ซย่านีเข้าใจสิ่งที่เซี่ยงเหมยพูดเป็อย่างดี ทว่าความเข้าใจก็คือความเข้าใจ หลังจากที่ได้รับความเ็ปจากซ่งหานเจียงมามาก ซย่านีก็กัดฟันแล้วเอ่ยสาบานว่า “ถ้าฉันให้ซ่งหานเจียงสอนหนังสืออีกล่ะก็ ฉันยอมเป็หมาเลย!”
เซี่ยงเหมยคล้อยตาม “ใช่ๆๆ จะฆ่าไก่ไยต้องใช้มีดฆ่าวัว[1] ด้วยเล่า ปล่อยให้นักวิทยาศาสตร์ผู้ยิ่งใหญ่อย่างเขาไปมุ่งศึกษาวิทยาศาสตร์ของเขาไปเถอะ ก็แค่อ่านพินอินและก็ท่องคำศัพท์ให้เสี่ยวเยวี่ยเอ๋อร์กับหยางหยางสอนเธอก็ได้แล้ว”
ซย่านีแค่นเสียง ‘ฮึ’ ตอนนี้เธอแทบจะเกลียดซ่งหานเจียงมากๆ แล้ว “ซ่งหานเจียงเอ๋ย...ผู้ชายอย่างเขาไม่มีความฉลาดทางอารมณ์เลยสักนิด ถ้าฉันไม่แต่งงานกับเขา เขาคงไม่มีทางได้แต่งภรรยาหรอก!”
เซี่ยงเหมยกลับไม่เห็นด้วยกับคำพูดนี้ของซย่านี “ซ่งหานเจียงเขาทั้งหน้าตาดีทั้งฉลาดแถมยังเรียนมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในประเทศ ในอนาคตก็อาจจะได้ทำงานในตำแหน่งดีๆ ชีวิตช่างสดใส ไฉนจะตบแต่งภรรยาไม่ได้กันเล่า? เขาไม่คุยกับภรรยาแล้วอย่างไร? หากเขาไม่คุยกับเธอกับสหายหญิงคนอื่นเขายิ่งไม่รู้จะพูดอะไรด้วยเลยล่ะมั้ง หากมองเช่นนี้ก็นับว่าเป็ข้อดีมากๆ เลยนะ”
เซี่ยงเหมยกล่าวเสริม “แต่ก่อนฉันเคยคิดว่าสามีของเธอหน้าตาดึงดูดผู้คนมากเกินไป ไม่รู้ว่าจะมีสหายหญิงกี่คนต่อกี่คนที่สนใจในตัวเขา หากเขาถูกปีศาจสาวตนไหน[2] ล่อลวงเล่าเช่นนั้นเธอไม่ขาดทุนตายหรอกหรือ? แต่ตอนนี้ก็ดีแล้ว ที่สามีของเธอไม่ใช่ผู้ชายประเภทนั้น”
ซย่านีพูดในใจ ‘เขาไม่ใช่คนประเภทนั้นที่ไหนกัน? เขาโตมาอยู่ข้างกายผู้หญิงคนอื่นเสียด้วยซ้ำ’
ซย่านีส่ายหน้าสลัดความคิดยุ่งเหยิงเ่าั้ออกไปแล้วหันไปกล่าวกับเซี่ยงเหมย “ตอนที่ฉันเพิ่งเข้าประตูมา ฉันเห็นถุงหลายใบวางอยู่ในห้องโถงของบ้านพวกพี่นั่นคือ...”
“มันเป็ของที่สามีฉันเอามาจากโรงงานเย็บผ้าน่ะ” เซี่ยงเหมยเรียกซย่านีให้ตามเธอเข้ามา “มาสิ เธอเข้ามาดูก่อน”
คนทั้งสองเดินตรงไปที่ห้องโถงหลัก จากนั้นเซี่ยงเหมยก็เปิดถุงใบหนึ่งออก เผยให้เห็นวัสดุหลากหลายสีสันที่อยู่ข้างใน “วันนี้ตอนที่เฝิงหย่งไปโรงงานเสื้อผ้าเพื่อบำรุงรักษาเครื่องจักร เขาลองถามๆ คนงานในนั้นดูน่ะ คิดไม่ถึงว่าที่นั่นจะมีเศษผ้าอยู่ไม่น้อยเลยจริงๆ มันกองกระจัดกระจายอยู่บนพื้นโกดังเต็มไปหมด เศษผ้าพวกนี้ชิ้นเล็กมากเกินกว่าจะนำไปทำเสื้อผ้าต่อได้หรือต่อให้นำเศษผ้าพวกนั้นมาต่อกันเป็ชิ้นเดียวได้ก็เถอะ แต่คนในโรงงานเสื้อผ้าไม่ได้ขาดเงินทองที่จะซื้อผ้าเต็มๆ ผืนมาใช้หรอก และพวกเขาี้เีเกินกว่าจะมานั่งเสียเวลากับเื่เล็กๆ น้อยๆ พวกนี้ ดังนั้นวัสดุเหล่านี้จึงถูกนำมากองไว้เต็มพื้นไปหมดเพราะแบบนี้โรงงานเสื้อผ้าก็เลยขายให้เฝิงหย่งในราคาที่ถูกมากๆ เลยล่ะ”
ซย่านีพลิกผ้าดูคร่าวๆ แม้ว่าจะไม่มีวัสดุราคาแพงอย่างผ้าลูกไม้ หรือผ้าแพรอะไรเทือกนั้นแต่ก็มีวัสดุดีๆ อยู่เยอะเลย พวกผ้าที่เป็ลวดลายก็มีเป็จำนวนมากล้วนแต่เหมาะกับการนำมาทำหนังยางรัดผมทั้งนั้น
ซย่านีตื่นเต้นดีใจ “พี่เฝิงหย่งนี่สายตาไม่เลวเลย มีแต่วัสดุดีๆ ทั้งนั้น!”
เซี่ยงเหมยเองก็ชอบวัสดุพวกนี้เช่นกัน หากนำวัสดุจำนวนมากมายขนาดนี้มาทำยางรัดผมจนหมดล่ะก็จะขายได้เงินเท่าไหร่กันนะ?! ดวงตาของหญิงสาวเริ่มเป็ประกายขึ้นมาอีกแล้ว
“เขาน่ะ ตามีแววที่ไหนกันเป็ฉันที่บอกเขาว่าต้องเลือกอย่างไรต่างหากเขาถึงได้เลือกมันมา...ไม่ใช่แค่พวกนี้นะยังมีอีกหลายถุงเลย!” เซี่ยงเหมยดึงซย่านีไปทางห้องปีกตะวันตกแล้วเปิดม่านออกพลางชี้ให้ซย่านีดู “เธอลองดูนี่สิ มันกองรวมกันอยู่ที่นี่หมดเลย”
ที่บ้านของเซี่ยงเหมยมีกันอยู่สองคนคือเซี่ยงเหมยและก็สามีของเธอ ห้องปีกตะวันตกจึงไม่มีคนอยู่มาก่อนทำให้เหมาะแก่การเก็บผ้าพวกนี้พอดี ด้านในมีกระสอบผ้าวางเรียงรายอยู่ยี่สิบกว่ากระสอบ
ซย่านีใขึ้นมา “นี่...นี่มันเยอะขนาดนี้เชียวหรือ?”
เซี่ยงเหมยเชิดหน้าขึ้น “โรงงานเสื้อผ้าเขาเป็ผู้เชี่ยวชาญทางด้านการผลิตเสื้อผ้าแน่นอนว่าต้องมีเศษผ้ามากมายอยู่แล้ว ฉันขอให้เฝิงหย่งซื้อมาให้ได้มากที่สุด ถึงอย่างไรมันก็มีราคาถูก ทางโรงงานขายของพวกนี้ให้เฝิงหย่งในราคาหนึ่งหยวนต่อหนึ่งกระสอบเองนะ เมื่อคืนเฝิงหย่งเลยยืมรถสามล้อมาคันหนึ่ง เขาต้องวนไปเอาของที่โรงงานอยู่หลายรอบ ทั้งหมดนี้ราคารวมกันแล้วยี่สิบกว่าหยวนเอง”
ซย่านียิ้มพลางพูดหยอกอีกฝ่ายว่า “เถ้าแก่เนี้ยเซี่ยง ท่านช่างคิดทำการใหญ่เสียจริง... ผ้ามากมายขนาดนี้จะต้องทำเงินได้มากมายแน่ๆ”
เซี่ยงเหมยเองก็ยิ้มตอบ “เถ้าแก่เนี้ยซย่า พวกเรามาร่ำรวยไปด้วยกันเถอะ” เพิ่งจะพูดจบเธอก็ตบหัวตนเองไปหนึ่งที “ไอหย๋า เพิ่งคุยกันไปเมื่อวานเองลืมเื่ทำยางรัดผมไปเสียแล้ว วันนี้ตอนบ่ายพวกเรายังต้องไปขายของกันนี่นา”
หลังจากกล่าวจบ เซี่ยงเหมยก็รีบกลับไปที่จักรเย็บผ้าและลงมือทำงานต่อ
ซย่านีเดินตามหลังเซี่ยงเหมยเข้ามา เธอมองด้านในกระสอบที่มียางรัดผมอยู่เต็มกระสอบแล้วกล่าวอย่างประหลาดใจว่า “พี่สะใภ้ เมื่อคืนพี่ไม่ได้นอนหรือ?”
ถุงกระสอบนั้นเต็มไปด้วยหนังยางรัดผมรุ่นธรรมดาซึ่งมีอย่างน้อยๆ ก็น่าจะประมาณสี่ร้อยชิ้น
เมื่อซย่านีจ้องไปที่ดวงตาของเซี่ยงเหมยอีกครั้ง ก็พบว่าดวงตาของเธอแดงก่ำและใต้ตายังมีรอยคล้ำจางๆ อยู่อีกด้วย
ซย่านีกล่าวอย่างไม่เห็นด้วย “ร่างกายเป็สิ่งสำคัญที่สุดนะ พวกเราไม่อาจใช้ร่างกายของเราหนักๆ ได้ เพียงเพราะ้าเงินเท่านั้นหรอกนะคะพี่สะใภ้ เงินน่ะ ไม่ตายยังไงก็หาใหม่ได้อยู่วันยังค่ำ”
เซี่ยงเหมยกล่าวกับซย่านีบ้าง “ฉันก็แค่ทำให้มากขึ้นหน่อย พอยิ่งทำก็ยิ่งเชี่ยวชาญมากขึ้นดังนั้นจึงทำได้เร็วน่ะสิ เธอวางใจเถอะ ฉันไม่ได้อดหลับอดนอนหรอก เมื่อคืนฉันเข้านอนตอนสี่ทุ่มด้วยซ้ำ”
ซย่านีดึงเซี่ยงเหมยให้ลุกขึ้น แล้วพาเธอมานั่งตรงขอบเตียงที่อยู่ด้านข้าง พลางกล่าวว่า “แค่นั้นก็ดึกมากแล้วค่ะ พี่พักผ่อนสักหน่อยดีกว่าเดี๋ยวฉันทำยางรัดผมเสร็จแล้วค่อยปลุกพี่นะ”
ขณะที่ซย่านีกำลังทำยางรัดผมอยู่นั้น ซ่งหานเจียงก็พาซ่งวั่งซูและซ่งตงซวี่ไปส่งที่หน้าประตูของโรงเรียนแล้ว
วันนี้ซ่งวั่งซูเกล้าผมเป็มวย บนมวยผมของเธอถูกประดับด้วยหนังยางรัดผมสีชมพูสดใส นั่นเป็ของขวัญชิ้นที่ซ่งหานเจียงซื้อมาให้เธอ
ซ่งหานเจียงบุรุษผู้ที่ในสายตามีแต่วิทยาศาสตร์ เขามองผมของลูกสาวตัวน้อยอย่างไม่อาจละสายตาได้ชั่วขณะหนึ่งและเอ่ยชมว่า “สวยมาก” ทำให้ซ่งวั่งซูมีความสุขมาตลอดทาง
หลังจากบอกลาซ่งหานเจียงแล้ว ซ่งวั่งซูก็ะโโลดเต้นเดินเข้าโรงเรียนไป
เมื่อมาถึงห้องเรียน ซ่งวั่งซูก็ชะงักฝีเท้าลงที่หน้าประตู จากนั้นก็เชิดหน้าขึ้นเล็กน้อยแล้วเดินเข้าห้องเรียนไปราวกับเ้าหญิงองค์น้อยที่แสนเย่อหยิ่ง
ซ่งวั่งซูเป็เด็กหน้าตางดงาม เดิมที่เธอก็เป็จุดสนใจของเพื่อนร่วมชั้นเรียนอยู่แล้ว วันนี้พอเธอเข้าห้องเรียนมาก็ดึงดูดความสนใจจากคนเป็จำนวนมาก
พวกเด็กผู้ชายที่ไม่ทันสังเกตเห็นต่างก็รู้สึกว่า วันนี้ซ่งวั่งซูดูสวยเป็พิเศษ แต่ก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไรเธอถึงดูสวยขนาดนี้ แต่พวกเด็กผู้หญิงนั้นไม่เหมือนกัน เพียงพริบตาเดียวก็สังเกตเห็นยางรัดผมสีชมพูที่อยู่บนศีรษะของซ่งวั่งซูแล้ว
“ซ่งวั่งซู เธอสวมอะไรไว้บนหัวน่ะ? สวยมากจริงๆ”
ซ่งวั่งซูเพิ่งจะนั่งลง เพื่อนร่วมโต๊ะอย่างหลิวิ่ิ่ก็ขยับเข้ามาใกล้แล้วพลางเอ่ยถามอย่างสงสัย
ซ่งวั่งซูลูบยางรัดผมบนศีรษะของตนเองแล้วกล่าวอย่างภูมิใจว่า “นี่คือหนังยางรัดผมวงใหญ่เป็ของที่พ่อให้ฉันมาน่ะ”
เธอยังมีชิ้นที่สวยกว่านี้อีกหลายอันเลยแต่ว่าพ่อของเธอมอบยางรัดผมสีชมพูนี้ให้เธอต่อหน้าลูกพี่ลูกน้องอย่างซ่งเสี่ยวสยา ดังนั้นเช้าวันนี้เธอจึงจงใจใส่ยางรัดผมสีชมพูอันนี้ให้ซ่งเสี่ยวสยาเห็นทำให้ตอนเช้าซ่งเสี่ยวสยามีสีหน้าบึ้งตึงเป็อย่างยิ่ง วันนี้ซ่งวั่งซูรู้สึกมีความสุขเป็พิเศษจริงๆ
หลิวิ่ิ่กล่าวด้วยความอิจฉา “สวยมากจริงๆ...เฮ้อ พ่อของเธอไปซื้อมาจากไหนหรือ?”
ซ่งวั่งซูตอบเพื่อน “พ่อฉันบอกว่าเขาซื้อมาจากเพื่อนร่วมชั้นน่ะ” เด็กสาวกะพริบตาปริบๆ แล้วกล่าวเสริมว่า “ส่วนเพื่อนร่วมชั้นของพ่อเขาบอกว่าซื้อมาจากหน้าประตูมหาวิทยาลัย”
หลิวิ่ิ่รู้ว่าพ่อของซ่งวั่งซูเป็นักศึกษามหาวิทยาลัยปักกิ่ง ดังนั้นเธอจึงวางแผนไว้ว่ารอจนเลิกเรียนแล้ว ก็จะขอให้แม่พาเธอไปที่มหาวิทยาลัยปักกิ่งสักครั้งแล้วซื้อยางรัดผมสวยๆ แบบนี้สักชิ้น
ซ่งวั่งซูมองความอิจฉาของหลิวิ่ิ่ออกแล้ว ั์ตาของเธอก็ฉายแววเ้าเล่ห์ขึ้นมาแว็บหนึ่ง เธอหยิบยางรัดผมชิ้นหนึ่งออกมาจากกระเป๋านักเรียน แล้ววางลงบนโต๊ะของหลิวิ่ิ่อย่างใจกว้าง “อ่ะ ฉันให้เธอก็แล้วกัน”
[1] จะฆ่าไก่ไยต้องใช้มีดฆ่าวัว 杀鸡焉用牛刀 คือ สุภาษิตจีนแปลว่าใช้เปรียบเปรยการทุ่มใช้กำลังอันมากมายเพื่อผลลัพธ์อันน้อยนิด ซึ่งมันจะไม่คุ้มค่ากับที่ได้ลงแรงไป
[2] ปีศาจสาว 小妖精 คือ คำอุปมาหมายถึงหญิงที่ยั่วยวนเพศตรงข้าม
