ในสายตาของคนรอบข้าง เสิ่นกุ้ยมีหน้าตาที่ไม่ได้โดดเด่นนัก อาจกล่าวได้ว่าถึงขั้นขี้ริ้วขี้เหร่ ดังนั้นหญิงสาวที่ดีๆ จึงไม่มีใครยอมแต่งงานกับเขาแม้แต่คนเดียว แต่หลังจากได้ฝากชื่อกับแม่สื่อไว้ ก็ได้ครอบครัวหนึ่งในหมู่บ้านตระกูลฟางบนยอดเขาซีไป๋ยอมตกลง
ลุงรองเสิ่นมีบุตรชายเพียงคนเดียว ดังนั้นการแต่งงานจึงจัดอย่างยิ่งใหญ่
ตอนที่กู้เจิงมาถึงบ้านลุงรอง เ้าสาวก็ได้เข้าประตูไปเสียแล้ว
“ท่านพี่?” กู้เจิงเห็นสามีกำลังแบ่งลูกอมให้พวกเด็กๆ อยู่ ปกติเห็นท่าทางเ็าของเขาจนเคยชิน ความติดดินเช่นนี้จึงเป็สิ่งที่ไม่คาดคิด วันนี้เสิ่นเยี่ยนสวมชุดที่สะอาดสะอ้านและยังคงเป็โทนสีเข้ม วันนี้เขาคงอยู่ในขบวนฝ่ายชายที่ไปรับเ้าสาว “รับเ้าสาวมาเร็วขนาดนี้เชียวหรือเ้าคะ?”
“ท่านลุงรองคํานวณฤกษ์มงคลไว้แล้ว เ้าสาวต้องมาถึงที่นี่ก่อนฤกษ์มงคล” เสิ่นเยี่ยนยื่นลูกอมเม็ดสุดท้ายในมือให้กู้เจิง
“ข้ากำลังอยากจะไปหาเ้าที่หอสมุด ไม่คิดว่าเ้าจะมาที่นี่ก่อน ทุกอย่างราบรื่นดีไหม?” เขาเห็นภรรยายิ้มแย้มหน้าบาน ก็รู้ทันทีว่าความกังวลของเขานั้นไม่จำเป็
เป็ดังคาด กู้เจิงพูดอย่างภาคภูมิใจว่า “ตอนที่ข้าออกมา มีคนจ่ายค่าธรรมเนียมรายเดือนอีกหลายคนเลยเ้าค่ะ”
“ตอนบ่ายข้าจะตามเ้าไปดู”
“ตอนบ่ายนี้ท่านไม่ต้องไปสำนักราชเลขาหรือเ้าคะ?”
“ถางซยงแต่งงาน หอสมุดของเ้าก็เปิดทำการ ข้าเลยขอลาพักครึ่งวัน”
“อาเจิง” นายหญิงเสิ่นเดินออกมาจากห้องครัวพร้อมถือเนื้อหมูผัดซีอิ๊วมาจานใหญ่ “ทางหอสมุดราบรื่นไหม?”
“ท่านแม่วางใจได้เ้าค่ะ ทุกอย่างเรียบร้อยดี”
“เช่นนั้นก็ดี” นายหญิงเสิ่นยิ้มบางๆ “เ้าสาวอยู่ในห้องหอ พี่สะใภ้ทั้งสองคนกำลังสนุกกับการแต่งห้องอยู่ เ้าอยากไปดูไหม?”
“ดีเ้าค่ะ” กู้เจิงชอบความครึกครื้นเป็พิเศษ นางยังจำตอนที่แต่งงานกับเสิ่นเยี่ยนได้
พี่สะใภ้ใหญ่ พี่สะใภ้รองที่กำลังอุ้มลูกล้วนมาพูดคุยหัวเราะกันในห้องหอ ญาติผู้พี่เหมยเอ๋อร์ก็พาลูกมาด้วย นอกจากพวกนางแล้ว ยังมีพวกคนสกุลเสิ่นรวมถึงเด็กๆ อีก
“อาเจิงมาแล้ว” พี่สะใภ้รองเห็นกู้เจิงจึงทักขึ้น นางลากกู้เจิงมาหาเ้าสาวที่นั่งอยู่บนเตียง“อวิ๋นเหนียง เ้าเป็เ้าสาวในงานวันนี้ ส่วนนี่เป็เ้าสาวเมื่อครึ่งปีก่อน”
“ถ้าเ้าพูดขนาดนี้ ข้าไม่ใช่เ้าสาวเมื่อหกปีก่อนเลยหรอกหรือ?” พี่สะใภ้ใหญ่หัวเราะคิกคัก
“เ้าสาวเมื่อยี่สิบปีก่อนก็อยู่ที่นี่เหมือนกัน” ญาติอีกคนหนึ่งเอ่ย
ทุกคนในห้องต่างหัวเราะเสียงดังครื้นเครง
กู้เจิงมองสำรวจฟางอวิ๋นเหนียงก่อนเอ่ยชมว่า “เ้าสาวช่างงดงามจริงๆ” อวิ๋นเหนียงสวมชุดเ้าสาวสีแดงตัวใหญ่ ขับเน้นผิวขาวให้ดูผุดผาด คิ้วเล็กเรียวงามจมูกโด่งประดุจช่อบุปผา เมื่อเทียบกับหญิงสาวส่วนใหญ่ในหมู่บ้านแล้ว ไม่รู้ว่าจะสวยกว่ามากน้อยแค่ไหน
“ตอนที่อากุ้ยเปิดผ้าออก ข้าก็พูดแบบนี้เหมือนกัน” พี่สะใภ้ใหญ่หัวเราะ “ตระกูลเสิ่นของพวกเรามีสาวงามสองคนแล้วสินะ”
ทุกคนหัวเราะอีกครั้ง
“ท่านคืออาเจิงกระมัง ข้าชื่ออวิ๋นเหนียง เมื่อครู่พี่สะใภ้สองคนได้พูดถึงท่านให้ข้าฟังแล้ว” ฟางอวิ๋นเหนียงพูดได้ไพเราะน่าฟังยิ่ง
“ข้าควรจะต้องเรียกเ้าว่าพี่สะใภ้สาม” กู้เจิงพูดกับอวิ๋นเหนียงด้วยรอยยิ้ม “แต่ท่าทางพี่สะใภ้สามจะดูเด็กกว่าข้านะ”
อวิ๋นเหนียงหน้าแดง “ปีนี้ข้าอายุสิบเจ็ดแล้ว”
“เช่นนั้นก็อายุเท่ากัน” กู้เจิงยิ้มบางๆ
“พวกเ้าอายุเท่ากัน” ป้าใหญ่กับป้าสามเดินเข้ามาพร้อมกับทังหยวน ส่วนคนที่พูดคือป้าใหญ่ “ต่อไปพวกเ้าจะต้องสนิทกันแน่นอน”
กู้เจิงและฟางอวิ๋นเอ๋อร์มองหน้ากันยิ้มๆ
เสิ่นเยี่ยนที่ยืนอยู่นอกห้องเห็นภรรยาคุยกับทุคนอย่างมีความสุขก็ดีใจ เขากับญาติผู้พี่ทั้งหลายต่างเหมือนเป็พี่น้องแท้ๆ นานๆ ทีภรรยากับพี่สะใภ้จะได้คุยกันอย่างสนุกสนานแบบนี้มีไม่บ่อยนัก
“อาเยี่ยน เ้าก็เข้ามาสิ” ป้าใหญ่ที่อยู่ในห้องกล่าวเรียก
“ไม่ล่ะขอรับ ข้าจะไปช่วยลุงรองทำงานก่อน” เสิ่นเยี่ยนพูดพลางมองภรรยาก่อนจะจากไป
ป้าใหญ่มองตามเสิ่นเยี่ยนพร้อมเอ่ยว่า “เมื่อก่อนพวกเราต่างคิดว่าอาเยี่ยนคนนี้ดีไปหมดทุกอย่าง มีแค่นิสัยกับหน้าตาที่เ็าเกินไป แต่ผู้หญิงคนไหนจะชอบเห็นหน้าเ็าของสามีได้ทุกวัน? ไม่คิดเลยว่าหลังจากแต่งงานกับอาเจิง เขาจะเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้”
กู้เจิงเขินขึ้นมานิดๆ “ทำไมถึงวนมาพูดเื่ของข้าได้ล่ะเ้าคะ”
หลังจากทานอาหารเที่ยงกันเสร็จ กู้เจิงกับเสิ่นเยี่ยนก็ออกไปที่หอสมุดกัน ทันทีที่ก้าวเท้าเข้าไปในหอสมุด ชุนหงก็วิ่งมาหา “คุณหนู องค์รัชทายาทและตวนอ๋องมาถึงแล้ว และยังมีท่านแม่ทัพเยี่ยนจื่อเซี่ยนผู้นั้นมาด้วยเ้าค่ะ” นางพูดพลางชี้ขึ้นไปข้างบน
กู้เจิงกับเสิ่นเยี่ยนหันมองหน้ากันอย่างแปลกใจ ก่อนที่เสิ่นเยี่ยนจะรีบเดินขึ้นชั้นสองไป
“ทำไมเ้าไม่ส่งคนไปบอกข้าให้เร็วกว่านี้เล่า?” กู้เจิงเองก็รีบตามไปเช่นกัน
“บ่าวก็อยากจะไปบอกเหมือนกันเ้าค่ะ แต่องค์รัชทายาทไม่ยอมให้บ่าวมาแจ้ง”
“ไม่ต้องโทษชุนหงหรอกขอรับ” ลุงหม่าตงรีบเข้ามาช่วยชุนหง “องครักษ์ที่หน้าประตูไม่ยอมให้คนของเราออกไปไหนเลย”
บนชั้นสององค์รัชทายาท ตวนอ๋อง และแม่ทัพเยี่ยนจื่อเซี่ยนต่างนั่งดื่มชากันอยู่ในห้องหนังสือเล็กที่กู้เจิงได้เตรียมไว้ให้สำหรับเหล่าคุณหนูคุณชายที่้าความสงบ กู้เจิงเข้าไปในห้องก่อนจะย่อกายทำความเคารพทุกคนแล้วตรงไปนั่งข้างเสิ่นเยี่ยน บรรยากาศในห้องเงียบสงัดแปลกๆ ั้แ่กู้เจิงเข้ามาก็ยังไม่มีใครเปิดปากพูดเลยสักคน
องค์รัชทายาทและตวนอ๋องต่างมีสีหน้าไม่สบอารณ์ ส่วนแม่ทัพเยี่ยนจื่อเซี่ยนก็นั่งดื่มชาอย่างกวนอารมณ์ ไม่รู้ว่าก่อนหน้านี้ทั้งสามคนคุยอะไรกันมาบ้างบรรยากาศในห้องถึงอึมครึมเช่นนี้
ชุนหงถอยออกไปอย่างเงียบเชียบหลังจากรินชาให้คุณหนูกับท่านบุตรเขย
“ตกลง คำตอบของพวกท่าน?” แม่ทัพเยี่ยนจื่อเซี่ยนถามขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“แม่ทัพเยี่ยน ในเมื่อท่านไม่ได้แสดงจุดยืนั้แ่แรก แล้วตอนนี้จะมาอยากแบ่งน้ำแกงสักถ้วย* มันจะไม่น่ารังเกียจไปสักหน่อยหรือ” ตวนอ๋องตอบอย่างเ็า
(*หมายถึง การแบ่งปันผลประโยชน์)
“แล้วยามที่ตวนอ๋องวางแผนให้พี่สาวคนโตของข้ามารับเคราะห์แทนเสี่ยนอ๋อง แบบนี้เรียกว่าน่ารังเกียจหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”
“เปิ่นหวังแค่บอกความจริงกับนายหญิงฟู่เท่านั้น ไม่ได้บังคับให้นางเอาหัวโขกกับสิงโตหินที่หน้าประตูจวนเสี่ยนอ๋องเสียหน่อย”
“น่าขัน สิ่งที่เรียกว่าความจริงของท่านยิ่งนัก”
กู้เจิงนั่งอย่างอึดอัดกับบรรยากาศในห้อง นางหันมองตวนอ๋องทีแม่ทัพเยี่ยนที
“เปิ่นกงเห็นด้วยกับท่านแม่ทัพ แต่ท่านแม่ทัพควรแสดงความจริงใจออกมาด้วยมิใช่หรือ?” องค์รัชทายาทแห่งตำหนักบูรพากล่าว
“ก่อนหน้านี้กระหม่อมเคยบอกกับตวนอ๋องไปแล้ว กระหม่อมไม่ได้ปกป้องดูแลบ้านเมืองเพื่อคนผู้หนึ่งผู้ใด กระหม่อมทำเพื่ออาณาประชาราษฎร์ในแคว้นต้าเยว่ของเรา หากองค์รัชทายาทตั้งใจอุทิศตนเพื่อราษฎรจริง กระหม่อมเยี่ยนจื่อเซี่ยนจะขอยอมเป็ม้ารับใช้ของท่าน” แม่ทัพเยี่ยนกล่าวตอบ
กู้เจิงสงสัย ทั้งสามคนนี้กำลังคุยเื่อะไรกันแน่? ทำไมจะต้องมาคุยกันที่หอสมุดของนางด้วย นางหันไปมองสามี เห็นเขาดื่มชาอย่างสบายอารมณ์ก็ยิ่งงุนงง
ผ่านไปครู่ใหญ่ ตวนอ๋องจึงพูดทำลายความเงียบขึ้นว่า “ใครก็ได้ เอาพู่กันกับหมึกมา”
ชุนหงที่อยู่รอรับใช้หน้าห้องรีบเอาพู่กันและแท่นหมึกเข้ามาให้ตวนอ๋อง
“อย่าเขียนผิดล่ะ ต่อไปกำไรจากหอสมุดจะแบ่งส่วนเป็สามต่อสามต่อสี่” แม่ทัพเยี่ยนกล่าวอย่างผ่อนคลาย
กู้เจิงรีบเอ่ยถามอย่างใ “อะไรคือแบ่งส่วนสามสามสี่?”