“มียางอาย”
เจียงหงหย่วนค่อยๆ ตัดเสื้อผ้านางออกอย่างมีความอดทน เหลือแค่เศษผ้าที่บดบังจุดสำคัญ
ผู้ฝึกวรยุทธ์สามารถทนอยู่ในอากาศหนาว หากแค่ชั่วครู่ชั่วยามจะไม่รู้สึกกระไร
หลินชุ่ยได้ยินเสียงเจียงหงหย่วนก็ลืมตา นางเกือบใตาย เพราะเจียงหงหย่วนหยิบหวีเหล็กออกมา
นี่มันอุปกรณ์ทรมานของกรมอาญา!
บุรุษผู้นี้…
“เ้าเป็ผู้ใดกันแน่?” ครั้งนี้ฟันของหลินชุ่ยสั่นกระทบกัน
“เ้าดูเสีย ขนาดข้าเอาหวีเล็กออกมาแล้วเ้าก็ยังไม่ยอมบอกว่าตัวเองเป็ผู้ใด เอาความมั่นใจจากที่ใดมาคิดว่าข้าจะบอกเ้า?”
น้อยนักที่เจียงหงหย่วนจะพูดเยอะเช่นนี้ ปกติเขาไม่ใช่คนชอบพูดมากเวลาลงมือ
แต่ครั้งนี้ไม่เหมือนกัน เขาต้องทำลายการป้องกันในใจของหลินชุ่ยก่อนจึงจะสอบสวนข้อมูลออกมาได้
หวีเหล็กมีขนาดประมาณครึ่งฝ่ามือสตรี บนหวีเต็มไปด้วยฟันแหลมและลวดหนาม หวีลงบนเนื้อหนังมนุษย์แล้วจะมีเนื้อหลุดออกมาเป็เส้นๆ
“ข้าพูด…ข้าพูด…ข้าเป็คนของอ๋องเฉิง” จังหวะที่หวีเหล็กกำลังจะจรดลงบนร่างตัวเอง หลินชุ่ยรีบะโ
เจียงหงหย่วนไม่หยุดมือ หวีเหล็กค่อยๆ สางลงไปบนท้องนาง
โลหิตซึมออกมาทันที เศษเนื้อฝอยม้วนลงไปด้านล่าง
เจ็บ…
เจ็บแทบขาดใจ
เจ็บแบบไม่มีที่สิ้นสุด
“ข้ายอมพูดแล้ว…ข้าเป็คนของอ๋องเฉิง” หลินชุ่ยร้องไห้อย่างควบคุมไม่ได้ มันช่างเจ็บเหลือเกิน
แผ่นหลังและศีรษะเปียกโชกด้วยเหงื่อ แต่ไม่ว่านางจะกรีดร้องเพียงใด เจียงหงหย่วนก็ไม่หยุดมือ
ยังคงสางหวีเหล็กลงบนร่างนางช้าๆ
“คนตัวผอมนี่ยุ่งยาก ต้องหวีด้วยความระมัดระวัง มิเช่นนั้นอาจเสียบทะลุท้อง ไส้ไหลออกมาคงไม่ดี สู้คนอ้วนไม่ได้ ไม่ต้องมัวเสียเวลาระวัง สางหวีเต็มแรงได้เลย”
“เ้ามันปีศาจ…เ้าไม่ใช่คน…ไม่ใช่คน…” หลินชุ่ยร้องด้วยความเ็ป บุรุษผู้นี้…
เขามาจากกรมอาญาหรือ?
ต้องใช้แน่ๆ
แต่กรมอาญาภักดีกับฮ่องเต้มิใช่หรือ หรือว่า…
ไม่มีทางใช่ฮ่องเต้ เจียงหงหย่วนอยู่ที่หมู่บ้านเค่าซานมาโดยตลอด ฮ่องเต้ไม่มีทางวางแผนล่วงหน้ามาเป็สิบกว่าปีเพื่อสตรีตระกูลหลินเพียงคนเดียว
ท่ามกลางความเ็ป หลินชุ่ยครุ่นคิดกระไรหลายอย่าง ความคิดสับสนมาก
โชคดีที่เจียงหงหย่วนสางหวีบนหน้าท้องแค่ครู่เดียวก็หยุดมือ หลินชุ่ยได้พักหายใจ
นางเห็นเจียงหงหย่วนเดินเข้าไปในบ้านไม้ ไม่รู้ไปทำกระไร
ไม่นาน เจียงหงหย่วนก็เดินกลับมา ในมือถือกระปุกใบหนึ่ง
“ข้าจะให้โอกาสอีกครั้ง จะยอมพูดหรือไม่” เขายืนอยู่หน้าหลินชุ่ย มองมาที่นางเย็นๆ เหมือนกำลังมองศพ
“ข้าก็พูดไปแล้ว…” ใบหน้าและศีรษะหลินชุ่ยเปียกโชกไปด้วยเหงื่อ ลมหายใจนางอ่อนแรงมากเพราะความเ็ป “ข้าเป็คนของอ๋องเฉิง”
เจียงหงหย่วนไม่ถามต่อ เขาเปิดกระปุก หลินชุ่ยพบว่าสิ่งที่อยู่ด้านในคือเกลือสีขาว เกลือบริสุทธิ์
จากนั้นเขาสาดเกลือทั้งหมดใส่แผลที่มีเืไหลบนตัวนาง
“อ้า…”
เจ็บประหนึ่งโดนแทงหัวใจ
เจ็บจนกระตุกเกร็ง
“ข้าไม่มีความอดทน ในเมื่อพวกเ้าสามารถนำ ‘ชุนเจียว’ ออกมาใช้ได้ เช่นนั้นก็น่าจะรู้จัก ‘วอนเซียน’ …วอนเซียนล้ำค่ามาก ข้าไม่อยากสิ้นเปลือง เ้า…ช่วยข้าประหยัด ‘วอนเซียน’ สักเม็ดได้หรือไม่?”
“วอน…เซียน…” รูม่านตาหลินชุ่ยหดเล็กน้อย ร่างกายสั่นเทิ้มไม่หยุดอย่างควบคุมไม่ได้
นางจะไม่เคยได้ยินกิตติศัพท์ของ ‘วอนเซียน’ ได้อย่างไร!
แม้แต่ ‘วอนเซียน’ ยังหามาได้…
โอสถนี้สาบสูญไปแล้วมิใช่หรือ เม็ดสุดท้ายในวังถูกใช้โดยท่านผู้นั้น…
แต่นางเดิมพันได้หรือไม่?
นางไม่กล้าเดิมพัน!
“ข้าพูด…ข้าพูด…” หลินชุ่ยร้องไห้ “ตระกูลเถียน หัวหน้าผู้ดูแลอูส่งพวกข้ามา…”
“ส่งพวกเ้ามาทำกระไร? เหตุใดต้องปองร้ายหลินหวั่นชิว?”
“หากข้ายอมพูด เ้าจะช่วยจบความทรมานให้ข้าหรือไม่?” หลินชุ่ยมองเจียงหงหย่วน นางรู้ว่าตอนนี้ตัวเองไม่มีแต้มให้ต่อรอง
ถึงกระนั้น…ก็อยากลองดู
“ขึ้นอยู่กับว่าเ้าซื่อสัตย์หรือไม่” เจียงหงหย่วนตอบ ก่อนหน้านี้หลินชุ่ยยืนยันว่าตัวเองเป็คนของอ๋องเฉิง อันที่จริงตอนนั้นเขาแยกแยะไม่ออกว่าใช่เื่จริงหรือไม่
ดังนั้นจึงลงมือต่อไปเรื่อยๆ อยากลองดูว่าท้ายที่สุดหลินชุ่ยจะมีปฏิกิริยาอย่างไร
นึกไม่ถึงว่าจะถูกเขาเค้นความจริงออกมาได้จริงๆ
ลุงห้าเคยสอนเขา ไม่ว่าเมื่อไร คนที่พูดก่อนคือฝ่ายแพ้
ยิ่งพูดมาก ข้อผิดพลาดก็ยิ่งมาก
“…หัวหน้าผู้ดูแลอูให้พวกข้ามาเอาหยกแขวนชิ้นหนึ่งจากหลินหวั่นชิวที่หมู่บ้านเค่าซาน เดิมทีพวกข้าจะใช้วิธีตีตัวใกล้ชิดนางแล้วค่อยสืบข่าวเื่ป้ายหยกและชิงไป เพียงแต่ หลินหวั่นชิวกับเ้าต่างไม่สะทกสะท้านกับความเป็มิตรของพวกข้า หัวหน้าผู้ดูแลให้เวลาไม่มาก ด้วยเหตุนี้… ฮุ่ยเหนียงจึงใช้วิธีทำลายชื่อเสียงหลินหวั่นชิว ให้เ้าขับไล่นางออกจากบ้านเจียง เช่นนี้แล้วนางจะได้มีแต่ต้องกลับบ้านหลิน ขอเพียงนางกลับมาอยู่บ้านหลิน นางก็มีแต่ต้องเชื่อฟังคำสั่งฮุ่ยเหนียง ยอมมอบหยกแขวนให้ในไม่ช้าก็เร็ว”
หลินชุ่ยไม่ได้พูดความจริงทั้งหมด
ความจริงแล้วเป้าหมายของหัวหน้าผู้ดูแลอูคือให้นางแทนที่หลินหวั่นชิว อนาคตจะได้นำหยกแขวนกลับไปพบครอบครัว
หลังจากพบครอบครัวแล้วค่อยมอบหยกแขวนขึ้นไป
เบื้องบน้าจะหยกแขวนชิ้นนี้ให้ได้
“หลินหวั่นชิวจะมีหยกแขวนได้อย่างไร บ้านหลินไม่ใช่ครอบครัวที่จะมีปัญญาซื้อหยก” เจียงหงหย่วนมองหลินชุ่ยด้วยสีหน้าซับซ้อน รัศมีเย็นยะเยียบแผ่ออกจากดวงตาเขา ดุจคมมีด ดั่งดวงตาอสรพิษ จ้องจนขนหัวลุกซู่
“นาง…นางไม่ใช่ลูกสาวของหลินฟาไฉ แต่เป็ลูกสาวของขุนนางต้องโทษ ใต้เท้าหลินเจี้ยนหรง หลานสาวของเจิ้นกั๋วกง หลินเจี้ยนเยวี่ยที่โดนปะา”
เจียงหงหย่วนตะลึงอึ้ง เจิ้นกั๋วกงหลินเจี้ยนเยวี่ย!
หลินเจี้ยนเยวี่ยก่อฏ ถูกฮ่องเต้ตัดสินปะาทั้งตระกูล แต่ฮ่องเต้เห็นแก่ที่เขาเคยสร้างคุณูปการให้บ้านเมือง เมตตาปะาแค่พรรคพวกของเขา เครือญาติที่แยกบ้านออกไปถูกเนรเทศไปชายแดน ห้ามกลับเมืองหลวงตลอดชีวิต
“…ตอนที่เกิดเื่ เจิ้นกั๋วกงส่งข่าวไปแจ้งพวกหลินเจี้ยนหรงล่วงหน้า หลินเจี้ยนหรงเพิ่งมีลูกสาว ให้คนพานางไปยังหมู่บ้านเค่าซานอันห่างไกล มอบให้ชาวบ้านธรรมดาที่ไม่มีความเกี่ยวโยงแม้แต่น้อยอย่างหลินฟาไฉช่วยเลี้ยงดู หยกแขวน…ตอนนั้นหลินเจี้ยนหรงสวมลงบนตัวหลินหวั่นชิว หัวหน้าผู้ดูแลอูเป็คนบอกข้อมูลพวกนี้กับพวกข้า สั่งให้พวกข้านำหยกแขวนกลับไปให้เขาโดยเร็วที่สุด ส่วนเื่อื่น…นั่นอยู่นอกเหนือขอบเขตที่ข้ากับฮุ่ยเหนียงจะทราบได้”
มิน่าเล่า บ้านหลินถึงปฏิบัติไม่ดีกับหลินหวั่นชิวแค่คนเดียว
บ้านหลินที่ยากจนข้นแค้นมีเงินสร้างบ้านซื้อที่ดินขึ้นมาอย่างฉับพลันก็เพราะเหตุนี้นี่เอง
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้