หลังจากหลินเยว่เก็บชามและตะเกียบเรียบร้อยแล้ว เขาจึงวางมีดแกะสลักจันทราหนาวเหน็บลงในกระเป๋าอย่างดี เดินออกจากบ้านแล้วเรียกรถแท็กซี่เพื่อเดินทางไปยังบ้านของท่านฉางไท่ทันที
เนื่องจากครั้งที่แล้วเขานั่งรถของท่านเฮ่อฉางเหอไปที่บ้านของท่านฉางไท่ ทำให้เขาไม่รู้จักเส้นทางและจำได้เพียงคร่าวๆ เท่านั้น ผลสุดท้ายเขาจึงถูกคนขับรถแท็กซี่พาวนรอบเกือบทั้งเขตตัวเมืองคุนิ เมื่อหลินเยว่มาถึงที่หมาย ตอนที่เขาควักเงินให้กับคนขับแท็กซี่เป็จำนวนหลายร้อยหยวน คนขับแท็กซี่คนนั้นดูตื่นเต้นดีใจมาก ดูเหมือนว่าเขาคงไม่เคยเจอ “เหยื่อ” ที่หลอกได้ง่ายขนาดนี้มาก่อน
หลินเยว่เดินทางมาถึงบ้านของท่านฉางไท่ก็เป็เวลาสิบโมงเช้าแล้ว สิ่งที่ทำให้เขารู้สึกประหลาดใจคือคนที่ออกมาเปิดประตูให้เขาไม่ใช่หลี่ชิงเมิ่ง ไม่ใช่ท่านฉางไท่ แต่กลับเป็เฮ่อหลันเยว่
เมื่อหลินเยว่เห็นเฮ่อหลันเยว่ เขาก็ใอย่างหนัก ในใจของเขาแอบคิดว่าปีศาจน้อยตัวแสบมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไรกัน?
“ทำไมพี่หลินเยว่ถึงมาที่นี่ได้ล่ะคะ?” เมื่อเฮ่อหลันเยว่เห็นหลินเยว่มาที่นี่ เธอก็รู้สึกประหลาดใจมากเช่นกัน
“ที่แท้เป็เยว่เยว่นี่เอง พี่มาหาท่านปรมาจารย์ฉางไท่น่ะ แล้วหนูมาที่นี่ได้อย่างไรล่ะ?” ระหว่างที่พูด หลินเยว่ก็เดินเข้าไปในบ้านท่านฉางไท่ เมื่อเห็นหลี่ชิงเมิ่งที่อยู่ในห้องรับแขก เขาก็พยักหน้าให้เธอเพื่อเป็การทักทาย
หลี่ชิงเมิ่งมองหลินเยว่ด้วยสีหน้าสงสัยอยู่บ้าง และเธอก็พยักหน้าเป็การตอบรับการทักทายเช่นกัน
“คุณปู่ของหนูพาหนูมาค่ะ” เฮ่อหลันเยว่ปิดประตูพร้อมพูดขึ้น
“คุณปู่ของหนู?” หลินเยว่ได้ยินประโยคที่เธอพูดก็รู้สึกใจึงรีบถามกลับทันที “ท่านเฮ่อก็มาด้วยหรือ?” ในใจของเขาเริ่มรู้สึกกังวลอย่างหนัก ไม่รู้ว่าท่านเฮ่อจะคิดอย่างไรกับการที่เขาปิดบังเื่การทดสอบในวันนี้กับท่าน
“ใช่ค่ะ คุณปู่ฉางเป็คนบอกให้คุณปู่มาค่ะ”
เสียงพูดของเฮ่อหลันเยว่ยังไม่ทันจบลง ก็มีเสียงก้องกังวานดังออกมาจากทางห้องหนังสือ น้ำเสียงนี้ไม่ได้แฝงไปด้วยอารมณ์ใดๆ ทั้งสิ้น ราวกับว่าเป็เสียงะโที่ลอยออกมากลางอากาศอย่างไร้สาเหตุ
“หลินเยว่มาแล้วหรือ? เข้ามาในห้องหนังสือสิ”
และเสียงนี้ก็เป็เสียงของท่านเฮ่อฉางเหอ
หลินเยว่ฝืนยิ้มอย่างลำบากใจ น้ำเสียงแบบนี้ของท่านเฮ่อแสดงว่าท่านเฮ่อกำลังไม่พอใจกับการกระทำของเขาเป็อย่างมาก อาจจะไม่ถึงกับโกรธแต่อย่างน้อยก็คงไม่พอใจ
หลินเยว่ยิ้มฝืนๆ ให้กับเฮ่อหลันเยว่ หลังจากนั้นจึงเดินไปเคาะประตูห้องหนังสือแล้วเดินเข้าไปด้านใน
“เยว่เยว่ หนูรู้จักผู้ชายคนเมื่อตะกี๊ด้วยหรอ?” หลี่ชิงเมิ่งถามขึ้น
“รู้จักค่ะ เขาเป็ลูกศิษย์ของคุณปู่ของหนู กำลังติดตามคุณปู่เพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับเครื่องเคลือบค่ะ แต่พี่เขาพนันหินหยกเก่งมาก เหมือนว่าจะเก่งกว่าพี่ชายของหนูด้วยล่ะค่ะ หนูไม่เข้าใจจริงๆ ว่าทำไมพี่เขาเก่งขนาดนั้นแต่ไม่ยอมพนันหินหยกต่อ แล้วมาเรียนเครื่องเคลือบกับคุณปู่ทำไมก็ไม่รู้ พนันหินหยกตื่นเต้นจะตาย โดยเฉพาะตอนที่ตัดหินหยกนั่นเลยค่ะ” สีหน้าของเฮ่อหลันเยว่เต็มไปด้วยความตื่นเต้นกับจินตนาการของตัวเอง
“ยอดฝีมือในการพนันหินหยก?” หลี่ชิงเมิ่งมองไปทางประตูห้องหนังสือด้วยสายตาที่แฝงความนัยบางอย่างอยู่
ตอนที่หลินเยว่เดินเข้าไปในห้องหนังสือจึงพบว่าท่านเฮ่อฉางเหอกำลังเล่นหมากรุกจีนกับท่านฉางไท่อยู่ ทั้งสองท่านกำลังเล่นหมากรุกจีนอย่างเอาจริงเอาจัง ไม่มีใครสนใจหลินเยว่เลย หลินเยว่จึงยืนอยู่ข้างๆ อย่างทำตัวไม่ถูก จะเอ่ยปากก็คงไม่ค่อยเหมาะ แต่อยู่เงียบๆ ก็ดูไม่ค่อยเหมาะเช่นกัน จะยืนก็ไม่ควร จะหาที่นั่งก็ยิ่งไม่ควรเข้าไปใหญ่ เขาจึงได้แต่ยืนอย่างเงียบๆ อยู่ด้านข้างแล้วคอยมองท่านทั้งสอง
“รุกฆาต! ฮ่าๆ......คุณแพ้แล้วล่ะ!” ท่านเฮ่อมองท่านฉางไท่อย่างหยิ่งผยอง
ท่านฉางไท่กัดลิ้นของตัวเอง สีหน้ามีแต่ความเสียใจที่ไม่น่าเดินหมากแบบนั้น แต่ขณะที่เขากำลังยกมือขึ้นเก็บกระดานหมากรุกจีนและตัวหมากรุกจีนนั้นกลับถูกท่านเฮ่อฉางเหอห้ามไว้
“ไม่ต้องเก็บหรอก มาเล่นกันอีกกระดานเถอะ”
ท่านฉางไท่อึ้งไปชั่วขณะ หลังจากนั้นจึงเข้าใจความหมายของท่านเฮ่อฉางเหอ เขาจึงยิ้มเล็กน้อย แล้วจัดเรียงตัวหมากรุกจีนขึ้นอีกครั้ง
เมื่อเห็นท่านทั้งสองกำลังจะเริ่มเล่นหมากรุกจีนใหม่อีกครั้ง หลินเยว่จึงได้แต่ฝืนยิ้มอยู่ในใจ เขารู้ดีว่าท่านเฮ่อตั้งใจจัดการเขาโดยตรง เป็การทำโทษที่เขาไม่ยอมบอกเื่การทดสอบกับท่าน เขาจึงได้แต่ยอมรับการลงโทษในครั้งนี้แต่โดยดี และก็ยืนมองท่านทั้งสองเล่นหมากรุกจีนต่อไป การฝึกผ่าธูปมาอย่างยาวนานทำให้ขาทั้งสองข้างของหลินเยว่สามารถยืนนิ่งๆ เป็ระยะเวลานานๆ ได้อย่างไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อย และการมองการเล่นหมากรุกจีนอยู่นานๆ ก็ทำให้เขาตกเข้าไปในภวังค์แห่งการแข่งขันในครั้งนี้
เนื่องจากท่านเฮ่อฉางเหอจงใจยื้อเวลาออกไปนานๆ การเล่นหมากรุกจีนกระดานนี้จึงใช้เวลานานถึงกว่าสี่สิบนาทีถึงได้เสร็จสิ้น และก็ยังคงเป็ท่านเฮ่อฉางเหอที่ชนะในครั้งนี้
“คุณนี่ไม่ไหวจริงๆ เลย” ท่านเฮ่อฉางเหอพูดอย่างภาคภูมิใจ หลังจากนั้นท่านจึงเหลือบตามองหลินเยว่ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “คุณมาแล้วหรือ?”
หลินเยว่จึงรีบพยักหน้าและตอบกลับอย่างนอบน้อม “มาแล้วครับ”
“มาทำอะไรล่ะ?”
เพียงประโยคนี้ประโยคเดียวก็ทำให้หลินเยว่ไม่รู้ว่าควรจะตอบคำถามนี้อย่างไรดี
หากพูดตามความเป็จริงเขาคงถูกท่านเฮ่อตำหนิ แต่หากไม่พูดตามความเป็จริงการมาครั้งนี้ก็มีแต่ความสูญเปล่า ผลสุดท้ายหลินเยว่จึงได้แต่อึกๆ อักๆ อยู่เป็เวลานานและก็ไม่ได้ตอบคำถามออกมา
“เก่งนักนะ ปีกกล้าขาแข็งแล้วนี่! ผมก็ว่าครั้งที่แล้วตอนที่กลับไปทำไมคุณถึงไม่ยอมพูดยอมจา และก็เป็ไปตามคาดคุณมีเื่ปิดบังผมอยู่ ปิดบังเงียบสนิทเชียวนะ หากไม่ใช่เป็เพราะตาแก่คนนี้้าอวดผม ผมก็คงยังไม่รู้เื่อยู่ดี”
ท่านเฮ่อฉางเหอหันศีรษะมาตำหนิหลินเยว่อย่างจริงจัง
หลินเยว่ได้แต่ยิ้มรับอย่างฝืนๆ “เป็เพราะผมรับปากคนอื่นไว้แล้วครับ รับปากแล้วก็ต้องทำให้ได้น่ะครับ”
“รับปากอะไร? ตาแก่ฉางก็ขู่คุณไปอย่างนั้นแหละ เขาไม่ให้คุณพูดกับผมเป็เพราะว่าเขากลัวว่าผมจะมองเจตนาของเขาออก ตาแก่คนนี้เขาคิดเอาไว้อยู่แล้วว่าไม่ว่าคุณจะสามารถผ่านการทดสอบของเขาได้หรือไม่ ขอแค่หลังจากนั้นหนึ่งเดือนคุณกลับมาที่นี่อีกครั้ง ก็ถือว่าเป็การผ่านการทดสอบด่านแรกแล้ว แต่ว่าเขารู้ว่าเจตนาลึกๆ ของเขาไม่มีทางปิดบังผมได้ การที่ไม่ให้คุณบอกผมก็เพื่อให้ความ้าของเขาไม่ถูกเปิดเผยออกมาไงล่ะ ไม่เลวนะ เด็กหนุ่มอย่างคุณทำได้ไม่เลวที่ไม่บอกอะไรกับผมเลย วันนี้ก็มาที่นี่แล้ว ตาแก่ฉาง หลินเยว่มาแล้ว ถ้าอย่างนี้ก็ถือว่าผ่านการทดสอบแรกของคุณหรือยังล่ะ?” ท่านเฮ่อฉางเหอมองไปทางท่านฉางไท่พร้อมถามขึ้น
“ยังไม่ผ่าน หากตอนคุยโทรศัพท์่เช้า คุณไม่ได้บอกผมว่าหนึ่งเดือนมานี้เขาเรียนการพิสูจน์เครื่องเคลือบกับคุณ เขาต้องผ่านการทดสอบแรกอย่างแน่นอน แต่ตอนนี้ผม้าตรวจสอบดูสักหน่อยว่าหนึ่งเดือนมานี้เขากลับไปฝึกฝนได้ผลเป็อย่างไรบ้าง?”
ท่านฉางไท่พูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
หลินเยว่ยืนฟังอยู่ทางด้านข้าง เขาไม่รู้ว่าเขาควรหัวเราะหรือว่าควรร้องไห้ดี แต่เดิมเหตุการณ์ที่เขาคิดว่ามีความยากซับซ้อนมาก วันนี้ถึงเพิ่งรู้ว่ามันง่ายเช่นนี้เอง แต่ความรู้สึกที่รู้ว่าง่ายปรากฏขึ้นเพียงชั่วพริบตา แล้วสุดท้ายก็กลับมาดูยากและซับซ้อนเหมือนเดิม
ถึงแม้ว่าจะมีความซับซ้อน แต่หลินเยว่ก็ไม่ได้รู้สึกกังวล เพราะเขาได้เตรียมพร้อมไว้เรียบร้อยแล้ว เขามั่นใจว่าวันนี้เขาสามารถผ่านการทดสอบได้อย่างแน่นอน
“ฮ่าๆ...... ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ต้องทดสอบแล้วล่ะ ผมพาหลินเยว่กลับเลยดีกว่า คุณไม่อยากรับเป็ลูกศิษย์ก็ไม่ต้องรับ ใครขอร้องให้คุณรับกันล่ะ” ท่านเฮ่อฉางเหอลุกขึ้นยืนพร้อมพูดด้วยน้ำเสียงหัวเราะ
ท่านฉางไท่โบกไม้โบกมือ “ตามใจเลย”
“หลินเยว่ ไปกันเถอะ กลับไปเรียนเครื่องเคลือบกับผมต่อดีกว่า อีกแค่ครึ่งปีคุณต้องสำเร็จวิชาอย่างแน่นอน” น้ำเสียงของท่านเฮ่อฉางเหอพูดดึงดูดความสนใจของหลินเยว่
หลินเยว่ทำท่าลังเลชั่วครู่ แต่สุดท้ายเขาก็ส่ายศีรษะ และพูดขอโทษท่านเฮ่อฉางเหออย่างจริงจัง “ท่านเฮ่อครับ ต้องขอโทษท่านเฮ่อจริงๆ ที่ต้องทำให้ท่านผิดหวัง ผมอยากทำการทดสอบต่อไป ผมมีความมั่นใจครับ”
หลินเยว่เพิ่งพูดจบ ก็มีเสียงหัวเราะดังก้องไปทั่วห้องหนังสือ
“ฮ่าๆ...... ตาแก่เฮ่อ ผลเป็อย่างนี้คงพูดไม่ออกแล้วมั้ง ผมก็บอกแล้วว่าเขารู้สึกสนใจด้านการแกะสลักจริงๆ” ท่านฉางไท่หัวเราะด้วยน้ำเสียงสดใส
ท่านเฮ่อฉางเหอขึงตาแรงๆ ใส่หลินเยว่ หลังจากนั้นก็เดินกลับมานั่งตรงที่เดิมอย่างโมโห
หลินเยว่มองการกระทำของชายชราทั้งสองท่านอย่างไม่ค่อยเข้าใจนัก นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?
สุดท้ายก็เป็ท่านฉางไท่ที่เป็คนแก้ความสงสัยให้กับหลินเยว่ “ก่อนที่คุณมาถึง พวกเราได้ปรึกษากันไว้แล้ว ว่าจะลองดูว่าคุณมีความสนใจการแกะสลักจริงหรือเปล่า หากคุณตามเขากลับบ้านไป ตาแก่คนนี้ก็คงดีใจแย่เลย เพราะนั่นก็แสดงว่าคุณสนใจด้านการแกะสลักแค่ชั่วครั้งชั่วคราวเท่านั้น แต่หากคุณไม่ได้กลับไปกับเขา นั่นก็แสดงว่าคุณมีความปรารถนาในการศึกษาด้านการแกะสลักมากพอสมควร เช่นนี้ เขาก็ไม่สามารถขัดขวางการรับลูกศิษย์ของผมแล้วน่ะสิ”