ณ ลานการค้าทางทหาร
มันเป็จุดเดียวที่พอจะใช้ได้ที่สุดในหมู่บ้านฮวงเจวี๋ยแห่งนี้มีทหารหลายนายคอยดูแลความเรียบร้อยของผู้คนที่สัญจรไปมาซึ่งส่วนใหญ่ต่างก็เป็พวกผู้ฝึกฝนิญญาที่ล่าเงินรางวัลรวมไปถึงพวกทหารปลดประจำการแล้วทั้งนั้น
“คนของสำนักหมื่นิญญามาถึงแล้วสินะขอรับยินดีต้อนรับๆ”
ทหารอ้วนนายหนึ่งที่อยู่ในชุดเต็มยศว่าแล้วยิ้มขึ้นมาจนตาหยี “ท่านปรมาจารย์นักรบิญญาหลันเท้อดูเหมือนว่าท่านเปลี่ยนศิษย์ใหม่อีกแล้วสินะขอรับแล้วคราวนี้ไม่ทราบว่าท่านจะรับภารกิจอะไรดีล่ะ?”
หลันเท้อยิ้มก่อนจะพูดขึ้น “สวัสดีท่านนายพลไฮ่ท่านช่วยนำภารกิจมาให้พวกเราดูก่อนได้หรือเปล่า? เพราะจากที่ดูแล้วเหมือนว่าจำนวนของภารกิจจะเยอะกว่าเมื่อก่อนค่อนข้างมากเลยทีเดียว”
นายพลไฮ่ได้ยินแล้วก็หรี่ตาลงพร้อมกับพูดขึ้น “ท่านปรมาจารย์หลันเท้อน่าจะพอทราบอยู่บ้างว่าเร็วๆนี้เกิดพายุฝนที่รุนแรงทำให้กำแพงชีวิตส่วนหนึ่งพังทลาย จึงเป็เหตุให้หมู่บ้านละแวกนี้มีทั้งสัตว์ิญญาและพวกที่มาจากนอกกำแพงแห่งชีวิตให้พบเห็นอยู่บ่อยครั้งพวกท่านมาได้เวลาพอดี...มานี่หน่อยพวกเ้าไปเอาตารางภารกิจมาให้ท่านหลันเท้อดูหน่อยสิ”
“ขอรับ ท่านนายพล”
ทหารนายหนึ่งว่าแล้วก็เดินเข้ามาพร้อมกับสมุดเล่มหนึ่งก่อนจะพูดขึ้น “ท่านหลันเท้อภารกิจทุกอย่างต่างก็อยู่ในนี้แล้วขอรับ”
“ปู้อี้เชวียนพวกเ้าเอาไปดูแล้วเลือกภารกิจที่อยากทำ”
“ขอรับ”
ข้ารับสมุดเล่มนั้นมาซึ่งด้านในมีการเขียนไว้อย่างชัดเจนเกี่ยวกับภารกิจที่ทางการทหารได้ตั้งขึ้นให้กับพวกล่ารางวัลทั้งหลายโดยมีการแบ่งเป็์ พิภพและมนุษย์สามระดับซึ่งภารกิจในระดับ์มีเพียงไม่กี่อย่างแถมมันยังเลือนรางอีกต่างหากดังนั้นเลือกภารกิจระดับพิภพก็น่าจะถือว่าฉลาดกว่าและเมื่อเปิดดูหน้าที่สองก็มีตัวอักษรที่เขียนไว้อย่างชัดเจน
ภารกิจที่ 1 : ที่แม่น้ำซึ่งห่างออกไปห้าลี้ทางทิศใต้ของหมู่บ้านมีกิ้งก่าเพลิงภูมิอาศัยอยู่ทำให้ชาวบ้านในละแวกนั้นและนักล่าสัตว์หายตัวไปจำนวนมาก เงื่อนไขคือสังหารแล้วนำหัวมันกลับมาโดยมีเงินรางวัลหนึ่งแสนเหรียญหลงหลิงและคะแนนการทำภารกิจ 700 คะแนนควรเป็ผู้ฝึกฝนในระดับเทวิญญา หรือคนจำนวน 10 คนขึ้นไปตอนนี้มีกลุ่มคนรับภารกิจไป 17 กลุ่มแต่ยังไม่สำเร็จ
ภารกิจที่ 2 :มีหมาป่าขนหิมะลาดตระเวนอยู่แถวูเาสุสานที่อยู่ห่างจากหมู่บ้านไปสิบลี้ทางทิศเหนือและได้ทำร้ายทหารหลายนาย เมื่อสังหารมันแล้วให้นำเขี้ยวของมันกลับมาเงินรางวัลภารกิจหนึ่งแสนห้าหมื่นเหรียญหลงหลิง คะแนนการทำภารกิจ 850 คะแนนควรจะเป็ผู้ฝึกฝนิญญาระดับกลางของขั้นเทวิญญาขึ้นไป หรือคนธรรมดาจำนวน 20คนขึ้นไปร่วมกันสังหาร ปัจจุบันยังไม่มีคนรับภารกิจ
ภารกิจที่ 3 :เนื่องจากกำแพงชีวิตพังลงบางส่วนทำให้มีพวกชนเผ่าด้านนอกกำแพงเข้ามาในดินแดนกาฬวาตหาให้เจอแล้วสังหารพวกมันหลังจากนั้นก็นำหัวของพวกมันกลับมาเพื่อรับเงินรางวัลสามแสนเหรียญหลงหลิงคะแนนการทำภารกิจ 1,800 คะแนน ไม่มีข้อชี้แนะ ปัจจุบันมี 87 กลุ่มได้รับภารกิจไปแล้วแต่ยังไม่สำเร็จ
...
นอกจากนั้นยังมีภารกิจอีกหลายอย่างที่เรียงกันไปข้อๆลงไปแถมเงินรางวัลนำจับของมันยังสูงอีกด้วยด้วยเหตุนี้จึงดึงดูดพวกนักล่ารางวัลมากมายให้มาที่นี่ว่าแต่คะแนนภารกิจนี่มันคืออะไรล่ะ?
หลันเท้อที่เห็นว่าข้ากำลังสงสัยก็อธิบายออกมาพร้อมกับรอยยิ้ม“การมาฝึกฝนด้วยตัวเองของพวกเ้าครั้งนี้จะต้องอาศัยการรวบรวมคะแนนการทำภารกิจเมื่อครบหนึ่งหมื่นเมื่อไรจะถือว่าการฝึกฝนเสร็จสมบูรณ์”
ซูเหยียนเม้มปากเล็กน้อยก่อนจะพูดขึ้น“กิ้งก่าเพลิงภูมิคือสัตว์ิญญาระดับห้าส่วนหมาป่าขนหิมะอาจจะแข็งแกร่งกว่านิดหน่อยข้าว่าพวกเรารับสองภารกิจนี้ไว้ก่อนดีไหม?”
“อืม”
ข้าพยักหน้ารับก่อนจะหันไปถามคนที่เหลือ“คนอื่นว่าไง?”
ที่เหลืออีกสามคนต่างก็พยักหน้ารับแสดงออกว่าเห็นด้วย
เมื่อหลันเท้อได้ยินแล้วจึงถามขึ้นด้วยความสงสัย“ทำไมพวกเ้าไม่รับภารกิจสังหารพวกชนเผ่านั่นล่ะ มีคะแนนให้ตั้ง 1,800 คะแนนเชียวนะ”
ซูเหยียนขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะพูดขึ้น“ชนเผ่าพวกนั้นต่างก็เป็คนเหมือนกับพวกเรา จะแตกต่างกันก็แค่ชาติพันธุ์เท่านั้นถ้าไม่มีความจำเป็ข้าก็ไม่อยากจะฆ่าคนมั่วซั่ว”
“ฮึพวกล่ารางวัลกับทหารปลดประจำการพวกนั้นไม่ได้คิดแบบนี้หรอกนะ”
มันก็ต้องเป็แบบนั้นอยู่แล้วล่ะไม่อย่างนั้นคงไม่มีคนรับภารกิจไปถึง 87 ครั้งหรอก แต่ว่า...เื่นี้มันก็ทำให้ข้าเข้าใจถึงบางอย่างในเขตชายแดนที่สับสนอลหม่านภารกิจนี้จะต่างจากการฆ่าคนตามอำเภอใจที่ไหนกัน?
...
หลังจากที่ลงชื่อในภารกิจแล้วพวกเราก็ออกจากที่นั่นและซื้อแผนที่มาจากพ่อค้าแม่ขายด้วยจำนวนเงินหนึ่งร้อยเหรียญและภารกิจแรกจะเป็ข้าที่ได้รับมอบหมายให้สั่งการในฐานะหัวหน้าจึงได้พาพวกนั้นมุ่งตรงไปทำภารกิจแรกก่อน
ข้าออกจากหมู่บ้านแล้วเดินทางไปยังทิศใต้ด้วยเท้าเปล่ากว่าห้าลี้ก็เจอเข้ากับลำธารขุ่นๆที่ว่า มันเป็ลำธารที่มีน้ำล้นออกมาเพราะเป็ฤดูฝน พวกเราเดินไปตามตลิ่งและโชคดีที่รองเท้าของสำนักเป็รองเท้าหนังทำให้ไม่มีน้ำซึมเข้ามาแต่ถึงจะเป็แบบนั้นขี้โคลนที่กระเด็นขึ้นมาเปรอะแข้งขาก็ทำให้เรารู้สึกไม่ค่อยชอบใจอยู่ดี
เดินไปได้ไม่ไกลก็มีกลุ่มของพวกทหารปลดประจำการเดินผ่านไปแต่ละคนต่างก็เป็พวกหุ่นบึกบึนที่สวมหมวกทหารรวมไปถึงมีอาวุธอย่างกระบี่เล่มใหญ่และขวานรบอันหนักอึ้งคนที่มีขั้นการบำเพ็ญสูงสุดก็เหมือนจะอยู่ในระดับสมบูรณ์ของขั้น์เท่านั้นเดิมทีพวกนั้นก็ยังมีสายตาที่ยั่วยุแต่พอเห็นว่าพวกเราสวมชุดของสำนักหมื่นิญญาก็รีบเดินออกไปแบบไม่พูดไม่จา
เป็อย่างที่อาจารย์หลันเท้อได้พูดไว้จริงๆว่าสำหรับพวกที่มีพลังค่อนข้างจะอ่อนแอแล้วคำว่าสำนักหมื่นิญญาก็เป็คำที่ดูจะยิ่งใหญ่ไปเลยก็ว่าได้
ทั้งที่มีคนถึงสิบกว่าคนพากันออกตามหาเ้ากิ้งก่าเพลิงภูมิตัวนั้นแต่ก็ยังไม่มีวี่แววเหมือนกับว่าภารกิจนี้เป็เพียงภารกิจปลอมๆ แค่นั้นกระทั่งพวกเราเดินมาถึงต้นลำธารก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะเจอกิ้งก่าตัวนั้นเลยสักนิด
“หรือว่ากิ้งก่าเพลิงภูมิตัวนั้นจะไม่มีอยู่จริง?” ซูเหยียนขมวดคิ้วถามขึ้นอย่างสงสัย
ข้าส่ายหน้าไม่เห็นด้วยก่อนจะพูดขึ้น“เป็ไปไม่ได้ ในเมื่อมีการตั้งภารกิจขึ้นมาก็แสดงว่ามีคนเคยเห็นมันมาก่อนแต่ว่าเ้ากิ้งก่าเพลิงภูมินั้นมันมีชีวิต แต่ภารกิจเป็ของตายบางทีมันอาจจะไปที่อื่นแล้วก็ได้ จะว่าไปแล้วกิ้งก่านั้นเป็กิ้งก่าเพลิงนอกจากจะมาดื่มน้ำแล้วก็คงจะหลีกเลี่ยงการมาใกล้แหล่งน้ำข้าว่ามันจะต้องไปที่ที่ค่อนข้างแห้งแล้งกว่านี้แล้วล่ะ”
ทุกคนต่างเห็นด้วยกับความคิดของข้าก่อนจะพากันหันไปมองูเาที่รกร้างเพราะมีความเป็ไปได้ว่ามันจะอยู่ที่นั่น
พวกเราเดินเข้ามาในูเาได้พักเดียวถังเชวียหรานที่เหมือนจะรับรู้ถึงอะไรบางอย่างก็รีบวิ่งไปหยุดบนเนินเล็กๆแล้วก้มลงใช้มือลูบบนยอดหญ้าก่อนจะพูดขึ้น “หญ้าบนนี้เคยถูกของร้อนนาบมาก่อนข้าว่ามันต้องเดินไปทางนี้แน่”
“ตรวจดูรอยเท้าสิ” ข้าพูดขึ้น
นางตรวจดูสักพักก่อนจะชี้ไปข้างหน้า “ไปทางนั้น”
“พวกเราไปดูกันเถอะ”
หลังจากนั้นสิบนาทีพวกเราก็เดินตามรอยเท้าของมันจนมาถึงถ้ำที่สูงประมาณครึ่งลำตัวคนตรงปากถ้ำยังมีร่องรอยของร้อนผ่านเข้าไปซึ่งข้ายังรู้สึกถึงพลังไฟที่กบดานอยู่ภายใต้ส่วนลึกของถ้ำแห่งนี้ด้วย มันจะต้องอยู่ข้างใต้นี้เป็แน่
“ปากถ้ำมันเล็กเกินไปถึงจะเข้าไปก็คงทำอะไรได้ไม่สะดวก” ถังเชวียหรานพูดขึ้น
“เราจะไม่เข้าไป”
ข้าบอกก่อนจะพูดต่อ“ถังเชวียหรานเ้าถอยไปหาที่ที่เหมาะแก่การโจมตีเสี่ยวเหยียนกับอาเหยาก็ถอยไปเหมือนกัน ข้ากับหลิวถงเอ๋อร์จะคอยคุ้มกันอยู่ที่นี่สัญชาตญาณของกิ้งก่าเพลงภูมิจะค่อนข้างอารมณ์ร้อนและละโมบขอแค่มันได้กลิ่นคนก็จะคลานออกมาจู่โจมเอง พวกเราแค่รออยู่ตรงนี้อีกไม่เกินสิบนาทีมันจะต้องออกมาแน่”
“อืม!”
และก็เป็ไปตามคาดเมื่อไม่ถึงห้านาทีภายในถ้ำก็มีแสงเปลวไฟสว่างขึ้นมาก่อนจะมีร่างอ้วนๆ ของอะไรสักอย่างคลานขึ้นมา แต่มันเหมือนกิ้งก่าที่ไหนกัน!มันเหมือนกับจระเข้ั์มากกว่าซึ่งตัวของมันเต็มไปด้วยเกล็ดสีแดงเพลิงและแววตาที่ดุดันก่อนจะพุ่งออกมา
“ถงเอ๋อร์ ป้องกัน!”
หลิวถงเอ๋อร์กัดฟันแน่นก่อนจะมีพลังแผ่ออกมาจนเกิดเป็โล่ัดำวางบนพื้นจนสั่นะเืพร้อมกับพลังลมหายใจัที่แผ่ซ่านออกมานึกไม่ถึงว่านางจะฝึกฝนมาจนถึงขั้นที่เจ็ดแล้ว!
ปั้ง!
กิ้งก่าเพลิงภูมิตัวนั้นอ้าปากกว้างแล้วพุ่งเข้ามากัดที่โล่ัดำก่อนจะถูกพลังของโล่ัดำผลักให้ถอยรุดไปหลายก้าวส่วนข้าถือโอกาสนี้ปิดปากถ้ำไม่ให้มันกลับเข้าไปขณะเดียวกันข้าก็เรียกกระบี่คมจันทราออกมาแล้วฟันลงบนหางจนเกล็ดสีแดงเพลิงของมันปลิวหยุดออกไปหนึ่งแผ่นและเืไหลทะลักออกมา
ซื่อ! ซื่อ!
มันเ็ปจนตัวสั่น และในเวลาเดียวกันก็มีลูกศรของถังเชวียหรานปักลงไปถึงสองดอกแสดงให้เห็นว่าการบำเพ็ญของถังเชวียหรานเพิ่มขึ้นไม่น้อยจึงทำให้ลูกศรแต่ละดอกถึงได้พุ่งเข้าไปจนเืของกิ้งก่าเพลิงภูมิมันพุ่งทะลัก
และเวลาแห่งความตายก็มาถึงแล้วเมื่อซูเหยียนพุ่งเข้ามาพร้อมกับเพลงกระบี่เมฆาเพลิงัพลังการโจมตีที่แข็งแกร่งทำให้ร่างขนาดใหญ่ของกิ้งก่าเพลิงภูมิกระเด็นขึ้นสูงก่อนที่นางจะฟันลงไปที่หน้าท้องของมันจนกลายเป็าแขนาดใหญ่แม้แต่หัวใจของมันยังแทบจะถูกฟันจนะเิออก
ตูม!
มันตกลงมาบนพื้นเสียงดังก่อนจะร้องออกมาด้วยความเ็ปนึกไม่ถึงเลยว่ามันจะตายง่ายแบบนี้
ทั้งที่เป็ถึงสัตว์ิญญาระดับห้าแต่กลับถูกพวกเราสังหารจนถึงแก่ชีวิตในเวลาไม่ถึงสิบวินาทีเท่านั้น!
เมื่อเทียบกับคราวที่เราต่อสู้ที่อยู่หุบเขาหลิงหยุนแล้วถือว่าพวกเราต่างก็มีการพัฒนาขึ้นมากเลยทีเดียวโดยเฉพาะซูเหยียนที่ข้าสามารถรับรู้ได้ว่านางมีพลังเพิ่มขึ้นจากเดิมอย่างน้อยๆ ก็50%
หลังจากที่สังหารมันเรียบร้อยข้าก็ตัดหัวของมันออกแล้วพูดขึ้น“กลับไปรับเงินจากภารกิจแล้วค่อยไปสังหารหมาป่าขนหิมะดีหรือเปล่า?”
“ตกลง” สาวงามทั้งสี่ต่างพยักหน้าเห็นด้วย
...
พวกข้ารับภารกิจมายังไม่ถึงสองชั่วโมงก็ทำมันสำเร็จซึ่งเสมียนของกองทหารที่เห็นว่าหัวกิ้งก่าเพลิงภูมิยังมีเืสดๆไหลอยู่ก็ถึงกับตะลึงก่อนจะลงชื่อบนภารกิจให้พวกเรา
เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยพวกเราก็มุ่งหน้าไปยังูเาสุสานเพื่อทำภารกิจที่สอง
หลังจากเดินเขามากว่าครึ่งชั่วโมงแม่นางทั้งสี่ที่เดินมาด้วยต่างก็เหนื่อยจนเหงื่อตกไปตามๆ กันพวกเรามองออกไปไกลก็เจอกับกำแพงสูงกว่ายี่สิบเมตรตรงชายเขาซึ่งก็คือกำแพงชีวิตที่คอยปกป้องพวกเราจากสิ่งภายนอกและในตอนนี้กำแพงนั้นถูกพายุฝนโหมกระหน่ำจนเสากำแพงเสียหายและพังทลายลงมาเกือบสองลี้ซึ่งตอนนี้มีทหารคอยคุ้มกันอยู่บริเวณนั้นพร้อมกับประชาชนผู้ชายที่คอยซ่อมแซมมันอยู่
ข้ามองผ่านช่องว่างของกำแพงเข้าไปยังดินแดนที่ไร้ซึ่งขอบเขตพร้อมกับขมวดคิ้วเล็กน้อย
“เ้ามีเื่อะไรในใจหรือเปล่า?” ซูเหยียนที่เหมือนจะรับรู้ความรู้สึกของข้าถามขึ้นมา
ข้าสูดลมหายใจเข้าลึกก่อนจะบอกไป“ขอให้รีบซ่อมแซมกำแพงนี่ให้เสร็จเร็วๆ ด้วยเถอะไม่อย่างนั้นหมู่บ้านฮวงเจวี๋ยคงจะไม่ปลอดภัยแล้วล่ะ พวกเรารีบไปกันเถอะดูเหมือนจะเจอตัวเ้าหมาป่าขนหิมะตัวนั้นแล้วล่ะ”
นางได้ยินแล้วก็หัวเราะออกมาเบาๆ ก่อนจะถามขึ้น“จมูกเ้าเป็จมูกหมาหรือไง?”
ตั้นไถเหยาได้ยินแล้วกลับพูดขึ้น“จริงจังหน่อยสิ หมาป่าขนหิมะซึ่งอยู่ในระดับห้าถือว่าอยู่ในระดับเซียนแล้วนะดังนั้นพวกเราจะประมาทไม่ได้ ไม่าเ็เลยจะดีที่สุด”
“อืม”
ูเาสุสานมันกว้างไกลหลายร้อยลี้ซึ่งเป็ป่าทึบยาวสุดลูกหูลูกตาและก็ไม่มีใครรู้ว่าภายใต้ป่าทึบนี้จะมีอันตรายอะไรซ่อนอยู่บ้าง
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้