คนงามเริ่มเปลื้องผ้า และภายในห้องมืดมิดก็อบอวลด้วยกลิ่นหอมกรุ่นอีกครา
ขณะที่หนิงเทียนกำลังตกอยู่ในภวังค์นิทรา จู่ๆ เขาก็รู้สึกเ็ปราวกับอวัยวะภายในกำลังมอดไหม้
กระแสพลังลึกลับไหลไปทั่วร่างของเขา และเมล็ดพันธุ์สีดำในช่องท้องของเขาก็ค่อยๆ ดูดซับพลังนั้น ทำให้หนิงเทียนเริ่มรับรู้ถึงรูปร่างของเมล็ดพันธุ์ในร่างกาย ส่วนนางก็เริ่มปลดปล่อยจุดฝังเข็มที่หลับใหลของเขาออกมา
ผ่านไปครู่หนึ่งหนิงเทียนก็สะดุ้งตื่น เมื่อเขาลืมตาขึ้นมาเห็นเหตุการณ์ตรงหน้าก็ใมาก
“นางหญิงไร้ยางอาย! เ้า!” ชายหนุ่มดาลเดือดสะบัดมือตบหน้านางอย่างรุนแรง จนนางแทบจะหล่นลงจากเตียง
ยามนั้นหญิงสาวน้ำตาเอ่อล้น นางพยายามระงับความเ็ปและความอัปยศอดสูไว้ในใจ พร้อมสกัดจุดของหนิงเทียนเอาไว้จนเขาคลุ้มคลั่ง ทว่ายังคงได้ยินเสียงของนางดังก้องอยู่ในหู
“ร่างของเ้ากำลังเปลี่ยนแปลง ข้าไม่รู้ว่าในส่วนลึกของเขาเฮยเสวียนเกิดอะไรขึ้นกับเ้า แต่ยามนี้มีเมล็ดพันธุ์อยู่ในกายเ้าแล้ว จำเป็ต้องรดน้ำจากภายนอกจึงจะงอกเงย หากมันเป็รากบ่มเพาะ ไม่แน่ว่านี่อาจช่วยให้เ้ากลายเป็จื๋อซิวได้”
เมื่อหนิงเทียนได้ยินดังนั้นเขาก็ใอย่างมาก เขาเข้าไปเสาะหารากบ่มเพาะในส่วนลึกของเขาเฮยเสวียนโดยหวังจะได้เป็จื๋อซิว ทว่าโชคชะตาช่างไม่เข้าข้างเสียเลย เขาบังเอิญพบกับอสูรหยางเหยียนชื่อซาและสะดุดล้มระหว่างการหลบหนีจนร่วงลงไปในบ่อน้ำโคลน
หนิงเทียนจำได้แม่นว่ายามนั้นเขากลืนน้ำเข้าไปด้วย แม้จะรู้สึกว่ามีบางอย่างติดอยู่ในลำคอ แต่เขาก็ฝืนกลืนมันลงไป
เขาไม่ได้คำนึงถึงเื่นี้ กระทั่งนางบอกว่ามีเมล็ดพันธุ์อยู่ในร่าง หรือนี่จะเป็สิ่งที่เขากลืนลงไปในครานั้น?
หนิงเทียนครุ่นคิดอย่างบ้าคลั่ง ในเวลาเดียวกันเขาก็รู้สึกถึงพลังอันแข็งแกร่งของนางที่กำลังเจาะเข้ามาในร่างของตน พลังเ่าั้ไหลผ่านอวัยวะภายใน ก่อให้เกิดความรู้สึกร้อนรุ่มดุจเปลวเพลิง ก่อนจะตามมาด้วยความเย็นะเืสุดพรรณนา
กระแสพลังนี้เร้นลับยิ่งนัก หลังจากไหลเวียนไปทั่วร่างของหนิงเทียนแล้ว ก็ค่อยๆ สลายหายไปในตันเถียนอย่างลึกลับ
หนิงเทียนตรวจสอบเส้นทางของพลังอย่างถี่ถ้วน และสังเกตเห็นการมีอยู่ของเมล็ดพันธุ์จริงๆ
เหตุที่ร่างกายของข้าฟื้นตัวอย่างรวดเร็วภายในไม่กี่วัน เป็เพราะนางรักษาข้าด้วยวิธีนี้หรือ?
เมื่อความคิดนี้แวบขึ้นมาในใจ เขาก็เกิดความรู้สึกที่ซับซ้อนเกินบรรยาย
ทันใดนั้นร่างงามก็สั่นอย่างรุนแรง และดวงตาสุกใสก็เริ่มขุ่นมัวขึ้นเรื่อยๆ
หนิงเทียนรู้ว่าพลังของนางค่อยๆ ลดลง ดวงตาสีเทาคู่นั้นไม่หลงเหลือประกายอีกแล้ว
ทันใดนั้นร่างกายอันละเอียดอ่อนก็สั่นขึ้นอีกครา ใบหน้าของนางแสดงถึงความเ็ป ทั้งยังมีเืไหลออกมาจากปากและหยดกระทบใบหน้าของหนิงเทียน
เขาพยายามดิ้นรนอย่างหนัก ทว่าไม่สามารถเปล่งเสียงใดออกมาได้ เขารู้สึกได้ว่าสภาพร่างกายของนางกำลังย่ำแย่ แต่หญิงสาวกลับไม่ยอมหยุด
เมล็ดพันธุ์ในร่างของเขายังคงดูดซับพลังนั้น และพลังทั้งหมดก็ส่งมาจากนาง
หนิงเทียนโกรธมาก เขาเกลียดคนตระกูลซู เกลียดทุกอย่างของตระกูลซู เขาไม่เต็มใจรับความเมตตาใดจากตระกูลนี้
ราวกับคนงามรับรู้ถึงอารมณ์ที่แปรเปลี่ยนไปของอีกฝ่าย นางจึงนอนบนร่างของเขาอย่างอ่อนแรงแล้วพูดเบาๆ ว่า “อีกเพียงนิดเดียวเท่านั้น หากเมล็ดนั่นยังไม่งอกขึ้นมา เ้าจะไม่สามารถเป็จื๋อซิวได้ตลอดกาล”
แต่ข้าไม่้าให้เ้าช่วย!
หนิงเทียนร่ำร้องอยู่ในใจ ดวงตาของเขาทั้งกังวลและบ้าคลั่ง
คนงามมองหนิงเทียนราวกับััความรู้สึกของเขาได้ นางส่งยิ้มให้เขาก่อนที่น้ำตาจะไหลออกมาจากหางตา ซึ่งแฝงไปด้วยความเศร้า ทั้งยังเผยให้เห็นถึงความอ้างว้างไร้ที่สิ้นสุด
หนิงเทียนรู้สึกว่าเมล็ดพันธุ์ในกายกำลังกลืนกินพลังเร็วขึ้น เป็เหตุให้ร่างของนางสั่นแรงขึ้นเรื่อยๆ สายโลหิตไหลออกจากปากและจมูกอย่างต่อเนื่อง และนางก็ค่อยๆ อ่อนแรงลงราวกับกำลังจะหมดลมหายใจ
หนิงเทียนเปิดริมฝีปากออกกว้างและส่งเสียงครวญในลำคอเพื่อหยุดนาง
เขาไม่้าให้นางตายบนร่างของตน ทั้งยังไม่เต็มใจรับความช่วยเหลืออันแสนสาหัสเยี่ยงนี้ และหากวันหน้าตนไม่อาจเผชิญหน้ากับตระกูลซูได้ เช่นนั้นจะไปทวงคืนความยุติธรรมให้บิดาผู้ล่วงลับได้อย่างไร?
ตูม!
เกิดเสียงกัมปนาทดังก้องภายในร่างของหนิงเทียน
เขารู้สึกได้ว่าหลังจากดูดซับพลังเพียงพอแล้ว ในที่สุดเมล็ดพันธุ์ก็เริ่มงอกเงย
เมล็ดพันธุ์กำลังหยั่งรากลึกลงไปในตันเถียน หน่ออ่อนสองหน่อแกว่งไกวอย่างอ่อนโยน มันกลืนกินพลังลึกลับแล้วแปรเปลี่ยนเป็พลังิญญา พร้อมไหลเวียนไปทั่วอวัยวะภายใน แขน ขา และกระดูก
จิตใจของหนิงเทียนกำลังถูกสิ่งนี้ดึงดูด นางเหลือบมองเขาด้วยสายตาเศร้าสร้อย ก่อนจะค่อยๆ ลุกขึ้นแล้วเดินโซเซจากไป
ตุบ!
นางล้มลงกับพื้นจนเกิดเสียงดังและพยายามลุกขึ้นอย่างยากลำบากเพื่อออกไปจากที่แห่งนี้
การเปลี่ยนแปลงที่สั่นะเืใต้หล้ากำลังอุบัติขึ้นในร่างของหนิงเทียน ซึ่งเป็สิ่งที่เกินขีดจำกัดพลังของเขา
เหล่าผู้บำเพ็ญในใต้หล้านี้มีเพียงสามกลุ่มเท่านั้น ได้แก่ หยวนซิว ซิงซิว และจื๋อซิว
หยวนซิวถือเป็สายเืบริสุทธิ์ จึงจำเป็ต้องได้รับการปลุกสายเื ส่วนซิงซิวก็คือยอดฝีมือที่มีจิตใจแข็งแกร่งดุจหินผา
มีเพียงจื๋อซิวเท่านั้นที่ต้องอาศัยการปลูกฝังพลังจากภายนอกเพื่อควบรวมเส้นลมปราณ ซึ่งเป็กลุ่มผู้บำเพ็ญที่มีความหวังริบหรี่ที่สุด ทั้งยังมีความแข็งแกร่งต่ำที่สุดด้วย
เท่าที่หนิงเทียนทราบ เงื่อนไขที่ต้องปฏิบัติเพื่อเป็จื๋อซิวมีอยู่สองประการ
ขั้นแรกคือการหารากบ่มเพาะอันได้แก่ รากอสูร รากพฤกษา และรากอาวุธ ส่วนขั้นที่สองคือการปลูกรากเ่าั้เพื่อควบรวมเส้นลมปราณ
รากอสูร หมายถึง การฝังิญญาอสูรเข้าสู่เส้นลมปราณของมนุษย์ ทำให้มนุษย์สามารถพลังโดยกำเนิดของอสูร รวมถึงสามารถแปลงพลังฟ้าดินเป็พลังอื่นๆ ที่ร่างกายมนุษย์ดูดซับได้
รากพฤกษา หมายถึง การฝังเมล็ดเหง้าของเหล่าพรรณพืชลงในร่างกาย ซึ่งจะได้รับความสามารถที่สอดคล้องกับพืชนั้นๆ ทั้งยังสามารถแปลงพลังิญญาฟ้าดินเป็พลังที่มนุษย์สามารถดูดซับได้
ส่วนรากอาวุธ หมายถึง การฝังอาวุธศักดิ์สิทธิ์เข้าสู่ร่างกาย เป็ประเภทที่หาได้ค่อนข้างยาก เพราะการปลูกฝังค่อนข้างลำบาก ทั้งยังมีความเสี่ยงสูง แต่โอกาสประสบความสำเร็จก็ค่อนข้างมากเช่นกัน
หัวใจสำคัญของการปลูกฝังพลัง คือ การหารากบ่มเพาะสามประเภทข้างต้น โดยแบ่งออกเป็สี่ระดับ ได้แก่ ์ ปฐี นิลกาฬ และสุวรรณ ยิ่งรากบ่มเพาะมีระดับสูงมากเท่าใด ความสำเร็จก็ยิ่งสูงมากขึ้นเท่านั้น
เมื่อมีรากบ่มเพาะแล้ว การปลูกเมล็ดพันธุ์ก็เป็อีกขั้นตอนหนึ่งที่สำคัญ
หนิงเทียนทราบมาว่าผู้มีรากพฤกษานั้น ขอเพียงมีระดับพลังกายอยู่เหนือขั้นหก เมล็ดพันธุ์ก็จะสามารถงอกได้เองภายในสามวันหลังการเพาะ
ส่วนรากอสูรและรากอาวุธจะปลูกยากกว่าเล็กน้อยแต่ก็ไม่นานเกินรอ ไม่เช่นนั้นคนธรรมดาคงไม่สามารถเป็จื๋อซิวได้
ยามนี้รากบ่มเพาะในร่างของหนิงเทียนกลืนกินพลังเข้าไปจำนวนมหาศาลอย่างไม่อาจจินตนาการได้ กระบวนการงอกช่างยากเย็น และการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นหลังจากเมล็ดงอก ก็ทำให้หนิงเทียนประหลาดใจอย่างยิ่ง
เมล็ดพันธุ์ของเขาหยั่งรากลึกลงในตันเถียน หน่ออ่อนที่พลิ้วไหวเต็มไปด้วยแสงโกลาหล ทั้งยังส่งผ่านข้อมูลมากมายที่หนิงเทียนไม่อาจเข้าใจได้
อวัยวะภายในและเส้นลมปราณของหนิงเทียนเริ่มปลดปล่อยพลังแข็งแกร่งภายใต้การนำทางของหน่ออ่อน ก่อนจะกลายเป็กระแสน้ำคลุ้มคลั่งอยู่ในร่างกาย
ชายหนุ่มใบหน้าบิดเบี้ยว เขากรีดร้องโหยหวนราวกับทั้งร่างกำลังแหลกเป็จุณ ความเ็ปดุจแผลฉีกขาดเกิดขึ้นบริเวณตันเถียน แล้วแผ่ขยายไปยังปลายคิ้ว
รากบ่มเพาะของหนิงเทียนกำลังควบรวมเส้นลมปราณ โดยสิ่งแรกที่ต้องทะลวงคือตันเถียนและทะเลแห่งจิต เป็เหตุให้เขาหวาดกลัวถึงขีดสุด
หากความจำของเขาไม่ผิดเพี้ยน เส้นลมปราณแรกของจื๋อซิวส่วนใหญ่จะควบรวมจากตันเถียน จากนั้นก็ลามไปตามรยางค์ต่างๆ เช่น มือหรือเท้า และสุดท้ายก็จะเดินทางไปสู่ทะเลแห่งจิต
ทว่ายามนี้สถานการณ์ของหนิงเทียนนั้นกลับตาลปัตร ตันเถียนและทะเลแห่งจิตกลายเป็การควบรวมเส้นลมปราณจุดแรก ซึ่งทำให้พลังจิตของเขาพุ่งทะยาน และผลประโยชน์ที่ได้รับนั้นก็เกินกว่าจะจินตนาการได้
หากการควบรวมเส้นลมปราณสำเร็จ เขาก็จะก้าวข้ามขีดจำกัดและกลายเป็จื๋อซิวอย่างเป็ทางการทันที
การควบรวมเส้นลมปราณ เป็กระบวนการต่อเนื่องที่ต้องใช้ระยะเวลาและความเพียรพยายามอย่างมาก หากสามารถควบรวมเส้นลมปราณสามเส้นได้ในคราวเดียวจะถือเป็ “ผู้มีคุณสมบัติปานกลาง” และหากควบรวมเส้นลมปราณได้หกเส้นจะเรียกว่า “อัจฉริยะ”
อย่างไรก็ตาม การควบรวมเส้นลมปราณเก้าเส้นในคราวเดียวเป็สิ่งที่ฟ้าดินไม่ยินยอมให้เกิดขึ้น จึงไม่สามารถหาจากที่ใดได้
หลังจากหนิงเทียนควบรวมเส้นลมปราณเส้นแรกสำเร็จ ทั่วทั้งร่างของเขาก็แดงดุจเปลวเพลิง กระแสพลังที่ไหลเวียนจึงเริ่มควบรวมเส้นลมปราณที่สองทันที
กระบวนการฉีกขาดที่น่าสะพรึงกลัวนี้ ทำให้หนิงเทียนเ็ปรวดร้าวอย่างแสนสาหัสจนเกือบจะเป็บ้า
ความเกลียดชังของชายหนุ่มเปรียบเสมือนใบมีดแหลมคม เจตจำนงของเขาช่างแรงกล้า เขารู้ดีว่า่เวลานี้สำคัญมากเพียงใด ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ต้องอดทนและผ่านไปให้ได้ ไม่เช่นนั้นเขาอาจจะไม่ประสบความสำเร็จในภายภาคหน้า
ยามนี้รากบ่มเพาะในตันเถียนของหนิงเทียนยังไม่สามารถระบุได้ว่าเป็ต้นไม้ ดอกไม้ เถาวัลย์ หรือต้นหญ้า ทั้งยังไม่ทราบระดับของรากบ่มเพาะอีกด้วย
ทว่าลำพังอานุภาพของพลังนำทางก็รุนแรงอย่างยิ่ง เพียงระยะเวลาสั้นๆ ก็สามารถควบรวมเส้นลมปราณได้ถึงหกเส้น และยังคงเผาไหม้อย่างบ้าคลั่งต่อไป
หนิงเทียนเ็ปเจียนตาย เขาเกือบล้มเหลวหลายครั้ง แต่สุดท้ายก็สามารถอดทนต่อได้เมื่อนึกถึงความแค้นที่มีต่อตระกูลซู
การควบรวมเส้นลมปราณทั้งเก้าเสร็จสิ้นในคราวเดียว และรากบ่มเพาะในร่างของหนิงเทียนก็มีหน่ออ่อนที่สามงอกขึ้นมา
ทันใดนั้นก็เกิดเสียงฟ้าร้องคำรามและสายฟ้าฟาด ร่างกายของหนิงเทียนปกคลุมด้วยพลังอันน่าสะพรึงกลัวครู่หนึ่ง จากนั้นก็หมดสติไป
นอกเรือนไม้ ร่างบางนอนขนานแนบไปกับพื้น สายลมยามเช้าพัดเส้นผมปลิวไสว และใบหน้าซีดเซียวของนางสะท้อนให้เห็นคราบเื
คนงามค่อยๆ ลืมตาภายใต้ดวงตะวันกลมเด่น นางพยายามลุกขึ้นแล้วมองเข้าไปในเรือนอย่างโง่เขลา ดวงตาสีเข้มเต็มไปด้วยความเศร้าสร้อย
“ชีวิตของเ้ากำลังจะเปลี่ยนไป ขณะที่ชีวิตของข้ากำลังมุ่งสู่ความตาย...” นางลากเท้าแสนหนักหน่วงออกจากบริเวณแห่งนี้ พร้อมเสียงถอนหายใจแ่เบาที่นำมาซึ่งความอ้างว้างนับอนันต์
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้