ตระกูลต่งเป็ตระกูลบัณฑิตในเมืองฝูโจว ลูกชายหลายคนล้วนเป็ขุนนาง ทว่าฐานะตระกูลต่งก็ยังไม่สูงเท่าตระกูลหลัวในเมืองหยางโจว แม้ลูกสาวถูกต้องตามกฎหมายของตระกูลต่งจะแต่งงานกับลูกชายนอกสมรสของตระกูลหลัว ก็ยังนับว่าเป็เกียรติสำหรับตระกูลต่ง ประมุขตระกูลต่งเป็คนมีความรู้และหัวโบราณ เขาไม่อยากให้คนอื่นคิดว่าตนยึดมั่นในผู้มีอำนาจและความร่ำรวย เขาจึงปฏิเสธข้อเสนอการแต่งงานของตระกูลหลัว โดยอ้างว่าทนเห็นลูกสาวแต่งออกไปไกลถึงเมืองหยางโจวไม่ได้ ก่อนตำหนิฮูหยินต่งภายหลัง
เดิมทีจ้าวซื่อคิดว่าทุกสิ่งจบสิ้นแล้วจึงเดินทางกลับเมืองหยางโจวด้วยจิตใจห่อเหี่ยว วันต่อมาก็เริ่มค้นหาแผนผังตระกูลสกุลเดิมของนางฉบับคัดลอก ด้วย้าหาสตรีที่มีความสัมพันธ์ทางสายเืกับนางมาแต่งเป็สะใภ้
ค้นหาจนดวงตาพร่ามัวก็ยังไม่พบคนที่เหมาะสมกว่าหลานสาว ความสัมพันธ์ทางเครือญาติระหว่างนางและเด็กหญิงผู้นั้นห่างหลายขั้นเกินไป เด็กสาวอีกผู้หนึ่งก็ไม่เหมาะสมเพราะนางเคยขัดแย้งกับผู้าุโของอีกฝ่าย อีกคนก็ยังเด็กเกินไป ไม่สามารถออกเรือนได้ แม้แต่งเข้ามาแล้วเลี้ยงให้เติบโตเพื่อเป็ภรรยา แต่อย่างไรคุณชายเฉียนก็อายุสิบแปดแล้ว นางผัดวันประกันพรุ่งไม่จัดหาสาวใช้เข้าห้องของเขา หากตอนนี้ยังไม่แต่งภรรยาเข้าจวนมาดูแลเขาอีก เกรงว่าอาจทำให้เขาแอบไปกินลับ ๆ ข้างนอกก็เป็ได้ ความเครียดทำให้เส้นผมของจ้าวซื่อหลุดร่วงหลายเส้น ถึงกระนั้นก็ยังไม่พบลูกสะใภ้ที่เหมาะสมในแผนผังครอบครัวของนางเลยสักคน
ผ่านไปครึ่งเดือนก็เข้าสู่เทศกาลฉงหยาง ฮูหยินต่งและคุณหนูใหญ่ต่งก็กลับมาเยี่ยมญาติที่ตระกูลจ้าว เมืองเจิ้นเจียงห่างจากเมืองหยางโจวไม่ไกลนัก พวกนางจึงถือโอกาสอ้อมไปยังตระกูลหลัวในเมืองหยางโจว แม้ประมุขต่งจะไม่เห็นด้วยกับการแต่งงานในครั้งนี้ แต่ฮูหยินต่งและคุณหนูใหญ่ต่างสนใจคำพูดของจ้าวซื่อยิ่งนัก พวกนางไม่สามารถทนชายชราดื้อรั้นผู้นั้นได้จึงอยากพักในตระกูลหลัวสักสองสามวัน โดยการอ้างชื่อของญาติที่นางจะมาเยี่ยม
เมื่อจ้าวซื่อได้ยินว่าพี่สาวคนรองและหลานสาวรอนางอยู่บนรถม้าหน้าประตูตระกูลหลัว ก็ดีใจราวถูกฝนชโลมหลังแห้งแล้งมานานก็ไม่ปาน นางออกไปต้อนรับทั้งสองด้วยตัวเอง เมื่อเจรจาตกลงกันแล้ว จ้าวซื่อและฮูหยินต่งก็จัดการให้หลัวไป๋เฉียนและคุณหนูใหญ่ต่งได้พบกันในวันพรุ่ง ทว่าคุณหนูใหญ่เป็สตรีขี้อาย แม้อยากเห็นหน้าตาหลัวไป๋เฉียนว่าเป็เช่นไร แต่กลับไม่อยากให้เขาพบนาง
วันต่อมาจ้าวซื่อจึงเรียกให้หลัวไป๋เฉียนมาดื่มชาและพูดคุยกัน ขณะเดียวกันก็ให้ฮูหยินต่งและลูกสาวอยู่ในห้องปีกข้างที่สามารถแอบดูได้ เมื่อคุณหนูใหญ่ต่งปีนแอบดูเขาผ่านรูเล็ก ๆ แก้มทั้งสองก็แดงเรื่อ นางไม่เคยเห็นบุรุษหล่อเหลาเช่นนี้มาก่อน คิ้วของเขาหนายาวได้รูป ดวงตาเป็ประกายราวมีแสงดาวและแสงจันทร์พร่างพราว ริมฝีปากบางใต้จมูกขยับขึ้นลงเป็ครั้งคราว... เมื่อคิดว่านางจะได้แต่งงานกับบุรุษผู้นี้ คุณหนูต่งก็ตื่นเต้นจนหักห้ามใจมิได้ เมื่อหลัวไป๋เฉียนจากไป นางก็ดึงมารดาวิ่งไปขอร้องท่านป้าสามเพื่อหาทางทำให้งานแต่งครั้งนี้เกิดขึ้น
จ้าวซื่อย่อมเห็นด้วยแน่นอน นางจึงวางแผนกับฮูหยินต่งโดยให้หลัวไป๋เฉียนบังเอิญเจอคุณหนูใหญ่ต่งที่กำลังเปลี่ยนเสื้อผ้า อาศัย “อุบัติเหตุที่คาดไม่ถึง” นี้เป็เหตุผลในการเจรจาสู่ขอ ด้วยเหตุดังกล่าวทำให้ประมุขต่งยอมเห็นด้วย หนึ่งเดือนต่อมา ภายใต้การจัดการแสนเร่งรีบของทั้งสองฝ่าย หลัวไป๋เฉียนจึงได้รับคุณหนูใหญ่ต่งเป็ภรรยาถูกต้องตามกฎหมาย
ในมุมมองของคนอื่น คุณหนูใหญ่ต่งเป็สตรีใบหน้างดงาม เกิดจากครอบครัวบัณฑิต มีความสามารถและมารยาทงาม ทั้งยังเป็ลูกสาวชอบธรรมในตระกูล เมื่อนางแต่งงานกับหลัวไป๋เฉียนจึงเรียกได้ว่าเป็คู่หนุ่มสาวหน้าตาดีและมากความสามารถ เหมาะสมราวกิ่งทองใบหยก
แต่ในมุมมองของหลัวไป๋เฉียน ก่อนหน้านี้เขาถูกสาวใช้ของมารดาชอบธรรมดึงมาที่ห้องห้องหนึ่ง จู่ ๆ ก็เห็นสตรีสวมชุดชั้นในตัวเดียว แขนและต้นขาเปลือยเปล่า เขามองเพียงแวบเดียวเท่านั้นก็ใเสียงกรีดร้องของอีกฝ่ายพลันวิ่งหนีไป สองสามวันต่อมา จู่ ๆ มารดาชอบธรรมก็บอกว่านางจัดการฤกษ์แต่งงานให้เขาเรียบร้อยแล้ว เขาต้องแต่งงานภายในเดือนนั้น หลังมารดาจากไป หลัวไป๋เฉียนจึงสั่งให้บ่าวรับใช้คนสนิทไปสอบถามภูมิหลังสตรีผู้นั้น จึงรู้ว่าเขากำลังจะแต่งงานกับสตรีที่ถูกเขาทำลายชื่อเสียงวันนั้น สตรีผู้นั้นไม่ใช่คนอื่นไกล เป็หลานสาวของมารดาชอบธรรมของเขานั่นเอง
ชั่วขณะนั้นหลัวไป๋เฉียนรู้สึกว่าตนถูกหลอกและตีกรอบให้เป็ไปตามกำหนด ด้วยเหตุนี้เขาจึงไม่ชอบต่งซินหลันผู้เป็ลูกพี่ลูกน้องที่อายุน้อยกว่าเขาเพียงหนึ่งปี ในความคิดของหลัวไป๋เฉียน หากสตรีผู้หนึ่งถึงขั้นใช้วิธีไร้ยางอายเช่นนี้เพื่อแต่งงานกับใครสักคน แม้กระทั่งชื่อเสียงยังยอมให้เสื่อมเสีย สาเหตุที่เป็ไปได้มากที่สุดคือชื่อเสียงของสตรีผู้นั้นไม่ดีเท่าไรนักและอาจเสื่อมเสียมานานแล้ว เป็ไปได้ว่านางไม่สามารถแต่งงานกับใครคนอื่นในเมืองฝูโจวได้ จึงวิ่งโร่ขอร้องให้ป้าหาสามีให้ มารดาชอบธรรมจึงยัดเยียดนางให้แก่ตน ทำให้ตนกลายเป็ไอ้โง่คนหนึ่ง
ด้วยความเข้าใจเช่นนี้ หลัวไป๋เฉียนก็มักจับผิดว่าต่งซินหลันประพฤติตัวไม่เหมาะสมอย่างไรบ้าง ใช้ให้บ่าวคนสนิทแอบสังเกตต่งซื่อว่ามีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับชายอื่นในจวนหรือไม่ หากต่งซื่อพูดคุยกับบ่าวรับใช้ พ่อบ้านใหญ่ดูแลจวนหรือสารถีไม่กี่คำ บ่าวคนสนิทของหลัวไป๋เฉียนก็จะวิ่งมารายงานเขา หลัวไป๋เฉียนก็จะไปตำหนิต่งซื่อทันที
ด้วยเหตุนี้ต่งซื่อจึงไม่กล้าคุยกับชายอื่นอีก นางเต็มไปด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจ ก่อนจะออกเรือน บิดายังไม่ห้ามนางเข้มงวดเช่นนี้ ตอนทั้งคู่ทะเลาะกัน ต่งซื่อก็มักจะบอกว่าตระกูลหลัวเป็ “สถานที่บ้า ๆ ทั้งมืดมิดและน่ากลัว” ทั้งยังบ่นว่าจ้าวซื้อเป็แม่สื่อที่ทำให้นางต้องลำบากเช่นนี้
โดยทั่วไปแล้ว หลังบุตรชายตระกูลร่ำรวยแต่งงานจะสามารถรับอนุเข้าเรือนได้ ประเพณีในเมืองหยางโจวคือหลังแต่งงานสามถึงสี่เดือน ผู้าุโควรเป็ฝ่ายรับผิดชอบพาเด็กสาวหรือสตรีฐานะปานกลางมาเติมเต็ม เปรียบเหมือนกาน้ำชาที่คู่ควรกับถ้วยชาหลายใบ ทว่าหลัวไป๋เฉียนรอแล้วรอเล่าก็ไม่ได้อนุภรรยาสักคน เมื่อเห็นต่งซื่อและมารดาชอบธรรมสนิทสนมจนไม่สามารถแยกจากกันได้ เขาจึงตำหนิต่งซื่อเพราะคิดว่านางขี้หึง คอยแอบห้ามป้าไม่ให้รับอนุภรรยาให้แก่เขา เขาจึงยิ่งเกลียดซุนซื่อมากขึ้นเรื่อย ๆ
ต่อมาต่งซื่อให้กำเนิดลูกชายฝาแฝด ความสัมพันธ์ที่กระท่อนกระแท่นมานานก็ค่อย ๆ ผ่อนคลาย แม้หลัวไป๋เฉียนมีลูกชายถึงสองคน ทว่าก็ยังไม่เห็นมารดาจะเอ่ยเื่มอบอนุภรรยาให้แก่ตน เขาจึงคิดวิธีการเฉลียวฉลาดขึ้นมา เขาวิ่งไประบายความทุกข์ใจให้เหล่าไท่ไท่ฟังหลายครั้ง มักบอกว่าต่งซื่อภรรยาของเขายุ่งทั้งวัน ลูกชายแรกเกิดทั้งสองเดี๋ยวก็ร้องไห้ เดี๋ยวก็ปวดปัสสาวะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนกลางคืน เสียงดังจนตนไม่สามารถหลับได้ ส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพการเรียนหนังสือของเขาในวันถัดไป การบัญชีของเขาก็ผิดพลาดบ่อยครั้ง
เหล่าไท่ไท่ฟังดังนั้นก็สงสารจับใจ สามีคนธรรมดาทำงานหาเงินอย่างหนัก เมื่อเก็บเงินได้มากก็คิดจะรับอนุภรรยาหรือซื้อเด็กสาวเพื่อเพิ่มทายาทสักคนสองคน ยิ่งตระกูลหลัวตงของพวกเขาขาดแคลนลูกหลานมาโดยตลอด รุ่นหลัวไป๋เฉียนก็มีเพียงเขาและคุณชายจี๋ที่เป็บุรุษ แต่คุณชายจี๋นั้นยังเด็กเกินไป คงต้องรออีกสองสามปีจึงจะแต่งงานมีบุตรได้ คุณชายเฉียนต้องแบกความรับผิดชอบหนักอึ้งของการให้กำเนิดลูกหลานโดยไม่มีแม้แต่อนุภรรยาได้อย่างไร?
เหล่าไท่ไท่คิดถึงระยะเวลาสิบเดือนในการตั้งครรภ์ของต่งซินหลัน กำลังวังชาของคุณชายเฉียนล้วน “ไม่ได้ใช้งาน” ตลอดสิบเดือนซึ่งถือเป็การ “สิ้นเปลือง” โดยไร้ประโยชน์ นางจึงมอบสาวใช้ข้างกายจื่อจือและจื่อเฉาให้เป็อนุภรรยาของคุณชายเฉียน ก่อนเรียกจ้าวซื่อมาตำหนิอย่างรุนแรงพร้อมสั่งให้นางรับอนุภรรยาให้คุณชายเฉียนหลาย ๆ คน
หลังจ้าวซื่อถูกตำหนิ นางก็กลับไปพูดคุยกับต่งซื่อ ในที่สุดก็ยอมมอบสตรีฐานะปานกลางสี่คนให้เป็อนุภรรยาหลัวไป๋เฉียน
หลังหลัวไป๋เฉียนได้พบสตรีทั้งสี่ เขาโมโหอย่างยิ่ง สตรีคนแรกมีดวงตาใหญ่เล็กไม่เท่ากัน คนที่สองจมูกบิดเบี้ยว คนที่สามมีไฝขนาดใหญ่บริเวณปาก คนที่สี่แม้จะมีรูปร่างปรกติแต่ทั้งเตี้ยและหนา ความสูงยังไม่เท่าหน้าอกเขาด้วยซ้ำ ความงามของสตรีทั้งสี่รวมกันยังไม่ถึงครึ่งของจื่อจือสตรีที่เหล่าไท่ไท่มอบให้เขาเลย เห็นได้ชัดว่าสตรีอัปลักษณ์เหล่านี้ถูกเลือกโดยมารดาชอบธรรมของเขาและต่งซื่อแม่พันธุ์ออกไข่ขี้อิจฉา สิ่งที่ทำให้โมโหยิ่งกว่าคือจื่อจืออนุภรรยาเพียงคนเดียวที่งดงามของของเขากลับยั่วยุต่งซื่อให้ไม่พอใจ ไม่กี่วันต่อมาจ้าวซื่อก็ให้ซุปผสมยาเป็หมันให้แก่นาง ทำให้นางไม่สามารถมีลูกให้เขาได้
ด้วยเหตุนี้ หลัวไป๋เฉียนจึงเกลียดต่งซื่อและจ้าวซื่อมากขึ้นเรื่อย ๆ นับแต่นั้นมาก็ไม่หวังให้ครอบครัวรับอนุอีก เขาแอบซื้อจวนหลังใหญ่ข้างสำนักศึกษา ยามปกติจะให้คนรับใช้ไปหาสตรีหน้าตางดงามจากตลาดชิงเฉ่าหนิวส่งมาที่จวนหลังนี้เพื่อเป็อนุ ตอนนี้จำนวนอนุของเขาเพิ่มขึ้นถึงสามสิบคนแล้ว มีสตรีอีกสี่คนที่ตั้งครรภ์เมื่อครึ่งปีที่ผ่านมา แม้เขาจะเสียใจกับการสูญเสียนายน้อยจู แต่เมื่อคิดว่าจะมีลูกเพิ่มอีกสี่คน หนึ่งในนั้นก็นำมาเป็ตัวแทนนายน้อยจูเสีย คิดได้เช่นนี้จึงไม่เศร้าโศกเท่าไรนัก
ตอนนี้หลัวไป๋เฉียนมีหลักฐานการคบชู้ของต่งซื่อจึงทำให้รู้สึกดีไม่น้อย ตราบใดที่หย่ากับสตรีขี้หึง ก็จะสามารถแต่งงานกับภรรยาที่ดีและใจกว้างอีกคนได้ จากนั้นเขาจะพาอนุมากกว่าสามสิบคนกลับตระกูลหลัว ลูกทั้งสี่ที่กำลังจะเกิดก็จะไม่เป็ลูกนอกสมรส เหล่าจูจงจะมีเหลนพร้อมกันหลายคน ทั้งยังไม่ตำหนิที่เขากระทำสิ่งเ่าั้โดยพลการแน่นอน อาจชื่นชมเขาด้วยซ้ำที่มีลูกต่อเนื่องถึงสี่คน จากนั้นก็จะมอบสาวใช้ใบหน้างดงามให้แก่เขามากกว่าเดิม
ด้วยความคิดเช่นนี้ หลัวไป๋เฉียนจึงตั้งใจลงโทษต่งซื่อ พูดคำหยาบต่าง ๆ นานา หวังว่านางจะโกรธจนขอหย่าแล้วกลับไปเมืองฝูโจวพร้อมสัมภาระ
ต่งซื่อไม่รู้ที่มาที่ไปของเข็มขัดเส้นนี้ นางทำได้เพียงะโเสียงดัง เมื่อได้ยินว่าหลัวไป๋เฉียนขอหย่า เมื่อคิดถึงชีวิตหลังแต่งงานที่ไม่มีความสุข คิดถึงสาวใช้จื่อจือที่ไม่สามารถให้กำเนิดบุตรได้แต่หลัวไป๋เฉียนก็ยังไปค้างคืนที่เรือนนางบ่อย ๆ อีกทั้งคิดถึงตอนที่ตนเพิ่งแต่งงานเข้าตระกูลหลัวโดยให้กำเนิดลูกชายสองคนและลูกสาวหนึ่งคน ทว่าตอนนี้เขากลับขอหย่าเพียงเพราะเข็มขัดเส้นเดียวโดยไม่คำนึงถึงความดีอันยิ่งใหญ่ของนาง ปีนั้นเพื่อจะได้แต่งงานกับหลัวไป๋เฉียน นางยอมทิ้งชื่อเสียงและศักดิ์ศรีที่สั่งสมมากว่าสิบปี ทำให้บิดาของนางโมโหแทบขาดใจตาย สี่ปีที่ผ่านมานางกลับบ้านสกุลเดิมหลายครั้ง แต่บิดาก็ไม่ยอมพบหน้า หากตอนนี้นางถูกหลัวไป๋เฉียนขอหย่าด้วยเหตุผลว่านางสวมเขาและเป็ “นางแพศยา” บิดาจะต้องขับไล่นางออกจากตระกูลต่งเป็แน่ ถึงตอนนั้นนางคงไร้บ้านให้กลับแล้ว
ต่งซื่อกินไม่ได้นอนไม่หลับเพราะเื่บุตรชาย อารมณ์ของนางใกล้พังทลายลงทุกที ตอนนี้ความคิด “คนไร้บ้าน” กระตุ้นให้นางพุ่งไปหยิก กัดและถีบร่างกายหลัวไป๋เฉียน ยอมทิ้งมารยาทหญิงที่ปลูกฝังมาทั้งชีวิตไปโดยสิ้นเชิง
ขณะหลัวไป๋เฉียนอายุสิบหกปี เขาเคยไปบ้านเกิดของเหล่าไท่ไท่ในเมืองซื่อชวน ได้เรียนวรยุทธ์ถึงสองปี แม้จะไม่สามารถเรียกได้ว่าเป็ยอดฝีมือ แต่เขาจะต่อสู้แพ้สตรีได้อย่างไร? หลังจากเชื่อสนิทใจว่าตนจับได้ที่นางลอบคบชู้จนนางโมโหเช่นนี้ เมื่อเขาเห็นใบหน้าปกคลุมด้วยเส้นผมของต่งซื่อก็ยิ่งเกลียดชัง ทันใดนั้นก็ไม่มีความปรานีแก่นางอีกต่อไป เขาลงมือตบนางอย่างรุนแรง ทั้งยังผลักนางลงพื้น ไม่นานต่งซื่อก็ร้องไห้คร่ำครวญราวหมูถูกเชือดอยู่บนพื้นอย่างน่าเวทนา หลัวไป๋เฉียนเดือดดาลไม่น้อย ดวงตาของเขาฉายแววเ็า พลางจับต่งซื่อมาตบและเตะอีกครั้งประหนึ่งไม่สามารถควบคุมตัวเองได้
ทั้งหมดนี้เป็ความผิดของสตรีสารเลว ทำให้เขาไม่แม้แต่อยากจะกลับเรือน อยากมีอนุ อยากมีลูกก็ต้องแอบทำเสมือนเป็โจร หญิงสารเลวผู้นี้ไม่เพียงบ่นเื่ความล้มเหลวในหน้าที่การงานของเขาตลอดวัน ซ้ำยังบ่นเอ้อร์ไท่ไท่ที่ควบคุมอำนาจทั้งหมดในจวน ไม่ยอมแบ่งอำนาจให้ครอบครัวสาขาแรกแม้แต่น้อย แม้น้องชายของนางจะเสียชีวิตก็ยังไม่วางมือ... เขาได้ยินดังนั้นก็หงุดหงิดไม่น้อย สตรีเช่นต่งซื่อนั้น แม้แต่เส้นผมเส้นหนึ่งของฉีซานเหนียงก็ไม่สามารถเทียบได้
เขาและฉีซานเหนียงอนุภรรยาของท่านลุงที่อาศัยในจวนฝั่งตะวันตกต่างรักกัน ยามปกติพวกเขาทำได้เพียงคิดถึงกันเท่านั้น แม้ท่านลุงจะออกไปทำธุระในที่ห่างไกล พวกเขาก็ยังทำได้เพียงอยู่ด้วยกันอย่างลับ ๆ ความหวาดกลัวแขวนอยู่ในหัวใจตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกัน ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงหวงแหนเวลายิ่งนัก ทุกครั้งที่พบกันก็ไม่สามารถทนรับความรู้สึกตอนลาจากได้ เสมือนนั่นเป็ครั้งสุดท้ายที่พวกเขาจะได้พบกัน
ในทางกลับกัน เขาและต่งซื่อกลับเบื่อหน่ายกันและกัน เขาเกลียดชังความดื้อรั้น ความไม่ซื่อสัตย์ ความไม่อ่อนน้อมถ่อมตนของนาง เกลียดชังทุกสิ่งทุกอย่างที่เกี่ยวกับนาง ขณะที่ต่งซื่อก็เกลียดการที่เขาไม่ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานและไม่สามารถแย่งชิงสิทธิ์การควบคุมดูแลจวนได้ คนที่เกลียดชังกันและกันกลับต้องอยู่ด้วยกันทั้งวันทั้งคืน ส่งผลให้พวกเขาเกลียดชังกันมากขึ้นเรื่อย ๆ โชคชะตาช่างเล่นตลกกับชีวิตเกินไปเสียจริง
เมื่อคิดถึงตรงนี้ หลัวไป๋เฉียนก็ยิ่งเดือดดาลพลันเตะท้องของต่งซื่อด้วยแรงทั้งหมดที่มี อาศัยโอกาสนี้สังหารนางเสีย
ในราชวงศ์นี้ สตรีที่แต่งออกเรือนแล้วแอบคบชู้เป็ความผิดอาญา บทลงโทษสูงสุดคือแขวนคอ แม้เขาจะสังหารต่งซื่อด้วยความโมโห แต่ก็ไม่จำเป็ต้องรับผิดชอบการตายของนาง เพียงรายงานความจริงต่อศาลว่า “ต่งซื่อแอบคบชายชู้ นางอับอายจนพาลโกรธเพราะถูกจับได้ ลงมือโจมตีเขากะทันหัน มีเจตนาทำร้ายผู้เป็สามี” ข้อหาเหล่านี้สามารถกำจัดตัวปัญหาเช่นต่งซื่อได้สมบูรณ์แบบนัก ตระกูลต่งที่เลี้ยงดูลูกสาวไร้ยางอายเช่นนี้ ย่อมไม่มีทางออกรับแทนนางเป็แน่ เกรงว่าจะขับไล่ต่งซื่อออกจากตระกูลด้วยซ้ำ
ไม่นานใบหน้าของต่งซื่อก็อาบด้วยเื เสียงกรีดร้องและเสียงร้องไห้ค่อย ๆ แ่เบา
“ไม่นะ…ท่านแม่ ท่านพ่ออย่าตีท่านแม่” เด็กชายตัวเล็กในชุดเสื้อกั๊กผ้าฝ้ายสีเขียววิ่งเข้ามาในห้องโถงหลิวหลี่ พลันกอดศีรษะต่งซื่อพลางะโเสียงดัง “อย่าตีท่านแม่ของข้า อย่าตีท่านแม่ของข้าอีกเลย ฮือ ๆ ...”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้