พวกจิ่นเซวียนมาถึงห้องโถงหลัก เห็นซ่งผิงและเฉียวซื่อนั่งบนที่นั่งประธาน ส่วนคนที่มาช่วยงานนั่งทางฝั่งซ้าย คนบ้านซ่งนั่งทางฝั่งขวาและของขวัญวางอยู่บนโต๊ะยาวสามตัวตรงกลางห้อง
จิ่นเซวียนลุกขึ้น นำผ้าต่วนลายมอบให้ซ่งผิงและเฉียวซื่อก่อน และเรียกพวกเขาว่าท่านพ่อท่านแม่ด้วยความเคารพ
ซ่งผิงรับผ้าพับจากมือจิ่นเซวียน แล้วยื่นซองแดงให้นาง
“ขอบคุณท่านพ่อท่านแม่เ้าค่ะ”
“เซวียนเซวียนคารวะพี่ใหญ่พี่สะใภ้ใหญ่ ยินดีที่ได้พบหลานชายทั้งสาม” จากนั้นจิ่นเซวียนก็นำผ้าสีน้ำเงินหนึ่งพับกับปิ่นปักผมเงินหนึ่งอันมอบให้ซ่งหวากับภรรยา
“พี่สี่เล่าขอรับ?” ซ่งจื่อเฉินที่มิเห็นซ่งเหมย เขาจึงถามหา
“พี่สี่หน้าตาขี้เหร่เช่นนั้น ข้ากลัวว่านางจะทำให้พี่สะใภ้คนใหม่ใ จึงบอกให้นางไปล้างจานแล้วเ้าค่ะ” ซ่งเป่าจูพูดได้มิอายปาก ซ่งเหมยกับนางคือพี่น้องแม่เดียวกัน นางรังแกซ่งเหมยเช่นนี้มิกลัวคนหัวเราะเยาะหรือ?
“นางขี้เหร่แล้วอย่างไร นางก็คือคนของบ้านเราอยู่ดี เ้ายังมิรีบไปเรียกนางมาพบเซวียนเซวียนอีก” ซ่งผิงตำหนิ ซ่งเป่าจูจึงรีบออกไปเรียกซ่งเหมยอย่างมิเต็มใจนัก
“เซวียนเซวียน ผู้นี้คือพี่สองกับลูกๆ ของเขา” จิ่นเซวียนยกของขวัญ ส่วนซ่งจื่อเฉินแนะนำครอบครัวของเขาให้นางรู้จัก
ของขวัญของครอบครัวซ่งเหลียง ซย่าตงชิงเลือกด้วยตนเอง หลังจากที่จิ่นเซวียนนำผ้าพับมอบให้ซ่งเหลียงแล้ว ก็ใส่กำไลเงินให้หยวนหยวน
“หยวนหยวนใส่กำไลเงินเส้นนี้แล้วดูดียิ่งนัก”
“ท่านน้าเล็ก ขอบคุณเ้าค่ะ” ก่อนหน้านี้ซ่งหยวนหยวนเรียกจิ่นเซวียนว่าน้าเล็ก นางให้หยวนหยวนเปลี่ยนเป็คำเรียกขานอื่น แต่หยวนหยวนยังมิได้เปลี่ยน
“หยวนหยวนน่ารักเสียจริง” ซ่งหยวนหยวนมีหน้าตาน่ารักและขี้อ้อน จิ่นเซวียนบีบพวงแก้มกลมของนางด้วยความมันเขี้ยว
“นี่คือพี่สามและพี่สะใภ้สาม” จิ่นเซวียนหยิบผ้าพับหนึ่งผืนกับปิ่นปักผมหนึ่งอันที่โต๊ะเดินไปตรงหน้าของซ่งหงและภรรยาแล้วกล่าวทักทายพวกเขา
“พี่สะใภ้ขออวยพรให้น้องสะใภ้ห้ากับน้องห้ารักกันตลอดปีและมีลูกกันเร็วๆ” พานซื่อเป็ภรรยาของซ่งหงพูดพลางส่งซองแดงในมือมอบให้จิ่นเซวียนน
เฉินซื่อเห็นว่าพวกบ้านสามได้ผ้าพับทั้งผืนแล้วอิจฉานัก พวกเขารู้สึกว่ามันมิยุติธรรม บ้านสามได้ของมากมายทั้งที่มีกันเพียงสองคน
ปิ่นปักผมที่เหลืออยู่สองชิ้นคือของซ่งเป่าจูและซ่งเหมย
จิ่นเซวียนรออีกครู่หนึ่ง ซ่งเป่าจูก็เดินเข้ามาพร้อมกับซ่งเหมย จิ่นเซวียนตั้งใจสังเกตซ่งเหมยและพบว่าซ่งเหมยเป็คนขี้กลัว มิกล้าแม้แต่จะเงยหน้ามองผู้คน อันที่จริงแล้ว หากมิมีปานแดงคล้ำบนใบหน้า ซ่งเหมยก็นับว่าเป็สาวงามเช่นกัน
เพราะนางโดนดูถูกมานานถึงได้ขาดความมั่นใจไป
ซ่งเหมยอายุยี่สิบห้าปีแล้วยังมิมีบ้านสามีเลย หากนับตามอายุในชาติก่อน ซ่งเหมยก็ยังมิแก่ แต่สมัยโบราณมันมิเหมือนกัน หากอายุเกินสิบแปดปีแต่ยังมิมีสามีจะกลายเป็สาวเทื้อ
ซ่งเหมยยืนคู่กับซ่งเป่าจูแล้วดูมิเข้ากัน ซ่งเป่าจูแต่งตัวเหมือนคุณหนูในเมือง แต่ซ่งเหมยกลับแต่งตัวดีกว่าขอทานเพียงเล็กน้อย เพราะวันนี้คือวันสำคัญของพวกเขา เฉียวซื่อจึงมิอยากให้นางอับอาย จึงหาชุดผ้าหยาบใหม่เอี่ยมให้กับนาง
“เซวียนเซวียนคารวะพี่สี่เ้าค่ะ” จิ่นเซวียนหยิบปิ่นปักผมเงินขนนกกระเต็นสีมรกตเดินไปตรงหน้าของซ่งเหมย และเสียบเข้าไปบนมวยผมของนาง
ซ่งเหมยประหลาดใจ ปิ่นดูดีเช่นนี้นางมิคู่ควรกับมัน!
“เซวียนเซวียน ข้า......”
“พี่สี่ จากนี้พวกเราคือครอบครัวเดียวกันแล้วนะเ้าคะ” จิ่นเซวียนจับมือของซ่งเหมยเอาไว้และยิ้มอ่อนโยนให้ นางเห็นใจซ่งเหมย แม่แท้ๆ มิ้านาง เพราะนางขี้เหร่ มันน่าเศร้าจริงๆ!
“เซวียนเซวียน ขอบคุณที่เห็นข้าเป็คนในครอบครัวของเ้า” ซ่งเหมยมองจิ่นเซวียนน้ำตาคลอ นี่เป็คราแรกที่มีคนนอกให้เกียรตินาง นอกจากพ่อเลี้ยงกับน้องห้าแล้ว ผู้อื่นต่างก็ดูถูกนางกันทั้งนั้น แม้แต่แม่ผู้ให้กำเนิดยังรังเกียจนาง
จิ่นเซวียนนำปิ่นอันสุดท้ายส่งให้ซ่งเป่าจู นางมิพอใจเล็กน้อย เมื่อเทียบกับปิ่นทองแล้ว นางอยากได้ปิ่นทองมากกว่า
“พี่สี่ ท่านมาช่วยข้าแบ่งเมล็ดทานตะวันกับถั่วลิสงเถิดเ้าค่ะ ข้าจะเอาไปให้พวกเพื่อนบ้านกินกัน” จิ่นเซวียนมิสนใจซ่งเป่าจู นางรู้ว่าซ่งเป่าจูเป็คนกินบนเรือนขี้บนหลังคา
นางขอให้ซ่งเหมยมาช่วยแบ่งเมล็ดทานตะวันกับถั่วลิสงใส่ถุงกับนาง จะได้แจกให้ทุกคนพร้อมเงินอั่งเปา
“ภรรยาของจื่อเฉินผู้นี้เป็คนดีจริงๆ เ้าดูนางปฏิบัติกับอาเหมยเหมือนเป็พี่สาวแท้ๆ เลย” แม่สื่อโจวได้ผลประโยชน์มาจากซย่าชุนอวิ๋นจึงพูดแต่เื่ดีๆ ของจิ่นเซวียน
ลูกชายของนางไปทำงาน ได้เงินค่าแรงวันละไม่กี่อีแปะ เงินอั่งเปาที่นางกับหลานชายได้ในวันนี้ พอให้ครอบครัวของพวกเขาใช้ไประยะหนึ่งเลย
“เซวียนเซวียน ท่านนี้คือหลี่เจิ้งของหมู่บ้านเรา เ้าเรียกเขาว่าท่านปู่หลี่เจิ้งก็ได้” ซ่งผิงลุกขึ้นแนะนำแขกให้จิ่นเซวียนรู้จัก โจวหลี่เจิ้งทำหน้าที่เรียกเก็บหนี้ให้เขา ถือเป็ผู้ช่วยเช่นกัน
“คารวะท่านปู่หลี่เจิ้งเ้าค่ะ” จิ่นเซวียนเอาถุงเมล็ดทานตะวันกับเหรียญทองแดงเล็กๆ ส่งให้โจวหลี่เจิ้ง โจวหลี่เจิ้งกล่าวอย่างสุภาพไม่กี่คำก็รับของขวัญไป
เขาลองคะเนน้ำหนักของถุงเงิน เมื่อรู้สึกว่าหนักจึงพอใจยิ่งนัก
จิ่นเซวียนขยับตัวอย่างคล่องแคล่ว ครู่เดียวก็แจกไปเกือบครบแล้ว เหลือเพียงพี่น้องโจวซู่อิงและโจวซู่ซินสองคน
นางเอ่ยยิ้มๆ ตอนที่ส่งถุงเมล็ดทานตะวันกับอั่งเปาให้โจวซู่ซิน “สามี แม่นางหน้าตางดงามผู้นี้ชื่อว่าอย่างไรหรือ?”
“นางชื่อซู่ซิน เป็หลานสาวคนโตของท่านปู่หลี่เจิ้ง”
“เ้าอายุเท่าข้า จากนี้เรียกข้าว่าซู่ซินเถิด” โจวซู่ซินอารมณ์ไม่ดีนัก เมื่อได้ยินว่าซ่งจื่อเฉินจะแต่งงาน นางอยากให้เขาแต่งกับสตรีที่ด้อยกว่านาง แต่วันนี้เมื่อได้เห็นจิ่นเซวียนแล้ว นางรู้สึกต้อยต่ำ ไม่ว่าจะฐานะหรือหน้าตา นางเทียบกับจิ่นเซวียนมิได้เลย นี่เป็หนแรกที่นางรู้สึกพ่ายแพ้ย่อยยับเช่นนี้
“สวัสดีซู่ซิน ข้าชื่อซย่าจิ่นเซวียน จากนี้พวกเราเป็สหายกันแล้วนะ” จิ่นเซวียนมองความรู้สึกที่ซุกซ่อนอยู่ภายในสายตาของโจวซู่ซินได้อย่างชัดเจน
นางพบว่าโจวซู่ซินเป็นางชาเขียวที่มีชั้นเชิงสูงยิ่งนัก
ซย่าจิ่นอวิ๋นและเกาซื่อยังเทียบกับนางมิได้เลย
“พี่สะใภ้เล็ก ข้าเคยคิดว่าญาติผู้พี่ของข้างดงามที่สุด เมื่อได้พบท่านวันนี้ ข้าเลยรู้ว่าเหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือคนยังมีคน” เมื่อจิ่นเซวียนมอบของขวัญชิ้นสุดท้ายให้โจวซู่อิง นางเลยจงใจชมจิ่นเซวียนต่อหน้าโจวซู่ซิน
“น้องซู่อิงชมกันเกินไปแล้ว ดอกหญ้าอย่างข้ามิได้โดดเด่นเช่นนั้นหรอก” จิ่นเซวียนยิ้มพอเป็มารยาท แม่นางน้อยโจวซู่อิงมิธรรมดาเลย จะใช้นางต่อกรญาติผู้พี่ของนางหรือ
“หากน้องสะใภ้ห้าเป็ดอกหญ้า พวกเราคงเป็ใบผักกาดแดงแล้ว” เฉินซื่อต่อคำพูดจิ่นเซวียนอย่างร่าเริง
“พี่สะใภ้ใหญ่ล้อข้าเล่นแล้วเ้าค่ะ” จิ่นเซวียนหันไปยิ้มให้เฉินซื่อ ในหมู่พี่สะใภ้ทั้งสามคน นางชอบพานซื่อที่เงียบๆ และเพราะพานซื่อมิได้ซับซ้อนเท่าเฉินซื่อ
“ทุกท่าน สองวันนี้ลำบากพวกท่านแล้ว พวกท่านกลับไปพักผ่อนก่อนเถิด คืนนี้ข้าจะให้อาหวาไปเชิญพวกท่านมาทานอาหารเย็นที่บ้าน” หลังเสร็จพิธีมอบของขวัญ ซ่งผิงจึงไปลาผู้มาช่วยงานแต่งด้วยตนเอง
จิ่นเซวียนและซ่งจื่อเฉินมิได้ต้องทำสิ่งใดที่นี่ต่อ พวกเขาเลยตรงกลับเรือนโม่อวิ้นเซวียน
......
เมื่อทุกคนออกจากบ้านซ่ง มีใครบางคนเปิดถุงเงินนับเหรียญทองแดง
“สองร้อยหกสิบแปดอีแปะ พี่สะใภ้เล็กผู้นี้ใจป้ำจริงๆ” คนพูดคือโจวซู่อิง นางคิดว่าจะเก็บเงินส่วนนี้ไว้ให้น้องชายเรียนหนังสือ
“เ้าคงมิเคยเห็นโลกกว้างมาก่อน” แม่ของโจวซู่ซินปรายตามองโจวซู่อิงด้วยความมิพอใจ “เงินนี้เ้าต้องเก็บไว้ให้ท่านลุงใหญ่ เอาไว้ใช้เป็ค่าเดินทาง เ้าเอามาให้ข้าตอนนี้เลยเถิด”
โจวซู่อิงโต้กลับอย่างมิยอม “นี่คือเงินอั่งเปาที่พี่สะใภ้เล็กมอบให้ข้า เหตุใดข้าต้องให้ท่านด้วยเล่าเ้าคะ บ้านของพวกท่านทำเหมือนพวกเราเป็คนงาน จะเรียกใช้เมื่อใดก็ได้ ไร้ยางอายเสียจริง”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้