จวินอู๋เสียกล่าว “เกรงว่าตระกูลเซียวสองพี่น้องนั่นจะเข้าหน้ากันไม่ติดแล้ว ท่านคงเห็นเบาะแสในงานเลี้ยงวันนี้แล้วกระมัง ในเมื่อเข้าหน้ากันไม่ติด ทั้งสองต้องมีจุดประสงค์ในการช่วยเหลือต่างกันแน่นอน”
เหยียนอู๋อวี้สีหน้าอึมครึมเล็กน้อย “ องค์หญิงใหญ่ ไทเฮาและยังมีซ่งอี้เฉิน การกระทำที่ไทเฮามีต่อเซียวเป่าหลินในครั้งนี้เป็การยอมรับที่พึ่งจากคนผู้นี้อย่างเห็นได้ชัด เซียวหรูเสวี่ยเป็บุตรสาวของเซียวจ่างเฟิง หรือว่าจะเป็เซียวจ่างเฟิง?”
จวินอู๋เสียพยักหน้า “ดูแล้วท่านคงไม่รู้ แม้เซียวหรูเสวี่ยจะเป็บุตรสาวแท้ๆ ของเซียวจ่างเฟิง แต่เซียวจ่างเฟิงไม่ได้เลี้ยงมาั้แ่เด็ก เพราะว่าพี่น้องตระกูลเซียวงดงามเลอโฉม ตอนที่พวกนางยังเล็กมากเซียวจ่างไห่สั่งให้ฮูหยินในตระกูลเป็คนอบรมสั่งสอนเพื่อจะได้ส่งเข้าในวังหลวง เซียวจ่างไห่ปฏิบัติต่อทั้งสองไม่เลว ดังนั้นพี่น้องสกุลเซียวจึงสนิทสนมกับเซียวจ่างไห่มากกว่าบิดาผู้ให้กำเนิด”
“หมายความว่าเซียวจ่างไห่เป็คนที่ไทเฮาพึ่งพิงหรือ?” เหยียนอู๋อวี้ใเล็กน้อย ก่อนจะนึกถึงพันธสัญญากับตระกูลเซียวเมื่อก่อนหน้า แม้ไม่นับว่าเป็พันธสัญญา ทว่ามีการข้องเกี่ยวกันอยู่แล้ว หากเซียวจ่างไห่บอกเื่นี้กับไทเฮา เกรงว่านางคง...…
นอกจากนี้ป้าโฉ่วยังออกหน้าด้วยตนเองด้วย...…
เซียวจ่างไห่คิดว่าพวกนางสนมในตำหนักร้ายกาจมิสู้ไทเฮา จึงทุ่มกับนายหยิงโดยตรง ทว่าเหตุใดยังต้องทำแบบเดิม?
ในราชสำนักไม่มีมิตรแท้และศัตรูถาวร ทว่าเซียวกุ้ยเฟยในปีนั้นทำร้ายไทเฮาจนเสียบุตรทั้งสองคนไปจริงๆ ไทเฮาจะกล้ำกลืนฝืนทนได้จริงหรือ?
เหยียนอู๋อวี้คิดมาตลอดว่าหลังจากตระกูลอวิ๋นล้มสลาย อันดับแรกที่ไทเฮา้าเก็บกวาดก็น่าจะเป็ตระกูลเซียว
ทว่านอกจากจะไม่ทำเช่นนี้ ไทเฮากลับยื่นมือช่วยเหลือแทนอีกด้วย...…
ตระกูลเซียวมีประโยชน์อันใดต่อไทเฮา? ไทเฮา้าใช้ตระกูลเซียวต่อกรกับองค์หญิงใหญ่หรือ?
การที่เซียวจ่างไห่สามารถนั่งตำแหน่งผู้นำตระกูลได้ เขาต้องเหนือชั้นกว่าผู้อื่นแน่นอน เหตุใดต้องร่วมมือกับไทเฮา เขามีไพ่ตายนอกเหนือจากนี้อีกหรือ?
เช่นนั้นคนที่พวกเขา้าร่วมมือกันจัดการคือผู้ใดกันแน่?
“แล้วเซียวจ่างเฟิงเล่า?” เหยียนอู๋อวี้อดประหลาดใจไม่ได้ นางถามต่ออีกว่า “คนที่เซียวจ่างเฟิงช่วยเหลือน่าจะเป็องค์หญิงใหญ่กระมัง? คนที่ไทเฮา้าจัดการมีแค่องค์หญิงใหญ่ และสาเหตุที่เซียวจ่างไห่ร่วมมือกับไทเฮาต้องเป็เพราะเซียวจ่างเฟิงแน่นอน”
“คนอื่นข้าเดาไม่ออก แต่ในงานเลี้ยงองค์หญิงใหญ่มองเซียวจ่างเฟิงหลายครั้งจริงๆ” จวินอู๋เสียแนะนำ “หากเป็ไปได้ ท่านลองถามเื่ราวในปีนั้นดู บางทีอาจเจอเบาะแสบางอย่าง?”
เหยียนอู๋อวี้พยักหน้าทันที “ข้าสามารถสืบค้นเื่ทั้งหมดนี้ได้ ถึงเวลาข้าจะบอกท่าน”
จวินอู๋เสียพูดพลางแย้มยิ้ม “ไม่จำเป็ ถึงอย่างไรองค์หญิงใหญ่ก็ใกล้ไม่รอดแล้ว”
เหยียนอู๋อวี้ขมวดคิ้วมองเขาพลางเอ่ยถาม “ท่านมั่นใจหรือ”
“องค์หญิงใหญ่แพ้สามครั้งติดกัน กลับยังยั่วยุต่อ โดยเฉพาะสิ่งที่พูดออกมาในวันนี้ ไทเฮาไม่มีทางเก็บนางไว้อีก ตอนนี้ขาดแค่ข้ออ้างเท่านั้น”
“ท่านก็คือข้ออ้างที่ว่านั่นหรือ?” เหยียนอู๋อวี้อดคาดเดาไม่ได้
“ถึงเวลานั้นไทเฮาคงคิดหาวิธีชดเชยให้ข้า อย่างไรแล้วข้ออ้างเช่นข้าก็มากเพียงพอ สิ่งที่นางต้องทำคือไม่ทิ้งจุดอ่อนให้ขุนนางและกลายเป็ข้ออ้างให้คนอื่นโจมตีนางโดยเด็ดขาด”
“ในเมื่อท่านตัดสินใจแล้ว ข้าก็จะไม่ห้ามท่าน” เหยียนอู๋อวี้คิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “แต่เมื่อถึงยามจำเป็ ข้าจะช่วยท่านแน่นอน ท่านต้องระวังตนเองด้วย”
จวินอู๋เสียพูดพลางแย้มยิ้ม “เป่าขลุ่ยก็พอแล้ว ข้าจะไม่เป็ไร”
เหยียนอู๋อวี้ยังคงรู้สึกร้อนใจ นางเผลอกำขลุ่ยเลาเล็กแน่นแล้วส่ายศีรษะ “อย่างไรก็อายุยังน้อยจึงประมาทไปบ้าง”
ดูเหมือนจวินอู๋เสียจะมองบางอย่างออก เขาเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม “ท่านยังไม่ตอบคำถามข้า เหตุใดถึงดีดพิณไม่เป็?”
เหยียนอู๋อวี้จำใจตอบ “เพราะซ่งอี้เฉินเล่นเป็ ทักษะพิณของคนอื่นเป็แค่ความสามารถอันน้อยนิดสำหรับเขา แต่เขาไม่ชอบเอ่ยถึงเื่นี้และไม่ชอบพิณโบราณ ข้าจึงคิดว่าไม่มีความจำเป็ต้องเรียน”
ถึงกระนั้นนางก็ยังคิดหาทางจดจำบทเพลงหนึ่งเผื่อเอาไว้อย่างยากลำบาก ทว่ามันกลับไม่มีอีกแล้ว!
จวินอู๋เสียพูดตรงไปตรงมา “จากที่ข้ารู้ ห้าปีก่อน ท่านไม่มีคุณสมบัติด้านการแสดงความสามารถ เป็เพราะปีนี้ฮ่องเต้เซวียนเปลี่ยนกฎเกณฑ์ ท่านจึงเข้าวังได้”
เหยียนอู๋อวี้รู้นานแล้วว่าจะต้องสงสัย นางจึงตอบด้วยน้ำเสียงสงบนิ่ง “สหายเก่าข้าผู้นั้นบอกว่าไม่จำเป็”
อวิ๋นอู๋เหยียนเสียชีวิตเมื่อห้าปีก่อน ตอนนั้นนางอายุสิบกว่าปี ต่อให้อวิ๋นอู๋เหยียนบอกนาง นางต้องเรียนพิณมาบ้างแล้ว
จวินอู๋เสียแย้มยิ้มเล็กน้อยพลางมองนางอย่างมีความหมายลึกซึ้ง ทว่ากลับไม่ได้สืบสาวต้นตอ
เหยียนอู๋อวี้กลับนึกถึงอีกเื่หนึ่งจึงเปิดปากพูดทันที “อู๋เจาหรงยังไม่ตายใช่หรือไม่?”
จวินอู๋เสียพยักหน้าอย่างไม่ปิดบัง “คนที่ตายคือคนที่มีรูปร่างคล้ายกับนาง ตอนนี้ตระกูลอู๋น่าจะออกจากเมืองหลวงไปไกลแล้ว ส่วนภายหลังจะเป็อย่างไรก็อยู่เหนือการควบคุมของเราแล้ว”
เมื่อได้ยินเช่นนี้เหยียนอู๋อวี้จึงไม่ถามอีก ซ่งอี้หานจัดการเื่ราวได้อย่างเหนือความคาดหมาย ทว่าในนั้นก็ต้องมีจวินอู๋เสียเป็ตัวแปรแน่นอน ไม่ว่าอย่างไรก็ถือว่าทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับอู๋เจาหรงสำเร็จแล้ว พอพูดถึงเื่พวกนี้เหยียนอู๋อวี้จึงถามอีกครั้ง “ท่านเป็พันธมิตรกับซ่งอี้หานแล้วใช่หรือไม่? ท่านยืมกำลังอำนาจในครั้งนี้ บรรลุข้าตกลงอันใดกับเขา? ไม่ว่าเป็ข้อตกลงอันใด อย่าได้เชื่อ”
“ข้ารู้ ตอนนี้เขาอยากฆ่าข้าให้ตายทันที หลักฐานที่อยู่ในมืออาลักษณ์อู๋จะได้ตกไปอยู่บนมือเขา” จวินอู๋เสียตอบ “ข้าไม่มีทางฝากชีวิตตนเองในมือเขา แต่ไหนแต่ไรมาข้าพึ่งพาตนเองเท่านั้น”
เมื่อได้ยินประโยคนี้เหยียนอู๋อวี้ถึงได้วางใจ เขาควบคุมสถานการณ์โดยรวมไว้แล้ว เื่ที่นางรู้สึกเป็กังวลพวกนั้นเขาก็หลีกเลี่ยงทั้งหมด เพียงแค่หวังว่าเหตุการณ์สุดท้ายจะราบรื่นดั่งใจหวัง
จวินอู๋เสียเปลี่ยนหัวข้อสนทนา “ทว่าทันทีที่องค์หญิงใหญ่สิ้นพระชนม์ ซ่งอี้หานก็ต้องใช้มัน อำนาจของไทเฮายิ่งใหญ่เพียงนี้ หากล่าช้า นางคงกลืนกินอำนาจขององค์หญิงใหญ่จนเกลี้ยง ถึงตอนนั้นาครั้งนี้ก็จะยิ่งยากลำบาก”
“ซ่งอี้หานจะไม่ยอมหยุดเพียงเท่านี้ เขาต้องมีการเคลื่อนไหวครั้งต่อไปแน่นอน เราจะนั่งนิ่งรอความตายปล่อยให้เื่ยืดเยื้อไม่ได้” เหยียนอู๋อวี้คิดอยู่ครู่หนึ่ง “ตอนนี้สามารถเป็พันธมิตรกับเขาได้ ซ่งอี้เฉินยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของไทเฮา อีกทั้งเขายังมีนิสัยระแวดระวัง ก่อนที่จะปีกกล้าขาแข็ง เขาไม่มีทางลงมือแน่นอน ถึงขั้นเป็ไปได้ว่าอาจใช้อำนาจของไทเฮาขับไล่ซ่งอี้หาน”
“หากซ่งอี้หานไม่มีแล้ว เื่ราวต่อจากนั้นคงไม่สนุกแล้ว” จวินอู๋เสียพูด “เื่นี้ ท่านออกหน้าคงไม่เหมาะ ในเมื่อข้าเข้าไปพัวพันแล้วก็ปล่อยให้ข้าจัดการเถิด”
“อันตรายเกินไป” เหยียนอู๋อวี้ยังคงปฏิเสธ แม้ว่าครั้งนี้จะเป็โอกาสอันดีสำหรับนาง ตัวตนของนางไม่เหมาะจะถูกเปิดเผย พันธสัญญากับตระกูลเซียวก่อนหน้าเป็ก้าวที่ผิดพลาด นางต้องคิดหาทางแก้ไขวิกฤตนี้ หากปรากฏตัวเบื้องหน้าซ่งอี้หานอีกครั้ง ก็จะเป็การมอบจุดอ่อนตนเองไว้บนมืออีกฝ่าย ให้อีกฝ่ายมีเครื่องมือควบคุมนาง ทว่าซ่งอี้หานผู้นี้เป็คนช่างสงสัยโดยกำเนิด หากเพียงแค่สวมหน้ากากปรากฏตัวออกมา เขาต้องไม่เชื่อแน่นอน”
“ข้าเคยทำเื่อันตรายมาแล้ว และก่อนหน้านี้ข้าก็พูดไปแล้วว่าข้าไม่กลัวอันตราย” จวินอู๋เสียไม่ได้ใส่ใจ “เขารู้จุดประสงค์ของข้าแล้ว อย่าให้การกระทำของข้าสูญเปล่า หากท่าน้าแก้แค้นก็ไม่ควรลังเลใจเช่นนี้”
เมื่อได้ยินเช่นนี้เหยียนอู๋อวี้พลันเงยหน้าขึ้นมามองเขาด้วยสีหน้าใ