เจิ้งเฉวียนกังครุ่นคิดตามแล้วก็รู้สึกว่าการคาดเดาของเขาไม่สมเหตุสมผลนัก แม้เจิ้งหยวนจะเป็คนอารมณ์ร้าย นิสัยย่ำแย่แค่ไหน สุดท้ายเธอก็ยังเป็แค่เด็กสาวคนหนึ่ง เด็กสาวบอบบางคงทำผู้ชายฉกรรจ์สลบและพามาหลอกผีตรงสถานที่รกร้างคนเดียวไม่ไหวหรอก หรือต่อให้อยากทำ เธอก็ไม่น่ามีแรงขนาดนั้น
แต่เจิ้งเฉวียนกังที่มองเจิ้งหยวนในแง่ร้ายไม่รู้สึกผิดกับลูกสาวตัวเองสักนิด เข้าใจเธอผิดไปอย่างไร เธอก็ไม่ได้ดีไปกว่าเดิมนักหรอก
“เอาละ แกยังอยู่ที่นี่ทำไม ไม่ใช่เื่ของแกแล้ว ไปส่งข้าวให้แม่แกเสีย”
เจิ้งหยวนเบ้ปาก คุณพ่อเธอรู้อยู่แก่ใจว่าเจิ้งเจวียนออกไปั้แ่เช้าแล้ว นี่มันจงใจไล่กันชัดๆ
แต่งิ้วจบลงแล้ว จะรั้งอยู่รอติดตามผลเพื่ออะไรล่ะ? เธอต้องรีบไปโรงพยาบาลแจ้งข่าวให้พี่ชายกับพี่สะใภ้เธอ
พวกเขาจะได้สบายใจสักที
เธอเดินจากไปไม่นาน ลุงใหญ่เจิ้งก็กลับมา
เขาถือเสื้อผ้าของเจิ้งเทียนหู่ด้วยสีหน้าหมองคล้ำ ดูไม่ดีนัก
อย่างไรเสีย ลุงใหญ่เจิ้งก็เป็พี่ชาย เจิ้งเฉวียนกังเลยไม่อาจชักสีหน้าใส่ แม้จะโกรธที่พี่ชายไม่สั่งสอนลูกชายให้ดีมากแค่ไหนก็ตาม ทว่าเื่นี้เขาเอ่ยลำบากจริงๆ
แต่คราวนี้เจิ้งเฉวียนกังไม่จำเป็ต้องพูด ลุงใหญ่เจิ้งไม่เหลือบมองเขาเลยสักนิด เดินผ่านเขาเข้าบ้านไปเสียดื้อๆ
ลุงใหญ่เจิ้งเพิ่งก้าวขาเข้าไปข้างเดียว เฝิงชางหย่งก็มาถึงพอดี
ครั้นเจิ้งเฉวียนกังเห็นเฝิงชางหย่ง สีหน้าพลันลำบากใจกะทันหัน ทั้งยังรู้สึกอึดอัดและอับอาย อยากแก้ตัวให้ครอบครัวตนเองสักสองสามประโยค แต่ใคร่ครวญอยู่นานก็ได้แต่ถอนหายใจเฮือก ก่อนชี้ไปในกระท่อม “พี่ชางหย่ง พี่รีบไปตรวจให้หลานชายผมเถอะ”
เฝิงชางหย่งเดินเข้าประตูมาดูยังสะดุ้งเฮือกด้วยความตระหนก ตัวอักษร ‘สี่’ สีแดงกระแทกเต็มหน้า ชวนแสบตานัก เพียงมองกระท่อมหลังนี้แวบแรก ก็รู้สึกได้ถึงบรรยากาศที่ค่อนข้างน่ากลัวมากเลยทีเดียว เฝิงชางหย่งรำพึงในใจว่า คงไปเผลอล่วงเกินใครเขาไม่ได้แล้วกระมัง แล้วเบนสายตามองเจิ้งเทียนหู่ที่อยู่บนเตียงดิน
เจิ้งเฉวียนกังตามเข้ามาและหันมายังเตียงดินด้วยเช่นกัน โชคดีที่พี่สะใภ้ใหญ่เจิ้งใส่เสื้อผ้าให้เจิ้งเทียนหู่แล้ว ไม่ได้อยู่ในสภาพเปลือยเปล่าล่อแหลมเหมือนตอนแรก มิอย่างนั้นคงขายขี้หน้ายิ่งกว่านี้
ทักษะการแพทย์ของเฝิงชางหย่งไม่ดีไม่แย่ เขาไม่ใช่พวกหมอเท้าเปล่าที่อบรมในอำเภอระยะหนึ่งก็ดำรงตำแหน่งเลย แต่เขาติดตามเป็ลูกศิษย์แพทย์าุโท่านหนึ่งั้แ่เล็ก ทั้งยังเคยเรียนจริงจังมาก่อน ทักษะการแพทย์จึงค่อนข้างดี อย่างน้อยเขาก็สามารถรักษาคนปวดหัวตัวร้อนในหมู่บ้านได้
เฝิงชางหย่งตัดสินใจลองจับชีพจรให้เจิ้งเทียนหู่
ความจริงเจิ้งเทียนหู่ไม่ได้ป่วยหนักหนาอะไร แค่ได้รับความใและเป็หวัด มีไข้เล็กน้อยจากการเปลือยกายตากลมทั้งคืนเท่านั้น าแบนร่างก็ไม่ได้สาหัส ไม่าเ็ถึงอวัยวะภายใน ส่วนรอยช้ำสองวันก็หายแล้ว
ครั้นเห็นเฝิงชางหย่งปล่อยข้อมือของเจิ้งเทียนหู่ ป้าสะใภ้ใหญ่เจิ้งจึงรีบถามด้วยสีหน้าร้อนใจ ทั้งคราบน้ำตาที่ยังเปรอะเปื้อนใบหน้า “หู่จื่อของฉันเป็ยังไงบ้าง? เขาเสียสติไปแล้วหรือเปล่า? คุณดูสิ เขาไม่สนใจฉันที่พูดกับเขาเลย”
เฝิงชางหย่งไม่ตอบ เขามองเจิ้งเทียนหู่แทน แม้เจิ้งเทียนหู่จะลืมตาอยู่ แต่แววตาเขากลับเลื่อนลอยไร้จุดหมาย เขาเลยสบตาและลองเรียก “เทียนหู่? เทียนหู่? ได้ยินเสียงฉันหรือเปล่า?”
แต่ทว่าเจิ้งเทียนหู่ไม่ตอบสนองสักนิด
เฝิงชางหย่งลองะโอีกสองรอบ คราวนี้เจิ้งเทียนหู่มีปฏิกิริยาแล้ว เขากลอกลูกตาเล็กน้อย
“ยังดีๆ” เฝิงชางหย่งถอนหายใจอย่างโล่งอก
ป้าสะใภ้ใหญ่เจิ้งถามต่อทันที “เกิดอะไรขึ้น เจิ้งเทียนหู่เป็อะไรเหรอ?”
“เขาแค่กลัว และจิตใจได้รับความกระทบกระเทือนนิดหน่อย” เฝิงชางหย่งว่า มือก็หยิบปากกากับกระดาษที่พกติดตัวไว้ตลอดขึ้นมากางออก แล้วเขียนบางอย่างบนแผ่นกระดาษ “ฉันให้ใบสั่งยาบรรเทาอาการช็อกและรักษาหวัดกับพวกเธอไป จัดยากินสักสองวันก็หายแล้ว”
“จริงเหรอคะ ดีแล้ว ดีเหลือเกิน!” พอได้ยินว่าลูกชายตัวเองไม่เป็ไร
หัวใจที่กระดอนขึ้นมาถึงคอของป้าสะใภ้ใหญ่เจิ้งจึงผ่อนคลายลงในที่สุด
เมื่อจิตใจสงบลง ก็เริ่มคิดมากแล้วอดกังวลไม่ได้
สภาพเปลือยเปล่าของลูกชายโดนคนเห็นไปเยอะเลยใช่ไหม? ไหนจะเื่ที่เขาโดนเลือกเป็เ้าบ่าวผีอีก
เช่นนี้ก็คงรู้กันถ้วนหน้าเลยน่ะสิ? งั้นลูกชายเธอจะแต่งภรรยาอย่างไรเล่า
จะมีสตรียินดีแต่งกับลูกชายเธอหรือ?
เธอเพิ่งได้เงินร้อยหยวนมาจากการจับลูกสาวแต่งออก บวกกับเงินที่เก็บมาก่อนหน้านี้ ก็สามารถเก็บหอมรอมริบค่าสินสอดให้ลูกชายได้ไม่น้อย เธอตั้งใจจะแต่งภรรยาที่ขยันขันแข็งและกตัญญูให้ลูกชาย คราวนี้คงไม่วายจบเห่กันแล้ว! ผีสาวทำร้ายใครไม่ทำมาทำลูกชายเธอ
ทำไมชีวิตลูกชายเธอถึงขมขื่นขนาดนี้นะ
เธอเสียใจจริงๆ น่าจะแต่งภรรยาให้หู่จื่อั้แ่เนิ่นๆ หู่จื่อของเธอจะได้ไม่โดนผีสาวมาติดพัน หากถามว่าทำไมไม่แต่งภรรยาเร็วๆ หรือ? ก็เป็เพราะบ้านยากจนน่ะสิ
หากไม่มีนังเด็กบ้าเจิ้งหยวนมาคิดบัญชีบ้านเธอทุกครั้ง
เธอคงเก็บค่าสินสอดพอแต่งภรรยาให้ลูกชายได้แล้ว
หลังจ่ายใบสั่งยาให้ลุงใหญ่เจิ้ง เฝิงชางหย่งก็รีบจากไปโดยมีเจิ้งเฉวียนกังเดินตามมาส่งเขาด้วย สถานที่น่าขนลุกแบบนั้นเขาไม่อยากอยู่นานนักหรอก
เมื่อพ้นจากประตู เฝิงชางหย่งค่อยผ่อนฝีเท้าลงและหันมาเอ่ยกับเจิ้งเฉวียนกัง “นี่ เฉวียนกัง หลานชายนายไปล่วงเกินใครเข้าใช่ไหม?”
เขาไม่เห็นเื่ราวทุกด้าน และไม่รู้ประเด็นเ้าบ่าวผี แต่เจิ้งเทียนหู่ไม่น่าปรากฏตัวในสถานที่รกร้างปลอดคนอย่างไร้เหตุผล แถมยังกลัวมากกว่าปกติจนกลายเป็แบบนั้นอีก จึงพอเดาได้บางส่วน
เจิ้งเฉวียนกังถอนหายใจอย่างจนปัญญา รอยยับย่นกลางหว่างคิ้วลึกจนแทบจะหนีบแมลงวันตายได้ “ผมเดาว่าใช่ คงล่วงเกินใครเข้าแล้ว”
“ล่วงเกินใคร นายพอจะมีคนอยู่ในใจไหม?” เฝิงชางหย่งเดินเอามือไพล่หลัง พลางถาม
จะมีในใจได้อย่างไรกัน ขนาดลูกสาวแท้ๆ หาคนรักในอำเภอั้แ่เมื่อไรเขายังไม่รู้เลย ต้องให้ลูกสาวสารภาพออกมาเอง หลานชายที่ห่างเหินกันเขายิ่งไม่รู้เข้าไปใหญ่
ครั้นพูดจบ เฝิงชางหย่งเพิ่งรู้ว่าตัวเองถามอะไรโง่ๆ ออกไป อย่างไรก็เป็หลานชาย ไม่ใช่ลูกชายแท้ๆ เขาจะรู้ได้อย่างไร เมื่อนึกถึงลูกชาย เฝิงชางหย่งจึงเปลี่ยนเื่พูดถึงงานแต่งของเด็กทั้งสองคน “งานแต่งกำหนดไว้หลายปีแล้ว ในที่สุดจะได้แต่งลูกสาวนายสักที”
แน่นอนว่าเจิ้งหยวนไม่ใช่หัวข้อสนทนาที่ดีสำหรับเจิ้งเฉวียนกัง เมื่อนึกถึงเื่ที่เจิ้งหยวนกระทำลงไปก่อนหน้านี้ สลับกับข้าวของมากมายที่ถูกส่งมาพร้อมหัวใจแสนซื่อตรงของเฝิงเจี้ยนเหวิน เขารู้สึกผิดกับสกุลเฝิงจริงๆ สายตาที่มองเฝิงชางหย่งเลยเต็มไปด้วยความละอาย หากไม่ใช่เพราะเขายังจำได้ว่าเจิ้งหยวนเป็ลูกสาวเขา เขาคงเอ่ยปากบอกตรงๆ ว่า ‘เื่แต่งงานน่ะช่างมันเถอะ เจิ้งหยวนไม่คู่ควรกับลูกชายพี่หรอก”
หากเจิ้งหยวนรู้เข้า เธออาจจะซาบซึ้งใจจน ‘น้ำตานองหน้า’ เลยละ พ่อเนี่ยสมเป็พ่อจริงๆ
ถึงกระนั้น เฝิงชางหย่งกลับเข้าใจความละอายในสายตาเขาผิดไป นึกว่าเขารู้สึกผิดเพราะลูกสาวตนเองอายุน้อยเกินไปจนเสียเวลาเจี้ยนเหวินเสียหลายปี จึงเอ่ยปลอบโยน “ฉันรู้จักลูกชายดี หากให้เขาแต่งงานเร็วๆ เขาคงไม่พอใจ ฉันจะบอกให้ ก่อนหน้านี้เขาไม่กลับบ้านมาห้าปีเต็มแล้ว!” เขาเริ่มอารมณ์ขึ้นเมื่อพูดถึงเื่นี้
ทุกครั้งที่เขาเขียนจดหมายเร่งให้ลูกชายกลับบ้าน เ้าตัวก็มักจะอ้างเหตุผลสารพัด
บอกว่ายุ่งอย่างนั้นอย่างนี้ มีแต่งานๆๆ ปีหน้าค่อยกลับ
ผลปรากฏว่าเลื่อนปีแล้วปีเล่า กลายเป็ว่าเลื่อนมาห้าปีเต็มๆ “เฉวียนกังเอ๋ย
ฉันกลัวลูกชายแต่งงานแล้วยังเป็เหมือนเดิมจริงๆ
หากทิ้งภรรยาไว้ที่บ้านโดยไม่สนใจไยดีตลอดห้าปี ฉันคงไม่รู้จะวางหน้าแก่ๆ
กับนายยังไง”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้