ผู้เฒ่าอวิ๋นชี้นิ้วอันสั่นเทาไปที่อวิ๋นโส่วเย่า ดวงตาขุ่นมัวฉายแววตกตะลึง “เ้าสาม... เ้า... เ้าพูดอะไรนะ?”
“ข้าบอกว่า หากจะแยกบ้านก็ต้องแยกทั้งหมด! ไม่มีเหตุผลที่จะให้แยกแค่บ้านพี่ใหญ่เพียงครอบครัวเดียวขอรับ!”
อวิ๋นโส่วเย่ารู้ดีว่าโอกาสเช่นนี้หาได้ยากยิ่ง หากเขาพลาดโอกาสนี้ไป หลังจากที่บ้านพี่ใหญ่แยกออกไปแล้ว เขาคิดจะแยกบ้านอีกก็คงไม่มีโอกาสแล้ว!
บ้านน้องสี่เป็พวกเ้าเล่ห์ ส่วนน้องห้า... ต่อไปนี้ภาระงานทั้งหมดคงตกเป็ของบ้านเขา เขาไม่กลัวทำงานหนัก สิ่งที่เขากลัวคือต่อให้ทำงานหนักเพียงใด ท่านแม่ก็ยังคงรังแกภรรยาและลูกสาวทั้งสองคนของเขาอยู่ดี
เถาซื่อได้ยินดังนั้นก็ถอดรองเท้า แล้วฟาดใส่ร่างของอวิ๋นโส่วเย่าไม่ยั้ง “ไอ้ลูกเนรคุณ! อยากแยกบ้านหรือ ฝันไปเถอะ!”
“เ้าคลานออกมาจากท้องข้าแท้ๆ ไม่รู้จักกตัญญูต่อข้า แถมยังร่วมมือกับไอ้ลูกอกตัญญูสองตัวนั้นมาสร้างความวุ่นวายให้ข้า! จะบอกเ้าให้นะ ถ้าอยากจะแยกบ้าน ก็ต้องให้ข้าตายก่อน!”
ผู้เฒ่าอวิ๋นก็เอ่ยหว่านล้อม “เ้าสาม เ้าโดนผีเข้าสิงหรืออย่างไร? พี่ใหญ่กับพี่รองของเ้าไม่ได้เกิดจากมารดาเดียวกันกับเ้า พ่อรั้งพวกเขาไว้ไม่อยู่... ก็แล้วไปเถิด”
“แต่เ้าเล่า... ฟังพ่อเถิด พ่อทำเพื่อเ้าทั้งนั้น รอน้องห้าของเ้าสอบได้เป็ขุนนาง พวกเ้าเป็พี่น้องร่วมมารดา ถึงตอนนั้นพวกเราทุกคนก็ไปอยู่กับน้องห้า ไปเป็นายท่านอยู่ในเมืองไงเล่า!”
“ตอนนี้พวกเ้าอดทนลำบากหน่อย ชีวิตที่ดีรออยู่เบื้องหน้า อย่าเอาอย่างพวกสายตาคับแคบนักเลย! หากแยกบ้านไปแล้ว ต่อไปน้องห้าของเ้าได้เป็ขุนนาง ก็จะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเ้าแล้วนะ!”
“ท่านพ่อ ข้าไม่สนใจขอรับ ขอเพียงท่านพ่ออนุญาต ให้ข้าแยกบ้านออกไปด้วย หากท่านทั้งสองกังวลว่าไม่มีคนทำงาน อย่างแรกก็ยังมีน้องสี่กับภรรยา อีกไม่กี่ปี หู่หยาจื่อก็โตแล้ว สามารถช่วยทำงานในไร่ได้”
“หากที่บ้านมีงานล้นมือ พวกข้าว่างก็สามารถมาช่วยได้ ส่วนเื่น้องห้า ไม่ว่าเขาจะได้เป็ขุนนางหรือไม่นั้น ก็ล้วนแล้วแต่เป็โชคชะตาวาสนาของเขา ข้าไม่อิจฉา ไม่อยากได้ ไม่ขอเกี่ยวข้อง ขอเพียงท่านพ่อเมตตาให้ข้าได้สมความปรารถนาด้วยเถิดขอรับ!”
กล่าวจบอวิ๋นโส่วเย่าก็คุกเข่าลง โขกหัวคำนับผู้เฒ่าอวิ๋นสามครั้ง เฉาซื่อและบุตรสาวทั้งสอง ก็คุกเข่าตามอวิ๋นโส่วเย่า
ชาวบ้านทั้งหมู่บ้านต่างก็มองดูเหตุการณ์นี้ รวมถึงผู้ใหญ่บ้านและหัวหน้าตระกูล ต่างก็จับจ้องไปที่ผู้เฒ่าอวิ๋น ผู้เฒ่าอวิ๋นรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ลูกชายทั้งหลายนี่เหมือนกำลังจับเขาไปย่างไฟชัดๆ!
แต่ดูท่าทางแล้ว เ้าสามคนนี้ก็ตั้งใจแน่วแน่ที่จะแยกบ้าน หากแยกบ้านตอนนี้ พ่อลูกยังมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันบ้าง แต่หากแยกในภายหลัง... ความสัมพันธ์พ่อลูกคงขาดสะบั้นลงแล้ว เช่นนั้นก็คง...
ผู้เฒ่าอวิ๋นถอนหายใจอย่างสิ้นหวัง “เอาล่ะๆ ลูกโตแล้ว ไม่เชื่อฟังพ่อแม่ พวกเ้าอยากแยกบ้าน ก็แยกไปเถอะ”
“เ้าสาม เ้าคิดให้ดีนะ หากแยกออกไปแล้ว ต่อไปไม่มีทางกลับมาได้อีก! เ้าเองก็รู้ว่าน้องห้าของเ้าเป็คนเรียนเก่ง แถมเ้ายังไม่มีลูกชายไว้สืบสกุล ภายภาคหน้าใครจะเป็คนถือป้ายิญญาให้เ้า?”
อวิ๋นโส่วเย่าพูดด้วยท่าทีเด็ดเดี่ยว “ท่านพ่อ ข้าคิดดีแล้ว ต่อไปบ้านสามของพวกข้า ถึงแม้จะต้องไปขอทาน ก็จะไม่มาขอจากท่าน”
“ข้ากับเฉาซื่อยังหนุ่มยังสาวอยู่ ตอนนี้ไม่มีลูกชาย ไม่แน่ว่าต่อไปอาจจะมีลูกชายก็ได้ และต่อให้เป็กรณีที่เลวร้ายที่สุด แม้ว่าข้าอวิ๋นโส่วเย่าชาตินี้จะไม่มีวาสนาได้ลูกชาย ลูกสาวสองคนของข้าก็สามารถรับเขยได้ ท่านพ่อ ท่านแยกบ้านให้พวกข้าเถิดขอรับ!”
ผู้เฒ่าอวิ๋นได้ยินดังนั้นก็หลับตาลงด้วยความเ็ป ชาตินี้เขาทำกรรมอะไรไว้หนอ พอแก่ตัวลง บ้านที่เคยสงบร่มเย็นกลับกลายเป็เช่นนี้
“ดี! ดี! ดี! คืนนี้ก็ให้ผู้ใหญ่บ้านกับหัวหน้าตระกูลมาเป็พยาน นับั้แ่คืนนี้เป็ต้นไป ข้าจะแยกบ้านของเ้าใหญ่ อวิ๋นโส่วกวง และบ้านของเ้าสาม อวิ๋นโส่วเย่าออกไป”
“ตาแก่น่าตาย! เ้าบ้าไปแล้วหรือ?” เถาซื่อกรีดร้องอย่างบ้าคลั่ง
“หุบปาก! เื่นี้ข้าตัดสินใจแล้ว!” เถาซื่อทรุดตัวลงกับพื้น แล้วร้องไห้โฮออกมา แต่ไม่มีใครสนใจนางเลยสักคน
“แต่ว่าข้ามีข้อแม้ หากพวกเ้าตกลง ข้าจะยอมแยกบ้านให้ แต่หากไม่ตกลง เช่นนั้นก็ไม่มีการแยกบ้าน! ต่อให้เ้าสี่จะกลับมาไม่ได้แล้ว ข้าผู้เป็พ่อก็ทำเต็มที่แล้ว แต่ไม่มีหนทางจริงๆ ก็ถือว่าเป็กรรมของมัน ให้มันรับกรรมไปเอง!”
อวิ๋นโส่วเย่า น้องชายคนที่สามลุกขึ้นยืนแล้วถามว่า “ท่านพ่อ มีข้อแม้ใด? เชิญท่านพ่อกล่าวมา!”
ครอบครัวพี่ใหญ่ก็มองผู้เฒ่าอวิ๋นด้วยความกังวล กลัวว่าเขาจะเสนอข้อแม้ที่โหดร้ายเกินไป
ผู้เฒ่าอวิ๋นเอ่ยขึ้น “ตามหลักแล้ว บุตรชายคนโตได้ส่วนแบ่งเจ็ดส่วน พี่น้องที่เหลือแบ่งกัน แต่แบบนั้นคือการแบ่งมรดกโดยที่ไม่มีผู้าุโ ตอนนี้ข้ากับเถาซื่อยังมีชีวิตอยู่ ส่วนแบ่งเจ็ดส่วนนี้เป็ของข้ากับเถาซื่อ รอพวกเราตายแล้ว พวกเ้าพี่น้องค่อยมาแบ่งกัน”
“ทรัพย์สมบัติที่เหลืออีกสามส่วน แบ่งออกเป็ห้าส่วน พวกเ้าสี่พี่น้องได้คนละส่วน อีกส่วนเป็สินสอดของเหมยเอ๋อร์ ตอนนี้มีเพียงเ้าสามกับเ้าใหญ่ที่แยกบ้านออกไป ฉะนั้นส่วนของเ้าห้า เ้าสี่ และเหมยเอ๋อร์ ยังคงเป็ของข้ากับเถาซื่อ”
“ตอนนี้ที่ดินของตระกูลอวิ๋นมีทั้งหมด ยี่สิบแปดหมู่ แบ่งเป็ที่ไร่สิบแปดหมู่ และนาข้าวสิบหมู่ ข้ากับเถาซื่อได้ที่ไร่สิบสามหมู่ และนาข้าวเจ็ดหมู่”
“เนื่องจากส่วนของเ้าสี่ เ้าห้า และเหมยเอ๋อร์ มีข้ากับเถาซื่อเป็ผู้ดูแลชั่วคราว ฉะนั้นบ้านพวกเ้าทั้งสอง ได้ที่ไร่บ้านละหนึ่งหมู่ ส่วนนาข้าวไม่พอแบ่ง ข้าตัดสินใจให้พวกเ้าได้บ้านละหนึ่งหมู่!”
“ส่วนที่อยู่อาศัย บ้านที่พวกเ้าอาศัยอยู่ในตอนนี้ก็ให้พวกเ้า ส่วนที่เหลือเป็ของข้ากับเถาซื่อ”
“อีกอย่าง ตอนนี้ข้ากับเถาซื่อยังมีชีวิตอยู่ เ้ารองส่งเงินค่าเลี้ยงดูให้พวกเราปีละสิบตำลึงเงิน พวกเ้าสองบ้านก็เช่นกัน ให้ปฏิบัติเหมือนๆ กัน ส่งเงินค่าเลี้ยงดูให้ข้ากับเถาซื่อปีละสิบตำลึงเงิน”
“หากพวกเ้าตกลง คืนนี้ก็แยกบ้านกัน หากไม่ตกลง ต่อไปก็อย่าได้เอ่ยปากเื่แยกบ้านกับข้าอีก!”
เมื่อได้ยินแผนการแบ่งทรัพย์สินของผู้เฒ่าอวิ๋น ทุกคนก็รู้ว่าเขากำลังกลั่นแกล้งสองพี่น้อง ที่ดินยี่สิบแปดหมู่ กลับให้สองพี่น้องได้เพียงคนละสองหมู่ แถมยังต้องให้เงินค่าเลี้ยงดูปีละตั้งสิบตำลึงเงิน
นี่มันไม่ใช่การบังคับให้พวกเขาตายทั้งเป็หรอกหรือ? ที่ดินสองหมู่จะปลูกข้าวได้กี่จินกันเชียว? สิบตำลึงเงิน ผู้เฒ่าอวิ๋นนี่ก็ช่างกล้าเอ่ยปากเรียกร้องจริงๆ
ดูท่าทางแล้ว ต่อให้บ้านตระกูลอวิ๋นจะทะเลาะกันทั้งคืน ก็คงแยกบ้านกันไม่ได้แล้ว เป็เช่นนี้จะให้แยกอย่างไรเล่า? การแบ่งเช่นนี้ ต่างอะไรกับการไล่พวกเขาออกจากบ้านมือเปล่าหรือ?
อ้อ... ไม่สิ ยังมีความแตกต่าง ความแตกต่างก็คือ ไม่เพียงแต่จะถูกไล่ออกจากบ้านมือเปล่า แต่ยังต้องจ่ายเงินให้ปีละสิบตำลึงเงินอีกด้วย
แต่ผู้เฒ่าอวิ๋นพูดได้มีเหตุผลยิ่งนัก อ้างเื่ความกตัญญูมาบีบเอาเงิน จนทำให้ผู้อื่นไม่สามารถจับผิดได้ ซึ่งก็ง่ายนัก หากเห็นว่าไม่ยุติธรรม หรือจ่ายเงินไม่ได้ก็ไม่ต้องแยกบ้านสิ
เมื่อได้ยินวิธีแบ่งทรัพย์สินของผู้เฒ่าอวิ๋น เถาซื่อก็หยุดคร่ำครวญทันที แถมดูเหมือนจะมีชีวิตชีวาขึ้นมาอีกด้วย ในความคิดของนาง เพียงแค่สองบ้านนี้จ่ายเงินให้นางปีละยี่สิบตำลึงเงิน แถมยังไม่ต้องเลี้ยงดูพวกเขาอีก นับว่าคุ้มค่าอย่างยิ่ง
ส่วนเื่การทำงาน... รอเ้าสี่กลับมา ต่อให้เขาไม่ทำก็ต้องทำ หากไม่ได้จริงๆ ก็ให้คนอื่นเช่าที่นาไป ปีหนึ่งมีเงินใช้ยี่สิบตำลึง ส่วนข้าวที่ผู้เช่าจ่ายให้ก็นำไปจ่ายภาษีและเป็เสบียงในบ้าน
เช่นนี้ก็นับว่าไม่เลวเลย! ออกไปให้หมด! รีบไสหัวออกไปให้พ้นๆ หน้าข้าเสียเลย!
พี่ใหญ่อวิ๋นโส่วกวงถึงกับพูดไม่ออก สิบตำลึงเงิน เขาจะหามาได้อย่างไร มีที่ดินเพียงสองหมู่ จะให้เขาไปหาเงินสิบตำลึงเงินมาจากไหนกัน?
ส่วนน้องสามอวิ๋นโส่วเย่า กลับไม่ลังเลแม้แต่น้อย เขาตอบตกลงทันที “ท่านพ่อ เช่นนั้นก็ตกลงตามนี้นะขอรับ!”