขึ้นในยามโหย่ว
พอถึงยามเซินโหยวอวี่เวยจึงมุ่งหน้ามา
นางไปโรงเตี๊ยมเพื่อรับเจินจูล่วงหน้าครึ่งชั่วยาม แต่พอได้เห็นเจินจูปลอมตัว ในขณะนั้นนางใเป็อย่างมาก
หลังสอบถามมูลเหตุชัดเจนแล้วก็รู้สึกน่าสนใจอย่างยิ่ง บีบๆ คลำๆ ใบหน้ารูปไข่ของเจินจูอยู่พักหนึ่ง
“ผงยาชนิดนี้ ล้างออกหลุดได้หรือไม่?”
“แน่นอนว่าต้องล้างออกได้สิ แต่ต้องใช้ผงยาเฉพาะพิเศษเล็กน้อย”
“ฮ่าๆ ผู้อื่นล้วน้าเปลี่ยนโฉมให้งดงามทุกวิถีทาง แต่เ้ากลับกันเสียนี่ ทาผิวตัวเองเสียจนเหลือง เปลี่ยนไปเสียขี้เหร่ยิ่งนัก”
“อื้ม ตอนนี้ข้าเป็สาวใช้ผู้หนึ่ง จะงดงามเพียงนั้นไปทำไมกัน”
เจินจูผิวหมองคล้ำไม่กระจ่างใส ปล่อยผมหน้าม้าลง แปรงผมมวยง่ามคู่ บนกายสวมเสื้อกันหนาวสองชั้นปักลายสีม่วงแบบเดียวกันกับชุดของจื่อยู่ เมื่อนางยืนอยู่กับจื่อยู่ จึงมีลักษณะของสาวใช้จริงดังที่คิดไว้
ในใจจื่อยู่ลอบถอนหายใจ แม่นางสกุลหูฉลาดเฉียบแหลมยิ่งนัก ด้วยรูปโฉมเดิมจริงๆ ของนาง แม้แต่งเป็สาวใช้ก็ยังดูสะดุดตาอยู่มาก และการเป็สาวใช้ที่แย่งความโดดเด่นไปจากเ้านาย ไม่ว่าจะอยู่ในจวนไหนก็ล้วนหลีกเลี่ยงห้ามทำอย่างเด็ดขาด
นางพินิจพิเคราะห์แม่นางสกุลหูอย่างละเอียด มีผมหน้าม้าปกคลุมเพิ่มขึ้นมา ผิวพรรณอวบอิ่มกระจ่างใสน้อยลง เดิมความงามสิบส่วนตอนนี้เหลือเพียงห้าส่วนแล้ว
เมื่อยืนอยู่ข้างหลังโหยวอวี่เวย มีบุคลิกตัวตรงมั่นคงและก้มหน้าหลุบตาลงต่ำ ช่างมีท่าทางของสาวใช้จริงๆ
ยังห่างจากเวลาออกเดินทางอยู่เล็กน้อย เจินจูจึงถือโอกาสถามข้อควรระวัง อีกทั้งเลียนแบบมารยาทพื้นฐานของสาวใช้จากจื่อยู่มาด้วย
กระทั่งได้เวลา รถม้าของนางได้ติดตามอยู่ข้างหลังรถม้าของจวนท่านโหวเหวินชาง ทั้งสองเกวียนกำลังเคลื่อนไปยังทิศทางชานเมืองของเมืองหลวงอย่างเนิบนาบ
ผิงอันพาเสี่ยวเฮยและเสี่ยวฮุยขึ้นนั่งอยู่บนรถม้าด้วยเช่นกัน
“วันนี้มีสตรีไปคฤหาสน์นั่นเยอะนัก รถม้าเหล่านี้จะหยุดอยู่บริเวณที่ว่างของคฤหาสน์ ถึงตอนนั้นเ้ากับหลิวอี้ก็รออยู่ที่นั่น อย่าตอบคำถามกับคนที่อยู่ด้านข้างสุ่มสี่สุ่มห้า เ้าไม่เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างขุนนางของเมืองหลวง จะเผยพิรุธออกมาได้ง่าย แล้วก็อย่าวิ่งไปทั่ว เพียงปล่อยให้เสี่ยวเฮยกับเสี่ยวฮุยเข้าคฤหาสน์ไปทำความคุ้นชินเส้นทาง ประมาณหนึ่งชั่วยามพวกข้าก็จะออกมาแล้ว”
เจินจูกำชับผิงอันอย่างละเอียด สตรีครอบครัวขุนนางแต่ละจวนที่ไปร่วมงานเลี้ยงมีมากมาย รถม้าล้วนหยุดอยู่ข้างนอกคฤหาสน์ คนขับรถม้า คนติดตาม และผู้คุ้มกันล้วนอยู่ที่นั่น คนมากย่อมปากมากไปด้วย ผิงอันไม่เคยประสบกับเื่ราวของโลกภายนอก กลัวว่าเขาจะถูกผู้อื่นหลอกล่อจนหลุดกล่าวอะไรออกไป
ผิงอันพยักหน้า “ท่านพี่ ข้าทราบแล้ว”
ทางหลิวอี้นั้น เจินจูกำชับเขาไว้แล้ว ให้เขาหยุดพักรถม้าชิดริมให้ได้มากที่สุด อย่าไปเบียดแทรกอยู่กับรถม้าของผู้อื่น
นางอุ้มเสี่ยวเฮยเข้ามาในอ้อมกอด ได้ยินว่าในคฤหาสน์ก็เลี้ยงแมวอยู่หลายตัวเช่นกัน หากเสี่ยวเฮยเข้าไปน่าจะไม่ดึงดูดความสนใจคน แต่ก็ยังต้องชี้แจงอยู่สักหน่อย
ที่สำคัญคือเสี่ยวฮุย เมื่อมีหนูวิ่งเข้าไปถึงงานเลี้ยงที่มีคนมาก หากไม่ระวังเพียงนิดแล้วถูกพบขึ้นมาก็จะกลายเป็เป้าให้ถูกโจมตีได้ หากเป็เช่นนั้นจะอันตรายยิ่งนัก ให้มันอำพรางตัวเองขณะเดินทางจะดีที่สุด เมื่อถูกพบเข้าต้องรีบหลบทันที
แต่เจินจูไม่ได้เป็ห่วงพวกมันมากนัก หนึ่งแมวหนึ่งหนูล้วนร้ายกาจเฉลียวฉลาดอย่างยิ่ง ถูกเลี้ยงด้วยน้ำแร่จิติญญาบำรุงหล่อหลอมมาหลายปีเพียงนี้ ฝีมือไม่รู้เลยว่าเหนือกว่าแมวและหนูทั่วไปตั้งกี่เท่า ขอแค่ให้พวกมันต้องระวังสักหน่อย ก็ไม่มีปัญหาใหญ่อะไรแน่
รถม้าวิ่งมาทางชานเมืองเอื่อยๆ ท้องฟ้ายามเซินก็เข้าสู่ความสลัวเล็กน้อย แม้บนท้องฟ้าไม่มีหิมะลอยว่อน แต่ลมเหนือที่หนาวเหน็บกลับพัดมาไม่หยุดพักเลยสักนิด
บนถนนทางการ มีรถม้าที่โออ่าหรูหราเกวียนแล้วเกวียนเล่าเรียงต่อกันไม่ขาด จุดหมายปลายทางล้วนเป็คฤหาสน์ร้อยสัตว์
ว่ากันว่าคุณหนูสายเืหลักของจวนเฉิงเอินโหว หน้าตาไม่น่าจะใหญ่โตเพียงนั้น ส่วนใหญ่คงเชิญได้เพียงญาติของขุนนางไปฉลองวันเกิด แต่จวนโหวกลับเชิญไท่จื่อเฟยมาด้วยตัวเอง และด้วยหน้าตาของไท่จื่อเฟยที่มีตำแหน่งเพียงนั้น ผู้ใดจะกล้าไม่ไว้หน้าและไม่ตามมาด้วยได้ ด้วยเหตุนี้เลยมีปรากฏการณ์รถม้ามากมายคึกคักเคลื่อนผ่านอยู่ตรงหน้าให้ได้เห็น
จนกระทั่งรถม้าของพวกนางเดินทางมาถึงคฤหาสน์ ที่ว่างด้านนอกก็คราคร่ำไปด้วยรถม้าของแต่ละจวนแล้ว
เจินจูกำชับผิงอันอีกสองสามประโยคแล้วจึงลงจากรถม้า เดินไปข้างหลังโหยวอวี่เวย
โหยวอวี่เวยหันมาส่งยิ้มให้นาง วันนี้นางตั้งใจพามาเพียงจื่อยู่ เพื่อให้พวกนางกระทำการอะไรได้สะดวก
สามคนเดินไปทางประตูใหญ่ ที่นั่นแขวนโคมผูกผ้าไหมหลากสี แขกที่มาแสดงความยินดีเนืองแน่นอยู่ตรงประตู
ตลอดทางโหยวอวี่เวยพบคนคุ้นเคยไม่น้อย ส่วนใหญ่พยักหน้าทักทายอย่างเรียบง่าย พ่อบ้านของจวนเฉิงเอินโหวได้นำทางสาวใช้และหญิงชราของจวนไปรออยู่หน้าประตูใหญ่ เพื่อทยอยกันนำทางแขกที่มาร่วมแสดงความยินดีเดินเข้าไปภายในคฤหาสน์
ขณะที่ตามสาวใช้นำทางเข้าสู่คฤหาสน์ เจินจูเริ่มสังเกตบริเวณโดยรอบอย่างละเอียดแเีไม่ให้ผิดสังเกต
คฤหาสน์ร้อยสัตว์สร้างได้ดูดีอย่างยิ่ง การแกะสลักลวดลายไม้และการตกแต่งทาสีที่วิจิตรงดงามโอ่อ่าตระการตา ระหว่างทางใบไม้ขนาดใหญ่ของต้นหนี่ว์เจิน [2] ยังคงเขียวชอุ่มอยู่ในฤดูหนาวที่เย็นเฉียบ
สาวใช้นำทางพวกนางไปที่ห้องโถงหลักของคฤหาสน์ โถงต้อนรับแขกที่อยู่ข้างห้องโถงหลักมีเสียงดังแว่วออกมา
“อ้าว โหยวอวี่เวยมาแล้ว ช่างเป็แขกที่นานทีจะมาเยือนจริงๆ มาเร็ว ด้านนอกเหน็บหนาวเข้าห้องรับแขกมาอบอุ่นร่างกายก่อนสักหน่อย”
ฮูหยินเยาว์วัยสวมเสื้อผ้าโอ่อ่าร่ำรวยผู้หนึ่ง ท่าทางสุภาพเยือกเย็นเดินยิ้มเข้ามาต้อนรับข้างหน้า
“ฮูหยินซื่อจื่อ นานแล้วที่ไม่ได้พบกัน ท่านยังคงท่วงท่าสง่างามเหมือนเช่นเคยเลยนะเ้าคะ” โหยวอวี่เวยอมยิ้ม ทักทายด้วยความสุภาพเรียบร้อย
นางเป็ฮูหยินของซื่อจื่อเฉิงเอินโหว หลานสาวของฮองเฮาในขณะนี้ เจินจูเงยหน้าเล็กน้อยกวาดสาวตาผ่าน อายุราวยี่สิบต้นๆ ผิวขาวบริสุทธิ์ รูปร่างอิ่มเอิบมีน้ำมีนวล แม้ไม่นับว่าเป็คนงามมาก ทว่ามีเสน่ห์ของฮูหยินอ่อนวัยอยู่
โหยวอวี่เวยสวมเสื้อคลุมขนสัตว์ผ้าไหมจือจิน [3] สีกุหลาบม่วง พร้อมด้วยปิ่นแปดสมบัติทองล้อมไข่มุกบนศีรษะ ขับให้ใบหน้างดงามสว่างสดใสโดดเด่นเหนือผู้คน เสมือนชิ้นหยกโปรงแสงแวววาว
ทันทีที่นางเข้าไปในห้องต้อนรับแขก เสียงดังเอะอะมีชีวิตชีวาในทีแรกได้เบาลงไปในฉับพลัน
บนใบหน้าโหยวอวี่เวยประดับไว้ด้วยรอยยิ้มจางๆ ทักทายฮูหยินและคุณหนูที่คุ้นเคยทีละคนอย่างมีมารยาท
ที่แท้นางยังมีด้านงดงามเพียบพร้อมและบุคลิกดีเช่นนี้ด้วย เจินจูสังเกตสถานการณ์โดยรอบอย่างระมัดระวังไปพลาง พร้อมกับถอนหายใจให้กับท่าทางมีมารยาทของคุณหนูตระกูลครอบครัวขุนนางไปพลาง ช่างได้รับการฝึกฝนกันเข้มงวดั้แ่เด็กจนโตเลยจริงๆ
จื่อยู่ปลดเสื้อคลุมขนสัตว์ของโหยวอวี่เวยออก เผยให้เห็นกระโปรงผ้าต่วนลายผีเสื้อหลากชนิดโบยบินทะลุหมู่มวลผกาที่ปักดิ้นด้ายทอง แสดงให้เห็นเอวเพรียวบางงดงามชัดเจนมากยิ่งขึ้น
สายตาชื่นชมและริษยาล้วนรวมอยู่บนกายนางเป็จุดเดียว
ทว่าโหยวอวี่เวยกลับไม่ได้สนใจ ทำเป็มองไม่เห็น ยังคงยิ้มทักทายอิสตรีจากครอบครัวขุนนางที่คุ้นเคยกันเช่นดังเดิม
ห้องต้อนรับแขกเผาปล่องดิน ทั่วทั้งห้องจึงอบอุ่นประหนึ่งฤดูใบไม้ผลิ เจินจูสวมเสื้อกันหนาวสองชั้นมีเหงื่อออกเล็กน้อย
นางเคลื่อนย้ายไปข้างกายจื่อยู่อย่างเงียบเชียบ ส่งสายตาให้นางทีหนึ่ง จื่อยู่พยักหน้าน้อยๆ
ด้วยเหตุนี้ เจินจูจึงเดินไปถึงสถานที่ที่ไม่ได้รับความสนใจ และค่อยๆ เดินออกห่างจากห้องโถงหลักอย่างแ่เบา
สัตว์ต่างๆ ในคฤหาสน์ร้อยสัตว์ล้วนรวมอยู่ภายในสวนหมั่งหยวนทางทิศใต้ แม้ยามนี้สีท้องฟ้าจะมืดสลัวอยู่บ้าง แต่สตรีจากครอบครัวขุนนางก็รุดไปร่วมชมด้วยไม่น้อยเลย อย่างไรเสียสตรีที่ใช้ชีวิตอยู่ภายในลานส่วนลึกของบ้านั้แ่เด็ก ย่อมมีโอกาสน้อยมากที่จะสามารถเข้าชมสัตว์แต่ละชนิดใกล้ๆ ได้
ที่ดินส่วนตัวของจวนเฉิงเอินโหวไม่ใช่ว่าจะเข้าออกได้ทุกเมื่อ
เจินจูเดินไหลไปตามกลุ่มคนตลอดทาง ไม่ได้ก่อให้เกิดความสนใจจากผู้อื่นมากเป็พิเศษ
ประตูลานของสวนหมั่งหยวนเป็ประตูไม้เคลือบเงาสีดำหนาหนักและมั่นคง
เมื่อเหยียบเข้าไปภายในสวน กระแสน้ำรินไหลอยู่ข้างูเาเทียมที่ก่อด้วยหินทะเลสาบไท่หู [4] แม้เป็ฤดูหนาว แต่ต้นไม้บริเวณโดยรอบยังเขียวตระหง่านเช่นเดิม
เจินจูตามอยู่ด้านหลังเ้านายและคนรับใช้หนึ่งคู่ เดินอยู่บนถนนอิฐสีฟ้าเส้นเล็กอย่างไม่ใกล้ไม่ไกล เมื่อเลี้ยวโค้งทีหนึ่งก็ปรากฏเรือนหลังเดี่ยวที่ล้อมรั้วเหล็กขึ้นหนึ่งหลัง ด้านหน้ามีแม่นางน้อยเกาะเป็กลุ่มกระจัดกระจายล้อมอยู่นอกรั้วเหล็ก ต่างพากันชี้มือไม้ไปข้างในด้วยความตื่นเต้น
“…อ๊ะ เสือนี่! ข้าได้เห็นเสือเป็ครั้งแรกเลยนะเนี่ย!”
“ข้าก็เช่นกันๆ! เสือน่ากลัวจริงเชียว!”
“เหอะ ข้าเคยเห็นแล้วล่ะ ครั้งก่อนคุณชายน้อยของตระกูลขุนนางก็จัดงานเลี้ยงฉลองวันเกิดอยู่ที่คฤหาสน์แห่งนี้”
“ใช่แล้ว เสือแล้วอย่างไร ทางนั้นยังมีหมีดำกับงูขนาดมหึมาด้วย นั่นช่างทำให้คนใกลัวนักล่ะ”
“…ว้าว เช่นนั้นพวกเราไปดูกันหน่อยดีหรือไม่”
เด็กสาวหนึ่งกลุ่มพากันนำสาวใช้ของตัวเองเดินเข้าไปทางส่วนลึกในสวน
เจินจูกวาดตามองเสือในกรงเหล็กปราดหนึ่ง มันนอนหมอบอยู่บนพื้น รูปร่างผอมซูบเล็กน้อย ลักษณะท่าทางอ่อนล้า ราวกับไม่ได้ยินเสียงกลุ่มคนร้องเอะอะมะเทิ่งภายนอก คิดไปแล้วคงเป็เพราะชินกับการถูกผู้คนล้อมชม
ที่แท้ก็เป็เหมือนสวนสัตว์เลยนี่นา จับสัตว์มาแล้วขังไว้ในพื้นที่เล็กๆ
สีท้องฟ้าเริ่มมืดค่ำลงไปอยู่บ้าง เจินจูเพิ่มความเร็วขึ้น เดินไปทางที่กลุ่มคนเมื่อสักครู่เพิ่งเดินเข้าไป
การเดินไปตามกลุ่มคนจะไม่ก่อให้เกิดความสนใจจากผู้คนมากนัก
อาจเป็เพราะได้เห็นสัตว์แปลกใหม่ลักษณะดุร้าย จึงดึงดูดความสนใจของพวกนางให้รวมอยู่ที่จุดเดียว เจินจูที่เดินตามอยู่ด้านหลังพวกนางจึงไม่ค่อยมีคนสนใจ
เดินเล่นอยู่ในสวนหมั่งหยวนหนึ่งรอบ เจินจูพบว่าที่ขังอยู่ด้านในส่วนใหญ่จะเป็สัตว์ดุร้ายอันตรายและลักษณะนิสัยจู่โจมรุนแรง เช่น เสือ สิงโต หมีดำ ชีต้าห์ งูขนาดมหึมา ลิงชิมแปนซี...
ดูท่าแล้วคงเพื่อสนองความโปรดปรานขององค์ไท่จื่อ เลยจับมาให้สู้กันอย่างป่าเถื่อน
นอกจากนี้ยังมีสัตว์สำหรับชื่นชมความสวยงาม เช่น นกยูง นกแก้ว ลิงขนทอง ปลาหลีฮื้อ [5]...
จำนวนไม่นับว่ามาก แต่สำหรับเหล่าสตรีที่ไม่เคยพบสัตว์เหล่านี้ก็ชื่นชมได้อิ่มเอมใจมากแล้ว
ด้านทิศใต้สุดของสวนหมั่งหยวน มีลานบ้านที่ขับเด่นกับต้นไผ่เขียวชอุ่มร่มรื่นหนึ่งผืน หน้าประตูลานมีผู้คุ้มกันรูปร่างสูงใหญ่สองคนยืนเฝ้าอยู่
เจินจูติดตามอยู่ด้านหลังกลุ่มสตรีที่เดินผ่านไป
แม้สีท้องฟ้าจะมืดสนิท แต่จากความสามารถในการมองเห็นของนางในตอนนี้ กลับเห็นสองคนนั้นได้อย่างชัดเจน
รูม่านตาของนางหดเกร็งลงในชั่วพริบตา
เชิงอรรถ
[1] ซ่อมแซมประตูหน้าต่างบ้านก่อนฝนตก หมายถึง การเตรียมพร้อมเพื่อป้องกันเื่ที่ไม่คาดคิด
[2] ต้นหนี่ว์เจิน มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Ligustrum lucidum เป็ต้นไม้ที่เขียวชอุ่มตลอดปี เติบโตได้สูงระหว่าง 3 - 16 เมตร โดยส่วนใหญ่จะยังคงเป็ต้นไม้ขนาดกลาง 7 - 8 เมตร
[3] ผ้าไหมจือจิน คือ ผ้าไหมทอที่ได้รับความนิยมที่สุดในราชวงศ์หยวน
[4] หินทะเลสาบไท่หู คือ หินที่มีรูพรุนจนทะลุเป็ช่องหรือเว้าสลับกันไป เป็หินสำหรับตกแต่งประดับทำน้ำตกเทียม
[5] ปลาหลีฮื้อ คือ ปลาคาร์ป เป็สัญลักษณ์ของความเป็สิริมงคล