คนทั้งหมดเดินทางเข้ามาเมืองถงหวางอย่างรวดเร็ว ก่อนหน้าที่จะเดินทางมา เซวียนซานหลางได้ให้องครักษ์ของตนมาสำรวจลู่ทางของที่นี่เรียบร้อยแล้ว อาต่งองครักษ์ของเขาได้ซื้อบ้านเล็ก ๆ หลังหนึ่งซึ่งตั้งอยู่ในตลาด เป็ร้านของอดีตเถ้าแก่ร้านขายอาหาร แต่เพราะในเมืองถงหวางเกิดเื่มากมาย เถ้าแก่ร้านจึงย้ายออกไปอยู่เมืองอื่นพร้อมกับบุตรสาวของตน
บ้านหลังนี้ไม่เล็กและไม่ใหญ่จนเกินไปพอให้พักกันได้สบาย ๆ เพื่อไม่ให้เป็ที่ผิดสังเกต เซวียนซานหลางจึงให้มู่หลานเฟินพักอยู่ในห้องเดียวกัน และยังตั้งกฎกับนางว่าห้ามล้ำเส้นเขา ไม่อย่างนั้นดาบในมือของเขาอาจจะพลาดพลั้งบั่นคอนางขาดได้ มู่หลานเฟินลอบเบ้ปาก เขาจะหลงตนเองเกินไปแล้วกระมัง นางมีหรือจะอยากเข้าใกล้เขาขนาดนั้น แค่หายใจร่วมกันยังแทบจะหายใจไม่ออก นี่ต้องมาอยู่ร่วมห้องกันอีก ไม่รู้ว่าอีกนานเท่าใดกว่าจะไขคดีจบสิ้น นางอึดอัดจะตายอยู่แล้ว
ด้านเซวียนเจ๋อนั้นก็พักอยู่อีกห้องหนึ่งใกล้ ๆ กับลั่วเหมย เพราะเซวียนซานหลางสั่งห้ามไม่ให้เขาแต่งเป็บุรุษ เขาจึงต้องยืมเสื้อผ้าของลั่วเหมยมาสวมใส่ โชคดีที่ตัวของเขาผอมบางจึงใส่เสื้อผ้าของลั่วเหมยได้ ลั่วเหมยถึงกับหมดอาลัยตายอยาก ไม่คิดไม่ฝันว่าชีวิตนี้จะต้องมาถูกคุณชายรองแย่งเสื้อผ้าสวมใส่!
เมื่อมาลงหลักปักฐานที่นี่แล้ว แน่นอนว่าย่อมมาอยู่เฉย ๆ ไม่ได้ ในเมื่อซื้อร้านค้ามาแล้วจะไม่ทำการค้าก็คงจะน่าสงสัยไม่น้อย เมื่อปรึกษาหารือกันแล้ว ก็ได้ความว่ามู่หลานเฟินจะทำอาหารขายสักสองสามอย่าง นางชอบทำอาหารเป็อย่างมาก เซวียนซานหลางเองก็ไม่ได้ขัดข้องอันใด
ที่เหนือความคาดหมายก็คือ เสิ่นเหวยอันเปิดร้านสุราอยู่ตรงข้ามกับร้านขายอาหารของนาง เขาเองก็ปลอมตัวเป็พ่อค้าเหลาสุรา ทำตัวเสเพลกลมกลืนกับชาวบ้านได้อย่างไม่น่าเชื่อ
คืนแรกที่พักในเมืองถงหวาง มู่หลานเฟินไม่ค่อยคุ้นชินเท่าใดนัก หูของนางมักจะได้ยินเสียงแปลกประหลาด อีกทั้งจมูกน้อย ๆ ก็ยังได้กลิ่นที่ไม่ชวนประสงค์ลอยละล่องมาตามสายลม
ความลับหนึ่งที่นางไม่เคยบอกใครเลยก็คือ นางมีประสาทััการรับกลิ่นและการได้ยินอย่างดีเยี่ยม ได้มาจากไหนน่ะหรือ ก็ได้มาจากการเกิดเป็เ้าสุนัขในชาติก่อน ๆ นั่นอย่างไรเล่า
ไม่รู้ว่าควรนับเป็เื่ดีหรือเื่ร้ายกันแน่ กลิ่นอะไรที่มนุษย์ทั่วไปััไม่ได้ แต่มู่หลานเฟินกลับได้กลิ่นทั้งหมด รวมไปถึงเสียงประหลาด ๆ พวกนั้นด้วย
เมืองถงหวางยามกลางวันชาวบ้านยังคงปกติ ออกมาค้าขายทำการค้ากันอย่างที่เคยทำ แต่เมื่อยามราตรีกาลมาเยือน เหล่าชาวบ้านต่างพากันปิดบ้านเงียบ บนถนนทั้งสายแทบจะกลายเป็เมืองร้าง ราวกับอยู่คนละโลกอย่างไรอย่างนั้น
เื่ที่มีหญิงสาวถูกสังหารอย่างน่าหวั่นเกรงนั่น มู่หลานเฟินได้รับรู้รายละเอียดจากเซวียนซานหลางมาบ้าง เมื่อตอนบ่ายหลังจากที่จัดการเื่ในร้านเสร็จแล้ว นางก็แกล้งทำทีออกไปเดินเล่นรอบเมือง ได้ยินชาวบ้านพูดกันว่า ที่เ้าสาวหลายคนเกิดเื่ก่อนหน้านี้ล้วนเป็เพราะอาถรรพ์จากิญญาของหญิงสาวนางหนึ่ง เมื่อนางเข้าไปสอบถามชาวบ้านแรกเริ่มยังคงไม่ยอมเล่า แต่นางมีวิธีีสนทนาพาทีกับพวกเขา ไม่นานจึงได้ฟังเื่เล่ามาเื่หนึ่ง
ชาวบ้านเล่าว่าเมื่อหนึ่งปีก่อน บุตรสาวของพ่อค้าขายหมูคนหนึ่งกำลังจะแต่งงานกับชายคนรัก แต่อยู่ ๆ นางก็ได้รู้ว่าแท้จริงชายที่ตนรักมีภรรยาอยู่แล้ว ภรรยาของเขามาอาละวาดเอาเื่นางจนนางอับอายและเสียใจ ซ้ำชายคนนั้นยังเลือกภรรยา เคราะห์ซ้ำกรรมซัด นางเกิดตั้งครรภ์ ไม่มีคนรับผิดชอบ จึงคิดสั้น นางสวมชุดแต่งงานที่ตัดเย็บเองกับมือและแขวนคอตายที่ท้ายหมู่บ้าน นางจากไปด้วยใจที่อาฆาตแค้นเต็มเปี่ยม กลายเป็ิญญาอาฆาตที่มาคร่าชีวิตของสตรีที่เข้าพิธีแต่งงานและนั่งรออยู่ในห้องหอ เพราะไม่้าให้สตรีเ่าั้สมหวังเหมือนกับนาง
เมื่อกลับมาถึงบ้านมู่หลานเฟินก็เล่าเื่นี้ให้เซวียนเจ๋อและลั่วเหมยได้ฟัง คนทั้งสองเมื่อฟังจบก็ถึงกับขนลุกซู่ แต่มู่หลานเฟินกลับไม่หวาดกลัวเท่าใดนัก นางใช้ชีวิตมาหลายชาติ พบเจอเื่ราวมามากมาย เื่ิญญาหรือผีสางไม่ใช่ว่านางไม่เชื่อ แต่จะต้องเชื่ออยู่บนเหตุผลที่จับต้องได้ และที่สำคัญเื่นี้มันมีช่องโหว่อยู่ไม่น้อยเลย
นางเคยตามบิดาที่เป็หวูโจ้วไปผ่าศพในชาติก่อนที่จะมาที่นี่ พอจะมีความรู้อยู่บ้าง แม้จะเพียงน้อยนิดแต่หากได้เห็นสภาพศพของสตรีเ่าั้เองกับตา นางจะต้องรู้ได้แน่ว่าสาเหตุการตายของพวกนางมาจากสิ่งใด
เวลาล่วงเลยมาถึงกลางดึกแล้ว มู่หลานเฟินนอนพลิกไปพลิกมา เซวียนซานหลางที่นอนไม่หลับเช่นกันพลันหันมามองนางด้วยแววตาเฉยชา ก่อนหน้านี้มู่หลานเฟินบอกว่าให้เขานอนเตียง ส่วนนางนอนพื้นได้ แม้ว่าเขาจะไม่ชอบหน้านางเพียงใด แต่การที่ปล่อยให้สตรีน้อยนางหนึ่งลงไปนอนที่พื้นนั้นไม่ใช่เื่ที่บุรุษควรจะกระทำ
"เ้านอนพลิกไปพลิกมาด้วยเหตุใดกัน พลิกตัวจนเสียงเตียงลั่นเอี๊ยดอ๊าดเช่นนี้มันรบกวนการนอนของผู้อื่นรู้ตัวหรือไม่"
เมื่อได้ยินอย่างนั้นมู่หลานเฟินจึงหันมามองเซวียนซานหลาง ก่อนจะผุดลุกขึ้นมานั่งบนเตียงและเอ่ยกับเขา
"ซื่อจื่อ วันนี้ข้าออกไปเดินเล่นมาและได้รู้เื่หนึ่งเข้า"
"เื่ใด?"
เซวียนซานหลางเอ่ยถามอย่างรำคาญใจ แต่มู่หลานเฟินกลับไม่ทันสังเกตเห็นแววตาที่ฉายความรำคาญของเขา หญิงสาวเล่าเื่ทั้งหมดที่ได้ยินมาให้เขาฟังอย่างไม่มีตกหล่นแม้แต่คำเดียว
"มันน่าแปลกประหลาดเกินไป เื่นี้มีช่องโหว่หลายจุด ข้าอยากเห็นศพของสตรีที่ถูกฆ่าเ่าั้ เผื่อจะได้เบาะแสเพิ่มขึ้น"
เซวียนซานหลางลุกขึ้นมานั่งและใช้สายตาคมปราดพินิจมองมู่หลานเฟิน ตอนนี้นางยกมือขึ้นมาเท้าคางตนพลางทำท่าทางครุ่นคิด ท่าทีของนางตอนนี้ดูเอาจริงเอาจังไม่เหมือนแต่ก่อน อีกทั้งเื่เล่าพวกนั้นก็ยังดูมีพิรุธมากจริง ๆ
ใช่ว่าเซวียนซานหลางจะไม่ตามสืบ เื่ที่มู่หลานเฟินเล่ามาล้วนตรงกับที่เขาและเสิ่นเหวยอันสืบรู้มาเช่นเดียวกัน มันมีช่องโหว่จริง ๆ
ก่อนหน้านี้ศพของสตรีเ่าั้ถูกฝังไปหมดแล้ว ทำให้เขายังไม่ได้เห็นศพพวกนั้นเองกับตา ย่อมยังไม่อาจตัดสินใจอันใดได้
มู่หลานเฟินย่นหัวคิ้วพลางเอ่ย
"มันน่าแปลกจริง ๆ ซื่อจื่อ ท่านจะทำอย่างไรต่อไป"
เซวียนซานหลางมองมู่หลานเฟินเล็กน้อย
"ทำตัวให้เป็ปกติ ทำตัวให้กลมกลืนกับชาวบ้าน แล้วสังเกตท่าทีของทุกคน จากนั้นค่อยหาฤกษ์ยามเข้าพิธีวิวาห์"
มู่หลานเฟินเมื่อได้ยินก็หันขวับมามองชายหนุ่มตรงหน้าอย่างรวดเร็ว
"จะแต่งงานกันจริง ๆ หรือ"
"เพียงแค่เื่หลอกลวงเอาไว้จับคนร้าย เ้าอย่าได้ดีใจจนเกินเหตุไป"
"หน้าตาข้าเหมือนคนดีใจหรือ?"
เซวียนซานหลางไม่เอ่ยตอบ เขาทิ้งกายลงนอนและไม่สนใจมู่หลานเฟินอีก มู่หลานเฟินเองก็คร้านจะพูดคุยกับเขา นางจึงล้มตัวลงนอนเช่นเดียวกัน อาจเพราะแปลกที่ทางอีกทั้งหูและจมูกยังััได้ถึงสิ่งแปลกปลอม จึงทำให้นางนอนไม่หลับ กว่าจะข่มตาหลับได้ก็เกือบรุ่งสาง
เช้าวันนี้มู่หลานเฟินยังคงเปิดร้านตามปกติ เซวียนเจ๋อที่แต่งกายเป็สตรีสร้างรอยยิ้มให้กับนางไม่น้อย เขาไม่ได้ทำตัวเป็ภาระ อีกทั้งดูเหมือนจะชื่นชอบไม่น้อยเลยที่ได้ช่วยนางทำอาหาร นับว่าเป็ลูกมือของมู่หลานเฟินได้ดี
"หรานหร่าน ฝีมือการทำอาหารของเ้ายอดเยี่ยมมากเลย กลับเมืองหลวงแล้วเ้าจะต้องสอนข้าด้วยนะ ข้าน่ะมีความฝันว่าอยากเปิดร้านอาหาร"
"ได้สิ ข้าจะสอนท่าน"
มู่หลานเฟินยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะจัดร้านและเปิดขายอาหารตามปกติ เช้าวันนี้เซวียนซานหลางออกไปข้างนอกั้แ่เช้าตรู่ นางไม่รู้ว่าเขาไปที่ไหนเช่นกัน
"แม่นาง เอาเนื้อตุ๋นน้ำแกงหนึ่งถ้วย"
เมื่อได้ยินว่ามีลูกค้าเข้าร้านมู่หลานเฟินจึงรีบไปต้อนรับ พบว่าเป็สตรีน้อยนางหนึ่งที่เดินเข้ามาในร้านด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม การแต่งกายของนางงดงามไม่เหมือนกับชาวบ้านธรรมดาทั่วไป
"ได้ รอสักครู่นะแม่นาง"
มู่หลานเฟินจัดการตักอาหารให้นาง หญิงสาวนางนั้นยิ้มแย้มอารมณ์ดี และยังชวนมู่หลานเฟินสนทนาอย่างสนิทสนม
"ได้ยินว่าร้านของเ้าเพิ่งมาเปิดใหม่ เ้ามาจากที่ไหนหรือ"
"อ้อ ข้ามาจากทางใต้น่ะ บังเอิญว่าข้าหนีตามคนรักมา บ้านของพวกเราสองคนไม่ยอมรับความรักครั้งนี้ พวกเราจึงพากันมาตั้งรกรากที่นี่ รอให้ทุกอย่างเข้าที่เข้าทางแล้ว ก็ค่อยจัดงานมงคล เป็สามีภรรยากันอย่างถูกต้องตามประเพณี"
มู่หลานเฟินเล่าเื่นี้ได้อย่างไม่มีพิรุธ เซวียนซานหลางกำชับนางนักหนาว่าหากมีคนมาถามก็จงบอกไปตามที่เขาสั่ง มู่หลานเฟินเองก็ท่องจำได้จนขึ้นใจ ผู้ใดมาถามนางก็ตอบเหมือนเดิมไม่มีตกหล่นแม้เพียงประโยคเดียว
หญิงสาวนางนั้นยิ้มอ่อนโยน พลางเอ่ย
"พวกเ้าสองสามีภรรยาช่างมีความรักลึกซึ้งต่อกันยิ่งนัก ข้าดีใจด้วยนะ อ้อ ข้ามีนามว่าอาหลิน เป็บุตรสาวของท่านเ้าเมือง หากพวกเ้ามีเื่อะไรลำบากใจก็ไปบอกท่านพ่อข้าได้ที่จวนเสมอ"
"ขอบคุณแม่นางมาก ข้าชื่อหรานหร่าน ยินดีที่ได้รู้จักเ้านะ ไว้มาอุดหนุนร้านข้าบ่อย ๆ เล่า"
"ได้เลย"
อาหลินยิ้มอ่อนโยน ก่อนจะยื่นมือมารับกล่องใส่อาหารมาจากมู่หลานเฟิน ในขณะที่นางกำลังจะกลับ ก็บังเอิญพบกับเซวียนซานหลางที่เดินเข้ามาในร้านพอดี ทันที่ได้เห็นเขา อาหลินก็มองชายหนุ่มตรงหน้าด้วยแววตาเป็ประกาย
นานมากแล้วที่นางไม่ได้ััถึงความรักใคร่ชอบพอต่อบุรุษเช่นนี้
“น้องหญิง วันนี้ขายดีหรือไม่"
เซวียนซานหลางเดินเข้ามาหามู่หลานเฟินพร้อมเอ่ยถามนางอย่างอ่อนโยน มู่หลานเฟินแม้จะรู้สึกขนลุกกับการแสดงที่แสนแเีของเขา แต่นางก็ตอบรับอย่างไม่ให้มีพิรุธ
“ขายดีเ้าค่ะท่านพี่ ท่านมาเหนื่อย ๆ เข้ามานั่งพักเร็วเข้า”
นั่งพักแล้วก็หาชาดื่มเอง หาดื่มไม่ได้ก็กระหายน้ำตายไปเสีย!
แน่นอนว่านางไม่ได้พูดออกไปทำได้เพียงลอบด่าเขาในใจเพียงเท่านั้น
อาหลินที่เห็นเช่นนั้นก็มองออกถึงความสัมพันธ์ของคนทั้งสองได้ในทันที เมื่อออกมาจากร้านแล้วนางจึงสอบถามเอาจากชาวบ้านละแวกนั้น จึงได้ทราบว่าชายหนุ่มรูปงามผู้นี้มีนามว่าอาซาน เป็สามีของหรานหร่าน
ความผิดหวังวาบผ่านในดวงตาของอาหลิน แต่เพียงครู่เดียวก็หายไป นางรีบหันหลังเดินจากไปทันที
เวลาล่วงเลยมาจนถึงยามเย็นร้านก็ปิดลง เซวียนซานหลาง มู่หลานเฟินและเซวียนเจ๋อนั่งกินมื้อเย็นด้วยกัน เป็เซวียนซานหลางที่เป็ฝ่ายเอ่ยขึ้นมาเสียก่อน
"วันนี้เ้าพบเจอคนน่าสงสัยบ้างหรือไม่"
มู่หลานเฟินส่ายหน้าไปมาเล็กน้อย ก่อนจะนึกเื่บางอย่างขึ้นมาได้
“ข้ารู้สึกว่าในเมืองถงหวางมีบางอย่างแปลกประหลาดไม่น้อย"
"แปลกเช่นไร"
"กลางดึกข้ามักจะได้ยินเสียงเหมือนสตรีร่ำไห้ เสียงนกแปลก ๆ ร้อง อีกทั้งยังได้กลิ่นประหลาดชวนอาเจียน”
"กลิ่นอันใด"
"เื"
"เืหรือ?"
