ดวงตาของเย่ชิงหานปรากฏแสงแห่งความบ้าคลั่งขึ้น แขนขยับเคลื่อนไหวไปมาอย่างรวดเร็วฟาดฟันพลังแสงคมมีดพุ่งออกไปด้านหน้าอย่างมั่วซั่ว วินาทีต่อมาเสียง “แกร้งๆๆๆ!” ดังขึ้นไม่หยุด คลื่นพลังแสงคมมีดและเครือเถาวัลย์ปะทะชนเข้าด้วยกันบังเกิดเป็ประกายไฟขึ้น
“ลูกพี่ อย่าลนลาน! ขืนท่านยังทำการโจมตีอยู่เช่นนี้ต่อไปจะทำให้สนามพลังเสียการควบคุมแล้วอาจจะพังทลายลงได้ ถึงตอนนั้นพวกเราคงได้จบเห่กันจริงๆ อย่างแน่นอน!” อารมณ์ของเย่ชิงหานเริ่มไม่มั่นคงขึ้นมา แต่ในทางตรงกันข้ามเสี่ยวเฮยกลับจิตใจสงบราบเรียบเป็อย่างมาก มองเห็นเย่ชิงหานมีอาการดังนั้นจึงรีบส่งกระแสเสียงเตือนขึ้นในทันที
“จบสิ้นแล้วเสี่ยวเฮย พวกเราออกไปไม่ได้แล้ว! พวกเราคงถูกขังจนตายอยู่ภายในนี้แล้วละ!” กระแสเสียงของเสี่ยวเฮยที่ส่งมาทำให้เย่ชิงหานจิตใจเย็นลงมาบ้างเล็กน้อย แต่ว่าน้ำเสียงที่พูดออกมายังคงเต็มไปด้วยความร้อนรน “เครือเถาวัลย์บ้าพวกนี้ไม่เพียงแค่มีพลังป้องกันที่แข็งแกร่งทนทาน แต่พลังความเร็วในการฟื้นฟูยังรวดเร็วเป็อย่างมาก พวกเราทะลวงออกไปไม่ได้เลย...”
เสี่ยวเฮยส่งกระแสเสียงมาอีกครั้งเพื่อทำให้อารมณ์ของเย่ชิงหานสงบราบเรียบลง “ลูกพี่ อย่าเพิ่งคิดอะไรมาก ไม่ว่าอย่างไรเครือเถาวัลย์พวกนี้ก็เพียงแค่ขังพวกเราเอาไว้เท่านั้นไม่ได้โจมตีเข้าใส่ใดๆ ลูกพี่มีเวลามากมายในการฟื้นฟูพลังปราณรบเพื่อนำมาประคับประคองสนามพลัง ดังนั้นใน่นี้พวกเรายังปลอดภัยไม่มีอันตรายใดๆ! อีกทั้งยังมีเวลาเหลือเฟือในการคิดหาวิธีทำลายกรงขังนี้ออกไป”
“ฮู่ว”
ไม่ร้อนรน ไม่วู่วาม ไม่เสียสมาธิ!
เย่ชิงหานปล่อยลมยาวออกมาจากปากหลายคราพร้อมกับบอกตัวเองให้สงบเยือกเย็นลง หลายปีมานี้ผ่านสถานการณ์เป็ตายมาไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งล้วนเอาชีวิตรอดมาได้ทุกครั้ง ตอนนี้เพียงแค่ถูกขังไว้เท่านั้นเองต้องใจเย็นๆ หลังจากที่เสี่ยวเฮยเตือนสติจึงทำให้เขาค่อยๆ จิตใจสงบเย็นลง จากนั้นจึงเลิกสนใจมองดูสภาพแวดล้อมโดยรอบทั้งสี่ทิศอีก ในทางตรงกันข้ามกลับทำการหลับตาลงแล้วนึกถึงคำที่เย่รั่วสุ่ยเคยพูดให้เขาฟัง หวังว่าจะสามารถหาเทคนิคเคล็ดลับที่อยู่ในคำพูดเ่าั้เพื่อนำมาใช้ในการทะลวงผ่านด่านในครั้งนี้ไปให้ได้
เย่รั่วสุ่ยบอกกับเขาว่าเส้นทางเชื่อมหุ่นเชิดูเาแปลกมหัศจรรย์เกินคาดเดา เป็ด่านที่ท่านเทพผู้สร้างูเาสุสานทวยเทพสร้างขึ้นมาเพื่อใช้ทดสอบศักยภาพและพลังแฝงของผู้ที่เข้าทดสอบโดยเฉพาะ ผู้ที่เข้ามาภายในด่านเส้นทางเชื่อมหุ่นเชิดูเาจะพบกับมารอสูรและสัตว์ประหลาดที่ใช้เป็บททดสอบในลักษณะแตกต่างกันออกไป โดยบททดสอบที่ปรากฏออกมาจะขึ้นอยู่กับระดับพลังฝีมือของผู้ที่เข้ามาทดสอบแต่ละคน ด่านแห่งนี้ไม่ใช่ว่าผู้ที่มีพลังฝีมือยิ่งสูงยิ่งทะลวงผ่านไปได้ง่าย ในทางตรงกันข้ามผู้ที่ระดับพลังฝีมือต่ำแต่พลังป้องกันและพลังโจมตีสูงกลับจะสามารถทะลวงผ่านได้สำเร็จง่ายดายกว่า
เย่ชิงหานระดับขั้นพลังปราณรบนับว่าไม่สูงอะไรมาก และโดยเฉพาะอย่างยิ่งพลังฝีมือโดยรวมนั้นแข็งแกร่งเป็อย่างยิ่ง แต่ทั้งหมดทั้งมวลล้วนมาจากวิชาต่อสู้ร่างอสูรที่เกิดขึ้นหลังจากรวมร่างสัตว์อสูรแล้ว ตอนนี้วิชาต่อสู้ร่างอสูรใช้การอะไรไม่ได้ตัวเขาจึงไม่ต่างจากผู้มีพลังฝีมือระดับขอบเขตจ้าวนักรบธรรมดาๆ ทั่วไป ดังนั้นด่านนี้สำหรับเขาแล้วหากคิดจะทะลวงผ่านไปให้ได้จึงถือว่ามีความยากลำบากเป็อย่างมาก
ไม่มีหนทางเลย!
เย่ชิงหานใช้สมองครุ่นคิดไปมาอยู่หลายรอบ วิเคราะห์ไตร่ตรองคำพูดของเย่รั่วสุ่ยซ้ำไปซ้ำมาแต่ก็ไม่ได้เทคนิคเคล็ดลับใดๆ ออกมาเลยสักอย่างเดียว ทางเดียวที่ทำได้ในตอนนี้คือทำการเพิ่มพลังโจมตีให้สูงขึ้นเพียงเท่านั้น และหนทางเดียวที่จะเพิ่มพลังโจมตีได้คือการศึกษาค้นคว้าการแตกขยายเจ็ดกระบวนท่าเย่หวงต่อไป
เมื่อคิดเข้าใจทุกอย่างดีแล้วเย่ชิงหานจึงสามารถสงบอารมณ์และจิตใจลงได้ ไม่ฉุนเฉียว ไม่ร้อนรน ไม่เป็ทุกข์เป็กังวล ในเมื่อมีหนทางเดียวให้เลือกเดินตนเองก็คงต้องเดินในหนทางนี้ต่อไปเรื่อยๆ แต่ถ้าหากเดินไปจนสุดแล้วยังใช้ไม่ได้อีกละก็คงต้องยอมตายเพียงเท่านั้น
ฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้ว!
เย่ชิงหานหลับตาลงอย่างช้าๆ กริชที่อยู่ในมือควงสะบัดพลิกไปมากลางอากาศเกิดเป็รัศมีวงกลมหมุนวนไปมาอย่างต่อเนื่อง เริ่มทำการฝึกฝนสามสิบแปดกระบวนท่าเย่หวงขึ้น กระบวนท่าถูกร่ายรำออกมาอย่างต่อเนื่อง ในขณะเดียวกันก็พยายามศึกษาทำความเข้าใจเพื่อคาดหวังว่าจะสามารถแตกขยายกระบวนท่าที่สามสิบเก้า กระบวนท่าที่สี่สิบ...ให้ออกมาได้
.................................
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว เย่ชิงหานต่อสู้ดิ้นรนอยู่ภายในูเาสุสานทวยเทพอยู่คนเดียวเงียบๆ แต่ภายนอกเกิดเื่ใหญ่ที่สั่นะเืเขตปกครองเทพาขึ้นหลายเื่ เขตปกครองเทพาปรากฏผู้มีพร์ระดับสูงล้ำออกมาหลายคน
บางทีการใช้คำว่า “ปรากฏออกมา” อาจจะฟังดูไม่ค่อยถูกต้องมากนัก เพราะเขาเ่าั้เดิมทีก็มีพร์ที่โดดเด่นอยู่ก่อนแล้ว เพียงแต่เมื่อก่อนยังไม่ได้ปรากฏออกมาอย่างเด่นชัดมากเท่าตอนนี้แค่นั้นเอง
คนแรกคือหลงไซ้หนานธิดาคนเดียวของหลงผี่ฟูจ้าวแห่งเขตปกครอง ต่อจากเย่เตานางถือว่าเป็ยอดฝีมือคนที่สองในรอบหนึ่งร้อยปีที่สามารถฝึกฝนจนบรรลุถึงระดับขอบเขตาาจักรพรรดิได้ก่อนอายุสามสิบปี เล่าลือกันว่ากฎเกณฑ์พลังฟ้าดินพลังธาตุไม้ของนางฝึกฝนจนมองเห็นปากประตูทางเข้าสู่วิถีแห่งพลังธาตุไม้ได้แล้ว หลังจากที่พลังฝีมือของนางบรรลุได้ไม่นานก็ถูกหนึ่งในเหล่าเทพาของเมืองัที่เป็ผู้ฝึกยุทธ์ระดับเทพรับเข้าเป็ศิษย์อย่างเป็ทางการ
เื่เล่าเกี่ยวกับเทพามีอยู่มาโดยตลอดในเขตปกครองเทพา เล่าลือกันว่าเมืองัมีผู้ยิ่งใหญ่อยู่หลายท่านที่เทียบได้กับจ้าวเทวะของนครแห่งเทพซึ่งเขาเหล่านี้คอยปกปักรักษาคุ้มครองเขตปกครองเทพาอยู่ตลอด หลงไซ้หนานถูกหนึ่งในเทพารับเข้าเป็ศิษย์คาดว่าความสำเร็จในอนาคตภายภาคหน้าคงไกลอย่างหาขอบเขตมิได้แน่นอน
ตระกูลเฟิงเองก็ปรากฏผู้มีพร์ล้ำเลิศออกมาเช่นกัน นายน้อยใหญ่ของตระกูลเฟิงหลังจากที่กลับมาจากงานประลองาระหว่างเขตปกครองของผู้มีพลังฝีมือระดับหัวกะทิ พอกลับมาถึงตระกูลเขาเหมือนเปลี่ยนไปเป็คนละคนรีบทำการเก็บตัวฝึกฝนในทันทีเป็เวลาสองปี ภายใต้การสนับสนุนด้านทรัพยากรในการฝึกฝนจำนวนมหาศาลจากตระกูล เขาทำการฝึกฝนจากระดับขั้นสูงสุดขอบเขตเยี่ยมยุทธ์จนสามารถบรรลุถึงระดับขั้นแรกขอบเขตจ้าวนักรบ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งสุดยอดเคล็ดวิชาประจำตระกูลอย่างวิชาบังคับกระบี่ที่แต่เดิมก็ฝึกฝนได้ไม่เลวอยู่แล้ว หลังจากเข้าเก็บตัวฝึกฝนอยู่สองปีได้พัฒนาขึ้นมาอีกขั้น ระดับความลึกซึ้งของวิชาในตอนนี้เทียบได้กับผู้าุโของตระกูลแล้ว ทำเอาทั้งผู้าุโสูงสุดและหัวหน้าตระกูลอารมณ์ดีกันเป็อย่างมากถึงกับออกคำสั่งลงมาว่า ขอเพียงแค่เขาอยากจะฝึกฝนเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ ทรัพยากรทั้งหมดที่มีภายในตระกูลเฟิงล้วนให้เขาใช้ได้ตามใจ ต่อให้ทำการฝึกฝนจนกระทั่งตระกูลเฟิงหมดตัวก็ไม่เป็ไร...
หลายตระกูลล้วนปรากฏผู้มีพร์ล้ำเลิศออกมา ตระกูลฮวาเองก็ไม่น้อยหน้า ผลไม้วิเศษยาวิเศษทั่วทั้งทวีปัเพลิงล้วนถูกส่งมายังเมืองลั่วฮวาอย่างไม่ขาดสาย ถูกส่งมายังภายในหอที่พักที่ฮวาเฉ่าอยู่ ระยะเวลาสองปีมานี้นักถ้ำมองผู้มีชื่อเสียงอันดับหนึ่งของตระกูลฮวาไม่ได้ปรากฏกายขึ้นที่หน้าต่างห้องอาบน้ำของหญิงสาวเมืองลั่วฮวาเลยสักครั้ง และไม่ได้ปรากฏกายขึ้นที่หอนางโลมของเมืองลั่วฮวาเลยสักครั้งด้วยเช่นเดียวกัน
ฮวาเฉ่าคล้ายกับว่าได้หายตัวไปแล้วอย่างไรอย่างนั้น ไม่มีข่าวคราวใดๆ เกี่ยวกับเขาปรากฏขึ้นมาภายในเมืองลั่วฮวาเลย ได้ยินแค่เพียงว่าหัวหน้าตระกูลฮวาระยะนี้อารมณ์ดีเป็อย่างมากถึงกับออกไปดื่มเหล้าบุปผาที่หอนางโลมเหลียนฮวาของเมืองลั่วฮวาอยู่บ่อยๆ แต่บางครั้งจ่ายเงินแล้วกลับไม่ดื่มก็มี...
ในระยะเวลาสองปีมานี้ทั้งตระกูลฮวาและตระกูลเฟิงต่างกว้านซื้อยาวิเศษและผลไม้วิเศษจำนวนมหาศาลจนทำให้ราคาของยาวิเศษและผลไม้วิเศษพุ่งสูงขึ้นเป็ประวัติการณ์ ตระกูลเสว่เดิมทีที่ได้รับความเสียหายอย่างหนักจากเื่ที่เสว่อู๋เหินกระทำไว้ ทำให้ลูกหลานของตระกูลต้องอดออมกินผักกินเต้าหู้มาหลายเดือน แต่ครั้งนี้เนื่องจากการกว้านซื้อทรัพยากรในการฝึกฝนของตระกูลเฟิงและตระกูลฮวาทำให้พวกเขากลับมามีฐานะสามารถกินอาหารชั้นเลิศได้อีกครั้ง
ตระกูลเยว่ไม่ได้มีความเคลื่อนไหวใดๆ เพราะพลังทางสายเืของตระกูลเยว่ค่อนข้างพิเศษ ผู้ฝึกยุทธ์ของตระกูลอื่นๆ ล้วนอาศัยระดับขั้นพลังปราณรบเพื่อมาเพิ่มระดับขั้นพลังิญญา แต่ลูกหลานของตระกูลเยว่กลับไม่ได้เป็เช่นนั้น ในทางตรงกันข้ามหากระดับขั้นพลังิญญาเพิ่มสูงขึ้นระดับขั้นพลังปราณรบก็จะเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็วขึ้นมาเอง ผู้ฝึกยุทธ์โดยทั่วไปหากยังไม่บรรลุถึงระดับขอบเขตาาจักรพรรดิจะไม่สามารถฝึกฝนพลังิญญาได้ แต่หญิงสาวของตระกูลเยว่ขอแค่เพียงสามารถปลุกพลังทางสายเืขึ้นมาได้ จากนั้นเรียนรู้เคล็ดวิชาลับที่มีเฉพาะในตระกูลเยว่ก็จะสามารถทำการฝึกฝนพลังิญญาได้ ดังนั้นรูปแบบการโจมตีของลูกหลานตระกูลเยว่จึงเป็การโจมตีทางิญญาเป็หลัก
เยว่ชิงเฉิงยังคงสวมชุดกระโปรงสีดอกท้อมาตลอดสองปี ทัดดอกท้อมาตลอดสองปี ดีดพิณมาตลอดสองปี ร่ายรำเพลงกระบี่มาตลอดสองปี และขับร้องบทกลอน “พั่วเจิ้นจือ” มาตลอดสองปี
คนของตระกูลเยว่เหมือนว่าแทบจะไม่เคยเห็นนางทำการฝึกฝนเลยสักครั้ง แต่ว่า...นางกลับเป็หนึ่งในนายน้อยและคุณหนูของตระกูลใหญ่ทั้งหลายที่มีระดับความเร็วในการฝึกฝนรวดเร็วมากที่สุดคนหนึ่ง ระยะเวลาเพียงแค่สองปีจากพลังฝีมือระดับขั้นสูงสุดขอบเขตเยี่ยมยุทธ์ นางฝึกฝนจนบรรลุขึ้นมาถึงระดับขั้นที่สองขอบเขตจ้าวนักรบแล้วในตอนนี้
หัวหน้าตระกูลเยว่ เยว่สุ่ยสีออกมาจากการเก็บตัวฝึกฝนอยู่หลายครั้งเพราะเยว่ชิงเฉิง
รู้สึกประหลาดใจต่อรูปแบบการฝึกฝนของนาง ตกตะลึงต่อระดับความเร็วในการฝึกฝนของนาง ปวดหัวกับสภาพจิตใจที่ราวกับถูกธาตุไฟเข้าแทรกของนาง รู้สึกเวทนาสงสารต่อความเศร้าเสียใจที่เกิดขึ้นภายในใจของนาง ทุกครั้งที่มองดูเยว่ชิงเฉิงที่อยู่ข้างทะเลสาบจึงได้แต่ส่ายหน้าอย่างอับจนด้วยปัญญาและแหงนหน้าขึ้นฟ้าทอดถอนใจออกมา
เย่ชิงอู่ค่อนข้างโชคดี สองปีก่อนที่เย่ไป๋หู่และเย่ชิงหนิวทำการรักษาเย่ชิงอวี่นางได้รับประโยชน์ไปด้วยได้ดูดซับพลังงานบริสุทธิ์ที่เอ่อล้นออกมา หลังจากที่เย่ชิงอวี่ถูกช่วยให้ฟื้นขึ้นมาแล้วยาิญญาเทวะจึงไม่จำเป็จะต้องใช้อีก เพราะเื่ของเย่ชิงอวี่ทำให้เย่เทียนหลงอารมณ์ดีเป็อย่างมากจึงได้มอบยาิญญาเทวะที่แลกมาจากนครแห่งเทพให้นาง
ระยะเวลาสองปีมานี้นอกจากดูแลเย่ชิงอวี่แล้วเวลาที่เหลือนางล้วนใช้ในการฝึกฝน ทั้งพลังงานที่เอ่อล้นออกมาจากผลึกเทวะและพลังงานจำนวนมหาศาลที่ได้จากยาิญญาเทวะบวกกับความมุมานะในการฝึกฝนของนาง ความสำเร็จที่เกิดขึ้นจึงเป็ที่พอใจ เมื่อไม่นานที่ผ่านมานี้ในที่สุดนางก็สามารถบรรลุถึงระดับขอบเขตจ้าวนักรบได้
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้