ทันใดนั้นผู้คนมากมายก็ให้ความสนใจไปที่องครักษ์ผู้ติดสอยห้อยตาม ทำให้บางคนรู้สึกประหม่า
เหนียนยวี่เห็นความตื่นตระหนกบนใบหน้าของฉางไทเฮาอย่างชัดเจน ดูเหมือนนางจะตระหนักได้ว่าคำพูดสองคำที่นางโพล่งหลุดออกไปเมื่อครู่นี้ นำความยุ่งยากมาให้อย่างใหญ่หลวงแล้ว
เหนียนยวี่อดไม่ได้ที่จะแอบขำขันในใจ ฉางไทเฮาเองก็มี่เวลาเช่นนี้ นางทอดทิ้งฉางหงเยียน เพื่อรักษาฉางหลิงเกอ ทว่าคิดดูแล้ว เกรงว่าเื่ราวจะไม่ง่ายดายเช่นนั้น
ยามนี้นางมีความสุขมากที่ได้ชมงิ้วเื่นี้
ส่วนฉางหลิงเกอ...
เหนียนยวี่หันไปมองชายคนนั้น เห็นเพียงคิ้วเขาขมวดมุ่นเล็กน้อยและรู้สึกได้ถึงสายตาของผู้คน ความแข็งแกร่งบนใบหน้าผ่อนคลายลงมาเล็กน้อย ระงับความไม่พอใจและความรังเกียจที่ฉายออกมาเมื่อครู่นี้ ยามนี้ ร่างกายหมอบลงด้วยความวิตกกังวลตามที่ควรจะเป็
แต่ถึงกระนั้น สีหน้าแววตาที่เขาแสดงออกมาได้ดึงดูดความสนใจของผู้คนมากมายเข้าเสียแล้ว
ฮองเฮาอวี่เหวินมองสำรวจเขาั้แ่หัวจรดเท้าด้วยสายตาอันแหลมคม เมื่อครู่นี้นางมิได้มองอย่างละเอียดดีนัก ทว่าครั้นมองอย่างละเอียดแล้ว บุรุษผู้นี้แลดูต่างจากองครักษ์ทั่วไปอย่างแท้จริง ความสุภาพเยือกเย็นบางอย่างมิเหมือนกับองครักษ์ทั่วไป แม้แต่ความน่ากริ่งเกรง...
ในเวลานี้ ฮองเฮาอวี่เหวินหรี่ตาลงเล็กน้อย นางเหลือบมองฉางไทเฮาและเอ่ยออกมาอย่างไม่รีบร้อนว่า "เหตุใดจะไม่ได้เล่า?"
ด้วยคำถามนี้ ทำให้จิตใจของฉางไทเฮาสงบลงเล็กน้อย รอยยิ้มผุดขึ้นที่มุมปากนาง “คุกหลวงเป็สถานที่คุมขังผู้กระทำความผิด องค์หญิงหงเยียนเป็แขกผู้มีเกียรติจากหนานเยวี่ย ทั้งยังมียศถาบรรดาศักดิ์เป็ถึงองค์หญิง หากส่งตัวนางเข้าคุกหลวงเกรงว่าจะดูไม่งามนัก”
“ไม่งามหรือ?” ฮองเฮาอวี่เหวินขมวดคิ้ว แท้จริงนี่เป็สิ่งที่นาง้าหรือ?
หึ นางไม่เชื่ออย่างแน่นอน
รอยยิ้มบนใบหน้าของฮองเฮาอวี่เหวินแย้มยิ้มกว้าง “ความกังวลของเสด็จพี่ไทเฮาจะได้รับการจัดการ ในเมื่อองค์หญิงหงเยียนเป็แขก ทั้งยังมียศถาบรรดาศักดิ์เป็ถึงองค์หญิง การส่งตัวนางเข้าคุกหลวง คงทำให้นางลำบากเกินไป ทว่าองครักษ์ผู้นี้...”
ยามที่ฮองเฮาอวี่เหวินเอ่ย ดวงตานางจับจ้องไปทางองครักษ์ผู้นั้นเล็กน้อย ทว่าสายตายังคงอยู่ที่ฉางไทเฮา เป็ดังคาด เพียงนางเอ่ยถึงองครักษ์เท่านั้น สีหน้าของฉางไทเฮาพลันมืดมนเคร่งเครียดขึ้นมาทันที ฮองเฮาอวี่เหวินตระหนักได้ถึงความผิดปกติอะไรบางอย่าง นางหยุดเอ่ยไปชั่วครู่หนึ่งแล้วจึงเอ่ยต่อไปว่า “ในเมื่อองครักษ์ผู้นี้เองก็เป็คนของหนานเยวี่ย ทั้งยังเป็เพียงคนใต้อาณัติ ส่งเขาเข้าคุกหลวงแทนคงมิเป็อะไร”
“นี่...นี่...”
“ไม่ได้ ไม่ได้เด็ดขาด แม้จะเป็คนใต้อาณัติจากแคว้นหนานเยวี่ยของข้าก็ส่งไปเข้าคุกหลวงไม่ได้” อูเสียนอ๋องเอ่ยออกมาด้วยสุรเสียงดังกังวาน พร้อมกับแสดงออกอย่างแข็งกร้าว
ชั่วขณะหนึ่งบรรยากาศในห้องหยุดชะงัก ความแปลกประหลาดแผ่ซ่านไปทั่ว
“หึ เื่นี้ช่างน่าสนใจเสียจริง แม้แต่นักโทษผู้ทำให้ความบริสุทธิ์ของหงเยียนต้องมีมลทิน พวกเ้ายังปกป้องถึงเพียงนี้ หนานเยวี่ยช่างเป็แคว้นที่มีมนุษยธรรมเสียจริง” ฮองเฮาอวี่เหวินเอ่ยออกมาอย่างยิ้มแย้ม ผู้ใดล้วนฟังออกถึงน้ำเสียงประชดประชันในคำพูดประโยคนี้
เป็แค่คนใต้อาณัติจริงหรือ?
แค่คนใต้อาณัติผู้หนึ่ง เหตุใดถึงเยือกเย็นเช่นนั้น? แม้แต่ฉางหนิงยังปกป้องคนเลวผู้นี้?
ที่พวกเขาปกป้องเช่นนี้มีเพียงคำอธิบายเดียวคือบุรุษผู้นี้มิใช่องครักษ์ ทว่าตัวตนของเขาบางทีอาจยิ่งใหญ่และสำคัญกว่าฉางหงเยียนอย่างมาก
ทว่า...จะเป็ใครเล่า?
ฮองเฮาอวี่เหวินชำเลืองมององครักษ์ผู้นั้น เกิดรู้สึกสนใจ นางเงียบนิ่งไปครู่หนึ่ง ทันใดนั้นท่าทีของนางก็แปรเปลี่ยนไป “ช่างเถิด วันนี้เกิดเื่เยอะเหลือเกิน เปิ่นกงรู้สึกเหนื่อยแล้ว องค์หญิงหงเยียนและองครักษ์ผู้ติดตาม...ไม่ส่งเข้าคุกหลวงก็ได้ พาไปที่พำนักแทนเถิด”
ฮองเฮาอวี่เหวินยกมือกุมหน้าผาก นางขมวดคิ้วเล็กน้อย ประหนึ่งเหนื่อยล้าอย่างแท้จริง
อูเสียนอ๋องและฉางไทเฮาถอนหายใจด้วยความโล่งอก แต่เพียงครู่เดียว ในใจของฉางไทเฮาพลันตึงเครียดอีกครั้ง
อวี่เหวินซินยอมปล่อยเื่นี้ไปจริงหรือ?
ไม่ เป็ไปไม่ได้อย่างแน่นอน!
นาง้าทำอะไรกันแน่?
ฉางไทเฮาเหลือบมองฮองเฮาอวี่เหวินอย่างคาดเดาไม่ได้เล็กน้อย
ฮองเฮาอวี่เหวินชะงักฝีเท้าเล็กน้อย ยามที่นางกำลังก้าวเดินไปที่ประตูและเดินผ่านฉางไทเฮา “เสด็จพี่ไทเฮาไม่กลับวังหรือ?”
ฉางไทเฮาพลันได้สติ หันสบตาฮองเฮาอวี่เหวิน นางยังไม่อยากกลับวัง เื่ของฉางหลิงเกอยังไม่คลี่คลาย นางจะจากไปอย่างมั่นใจได้อย่างไร?
จำกัดบริเวณให้อยู่แต่ในที่พำนักหรือ? สายตาของฉางไทเฮากวาดตามองชายหนุ่มอย่างไม่ปิดบัง...
"เสด็จพี่ยังมีอะไรไม่วางใจอีกหรือ?" ฮองเฮาอวี่เหวินแย้มยิ้มบาง
“ที่ใดเล่าฮองเฮา ข้าไหนเลยจะไม่วางใจ?” ฉางไทเฮาดึงสติกลับมา ใบหน้าแย้มยิ้มอ่อนโยน “ข้าย่อมต้องกลับวังอยู่แล้ว”
“ก็ใช่ พรุ่งนี้เสด็จพี่ไทเฮาต้องกลับชิงโหยวกว่านแล้ว มิรู้ว่าเก็บพระคัมภีร์เสร็จหรือยัง ทว่าอย่าพลาดจะดีกว่า” รอยยิ้มบนใบหน้าของฮองเฮาอวี่เหวินสว่างไสวขึ้นเรื่อยๆ นางตั้งใจเอ่ยถึงเื่นี้ มิปิดบังความโอหังบนใบหน้าแม้แต่น้อย
วันนี้ฉางไทเฮาแม้นวางแผนไว้แล้ว ทว่าสุดท้ายก็ยังสูญเปล่า?
ครั้นเอ่ยจบ ความอ่อนโยนบนใบหน้าของฉางไทเฮาพลันแข็งกระด้าง นางจะไม่เข้าใจสีหน้าโอหังพึงพอใจของฮองเฮาอวี่เหวินได้เยี่ยงไร ในใจนางรู้สึกหงุดหงิด ทว่าในตอนนี้ นางทำได้เพียงต้องอดทนกับเื่พวกนี้ นางระงับความรู้สึกในใจของตัวเองและเอ่ยออกมาเพียงว่า “ทำให้ฮองเฮาต้องทรงเป็กังวลเสียแล้ว”
“พวกเราเป็พี่สะใภ้และน้องสะใภ้ สนิทสนมกันมาแต่ไหนแต่ไร ความกังวลของเสด็จพี่เองก็เป็เื่ของเปิ่นกง” ฮองเฮาอวี่เหวินเลิกคิ้วแย้มยิ้ม เบนสายตาจากฉางไทเฮา กวาดมองฉางหงเยียนที่อยู่บนพื้นอย่างสังเวช ดวงตามัวหมอง “เสด็จพี่ เช่นนั้นพวกเราไปพร้อมกันเถิด รถม้าของเปิ่นกงอยู่ข้างนอกวังพำนักพอดี”
ครั้นเอ่ยจบ ไม่รีรอให้ฉางไทเฮาได้เอ่ยตอบ ฮองเฮาอวี่เหวินเดินข้ามฉางหงเยียน นางก้าวเดินออกจากห้องไป ทันทีที่เท้านางก้าวออกจากประตู น้ำเสียงอันสง่างามก็ดังขึ้นทันใด...
“ยังมีเื่พิษกู่ที่ค่ายเสินเช่ออีก จากนี้ไปลานทางใต้ของที่พำนักจะถูกปิด ไม่ว่าผู้ใด ตราบใดที่เป็คนของแคว้นหนานเยวี่ย มิอนุญาตให้ก้าวออกจากประตูลานทางใต้ หากขัดพระเสาวนีย์ ผู้นั้นจะถูกปะาชีวิตทันที!”
ทุกถ้อยคำทรงพลังดังกังวาน ทุกคนที่ได้ยินดังนั้นพลันรู้สึกเกร็งเครียดทันใด
ความหมายก็คือว่า แม้แต่อูเสียนอ๋องก็ออกไปไม่ได้!
ชั่วขณะหนึ่ง ทุกคนในเหตุการณ์จ้องมองไปที่พื้นด้วยสีหน้าแตกต่างกันไป ฮองเฮาอวี่เหวินครั้นเอ่ยจบ นางหันหลังไปหาฉางไทเฮา ท่าทีน่าเกรงขามที่ฉายออกมาเมื่อครู่นี้พลันแปรเปลี่ยน มุมปากยกยิ้มบาง เอ่ยออกมาอย่างอ่อนโยน “เสด็จพี่ ไปกันเถิด!”
ฉางไทเฮาขบเขี้ยวเคี้ยวฟันอย่างกรุ่นโกรธ นางสบตาฮองเฮาอวี่เหวิน ทำได้เพียงต้องอดทนฝืนกลั้น แล้วเดินออกจากห้องไป
ทุกคนต่างเฝ้ามองสตรีสูงส่งที่สุดในวังหลวงทั้งสอง เดินเคียงข้างกันโดยไม่พูดอะไร หากครุ่นคิดล้วนเข้าใจได้ทันทีว่าเื่ราวในวันนี้ ฮองเฮาอวี่เหวินเป็ฝ่ายชนะ ส่วนฉางไทเฮา...แพ้ราบคาบ!
ครั้นรอจนแผ่นหลังของบุคคลทั้งสองข้างหน้าลับหายไปจากสายตา ทุกคนพลันได้สติและรีบก้าวเดินตามออกไปทันที
ฮองเฮาอวี่เหวินและฉางไทเฮาเดินเคียงข้างกันไป ยามแรกเริ่มมิมีผู้ใดพูดจากัน แต่บรรยากาศที่เอ้อระเหยระหว่างคนทั้งสองนั้นแลดูแปลกมาก
"พี่สะใภ้ เื่ทั้งหมดในวันนี้...ท่านผิดหวังมากหรือไม่?"
ผ่านไปครู่หนึ่ง ฮองเฮาอวี่เหวินก็เอ่ยปาก มุมปากนางยกยิ้มเล็กน้อย แสดงให้เห็นอย่างภาคภูมิใจ เมื่อนึกถึงการเผชิญหน้าระหว่างทั้งสองในพระตำหนักฉางเล่อ สถานการณ์ในยามนี้พลิกผันโดยสิ้นเชิง!
ฉางหนิง ในตอนนั้นคาดคิดถึงสถานการณ์เช่นนี้ในยามนี้หรือไม่?
หึ หัวเราะทีหลังดังกว่า!
ฉางไทเฮาขมวดคิ้ว สีหน้ายับย่น ในใจรู้สึกปั่นป่วน