“คุณป้าเมิ่ง หนูซื้อของเล่นมาให้อันอันนิดหน่อยค่ะ มีรถจักรยานที่อยู่ด้านนอกด้วย ที่เหลือทั้งหมดเป็ของอินอินค่ะ”
อวี๋ฉิงยืนขึ้นพร้อมเอ่ยทักทายเมิ่งเถียนเฟินอย่างมีมารยาทและอธิบายถึงสิ่งที่เมิ่งเถียนเฟินเข้าใจผิด
“อ้อ แบบนี้นี่เอง”
เธอพยักหน้าโดยไม่รู้ตัว ไม่มีท่าทีตอบสนอง
“ของพวกนี้…อินอินเป็คนซื้อทั้งหมดเลยหรือ”
เมื่อมองหนังสือและสีไม้ รวมไปถึงของเล่นกล่องใหญ่ รองเท้าเด็ก ไหนจะกล้องโพลารอยด์อีก…ของพวกนี้คงจ่ายไปไม่น้อยแน่
อินอินไปเอาเงินมาจากไหน
หรือว่าตระกูลหลิง
ความคิดในใจของเมิ่งเถียนเฟินปรากฏอยู่บนหน้า ซูอินจะมองไม่ออกได้อย่างไร
ในตอนแรกเธอตั้งใจจะปิดเื่ที่ตนเองมีเงิน เพราะสำหรับเธอสองสามีภรรยาตระกูลซูยังถือว่าเป็คนแปลกหน้าที่ไม่รู้จักเธอเลยสักนิด เธอจึงต้องระวังตัว แต่่นี้เมื่อได้รู้จักอีกฝ่ายมากขึ้น สองสามีภรรยาตระกูลซูไม่ใช่คนดีแต่พูดอย่างสองสามีภรรยาตระกูลหลิง พวกเขาเป็เพียงชาวนาธรรมดา ซื่อสัตย์และติดดิน
โดยเฉพาะหลังจากประกาศผลสอบ โรงเรียนหลายแห่งเสนอทุนการศึกษาเป็จำนวนเงินที่สูง มีผลประโยชน์วางอยู่ตรงหน้า แต่พวกเขายังคงเคารพการตัดสินใจของเธอ
ระยะทางพิสูจน์ม้า กาลเวลาพิสูจน์คน
ตอนนี้ซูอินเข้าใจกระจ่างแล้ว ต่อให้เธอบอกสองสามีภรรยาว่าตัวเองมีเงิน พวกเขาก็จะไม่แสดงออกมากเกินไปแน่นอน
เมื่อของพวกนี้ถูกพบเข้าแล้ว เธอจึงไม่ปิดบังอีกต่อไป
“แม่คะ ไม่ใช่เงินของตระกูลหลิงค่ะ แม่ไม่ต้องกังวล”
คิ้วที่ขมวดของเมิ่งเถียนเฟินค่อยๆ คลาย น้ำเสียงที่เอ่ยออกมาเต็มไปด้วยความสุข “ถ้าไม่ใช่ก็ดีแล้ว”
ครอบครัวของพวกเขายากจน ตระกูลหลิงมีฐานะ บุตรสาวทั้งสองตระกูลถูกสลับตัวกัน เดิมทีเป็ครอบครัวของพวกเขาด้วยซ้ำที่เอาเปรียบ เมื่อก่อนตอนที่ยังไม่รู้เื่ก็ไม่รู้สึกอะไร แต่เมื่อเื่ราวทุกอย่างชัดเจน บุตรสาวของตนเองกลับมาบ้านแล้ว หากยังใช้เงินของตระกูลหลิงอีก…เมิ่งเถียนเฟินคงพูดไม่ออก
เมื่อเธอสบายใจขึ้นแล้ว จึงหันไปสนใจกับท่าทีประหม่าของอวี๋ฉิง
“ฉิงฉิงแค่มาเที่ยวเล่นก็พอ ทำไมต้องเอาของมามากมายแบบนี้ คงเสียเงินไปไม่น้อยเลยใช่ไหม”
“สินค้าเด็กมีราคาแพง เอากลับไปคืนเถอะจ้ะ”
“หากคืนไม่ได้ก็เอาไปให้ญาติๆ ของหนูเถอะ ครอบครัวของเรา แค่หนูมาก็ดีใจมากแล้ว เอาของมาเยอะแยะแบบนี้ทำไม ฟังป้านะ ขากลับเอาของกลับไปด้วย อันอันเป็เด็กดี คืนของพวกนี้ให้พี่ฉิงฉิงนะ หากอยากเล่นเดี๋ยวแม่ซื้อให้”
เด็กชายตัวน้อยออกห่างจากของเล่นอย่างว่าง่าย ก่อนจะยืนขึ้น
ให้คืนของขวัญหรือ แน่นอนว่าคุณหนูอวี๋ไม่มีทางรับปาก แต่เมื่ออยู่ต่อหน้ามารดาของเพื่อนสนิท เธอย่อมไม่แสดงท่าทีเย่อหยิ่ง ทำได้เพียงพยายามอธิบายอีกครั้ง
“คุณป้าเมิ่งทำอะไรคะ หนูไม่ได้ซื้อมาส่งๆ สักหน่อย หนูขอพูดตามตรง ก่อนสอบอินอินช่วยติวหนังสือให้หนู เธอเรียนเก่ง เก็งข้อสอบให้ตั้งเยอะ เป็เพราะเธอการสอบในครั้งนี้หนูถึงทำได้คะแนนดี จนเข้าเรียนที่ห้องทดลองของโรงเรียนมัธยมลำดับที่หนึ่งได้ เราจะไม่พูดเื่ที่เธอช่วยทำให้คุณพ่อของหนูภาคภูมิใจ สอบได้คะแนนเยอะขนาดนั้นก็คุ้มค่ามากค่ะ หากเป็ผลการเรียนเมื่อก่อนของหนู การจะเข้าเรียนที่โรงเรียนมัธยมลำดับที่หนึ่งได้ ต้องจ่ายเงินค่าธรรมเนียมมากมายอย่างแน่นอน อย่างน้อยเงินที่ซื้อของในวันนี้ก็คงน้อยกว่าเงินที่ต้องจ่ายเพื่อเข้าเรียนแน่ หากมาคำนวณแล้ว เงินนี้คือเงินที่หนูหามาได้นะคะ”
เมิ่งเถียนเฟินเชื่อแต่ก็ยังคลางแคลงใจ ก่อนจะหันไปถามซูอินเงียบๆ
อันที่จริงซูอินไม่เห็นด้วยกับคำพูดของอวี๋ฉิง ที่เธอยอมบอกข้อสอบกับอวี๋ฉิงและสวีเหวินเหวิน ไม่ใช่เพราะ้าผลประโยชน์ เป็เพียงความหวังดีของเพื่อนที่อยากให้ทั้งสองคนสอบได้คะแนนดี
แต่เธอก็ไม่ปฏิเสธและยอมรับอย่างมีความสุข “ใช่ค่ะ ที่อวี๋ฉิงสอบได้คะแนนดีขนาดนี้ คนที่ลงแรงไปเยอะที่สุดก็คือหนู…ที่ตั้งใจทำสรุป”
ในตอนนี้เมิ่งเถียนเฟินรู้สึกโล่งใจมากขึ้น แต่ก็ยังคงบ่น
“การที่พวกเธอช่วยเหลือกันและกันคือเื่ที่คนเป็เพื่อนต้องทำอยู่แล้ว หลังจากนี้อย่าซื้อของมาเยอะแบบนี้อีก”
อวี๋ฉิงพยักหน้าอย่างไม่เต็มใจนัก เธอมีกำลังช่วยเหลือนี่นา อินอินเรียนดี ดังนั้นจึงช่วยเธอเื่การเรียน ส่วนเธอมีเงิน ดังนั้นเธอจึงช่วยเหลืออินอินเื่เงิน ไม่มีอะไรผิด
“ฉิงฉิงเดินทางมาไกล อยู่กินข้าวกลางวันด้วยกันก่อนสิ วันนี้มีตลาดด้านหน้าพอดี อยากกินอะไรเดี๋ยวป้าไปซื้อให้”
อวี๋ฉิงตอบกลับด้วยท่าทีมีความสุข “ขอบคุณคุณป้าเมิ่งมากค่ะ หนูเป็คนไม่เลือกกิน ขอแค่อร่อยก็กินได้หมดค่ะ
เมิ่งเถียนเฟินเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนจะขี่จักรยานออกไปจากลานบ้าน ซูอินถึงได้ดึงสติกลับมา
ดูเหมือนเมื่อกี้…เธอเกือบพยายามจะสารภาพออกไปแล้ว
คำพูดมากมายที่เรียบเรียงไว้ยังไม่ทันจะได้พูด ก็ดูเหมือนเธอจะถูกเมิ่งเถียนเฟินทำให้สับสนอีกครั้ง
นี่มันเื่อะไร
ซูอินรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออก
แต่ซูอินไม่คิดจะปิดบังอีก อยู่ใต้ชายคาเดียวกันก็ต้องพบหน้า บางเื่ปิดบังอย่างไรก็คงไม่มิด เมื่อถึงเวลานั้นค่อยหาโอกาสอธิบาย
เมื่อคิดดีแล้วเธอจึงลืมเื่นี้ไปก่อน จากนั้นจึงทำเื่ที่น่าสนุกกว่า อาบน้ำให้เด็กชายตัวน้อย
ไก่งามเพราะขน คนงามเพราะแต่ง เสื้อผ้าที่เด็กชายตัวน้อยสวมก่อนหน้านี้ช่างไม่น่าดูเอาเสียเลย ส่วนมากเป็เสื้อผ้าที่ได้มาจากบ้านคนอื่น
ถึงแม้เขาจะมีหน้าตาน่ารัก แต่หากได้สวมเสื้อผ้าขนาดที่เหมาะสมของเด็กก็จะยิ่งน่ารักมากแน่ๆ
การอยู่ร่วมกับอวี๋ฉิงนานๆ ซูอินไม่รู้ว่าตนเองได้รับอิทธิพลมา หาเงินก็เพื่อใช้จ่าย ในเมื่อจ่ายได้ก็ซื้อสิ
ครั้งนี้ที่เข้าเมืองและซื้อของเหล่านี้ ส่วนมากเป็ของใช้สำหรับน้องชายตัวน้อย ครีมสำหรับเด็ก ครีมอาบน้ำสำหรับเด็ก หนังสือคัดลายมือที่มีเส้นให้เขียนตาม…ของเกี่ยวกับเสื้อผ้า อาหาร การใช้ชีวิต และสิ่งที่ขาดไม่ได้คือชุดเด็กน่ารักๆ
“อันอัน เราไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้ากันดีไหม”
ได้อาบน้ำให้เ้าตัวน้อย แบบนี้ก็ได้บีบทั้งตัวเลยสิ แววตาของอวี๋ฉิงส่องแสงสว่างขึ้นมาทันที
พี่ฉิงฉิงดูเหมือนจะแปลกๆ ไปอีกแล้วนะ ซูอันรู้สึกราวกับว่าตนเองจะได้รับอันตราย แต่เด็กชายตัวน้อยชอบเล่นน้ำ อาบน้ำเสร็จจะได้สวมเสื้อผ้าชุดใหม่ด้วย เขาจึงพยักหน้ารับอย่างว่าง่าย
ยกกะละมังอาบน้ำเข้าไปในห้องของตนเอง เติมน้ำในอุณหภูมิที่พอเหมาะแล้ว ซูอินครุ่นคิด ก่อนจะเอาเป็ดยางสีเหลืองมาใส่ในกะละมังให้เขา
เด็กชายตัวน้อยถอดเสื้อผ้าหมดแล้วนั่งลงในกะละมังเพื่อเล่นน้ำ เมื่อเห็นอีกคนในห้องที่ยังไม่คุ้นเคยเท่าไรนัก เขาก็รู้สึกเขิน มือเล็กๆ จับเป็ดยางแล้วเอามาปิดเมล็ดถั่วลิสงน้อยของตนเอง
ท่าทีเขินอายนั้นทำให้อวี๋ฉิงรู้สึกเหมือนถูกยิงเข้าตรงกลางใจ
คุณหนูอวี๋ไม่ได้มีความหมายแฝงเป็พิเศษ เด็กชายตัวน้อยอายุสี่ขวบครึ่ง ใบหน้าละเอียดอ่อนมาก ผิวเหลืองเมื่อถูกความร้อนจากน้ำร้อนทำให้มีสีแดงระเรื่อ ความน่ารักของเด็กชายตัวน้อยทำให้คนเห็นเป็ต้องหน้าแดง
น่าเสียดายที่เด็กชายตัวน้อยเขินอายและหดคอหนี ไม่ยอมให้เธอบีบ
“อันอันค่อนข้างกลัวคนแปลกหน้า ฉิงฉิง เธอช่วยถ่ายรูปให้หน่อยได้ไหม”
ซูอินเสนอ เข้าเมืองในครั้งนี้เธอซื้อกล้องโพลารอยด์มาด้วย ตอนนี้จึงถือโอกาสเอาออกมาใช้
“ได้เลย”
เด็กชายตัวน้อยนั่งอยู่ในกะละมัง ยอมให้พี่สาวสระผม นำฟองมาปาดไว้บนศีรษะและร่างกายของตนเอง ในเวลานั้นอวี๋ฉิงได้ถ่ายภาพเด็กชายตัวน้อยในอิริยาบถต่างๆ เด็กชายตัวน้อยที่เขินอาย เด็กชายตัวน้อยที่มีฟองเต็มศีรษะและลำตัว…แชะ แชะ คุณหนูอวี๋ถ่ายภาพอย่างมีความสุข
ซูอินเองก็มีความสุข แต่เด็กชายตัวน้อยร่างกายไม่แข็งแรง หากอาบน้ำนานเกินไปจะไม่สบาย ซูอินจึงรีบล้างตัวน้องชายให้สะอาด แล้วเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่
เธอคิดไว้ไม่ผิด เมื่อได้สวมเสื้อผ้าเด็กแบรนด์ดังจากห้างทำให้เด็กชายตัวน้อยเพิ่มความน่ารักขึ้นไปจนแทบะเิ
“อยากถ่ายรูปด้วยกันไหม”
“ได้สิ!”
คุณหนูอวี๋ยังคงแสดงท่าทีเย่อหยิ่ง เธอตั้งเวลาของกล้องโพลารอยด์แล้ววางมันไว้ที่ขอบหน้าต่าง
“หนึ่ง สอง สาม ยิ้ม”
“แชะ” เสียงถ่ายภาพดังขึ้น ก่อนที่รูปถ่ายจะออกมา ทั้งสามคนฉีกยิ้มอย่างมีความสุขในห้องที่แสนจะเรียบง่าย