พอสายธารเข้าไปในปากที่อ้ากว้างของซ่งฉียวนเด็กคนนี้ก็รีบปิดปากลงทันที และสีหน้าก็พลันแดงขึ้น ร่างกายแทบจะทรงตัวต่อไปไม่ไหวผมประคองเขา แล้วก้มหน้าลงสบกับดวงตาทั้งสองข้างที่มีเส้นเืลามอยู่ทั่วของเด็กคนนี้กรามของเขาขบกันแน่นจนเป็สัน ก่อนจะเค้นคำพูดไม่กี่คำลอดไรฟันออกมาโดยพยายามอย่างสุดกำลัง “ท่านอาจารย์ไม่ต้องห่วงข้า ข้าไม่ตายง่ายๆ หรอกขอรับ”
ผมอึ้งไปครู่หนึ่ง แล้วลูบศีรษะของเขาไปมาราวกับถูกสะกดก่อนจะตอบกลับไปว่า “มีข้าอยู่ที่นี่ทั้งคน แล้วจะปล่อยให้เ้าตายไปได้อย่างไร? ”
เขาพยักหน้า พยายามตั้งจิตให้มั่น ก่อนจะหลับตาลงแล้วฝืนหยัดหลังให้ตั้งตรง สังขารเล็กๆ ดูราวกับแฝงพลังอันไร้ที่สิ้นสุดเอาไว้
ใช่แล้ว นี่แหละคือตัวเอกที่ผมสรรค์สร้างขึ้นมาแข็งแกร่ง ทรหด และไม่จำนนต่อความพ่ายแพ้ ต่อให้ต้องเจออุปสรรคอันใหญ่หลวงก็สามารถฝ่ามันไปได้และยืนหยัดด้วยลำแข้งของตัวเองได้เสมอ จนกลายมาเป็ที่พึ่งพาของทุกคน
ความทุกข์ยากสามารถทำให้คนเข้มแข็งได้และแน่นอนว่าซ่งฉียวนก็ต้องเข้มแข็งขึ้น หลังจากเขาอายุสิบปีก็ต้องกลายเป็คนที่ไร้ญาติพี่น้องไร้ความรักความทะนุถนอม สิ่งที่เหลืออยู่มีเพียงอาจารย์ สหายและหญิงสาวที่ชื่นชอบเขาเท่านั้น ต่อมาหญิงสาวที่เขาชมชอบก็ยังมาถูกอวี๋เคอแย่งไปอีกคนช่างน่าหดหู่ไปเสียทุกเื่จริงๆ
ทว่าสุดท้ายคนผู้นี้ก็ได้เดินมาถึงจุดสูงสุดของโลกใบนี้แล้ว เขามีเกียรติและศักดิ์ศรีในตัวเองที่ไม่อาจเหยียบย่ำได้และพลังที่คู่ควรกับศักดิ์ศรีนี้อย่างแท้จริงเพียงแต่ไม่มีใครสามารถเข้าใจได้ว่าเื้ัของพลังนี้ แท้จริงแล้วเขาต้องทนทุกข์ทรมานมากเพียงใดบางทีอาจจะมีเพียงผมที่เป็ผู้สร้างเนื้อเื่เท่านั้นที่จะเข้าใจได้ลึกซึ้งยิ่งกว่า
ผมมักรู้สึกว่าเขาในตอนนี้กับซ่งฉียวนที่ผมมองเห็นผ่านกรงเหล็กนั้นดูแตกต่างกันอยู่เล็กน้อยแม้ใบหน้าจะยังดูอ่อนเยาว์และมีท่าทีเชื่อฟัง แต่ก็รู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้องสักเท่าไรเพราะดูเหมือนเขาจะเติบโตขึ้นมากภายในระยะเวลาเพียงแค่ข้ามวัน และยังรู้ความมากเกินไปถึงแม้จะยังมีอารมณ์งอแงเหมือนเด็กอยู่บ้าง แต่ก็แสดงออกมาได้อย่างพอเหมาะ
แม้ในตอนแรก ซ่งฉียวนที่ถูกขังอยู่ในกรงเหล็กจะฝืนทนอยู่ตลอดเวลาแต่บางครั้งก็มักจะเผยความอ่อนแอออกมาให้เห็นอยู่บ้างทว่าซ่งฉียวนในตอนนี้กลับไม่มีความอ่อนแอแบบนั้นแล้ว เขากลายเป็คนที่เก็บซ่อนความรู้สึกได้มากขึ้น
อย่าถามว่าทำไมผมถึงมองออกได้หลายสิ่งขนาดนี้ เพราะตอนนี้ผมพูดไม่ออกจริงๆเด็กคนนี้กำลังประสบกับความทุกข์ยากเป็ครั้งแรก แต่ผมกลับทำได้เพียงแค่มองตาปริบๆมองเหงื่อที่ค่อยๆ แทรกซึมขึ้นทั่วใบหน้าที่เริ่มเปลี่ยนเป็แดงระเรื่อของเขานอกจากสงสารแล้ว ก็ยังแอบทอดถอนใจให้กับความอดทนของเขา เพราะั้แ่เริ่มจนถึงตอนนี้ผมยังไม่ได้ยินเสียงเขาร้องโอดโอยเลย จนตอนนี้ภายในห้องนั้นเงียบมากเงียบจนสามารถได้ยินเสียงหอบหายใจเบาๆ ของเขาและเสียงหัวใจของผมที่ไม่ค่อยจะสงบเท่าไรนัก
เวลาค่อยๆ ล่วงเลยไปและสีหน้าของซ่งฉียวนก็เริ่มกลับมาเป็ปกติ ผมขยับเข้าไปใกล้ และจับชีพจรของเขาเพื่อตรวจดูอาการจึงพบว่าอวัยวะภายในของเขาฟื้นตัวได้ค่อนข้างดีอย่างน้อยก็ไม่ได้แย่เหมือนก่อนหน้านี้แล้ว
“ฉียวน ฉียวน ยังมีสติอยู่หรือไม่? ”
หลังจากร้องเรียกอยู่สองครั้ง ก็เห็นเขาลืมตาขึ้นแม้จะมองอย่างไร้จุดหมาย แต่กลับดูมีชีวิตชีวากว่าเมื่อก่อนมากจากนั้นเด็กคนนี้ก็ฉีกยิ้มกว้าง “ท่านอาจารย์ไม่ต้องกังวล ข้ายังรู้สึกตัวอยู่ขอรับ”
ผมลองพิจารณาดูก็รู้สึกว่าหากดูจากสภาพร่างกายและสภาพจิตใจที่แข็งแกร่งของเขาในตอนนี้แล้ว เขาน่าจะสามารถดูดซับพลังของผลคืนิญญาไปได้ไม่น้อยเลยทีเดียวจากนั้นผมก็พูดประโยคที่จะทำให้ต้องกลับคำอยู่นานในภายหลัง “เช่นนั้นก็ทำต่อไปเถิดคว้าโอกาสดูดซับตอนที่พลังของผลคืนิญญายังถูกรักษาอยู่ในสภาพสมบูรณ์ที่สุดจะดีกว่าเพราะในขั้นสูงก็พอจะสามารถรักษามือและเท้าของเ้าที่ถูกอวี๋เคอตัดทิ้งไปได้”
ยามที่ต้องพูดชื่อของตัวเองออกมาจากปากตัวเองช่างน่าอึดอัดใจพิลึกสายตาอันเฉียบคมของผมสังเกตเห็นได้เลยว่าร่างของเขาแข็งทื่อตอนที่ผมเอ่ยถึงชื่ออวี๋เคอสองคำนี้ขึ้นมาแต่สุดท้ายก็ไม่ได้พูดอะไร เขาเพียงแค่พยักหน้าเพื่อบอกว่าตนไม่ขัดข้อง
เขาอ้าปากอีกครั้ง คราวนี้ผมนำเข้าไปยี่สิบห้าหยดอย่างใจกล้าจากนั้นก็... ไม่มีอะไรต่อแล้ว...
เมื่อทั้งยี่สิบห้าหยดนี้เข้าไปในปากของเขาก็พบว่าร่างเล็กที่ยืดตรงของเขาสั่นเทิ้มขึ้นมาทันใด จากนั้นก็ประคองตัวอยู่ในท่วงท่านี้ไว้ไม่ไหวแล้วหมดสติลงบนเตียง
โอ้ ไม่นะ...