เมิ่งเซวียนขมวดคิ้วพลางคิดในใจ การเดินทางไปเมืองหยางโจวครั้งนี้ก็เพื่อรับสตรีสองคนที่เป็ผู้มีพระคุณและสหายเก่าของเขา...แต่เหตุใดเขามักรู้สึกว่ามีบางอย่างขาดหาย? เป็เพราะเขาฆ่าเกิ่งปิ่งซิ่วไม่สำเร็จหรือ? เกิ่งปิ่งซิ่วโดนเคล็ดวิชาฉางเฟิงของเขา ดังนั้นอาจจะวิ่งหนีได้ไม่ไกล ทว่าเหตุใดแม้แต่การสืบสวนลับก็ไม่สามารถรับรู้ข่าวสารของเกิ่งปิ่งซิ่วได้? เมิ่งเซวียนซ่อนตัวในหลังคาฐานที่ตั้งของหน่วยจิ่นอีเว่ยในเมืองหยางโจวและดักฟังเป็เวลานานแต่ก็ไม่ได้ยินว่าเกิ่งปิ่งซิ่วหายไปไหน
เดิมทีเขาคิดว่าอาศัยเพียงร่างเด็กของตนคงไม่สามารถเอาชนะคนทรยศผู้นั้นได้ ก่อนการโจมตีเขาจึงเลือกพื้นที่ที่เป็ประโยชน์กับเขามากที่สุด การลอบโจมตีถือได้ว่าเป็การเริ่มหมากก่อน แต่คิดไม่ถึงว่าวรยุทธ์ของเกิ่งปิ่งซิ่วจะไม่แข็งแกร่งเท่าชาติที่แล้ว หรือวันนั้นเขาประเมินตนต่ำเกินไปจึงไม่ได้แสดงฝีมือที่แท้จริงออกมา? ให้ตายเถอะ ครั้งที่แล้วเป็โอกาสดีที่จะฆ่าเกิ่งปิ่งซิ่วแต่เขากลับล้มเหลว หากเกิ่งปิ่งซิ่วระวังตัวแล้วพาลู่เจียงเป่ยและคนอื่นออกไปข้างนอกทุกครั้ง เช่นนั้นก็คงยากจะสังหารเขาแล้ว
พรุ่งนี้ค่อยหาข้ออ้างบอกบิดาของตนว่า...เขาอยากเรียนกับไป๋หยางไป่เท่านั้น จึงอยากอยู่ในสำนักศึกษาเฉิงซวี่สักสองสามเดือนก่อนกลับกองทัพ ประการแรก ตอนนี้ไม่มีาแล้ว นอกจากเรียกรวมตัวตอนเช้าเพื่อฝึกวรยุทธ์จึงไม่มีอะไรสำคัญ ประการที่สอง ตนไม่ชอบอ่านหนังสือ ชาติที่แล้วหนังสือที่เขาชำนาญมากที่สุดคือ “หลิวเถา” และ “กุ่ยกูจื่อ” ทว่าในชาตินี้เขาไม่อยากท่อง “คัมภีร์ตรีอักษร” และ “หนังสือร้อยแซ่ของชาวจีน” หากพ่อของเขาได้ยินว่าเขาเป็ฝ่ายขออ่านสิ่งเ่าั้ก็จะเห็นด้วยทันที
เอาล่ะ เช่นนี้ดีกว่า เมิ่งเซวียนเชื่อว่าตอนนี้เกิ่งปิ่งซิ่วยังอยู่ในเมืองหยางโจว อาจซ่อนอยู่ที่ใดสักแห่งเพื่อรักษาตัวและฝึกฝน นี่เป็โอกาสดีที่จะฆ่าเขา หากพลาดโอกาสนี้ก็จะไม่สามารถต่อสู้กับจิ่นอีเว่ยได้ แม้วรยุทธ์ของเขาจะฟื้นฟูถึงขั้นเดียวกับในชาติที่แล้ว
“แค่ก ๆ …” อาการไอของหญิงสาวบนเตียงขัดจังหวะความคิดของเมิ่งเซวียน ทำให้รู้ว่าเขาไม่ได้นั่งวางแผนกำจัดคนชั่วในห้องพักแขกเรือนฝั่งตะวันออก แต่เขากลับอยู่ในห้องนอนของสาวน้อยตัวเล็กที่ไม่เป็มิตรเท่าไรนัก สาเหตุที่นางไม่เป็มิตรคือ...เขามองหญิงสาวที่ถูกผ้าห่มห่ออย่างดีบนเตียงพลางถาม “นี่ คุณหนูเหอ เหตุใดข้าเดินลมปราณตั้งนานแล้วแต่ก็ไม่มีประโยชน์อันใดเลยเล่า? เ้านำยาชานี้มาจากที่ใด? ข้าต้องรอสามวันจึงจะคืนสภาพปกติใช่หรือไม่?”
“…”
“นี่ เ้าหลับหรือยัง สาวน้อย?”
“…”
“เ้าไม่สบายตรงไหนหรือไม่? มีอะไรที่ข้าพอจะช่วยเ้าได้บ้าง? ให้หมอดูอาการดีหรือไม่? ให้ข้าเรียกสาวใช้กับคนในครอบครัวของเ้าดีหรือไม่”
“อย่าเรียกใคร เ้าออกไปก็พอแล้ว”
“…ข้ารู้ว่ามันไม่เหมาะสมที่จะเข้าห้องของเ้าในตอนเที่ยงคืนเช่นนี้ แต่ก่อนอื่นข้าได้รับพิษจากยาชาของเ้าและเ้าก็ควรรับผิดชอบ ประการที่สอง ข้ากลับไม่ได้เพราะได้ยินว่าประตูกั้นระหว่างจวนตะวันออกและตะวันตกปิดยามจื่อสืออีเค่อ[1] ตอนนี้เป็ยามจื่อสือซานเค่อ[2]แล้ว ห้องที่พวกเ้าจัดให้ข้าอยู่อีกด้านของกำแพง ทว่าตอนนี้ข้าขยับไม่ได้ ดังนั้นจึงไม่ใช่ว่าข้าไม่อยากไปแต่ข้ากลับห้องข้าไม่ได้จริง ๆ ” เมิ่งเซวียนส่ายหัวพร้อมถอนหายใจ
เหอตังกุยขบฟันแน่นก่อนกล่าว “มีห้องทั่วเรือนเถาเหยา เ้าสามารถนอนห้องใดก็ได้ที่เ้า้า หากข้าได้ยินเ้าอีก ข้าจะตีเ้าให้ตายและโยนเ้าให้แมวป่ากับหมูป่ากินเสีย” เมื่อไม่ได้ยินเสียงตอบรับจากอีกฝ่าย เหอตังกุยจึงแอบดีใจไม่น้อยที่สามารถจัดการเด็กซนได้ ทุบตีดุด่าพวกเขาไปก็ไร้ประโยชน์ สิ่งที่ได้ผลที่สุดคือการข่มขู่
เมื่อััได้ว่าภายในห้องเงียบสงัด เดิมทีนางควรพักผ่อนอย่างเต็มที่แต่กลับนอนไม่หลับ เหอตังกุยไม่เคยกลัวกลางคืนมาก่อนในชีวิต นี่เป็ครั้งแรกที่นางสั่นเทายามกลางคืน พลางหดตัวอยู่ใต้ผ้าห่มราวใบไม้ในฤดูใบไม้ร่วง...นางต้องขบฟันหลายครั้ง ไม่ว่าจะเกิดใหม่กี่ครั้ง ตราบใดที่นางมีทางเลือกก็จะไม่ขอดื่มแกงชามนั้นของยายเมิ่ง นั่นเป็เพราะนางเลือกที่จะตื่นและใช้ชีวิตอย่างเ็ปในโลกนี้ โลกที่ทุกคนล้วน “สูญเสียความทรงจำ” และมันเป็การเดินทางของนางเอง…ตังกุย ตราบใดที่กัดฟันสู้ เ้าก็จะอยู่รอด…
“เช่นนั้นข้าจะเลือกห้องนี้” เสียงดังขึ้นจากด้านหลังศีรษะ อากาศอุ่นกระทบใบหูของนาง “นี่ แบ่งให้ข้าห่มด้วยสิ ขอบใจ”
นางส่ายหัวพลางจ้องอีกฝ่ายอย่างจนใจ เขาแย่งหมอนครึ่งใบของนางด้วยรอยยิ้ม แม้นางอยากจะไล่เขาแต่ก็เหนื่อยเกินกว่าจะทำอะไรได้ คิดไม่ถึงว่าเป่าติ้งเมิ่งชานที่เป็ลูกหลานของเมิ่งจื่อจะสั่งสอนคุณชายมากรักออกมาได้เพียงนี้ เขาริอ่านปีนเข้าห้องนอนสตรีั้แ่อายุสิบเอ็ดขวบ ทั้งยังปีนขึ้นเตียงนอนของสตรีอีก
เหอตังกุยโกรธมากแต่กลับเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “คุณชายเซวียน ข้าจะบอกความจริงให้เ้าฟัง ปีนี้ข้าอายุสิบขวบ ข้าน่าเกลียดและผอมเหมือนฟืน หากชอบคนสวยก็ไปหาพี่รองของข้านู่น ทั้งครอบครัวของข้าจะต้อนรับเ้า”
“เหตุใดบนเตียงถึงมีหมอนใบเดียว ผ้านวมผืนเดียวเล่า? ที่บ้านข้ามีหมอนสี่ใบและผ้านวมสองผืนเชียว” เมิ่งเซวียนพูดพลางใช้นิ้วดึงปลายผ้าห่ม เขาพยายามดึงผ้านวมที่ม้วนคล้ายรังไหมเพื่อแบ่งให้ตนนอนด้วย ขณะเดียวกันก็เอ่ย “เ้าควรปล่อยผ้าห่มบนเตียงให้มีขนาดกว้างขึ้น เ้าจะได้อบอุ่นและมีชีวิตชีวา ตอนนอนหลับก็จะได้ไม่สั่นเทาคนเดียว” เมิ่งเซวียนดึงอยู่นานแต่ก็จนปัญญา เพราะทุกครั้งที่ดึงจนมีช่องโหว่ก็จะถูกอีกฝ่ายม้วนกลับไปอีกครั้ง “ข้ามาหาเ้าเพราะเ้าถูกคนชั่วจับไป เ้ากลัวมากจนตัวสั่นยามกลางคืน อย่างน้อยก็เลิกผ้าห่มออกให้ข้าดูอาการหน่อย ข้าอยากรู้ว่าเ้าไม่สบายตรงไหน? ข้าจะรักษาให้เอง”
ส่วนบนของผ้านวมขยับไปมา เสียงอู้อี้ดังจากข้างใน “ข้าไม่ได้สั่น ข้าสบายดี ไปให้พ้น” นางอยากให้ผ้าห่มมีหนามงอกคล้ายเม่นจะได้แทงผู้มีเจตนาร้าย ผู้มีใบหน้าทรงพลังและคนแปลกหน้าเ่าั้
เมิ่งเซวียนเงียบไปครู่หนึ่งก่อนดึงผ้าห่มพลางเอ่ยถาม “คนชั่วผู้นั้นทำร้ายเ้าหรือไม่? เขาตีเ้าตรงไหน ให้ข้าดูหน่อย ดูเสร็จข้าจะไป มิเช่นนั้นข้าจะอยู่ที่นี่และส่งเสียงดังจนเ้านอนไม่ได้ ให้ข้าดูได้หรือไม่สาวน้อย?”
นางพูดอย่างเ็า “ตอนนี้มีเผิงสือ เผิงเจี้ยน เฟิงเหยียน เฟิงอวี้และสาวใช้สองคนของข้าอยู่ในเรือน ข้าจะนับถึงสาม หากเ้ายังไม่รีบออกไปทางหน้าต่าง ข้าจะร้องขอความช่วยเหลือ”
เมิ่งเซวียนพูดสบาย ๆ “ข้าเคยได้ยินมาก่อนหน้านี้ ไม่ใช่แค่หกคนกระมัง? พูดตามตรงข้าเป็ผู้ฝึกยุทธ์ที่มีทักษะร้ายกาจมาก หากมีใครเจอข้าขณะออกไปลวนลามสตรี ข้าจะฆ่าพวกเขาและเก็บกวาดราวไม่เคยฆ่าใครมาก่อน หากเ้าอยากะโ เช้าวันพรุ่งนี้ทุกคนในตระกูลหลัวจะพบว่ามีคนสูญหายหกคน”
“ตึง ๆ ๆ ๆ ” เสียงเคาะประตูดังขึ้นก่อนเป็เสียงของฉานอี “คุณหนู หลับหรือยัง?” เสียงร่าเริงทำให้คนทั้งสองที่นอนบนเตียงแข็งทื่อทันที
ศีรษะของเหอตังกุยโผล่ออกจากผ้าห่มพลางพูดกับเงาหน้าประตูด้วยเสียงสั่นเครือเล็กน้อย “ข้านอนแล้ว”
“นอนแล้วหรือ?” น้ำเสียงของฉานอีหันไปอีกมุมคล้ายร้องเพลง “แต่เสียงของเ้าไม่ง่วงเลย? คุณหนูเปิดประตูให้ข้าที ข้ามีเื่อยากพูดกับเ้า ข้าชงชาเก๊กฮวยมาให้เ้าด้วย ดื่มเสียหน่อยค่อยนอน”
เหอตังกุยหันศีรษะด้วยความตื่นตระหนกและอ่อนแรง เมื่อเห็นใบหน้าน่ากลัว ทั้งยังเต็มไปด้วยท่าทีคุกคามข้างหมอนก็พลันะโ “ไม่เปิด หากเ้าไม่ไป ข้าจะปล่อยสุนัขไปกัดเ้าเสีย”
ฉานอีไม่เชื่อ “คุณหนู เ้าไม่ได้เลี้ยงสุนัข”
ทันใดนั้นสมองมึนงงของเหอตังกุยก็คิดบางอย่างออก “มีหนูที่ประตูของข้า เ้าเห็นหรือไม่? มันส่งเสียงดังน่ารำคาญ กำจัดมันให้ข้าที”
“...” ร่างหน้าประตูพลันหายไปทันที เสียงของฉานอีก็ไกลออกไปเรื่อย ๆ “กรี๊ด!!”
เมิ่งเซวียนหลุดหัวเราะ ขณะผ้านวมข้างตัวเปิดขึ้นเล็กน้อยก็พลันพุ่งเข้าไปทันที สีหน้าของเขาประหลาดใจยิ่งนักพลางบ่นพึมพำ “อ๊ะ เหตุใดเ้าตัวเย็นเหมือนน้ำแข็งเช่นนี้เล่า หนาวกว่าคนที่ไม่มีผ้าห่มเช่นข้าเสียอีก เดิมทีข้าอยากให้เ้าทำให้ข้าอบอุ่น” เมื่อเมิ่งเซวียนเห็นก้อนน้ำแข็งด้านข้างสั่นเทาอย่างรุนแรงก็ถอนหายใจพลันคว้าน้ำแข็งเข้าในอ้อมกอด “ความจริงแล้วข้าไม่ได้ร้อนมากแต่พวกเราให้ความอบอุ่นซึ่งกันและกันดีกว่า”
เหอตังกุยรู้สึกถึงความอบอุ่นที่ปกคลุมแผ่นหลัง แม้จะไม่ได้อุ่นมากนักแต่แขนที่ยื่นมาจากด้านหลังก็หยุดอาการสั่นของนางได้เป็อย่างดี ราวนางกำลังตกเหวที่ไม่มีที่สิ้นสุด ทันใดนั้นแขนนี้ก็คว้าตัวนางไว้
“ดูสิ ทำเช่นนี้ไม่ดีกว่าหรือ? พวกเราไม่หนาวแล้ว” เมิ่งเซวียนพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนและเฉลียวฉลาดเหมือนผู้ใหญ่ “ข้าบอกแล้วว่าข้าเพียงอยากช่วยเ้า แต่เ้าก็ไม่ยอมเปิดผ้าห่มให้ข้า ตอนนี้เ้าแนบชิดข้า เ้าคงััได้ว่าข้าจะไม่ทำร้ายเ้าใช่หรือไม่? คนปกติมักโกหก...เหมือนเ้าที่ตัวสั่นเพราะความหนาวอย่างเห็นได้ชัด แต่เ้าก็บอกว่าเ้าไม่ได้ตัวสั่น ทั้งที่ใกล้ตายแต่กลับไล่ข้าไปให้พ้น... ร่างกายคนเราซื่อสัตย์ที่สุด ร่างกายเ้าบอกว่าเ้า้าอ้อมกอด และร่างกายของข้าก็บอกว่าข้าอยากกอดเ้า”
“…” นางไม่อยากคิดว่าเขาจะทำให้ตัวนางอุ่นจากอ้อมกอดแสนอบอุ่น ไม่อยากคิดว่าเหตุใดอ้อมกอดนี้จึงทำให้นางสบายใจราวนกที่บินเข้ารังเดียวกัน แม้มันจะแปลกแต่ระหว่างสิ่งมีชีวิตชนิดเดียวกัน ผู้คนมักมีเหตุผลที่จะช่วยเหลือซึ่งกันและกันด้วยกลิ่นเดียวกัน ดวงตาที่เหมือนกันและอุณหภูมิเดียวกัน
“อันที่จริงข้าไม่เคยร้อน ไม่เคยหนาว แต่เพราะถูกเ้าวางยา ขาของข้าจึงหนาวเย็นและชาไปทั้งตัว ฮ่า ๆ สาวน้อย ยาชาของเ้าช่างมีฤทธิ์ร้ายกาจยิ่งนัก เ้าเอามันมาจากที่ใด?” ในเมื่อเขาไม่ได้รับคำตอบจากสตรีในอ้อมแขน เมิ่งเซวียนจึงกระชับกอดก้อนน้ำแข็งแสนงดงามนี้แน่น ก่อนถูคางกับศีรษะของนาง ทันใดนั้นก็เอ่ยถามอย่างสงสัย “เ้ามีกลิ่นหอมมาก ข้าเคยได้กลิ่นนี้มาก่อน เ้าใช้เครื่องหอมแบบใดหรือ? หาซื้อจากร้านประทินผิวได้หรือไม่?” เขาดมั้แ่ผม หู ลำคอ หน้าอกและท้อง ก่อนคว้านางเข้ามากอดอีกครั้งพลางกระซิบ “ใช่ กลิ่นนี้…เอ๊ะ แปลกมาก แม่ชีเ่าั้ก็ใช้เครื่องหอมเช่นนี้...”
นางเหมือนตุ๊กตาไม่มีชีวิตที่ปล่อยให้เขาเล่นได้ตามใจชอบแต่นางกลับไม่อึดอัดหรือขุ่นเคือง เป็เพราะอะไรกัน? แม้นางจะเคยช่วยชีวิตเขาครั้งหนึ่ง แต่เขาก็ยังคงเป็คนแปลกหน้าสำหรับนาง เป็เพราะอายุของเขาหรือ? นางมีชีวิตมายี่สิบแปดปีแล้ว ดังนั้นการถูกน้องชายตัวเล็กอายุสิบกว่าปีสวมกอดคงไม่เป็ไรกระมัง? แต่หากเผิงเจี้ยนกอดนาง นางจะรู้สึกแบบเดียวกันหรือไม่?
“นี่...”
“สาวน้อย...” พวกเขากล่าวในเวลาเดียวกัน
“เ้าพูดก่อน” เหอตังกุยอึดอัดไม่น้อย
เมิ่งเซวียนเขย่าผมสีดำของนางพลางเอ่ย “เ้าใช้เครื่องหอมอันใด ข้าชอบกลิ่นเช่นนี้ อยากซื้อสักกล่อง หาซื้อได้ที่ไหนหรือ?”
“มันคือกลิ่นหอมของดอกไม้แห่งความรัก เป็เมล็ดพันธุ์ของดอกไม้แห่งความรักในกล่องจี้ทองของข้า แต่มันหมดไปหลายปีแล้ว”
“ดอกไม้แห่งความรักหรือ?” ขนตายาวของเขากะพริบปริบ ๆ แสดงถึงความอยากรู้อยากเห็น “ชื่อดี กลิ่นเหมือนกล้วยไม้กับเซ่อเซียง[3] ดอกไม้ชนิดนี้ต้องงดงามมากแน่ ๆ ใช่หรือไม่?”
“สวยดี หากเ้าอยากได้ก็ไปหาซื้อตามร้านขายยาสมุนไพร แต่จะหาซื้อในร้านเครื่องประทินผิวไม่ได้”
“ร้านยาสมุนไพร? มันสามารถรักษาคนได้ด้วยหรือ? ดีจริง ๆ …” เมิ่งเซวียนวางผมระหว่างริมฝีปากบนและจมูก ก่อนสูดลมหายใจพลางเอ่ย “ดอกไม้มีกลิ่นหอม ทั้งยังใจดีรักษาคนได้เช่นเดียวกับจื่อเซี่ยว”
“แต่มันมีพิษ”
“มีพิษ?” ผมที่ปรกจมูกของเมิ่งเซวียนร่วงหล่น ก่อนคิ้วของเขาจะเลิกสูงหนึ่งข้าง ต่ำหนึ่งข้าง
“ใช่ ดอกไม้แห่งความรักมีชื่อเรียกอีกอย่างว่าดอกลำโพงกาสลักสีขาว กล่าวกันว่าเป็ดอกไม้บน์แต่กลับตกสู่พื้นโลกโดยไม่ตั้งใจ ลำต้นมีพิษเล็กน้อยแต่เมล็ดมีพิษมากที่สุด มีฤทธิ์เป็ยาชา สามารถผสมกับชวนอู่และเฉ่าอู่ ใช้เป็ยาขับเหงื่อของชาวมองโกล ยาชาที่เ้าได้รับก็มาจากดอกไม้แห่งความรักที่ผ่านการนึ่งและแช่แล้ว” ครั้งนี้เหอตังกุยพูดยาวเหยียด ทันใดนั้นนางภายในหน้าอกของนางก็โล่งสบาย จึงหายใจเข้าลึกก่อนปล่อยให้พลังงานไหลผ่านร่างกายมากขึ้น
เมิ่งเซวียนััได้ถึงกลิ่นหอมหวานที่จมูก ปลายจมูกของเขาคันเล็กน้อย อดไม่ได้ที่จะก้มลงลูบหน้าผากเหอตังกุย ริมฝีปากของเขาโน้มลงถูคิ้วของนาง เมื่อเขาเห็นคิ้วของนางเลิกขึ้นเล็กน้อยก็รู้ว่าตนกำลังข้ามเส้น เมิ่งเซวียนไตร่ตรองครู่หนึ่งก่อนอธิบาย “ข้าแก่กว่าเ้ามาก” เขามองนางเป็เพียงน้องสาวคนหนึ่ง ไม่มีความหมายอื่น
เหอตังกุยหัวเราะในใจ เด็กอย่างไรก็เป็เด็ก ชอบเปรียบเทียบอายุกับคนอื่นว่าใครแก่กว่าหรือใครเหนือกว่า? ช่างเถอะ อย่างไรเขาก็เป็เพียงเด็ก
-----------------------------------------------------
[1] ยามจื่อสืออีเค่อ คือเวลา 23.15 น.
[2] ยามจื่อสือซานเค่อ คือเวลา 23.45 น.
[3] เซ่อเซียง คือกลิ่นที่ทำจากกวางและชะมด
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้