ณ แผ่นดินใหญ่เป๋ยอู่ ดินแดนที่นอกจากจะมีอาณาจักรนับหมื่นกับชนเผ่านับร้อยที่คอยต่อสู้และแก่งแย่งกันเพื่อความอยู่รอดแล้ว พื้นที่ของดินแดนแห่งนี้ยังมีขนาดกว้างใหญ่ไพศาลราวกับว่าจะไร้ซึ่งขอบเขตอีกด้วย
ภายในเมืองหลวงของอาณาจักรหนานหลิงซึ่งมีประชากรมากกว่าสิบล้านคนนั้น สถานที่แห่งนี้มีผู้คนหลากหลายรูปแบบ มีทั้งคนดีคนเลวปะปนกันไปและอาศัยอยู่ร่วมกันมากมาย
ตระกูลมู่เป็ตระกูลที่สืบทอดงานของกองทัพกันมาหลายชั่วอายุคน เป็ตระกูลที่เก่งกาจวิชาบู๊ สถานะของตระกูลมู่ในกองทัพอาณาจักรหนานหลิงนั้นนับว่าไม่ธรรมดาเท่าไรนัก ถือเป็ตระกูลชนชั้นสูงตระกูลหนึ่ง แต่ก็ยังไม่ใช่ระดับที่สูงที่สุดของเมืองหลวง
ใต้หล้านี้ราษฎรทุกคนล้วนเป็คนของจักรพรรดิ ผืนแผ่นดินทุกแห่งก็ล้วนเป็ของจักรพรรดิ รวมถึงอำนาจสูงสุดในเมืองหลวงก็ยังคงเป็ของจักรพรรดิ
ภายในห้องรับรองอันงดงามและประณีตของจวนตระกูลมู่ แสงแดดส่องผ่านหน้าต่างตกกระทบลงบนใบหน้าอันหล่อเหลาของเด็กหนุ่มผู้เด็ดเดี่ยวผู้หนึ่ง
เด็กหนุ่มผู้นั้นนอนหลับใหลราวกับทารก ลมหายใจของเขาเข้าออกอย่างสม่ำเสมอ หน้าอกท่อนบนที่เปลือยเปล่าถูกพันด้วยผ้าพันแผลสีขาว นอกจากนี้บนผิวกายหยาบกร้านยังเผยร่องรอยของาแที่เกิดจากอาวุธมีคมให้เห็นอย่างชัดเจน ซึ่งร่องรอยเหล่านี้สามารถบ่งบอกได้ว่าเด็กหนุ่มอายุราวสิบห้าสิบหกปีผู้นี้เคยผ่านศึกและออกรบมามากมาย บนไหล่ของเขายังมีรอยสักลายกิเลนสีเือยู่ตัวหนึ่ง
หลังจากหมอชราผมขาวได้จับชีพจรของเด็กหนุ่มแล้ว เขาก็หยัดกายลุกขึ้นก่อนจะหันไปพูดกับชายวัยกลางคนที่อยู่ด้านข้างว่า "นายท่านมู่ อาการาเ็ของคุณชายสามไม่ได้ร้ายแรงเท่าไรแล้ว หลังจากพักฟื้นอาการของเขาก็จะดีขึ้นเอง เพียงแต่.. "
ชายวัยกลางคนหน้าตาดุดันในเสื้อคลุมสีดำผู้นี้มีกลิ่นอายห้าวหาญราวกับนักรบ แม้จะไม่ถึงขั้นแข็งกร้าวแต่ก็ยังให้ความรู้สึกทรงพลังเป็อย่างมาก ชายผู้นี้คือมู่เฉิน ผู้นำตระกูลมู่คนปัจจุบัน และเป็ท่านลุงของมู่เฟิง
“แต่อะไร? ท่านหมอหลิว ท่านจะบอกว่าแต่อะไร”
เมื่อได้เห็นท่าทีจนปัญญาของหมอหลิว มู่เฉินก็ยิ่งอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วแน่น
“เพียงแต่ว่าเส้นลมปราณของคุณชายมู่เฟิงถูกทำลายไปแล้ว ทั้งยังไม่สามารถฟื้นฟูขึ้นมาใหม่ได้อีก เกรงว่าในวันข้างหน้าเส้นทางการฝึกวรยุทธ์ของเขาคงไม่มีหวังแล้ว!”
“ว่าอย่างไรนะ!”
“เฟิงเอ๋อร์...”
คนตระกูลมู่ที่อยู่ในห้องรับรองต่างตกตะลึงกับสิ่งที่ได้ยิน
"เฟิง..."
สตรีร่างบางในชุดขาวผู้มีใบหน้างดงามและดวงตาใสกระจ่างราวกับสายธารในฤดูใบไม้ร่วงนั้น เวลานี้ดวงตาคู่สวยของเธอกำลังมีหยาดน้ำหลั่งรินออกมา มือขาวเนียนราวกับหยกคู่นั้นกำลังลูบลงบนร่างกายที่แข็งแกร่งของเด็กหนุ่มอย่างเป็ทุกข์
หญิงสาวนางนี้มีนามอวิ๋นชิงว่าน เธอเป็คนรักของมู่เฟิงที่หมั้นหมายกันมาั้แ่เด็ก และมีฐานะเป็คุณหนูใหญ่ของตระกูลอวิ๋น ซึ่งเป็ตระกูลทหารเช่นเดียวกับตระกูลมู่
"ท่านหมอหลิว นี่ท่านกำลังพูดเื่อะไร ท่านพี่เฟิง ท่านพี่เฟิงของข้าถูกทำลายเส้นลมปราณจนหมดหวังในการฝึกวรยุทธ์ นี่ท่านพูดไร้สาระอะไรออกมา เขา เขาเป็ถึงยอดอัจฉริยะอันดับหนึ่งของตระกูลเชียวนะ!"
มู่ขวง เด็กหนุ่มผู้มีอายุไล่เลี่ยกับมู่เฟิงะเิอารมณ์ออกมาในทันที มือข้างหนึ่งของเขาบีบแขนของหมอหลิวเอาไว้แน่น ไม่อาจควบคุมความรู้สึกให้สงบลงได้
การบอกว่าคนผู้หนึ่งไม่สามารถฝึกวรยุทธ์ได้อีกต่อไปนั้น นั่นก็หมายความว่าคนผู้นั้นคงไม่มีอนาคตเหลืออยู่อีกแล้ว มีชีวิตต่อไปก็ไม่ต่างจากขยะไร้ค่า
“มู่ขวงถอยออกไป อย่าได้ทำตัวเสียมารยาท!”
มู่เฉินะโสั่ง มู่ขวงจึงทำได้เพียงกำหมัดแน่นและก้าวถอยออกมา สายตาของเขาเหลือบมองไปทางเด็กหนุ่มที่ยังคงหลับใหล ก่อนจะกัดริมฝีปากแน่น
“พี่เฟิง...”
“เช่นนั้นท่านหมอหลิวยังพอจะมีวิธีรักษาหรือไม่? ขอเพียงมีวิธีตระกูลมู่ของข้ายินดีทำทุกทาง”
เสียงของมู่เฉินสั่นเครือเล็กน้อย
“ยังพอมีวิธี ขอเพียงแค่มียาครอบจักรวาลขั้นหกและท่านหมอที่แข็งแกร่งผู้มีพลังมากพอที่จะช่วยในการพักฟื้นระยะยาว บางทีอาจจะสามารถฟื้นฟูเส้นลมปราณขึ้นมาใหม่ได้ แต่ท่านย่อมทราบดีว่าในอาณาจักรหนานหลิงของเรา ยาครอบจักรวาลขั้นหกนั้นเป็สิ่งที่หาได้ยากยิ่งนัก”
หมอหลิวทอดถอนใจ
หลังได้ฟังคำกล่าวนี้ทุกคนต่างก็มีสีหน้าสิ้นหวัง เกรงว่าต่อให้พลิกอาณาจักรหนานหลิงตามหาก็คงไม่มีทางหายาครอบจักรวาลขั้นหกเม็ดที่สองพบ
“เอาละ ข้าเข้าใจแล้ว เชิญท่านหมอกลับไปก่อนเถิด”
เวลานี้มู่เฉินดูเหมือนจะแก่ขึ้นอีกหลายปี เขาโบกมือให้หมอหลิวรวมถึงคนอื่นให้ถอยออกไปก่อน เพียงไม่นานภายในห้องก็เหลือเพียงเขาและอวิ๋นชิงว่าน
"ชิงว่าน เ้าเหนื่อยมามากแล้ว กลับไปพักผ่อนก่อนเถอะ"
อวิ๋นชิงว่านส่ายหน้า “ไม่เ้าค่ะ ท่านลุงมู่ ข้า้าดูแลเฟิงอยู่ที่นี่ เชิญท่านลุงไปพักก่อนเถิด”
เมื่อมู่เฉินได้ฟังดังนั้นก็ถอนหายใจก่อนจะเดินจากไป
หญิงสาวใช้ผ้าสะอาดเช็ดหน้าให้กับเด็กหนุ่ม รวมถึงร่างกายตรงส่วนอื่น พร้อมเผยรอยยิ้มอ่อนโยนให้กับเขา
"เฟิง ข้ารู้ว่าเ้าต้องตื่นขึ้นมาแน่ เ้าเคยบอกว่าในอนาคตจะพิชิตใต้หล้านี้เพื่อข้า ไม่มีเื่ใดที่จะสามารถทำร้ายเ้าได้ เฟิง ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ข้าจะคอยอยู่เคียงข้างเ้าเอง..."
หญิงสาวซบลงไปบนแผ่นอกของเขา แม้ดวงตาคมเข้มของเด็กหนุ่มจะยังคงปิดสนิท ทว่ากลับมีหยดน้ำใสกระจ่างหล่นลงมาหยดหนึ่ง...
เพียงไม่นานข่าวเื่เส้นลมปราณของมู่เฟิงถูกทำลายก็ได้แพร่กระจายไปทั่วจวนตระกูลมู่ ข่าวนี้ก่อให้เกิดความปั่นป่วนขึ้นไม่น้อย
"ว่าอย่างไรนะ เส้นลมปราณของมู่เฟิงถูกทำลาย เขากำลังจะกลายเป็คนไร้ประโยชน์ นี่เป็เื่จริงหรือ?"
“ข้าได้ยินมาจากคนรับใช้ของนายน้อยเฟิง ต้องเป็ความจริงอย่างแน่นอน”
"อ๊า น่าเสียดาย อัจฉริยะผู้หนึ่งต้องมาตกอับลงเช่นนี้ กองทัพทหารของตระกูลมู่ทั้งสองแสนนายต่างก็ตายอยู่ในสนามรบ ไหนจะนายท่านรองที่ต้องทิ้งชีวิตไว้ในาอีก แม้เวลานี้นายน้อยเฟิงจะมีชีวิตรอดกลับมาได้ แต่เขากลับต้องมาลงเอยเช่นนี้ ์ช่างไม่ยุติธรรมโดยแท้”
“ถูกต้อง นายน้อยเฟิงถูกทำลายเส้นลมปราณ นายท่านรองเองก็เสียชีวิตในสนามรบ ครานี้จวนตระกูลมู่ของเราคงถึงคราวตกต่ำแล้ว…”
กลุ่มคนรับใช้ต่างก็กำลังพูดคุยและหารือกัน
มู่เฟิงคืออัจฉริยะอันดับหนึ่งของตระกูลมู่ เขาฝึกฝนวรยุทธ์มาั้แ่ห้าขวบ ในตอนที่อายุครบสิบสองปีเขาสามารถเปิดเส้นลมปราณได้ถึงเก้าจุด เมื่ออายุครบสิบสี่ปีเขาสามารถบรรลุพลังระดับจื่อฝู่ได้สำเร็จ กลายเป็ผู้ฝึกวรยุทธ์ที่มากไปด้วยพร์และเป็ยอดคนที่มีชื่อเสียงในเมืองหลวง นอกจากนี้เขายังได้รับเลือกให้เข้าศึกษาในสำนักฝึกยุทธ์อันดับหนึ่งของราชสำนักโดยตรงอีกด้วย
แต่เวลานี้เขากลับถูกทำลายเส้นลมปราณและกลายเป็คนไร้ประโยชน์ไปแล้ว ช่างเป็เื่ที่น่าะเืใจยิ่งนัก เพียงไม่นานข่าวนี้ก็ได้แพร่สะพัดไปยังบรรดาตระกูลใหญ่ในเมืองหลวง ก่อให้เกิดความปั่นป่วนขึ้นมาเป็อย่างมาก
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้