คุณตาพูดด้วยน้ำเสียงซาบซึ้ง “ต้องรบกวนผู้ใหญ่บ้านด้วย พวกเราจะไปที่หมู่บ้านเซิ่งลี่ เื่นี้ต้องเกี่ยวกับเซี่ยฟู่กุ้ยแล้วก็เมียมันแน่นอน”
“ได้ แยกย้ายกันไปจัดการ”
อู๋กวงเต๋อกับหลานสาวเดินตรงไปที่หมู่บ้านเชาหยาง ไปถึงเป็เวลากินข้าวเที่ยงพอดี
เซี่ยโม่พูดกับคุณตาว่า “คุณตาคะ พวกเราไปดูที่บ้านตระกูลเซี่ยก่อน แล้วค่อยไปหาผู้ใหญ่บ้านดีไหมคะ”
อู๋กวงเต๋อคิดถึงเื่นี้ได้เช่นกัน เื่ที่เกิดขึ้นในวันนี้เป็ฝีมือหวางหม่าจื่อกับพวก ย่อมต้องเกี่ยวข้องกับหวางลี่ลี่แน่นอน ทว่าตอนนี้พวกเธอทั้งคู่ยังไม่มีหลักฐาน
สองตาหลานเลยไปหาหลักฐานที่บ้านตระกูลเซี่ยก่อนแล้วค่อยว่ากัน
ทั้งคู่เพิ่งจะเดินถึงหน้าบ้านก็ได้ยินเสียงแหลมของผู้หญิงกำลังบ่นด่าดังมาจากในบ้าน
“เซี่ยฟู่กุ้ย คุณนี่มันไม่ได้เื่เลย แต้มการทำงานของบ้านเรา แต่กลับปล่อยให้คนอื่นเอาไปคำนวณแล้วเอาไปแลก…”
สองตาหลานฟังออกในทันทีว่าคือเสียงของหวางลี่ลี่ ก่อนเสียงปลอบของผู้ชายจะดังตามมา
“เอาละ ก็แค่สองร้อยกว่าแต้ม เลิกบ่นได้แล้ว”
หวางลี่ลี่น่าจะรู้เื่ที่เธอเอาแต้มการทำงานไปแลกธัญพืชแล้ว ด้วยความโกรธจัดเลยให้หลานชายไปขโมยของในบ้านคุณตาคุณยาย
เกิดอะไรขึ้นกับทางโรงพัก?
หวางหมาจื่อกับพวกก่อคดีลักพาตัว แม้จะทำไม่สำเร็จ กระนั้นก็ไม่ควรถูกปล่อยตัวออกมาทั้งที่เพิ่งจับขังไปได้ไม่กี่วัน
หรือบิดากับแม่เลี้ยงของเธอจะมีคนรู้จักอยู่ในโรงพัก? หรือจ่ายเงินเพื่อเอาตัวหลานชายออกมา?
เซี่ยโม่เดาถูก หวางลี่ลี่รู้จักกับคนในโรงพัก พอจ่ายเงินให้คนนั้น พวกหวางหมาจื่อถึงได้ถูกปล่อยตัวออกมา
กอปรกับกระทำการไม่สำเร็จ หวางลี่ลี่กับหลานชายจึงถูกจับเข้าคุกสั่งสอนแค่ไม่กี่วัน หลังจากนั้นก็ถูกปล่อยตัวออกมา
พอรู้ว่าเซี่ยโม่เอาแต้มการทำงานไปแลกธัญพืช หวางลี่ลี่รู้สึกเหมือนมีคนมาควักเอาหัวใจและเครื่องในของเธอไป รู้สึกรับไม่ได้อย่างยิ่ง
มีประโยคหนึ่งกล่าวไว้ได้ดีมาก แต้มการทำงานทุกแต้มมีค่าดุจชีวิต
แต้มการทำงานหมายถึงอะไร หมายถึงเงิน หมายถึงชีวิต เด็กนี่ไม่เพียงออกจากบ้าน แต่ยังทำลายชื่อเสียงของตระกูลเซี่ยอีกด้วย และที่น่าโมโหที่สุดคือ เอาแต้มการทำงานแลกของกลับไป
เธอเลยปรึกษากับหลานชาย หลานชายแนะนำว่า “ป้า เื่นี้ไม่เห็นจะยากเลย พวกเราก็แค่ไปเอาธัญพืชพวกนั้นกลับมา ผมมีพรรคพวก ป้ามีคนรู้จักอยู่ในโรงพัก แค่นี้ก็ไม่มีใครทำอะไรพวกเราได้แล้ว”
เธอพยักหน้าเห็นด้วย “ได้ งั้นแกก็ไปเอาธัญพืชพวกนั้นมา”
ด้วยเหตุนี้ หวางหมาจื่อเลยพาพวกสองคนบุกเข้าไปในบ้านอู๋
เซี่ยเฉินเฟิงอยู่บ้านคนเดียว พอเห็นว่ามีคนบุกเข้ามาก็ร้องะโเสียงดัง
หวางหมาจื่อทำร้ายเด็กชายจนสลบ ก่อนจะกวาดเอาทรัพย์สินและของมีค่าไป
ตาหลานที่ยืนอยู่หน้าบ้านได้ยินเสียงพูดอย่างขุ่นเคืองว่า “คุณรีบไปบอกให้เด็กนั่นทำงานให้ครบสองร้อยกว่าแต้มแล้วเอามาคืนพวกเราเลยนะ ไม่อย่างนั้นฉันไม่ยอมจริงๆ ด้วย”
เซี่ยฟู่กุ้ยพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนอกอ่อนใจ “ลี่ลี่ คุณบอกว่าให้หลานชายไปแก้แค้นแล้วไม่ใช่เหรอ เลิกบ่นสักทีเถอะ”
“ทำไมหลานฉันต้องช่วยคุณด้วย” หวางลี่ลี่พูดอย่างถือดี
“ก็เงินทั้งหมดของบ้านเราอยู่กับคุณหมด คุณก็ให้ไปสิ” เซี่ยฟู่กุ้ยอธิบายเสียงอ่อน
หวางลี่ลี่หยั่งเชิงถามอีกครั้ง “คุณพูดเองนะ พอถึงตอนนั้นอย่ามาว่าฉันนะ”
เซี่ยโม่ที่ยืนอยู่หน้าบ้านเข้าใจเื่ราวทั้งหมดในทันที ผู้อยู่เื้ัเื่ที่เกิดขึ้นก็คือแม่เลี้ยงนี่เอง
เดิมทีเธอคิดจะเข้าไปเอาเื่ให้รู้แล้วรู้รอด หากต่อมาก็คิดได้ว่า เข้าไปเอาเื่แล้วจะมีประโยชน์อะไร ในเมื่อรู้ที่มาที่ไปของเื่ทั้งหมดแล้ว ไปหาผู้ใหญ่บ้านเลยน่าจะดีกว่า
เธอหมุนตัวหันหลัง เป็เวลาเดียวกับที่คุณตายื่นมือมาจับแขนเธออย่างร้อนใจ
อู๋กวงเต๋อกลัวหลานสาวจะทำอะไรบุ่มบ่ามเพราะความใจร้อน เซี่ยฟู่กุ้ยไม่รู้เื่นี้ด้วย เป็แค่คนสนับสนุนเท่านั้น “ไป…”
ขณะที่เซี่ยโม่กำลังเดินตามคุณตาไป เท้าของเธอกลับเตะโดนก้อนหินเข้าเสียก่อน
เมื่อได้ยินเสียงดังจากนอกบ้าน หวางลี่ลี่จึงเดินออกมาดู แล้วก็ได้เห็นสองตาหลานที่หน้าบ้าน
เธอคิดขึ้นมาได้ว่า เมื่อครู่พูดกันเสียงดังซะขนาดนั้น สองตาหลานคู่นี้ต้องได้ยินแล้วเป็แน่
เธอตรงเข้าไปหาทั้งคู่ ก่อนถลึงตาถาม “ทั้งสองคนมาทำอะไรลับๆ ล่อๆ แถวนี้”
เซี่ยโม่ยกยิ้มมุมปากอย่างเ็า “ไม่ได้ทำอะไร ที่แท้คุณเป็คนให้หวางหมาจื่อไปขโมยของในบ้านฉันนี่เอง คุณรอตำรวจมาจับพวกคุณเข้าคุกได้เลย”
ก่อนหน้านี้ตอนที่เธอกับคุณตายืนอยู่หน้าบ้าน หางตาของเธอเหลือบไปเห็นว่ามีคนหลายคนยืนรอชมเื่สนุกอยู่นอกรั้ว
คนเหล่านี้น่าจะได้ยินบทสนทนาของบิดากับแม่เลี้ยงที่อยู่ในบ้านด้วยเช่นกัน
ในเมื่อตอนนี้เธอไปไหนไม่ได้แล้ว เช่นนั้นก็พูดออกไปเสียงดังๆ เอาให้ทุกคนได้ยินกันไปเลย
โบราณกล่าวไว้ว่า ความยุติธรรมอยู่ที่ใจคน
เซี่ยฟู่กุ้ยเดินตามออกมา มองเธอด้วยสีหน้าตกตะลึง “เมื่อกี้แกบอกว่า หวางหมาจื่อไปขโมยของที่บ้านแกงั้นเหรอ”
ยังมีหน้ามาถามอีก!
เธอมองบิดาด้วยแววตาเย้ยหยัน “ค่ะ เขาไม่เพียงขโมยของภายในบ้านคุณตาคุณยายไปจนหมด ยังทำร้ายเฉินเฟิงจนสลบ ตอนนี้เป็ตายก็ยังไม่รู้แน่ มีคนไปแจ้งตำรวจแล้ว พวกคุณหนีไม่พ้นหรอก”
เซี่ยฟู่กุ้ยหันไปมองหวางลี่ลี่ ก่อนจะเอ่ยถามด้วยสีหน้างุนงงสงสัย “ไหนคุณบอกว่าให้หลานชายไปเอาธัญพืช ทำไมตอนนี้ถึงกลายเป็ขโมยของไปได้”
หวางลี่ลี่เริ่มมีท่าทีลนลาน ก่อนจะพูดแถว่า “ฉันแค่บอกให้มันไปเอาธัญพืชจริงๆ ใครจะไปรู้ว่ามันจะขโมยของอย่างอื่นภายในบ้านด้วย เื่นี้ไม่เกี่ยวกับฉัน…”
เซี่ยโม่เอ่ยด้วยน้ำเสียงดุดันแข็งกร้าว “เกี่ยวหรือไม่เกี่ยวให้ตำรวจเป็คนตัดสินเองดีกว่า แต่ตอนนี้เอาเงินค่ารักษามาก่อน”
แม้เธอพอจะเดาออกว่าหวางลี่ลี่รู้จักกับตำรวจในโรงพัก แต่คนเ่าั้ไม่น่าทำตัวเอามือเดียวปิดแผ่นฟ้า[1]
เื่ลักพาตัวก่อนหน้ากระทำไม่สำเร็จ แต่ครั้งนี้พวกนั้นทำสำเร็จ ทั้งยังทำร้ายเด็กคนหนึ่งอีกด้วย
ตำรวจพวกนั้นจะช่วยปกปิดได้อีกไหม ถ้าทำได้ เธอจะไปแจ้งความในอำเภอ หากไม่ได้เื่อีก เธอก็จะไปแจ้งความที่มณฑล
เซี่ยโม่มองบรรดาคนที่เกาะรั้วชมเื่สนุก แล้วเธอก็ได้เห็นคนคุ้นหน้าคุ้นตา
เธอพูดอย่างมีมารยาทว่า “คุณอาหวาง รบกวนคุณไปตามผู้ใหญ่บ้านมาให้หน่อยได้ไหมคะ”
คุณอาหวางพยักหน้า “ได้ ฉันจะให้ลูกฉันไปตามให้เดี๋ยวนี้แหละ”
เซี่ยฟู่กุ้ยรีบห้าม “น้องหวาง อย่าเพิ่งไป”
ก่อนจะหันไปมองบุตรสาวพลางพูดขอร้อง “โม่โม่ เมื่อกี้แกก็ได้ยินแล้วนี่ว่าแม่เลี้ยงแกไม่ได้ตั้งใจ แม่เลี้ยงแกรู้เท่าไม่ถึงการณ์ เธอแค่อยากได้ธัญพืชที่แกเอาแต้มการทำงานไปแลกกลับคืนมาเท่านั้น ไม่ได้คิดร้ายอะไร”
เซี่ยโม่เอ่ยอย่างโกรธจัด “รู้เท่าไม่ถึงการณ์แต่ขโมยของและทำร้ายน้องชายของฉันเนี่ยนะ แค่บอกว่าไม่ได้ตั้งใจก็ไม่ต้องรับผิดชอบการกระทำของตัวเองแล้วงั้นเหรอ”
เซี่ยฟู่กุ้ยขมวดคิ้ว สีหน้าเริ่มไม่พอใจ “แกนี่ยังไง ฉันอุตส่าห์พูดดีๆ ด้วยแล้ว ถ้าแกไม่เอาแต้มการทำงานไปแลกธัญพืช แม่เลี้ยงแกเหรอจะส่งคนไปเอากลับมา”
นี่แหละคือบิดาแท้ๆ ของเธอ!
ทั้งๆ ที่หลานชายของหวางลี่ลี่เข้าไปขโมยของในบ้านเธอ ทั้งยังทำร้ายน้องชายจนาเ็สาหัส แต่กลับพูดว่ามันก็แค่เื่ธัญพืช
เธอเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเจ็บช้ำน้ำใจอย่างสุดแสน “คุณพ่อคนดีของฉัน เพื่อธัญพืชพวกนั้น น้องชายฉันเกือบจะต้องมาตาย พวกคุณพูดแบบนี้ได้ยังไง แค่เพราะอยากได้ธัญพืชกลับไปงั้นเหรอ พวกคุณมีสิทธิ์อะไรมาเอามันกลับไป ตอนอยู่ที่บ้านคุณฉันออกไปเก็บหญ้าแห้วหมูทุกวัน ปิดเทอมก็ไปทำงาน แต้มการทำงานพวกนั้นฉันเป็คนสะสม ฉันจะเอาไปแลกก็เป็สิทธิ์ของฉัน พวกคุณมีสิทธิ์อะไรมาเอาไป”
เซี่ยฟู่กุ้ยไม่รู้จะโต้กลับยังไง ทำได้แค่อึกอัก ปากประเดี๋ยวอ้าประเดี๋ยวหุบอยู่อย่างนั้น
หวางลี่ลี่ดันเซี่ยฟู่กุ้ยไปด้านข้าง ก่อนจะเอ่ยอย่างน่าสงสารว่า “โม่โม่ เธออย่าโทษพ่อของเธอเลย ที่เขาทำแบบนี้ก็เพราะที่บ้านไม่มีอะไรให้กิน ฉันเห็นเขาเครียดก็เลยไปปรึกษากับหลานชาย ส่วนหลานชายจะทำยังไงนั้น เื่นี้ฉันไม่รู้จริงๆ”
สมกับเป็ดอกบัวขาว ผลักความผิดให้พ้นตัว บอกว่าตัวเองคือผู้บริสุทธิ์
“เื่นี้คุณไม่ต้องอธิบายกับฉันหรอก ไปอธิบายกับตำรวจเถอะ เื่ขโมยของและทำร้ายคนเป็คุณกับหลานชายร่วมมือกัน พวกคุณรอตำรวจมาจับได้เลย”
หวางลี่ลี่เห็นเซี่ยโม่ไม่ยอมง่ายๆ ก็กลับไปเป็คนเดิม พูดข่มขู่อย่างเดือดดาลว่า “นังเด็กนี่ พูดดีๆ ไม่ชอบใช่ไหม งั้นก็อย่าหาว่าฉันใจร้ายก็แล้วกัน”
เธอไม่กลัวเลยสักนิด ทั้งยังประชดประชันกลับไป “นี่ยังไม่เรียกว่าใจร้ายอีกเหรอ”
-------------------------------------
[1] เอามือเดียวปิดแผ่นฟ้า หมายถึง อาศัยอำนาจและอิทธิพลที่มีปิดบังบางสิ่งบางอย่างหรือเื่ใดเื่หนึ่ง
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้