เมื่อกลับมาถึงจวนสกุลเซียวเซียวซู่ซู่และเซียวเอินก็มุ่งหน้าไปหาเซียวมี่ในทันทีและนำเื่ที่เกิดขึ้นในวันนี้เล่าให้แก่นางฟังอย่างละเอียดพวกนางไม่ใช่ว่าอยากจะเพิ่มปัญหาให้แก่เซียวมี่ แต่เพียงแค่อยากให้นางเตรียมใจให้พร้อม
“ทั้งหมดนี้จะต้องเป็แผนการของฮ่องเต้หญิงอย่างแน่นอน” เซียวมี่เองก็มีสีหน้าจริงจังนางหันไปมองทางทิศทางอันไกลโพ้นนางรู้ว่าสกุลเซียวมิอาจหลบจากการแย่งชิงอำนาจของราชสำนักไปได้ตลอด
อีกทั้งสุดท้ายแล้ว สกุลเซียวก็จะเป็ได้แค่เหยื่อสังเวยของพวกเขาเท่านั้น
สีหน้าของนางคล้ำขึ้นกะทันหัน คิ้วเรียวบางขมวดเข้าหากันน้อยๆ
กี่ปีมาแล้วที่นางจะต้องแบกรับสกุลเซียวแห่งนี้ไว้แต่เพียงผู้เดียวมิเคยมีครั้งใดที่นางรู้สึกเหนื่อยล้า ต่อให้ต้องกลายเป็คนผมขาวส่งศพคนผมดำนางก็กัดฟันผ่านมันมาแล้ว เพียงแต่ว่าตอนนี้นางกลับรู้สึกเหนื่อยล้าเสียเหลือเกิน
นางเกลียดชังการแก่งแย่งชิงดีของราชสำนักนางเพียงแค่อยากจะใช้บั้นปลายชีวิตอย่างสุขสบายเท่านั้น
สามารถอยู่อย่างร่าเริง มีความสุขกับคนในครอบครัวสำหรับนางก็ถือว่าเพียงพอแล้ว
นางรู้ว่าต่อให้เซียวซู่ซู่จะมีความสามารถเก่งกาจและโดดเด่น แต่เซียวซู่ซู่ก็ไม่มีทางเดินตามวิถีชีวิตของนาง นางเองก็ไม่อยากจะบังคับให้เซียวซู่ซู่ทำในสิ่งที่นางไม่ชื่นชอบ
เซียวซู่ซู่พยักหน้านางเองก็เข้าใจว่าต่อให้ฮวาเชียนเย่จะมีฝีมือเก่งกาจถึงเพียงใดก็ไม่กล้าที่จะจัดการกับองค์ชายของแคว้นทั้งสองโดยตรงเื่นี้จะต้องได้รับการสนับสนุนจากฮวาหรูเสวี่ยอย่างแน่นอน
ฮวาหรูเสวี่ยผู้นี้โหดร้ายและป่าเถื่อนยิ่งกว่าบุรุษเสียอีก อีกทั้งยังเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราวอีกด้วย
วันนี้ถ้าหากมิใช่ว่าฮวาเชียนจือลงมือได้ทันการแล้วพวกเขาทั้งหมดจะต้องถูกดึงเข้าไปเกี่ยวข้องแผนการชั่วร้ายนี้อย่างแน่นอน ถึงเวลานั้นคิดอยากจะถอนตัวก็คงไม่ได้แล้ว
“มิรู้ว่าวันนี้ฮวาเชียนเย่ได้ลงมือหรือไม่” บรรยากาศในห้องโถงตึงเครียดเป็อย่างมากเซียวเหยียนและเซียวจู๋เองก็ถูกเชิญเข้ามาเพื่อร่วมกันปรึกษาถึงแผนการรับมือ
“ถ้าหากข้าเป็ฮวาเชียนเย่ ก็จะทำการยกเลิกแผนการ” เสียงของเซียวซู่ซู่ไม่ได้ดังมากนักแต่ก็หนักแน่นเป็อย่างมาก “เพราะว่าเป้าหมายใหญ่ทั้งสองคนไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์แล้วก็ไม่มีความจำเป็อีก”
“เห็นด้วย”เซียวมี่เองก็คิดเช่นนี้ “เพียงแต่ว่า ฮวาหรูเสวี่ยจะต้องไม่ยอมรามือเป็แน่”
“่นี้พวกเราไม่ต้องไปร่วมงานเลี้ยงของทางราชสำนัก” เซียวเหยียนเอ่ยขึ้นเสียงดัง สีหน้าเต็มไปด้วยเพลิงแห่งโทสะ เซียวจู๋เองก็เห็นด้วยกับนาง
เซียวมี่ถอนหายใจอย่างจนปัญญาออกมา ชีวิตนี้นางมีบุตรสาวสามคนนอกจากบุตรสาวคนเล็กที่เสียชีวิตไปนั้นมีปัญญาเฉลียวฉลาดและกล้าหาญบุตรสาวสองคนที่เหลือต่างก็มีสมองกลวงดั่งกองฟาง พวกนางกลับกล้าเอ่ยประโยคเช่นนี้ออกมาได้
ทว่ายังดีที่พวกนางมิได้หาปัญหาวุ่นวายมาให้กับตน
นี่ก็ทำให้ภาระของเซียวมี่เบาลงไปมากต่างกับพวกองค์หญิง คุณหนูลูกผู้ดีเ่าั้ที่ผู้คนรุมด่าวิ่งไล่ตีเสมือนพวกนางเป็หนูสกปรกตามท้องถนนก็มิปาน
ขุนนางเก่าแก่ในราชสำนักมีจำนวนมากและทั้งหมดก็ล้วนเป็ขุนนางที่สร้างคุณงามความดีมาไม่น้อยกระทั่งฮวาหรูเสวี่ยยังต้องไว้หน้าพวกเขาถึงสามส่วน
ซึ่งนางคิดว่าฮวาหรูเสวี่ยไม่คิดจะอดทนและไว้หน้าพวกเขาต่อไปแล้ว
ดูจากการที่ฮวาเชียนเย่ได้เชิญลูกคุณหนูทั้งหลายไปร่วมงานเลี้ยงก็แสดงให้เห็นแล้วว่าฮวาหรูเสวี่ยคิดจะตัดรากถอนโคนพวกเขาทิ้ง เพื่อให้อำนาจที่แข็งแกร่งสำหรับฮวาเชียนเย่นางใจเด็ดถึงขั้นดึงให้ทุกคนต้องรับเคราะห์ไปด้วย แต่ว่าสิ่งที่เซียวมี่นึกไม่ถึงก็คือว่าสกุลเซียวจะเป็หนึ่งในนั้นด้วย
แม้ว่านางเคยคิดว่าเป็เพราะชื่อเสียงที่โด่งดังของหลานสาวตนเองแต่ว่านางก็ยังคงรู้สึกะเืใจ หลายปีที่ผ่านมานี้ฮวาหรูเสวี่ยได้พยายามกดอำนาจของสกุลเซียวเอาไว้ตลอด ตอนนั้นนางก็รู้แล้วว่าเป็เพราะคำสั่งเสียของฮ่องเต้องค์ก่อน แต่ว่าตอนนี้นางไม่อยากจะคิดว่าเป็เพราะคำสั่งเสียอะไรอีกแล้ว นางเพียง้าจะปกป้องครอบครัวของตนเท่านั้น
เซียวซู่ซู่มองเซียวเหยียนและเซียวจู๋แวบหนึ่ง “วิธีนี้ ใช้ไม่ได้” นางไม่อยากพูดอะไรให้มากนัก
ั้แ่ต้นจนจบเซียวเอินมิได้เอ่ยขึ้นมาสักประโยคเขารู้ว่าสถานการณ์เช่นนี้ การที่ให้เขามาร่วมนั้นถือว่าเห็นแก่หน้าของเซียวซู่ซู่ต่อให้เขาพูดอะไรออกไปก็เกรงว่าจะไม่ได้รับความเห็นชอบจากทุกคน
ที่แคว้นป่ายฮวาแห่งนี้ฐานะของบุรุษก็ต่ำต้อยเช่นนี้เอง ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้
ความจริงในบางเวลา เซียวเอินก็อยากจะให้ฮวาเชียนเย่รับ่ต่อของแคว้นป่ายฮวาเช่นนี้บุรุษก็มีโอกาสพลิกชะตาชีวิตแล้ว ไม่จำเป็ต้องเป็เบี้ยล่างให้แก่สตรีอีก แต่เมื่อคิดถึงสถานภาพของสกุลเซียวแล้วเขาก็ไม่อยากจะสนับสนุนฮวาเชียนเย่อีก
แต่ว่าสำหรับประโยคที่มารดาของตนกล่าวขึ้นเมื่อครู่เขาก็รู้สึกว่าช่างน่าขันเสียเหลือเกินงานเลี้ยงของวังหลวงล้วนถูกเรียนเชิญโดยราชโองการของฮ่องเต้หญิงไม่ไปก็เท่ากับเป็การขัดราชโองการสกุลเซียวต่อให้เก่งกาจถึงเพียงใดก็ไม่อาจขัดราชโองการได้กระมัง?
เช่นนั้นมิต้องใช้แผนการใส่ร้ายใดๆก็สามารถตัดรากถอนโคนสกุลเซียวได้โดยทันที
“ดูเหมือนว่า ไม่มีทางถอยจริงๆ แล้ว” อยู่ๆ เซียวมี่ก็ลุกขึ้นยืน สีหน้าของนางจริงจังและเด็ดเดี่ยวเสมือนว่าได้ขบคิดมาเป็เวลานานแล้วถึงได้ทำการตัดสินใจ
“ท่านยาย...” เซียวซู่ซู่เองก็ลุกขึ้นก่อนจะเอ่ยออกมาเบาๆ นางรู้ว่าเซียวมี่คิดจะทำอะไรแต่ก็ไม่อาจทนรับได้เท่าใดนัก
ถ้าพูดกันตามตรงแล้ว เื่ทั้งหมดนี้ล้วนเป็เพราะนางเซียวซู่ซู่ นางเป็เหยื่อที่ใช้ล่อคนของฮวาเชียนเย่จึงได้ดึงให้สกุลเซียวเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย
เซียวเหยียนและเซียวจู๋ล้วนมองไปทางเซียวมี่ “ท่านแม่ ท่านมีวิธีหรือ?”
บนใบหน้ามีความตื่นเต้นฉายขึ้นแวบหนึ่งในสายตาของพวกนางไม่มีเื่อันใดที่เซียวมี่จัดการไม่ได้
“ท่านยาย โปรดคิดดูให้ดีอีกที” เซียวซู่ซู่นั้นก็ยังคงเอ่ยเกลี่ยกล่อมออกมาประโยคหนึ่งนางมิได้มองโลกในแง่ดีดั่งเช่นเซียวเหยียนและเซียวจู๋สีหน้าของนางในตอนนี้เต็มไปด้วยความกลัดกลุ้ม การตัดสินใจในครั้งนี้มันเกี่ยวพันใหญ่หลวงนัก
ความเด็ดเดี่ยวบนใบหน้าของเซียวมี่หายไปอย่างรวดเร็วเสมือนว่านางรู้สึกซาบซึ้งใจที่เซียวซู่ซู่เข้าใจจิตใจนางถึงเพียงนี้ สีหน้าในตอนนี้แทนที่ด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยน “ไม่เป็ไร ยายได้ตัดสินใจแล้ว มีเพียงเช่นนี้สกุลเซียวจึงจะสามารถถอนตัวออกมาได้”
นางอายุเลยวัยกลางคนมาแล้วไม่ใช่เวลาที่จะมาแก่งแย่งชิงดีกับใครอีก เพราะฉะนั้นนางตัดสินใจที่จะยอมแพ้
เซียวเหยียนและเซียวจู๋ฟังไม่เข้าใจแม้แต่น้อยจึงได้แต่หันไปมองทางยายหลานสองคนนั้นด้วยสีหน้างุนงง
แต่เซียวเอินเองก็เข้าใจเช่นกันว่าฮูหยินเฒ่าได้ตัดสินใจจะทำอะไรในใจก็ได้แต่แอบคิดว่าจะทำเช่นไรจึงจะเป็ทางออกที่ดีที่สุด
“ข้าตัดสินใจว่าจะลาออกจากตำแหน่งพรุ่งนี้ขอตัวเกษียณกลับบ้านเก่า” สุดท้ายเซียวมี่ก็หันไปมองเซียวเหยียนและเซียวจู๋ด้วยสีหน้ามุ่งมั่นพลางเอ่ยขึ้นน้ำเสียงเต็มเปี่ยมไปด้วยความแน่วแน่ไม่มีลังเลแม้แต่น้อย
ในที่สุดเซียวซู่ซู่ก็ถอนหายใจออกมาเบาๆท้ายที่สุดนางก็ได้ทำให้สกุลเซียวต้องลำบาก
เซียวเหยียนและเซียวจู๋ที่ได้ยินประโยคนี้ก็มีสีหน้าเปลี่ยนไปในทันที
“เช่นนั้นจะได้อย่างไร แล้วพวกเราจะทำเช่นไรต่อ?” พวกเขาเอ่ยขึ้นพร้อมกัน
สิ่งที่ได้รับมีเพียงสายตาเบื่อหน่ายของเซียวมี่
หลังจากที่ได้ประกาศการตัดสินใจของตนแล้วเซียวมี่ก็มิได้เอ่ยอะไรออกมาอีก แต่กลับก้าวออกจากห้องโถงไปด้วยสีหน้าหนักใจเหลือไว้เพียงเซียวเหยียนและเซียวจู๋ที่กำลังมีสีหน้าหงุดหงิด แต่พวกนางก็ไม่กล้าเอ่ยอันใดออกมาเพราะว่าสิ่งที่เซียวมี่ตัดสินใจแล้วไม่มีใครสามารถเปลี่ยนแปลงได้ และครั้งนี้ก็ไม่ใช่เื่เล็กๆ อีกด้วย
คนทั้งสองเลิกตาขึ้นอีกครั้งก่อนจะมองไปทางเซียวซู่ซู่
เซียวซู่ซู่ลุกขึ้นยืนก่อนจะยิ้มบางๆอย่างมีมารยาทให้กับเซียวเหยียนและเซียวจู๋ “ท่านป้าใหญ่ ท่านป้ารองข้าขอตัวกลับห้องพักก่อน”
นางไม่อยากจะยุ่งเกี่ยวอะไรกับพวกนางทั้งสองอีกป้าทั้งสองคนนี้ของนางสนแต่เพียงชื่อเสียงและเงินทองของตนเองมิเคยคาดคิดถึงความรู้สึกของเซียวมี่และก็ไม่คิดถึงสถานการณ์ในตอนนี้ของสกุลเซียวอีกด้วย
นางรู้ว่าป้าทั้งสองคนนั้นถือว่าดีต่อนางมากไม่มีอคติเหมือนเช่นตอนแรกอีก แต่ว่าครั้งนี้นางกลับรู้สึกว่าการตัดสินใจของเซียวมี่นั้นเป็สิ่งที่ถูกต้อง เป็ทางออกเพียงทางเดียว เพราะฉะนั้นนางจึงไม่ได้เอ่ยเกลี้ยกล่อม
และนางก็มิได้ชอบคนของสกุลฮวาจึงไม่อยากให้เซียวมี่ต้องไปทำงานรับใช้พวกเขาต่อเช่นกัน โดยเฉพาะฮวาเชียนจือ คนที่นางเกลียดที่สุดบนโลกใบนี้
ไม่ว่าจะเป็ชาติก่อนหรือชาตินี้นางก็ไม่อาจหลบหนีจากฝันร้ายนี้ไปได้
เื่ราวในอดีตทั้งหลายนางจะไม่ถือเป็โมฆะอย่างแน่นอน นางตัดสินใจว่าก่อนจะลาจากสกุลเซียวนางจะต้องให้ฮวาเชียนจือได้รับบทลงโทษที่สาสม นางจะต้องล้างแค้นให้จงได้
แต่ว่าโอกาสกลับมีไม่มากนัก
ตอนกลางวันนั้นก็ทำได้เพียงแค่ให้นางเสียหน้าเล็กน้อยบทเรียนเล็กๆแค่นี้เมื่อเทียบกับปีนั้นที่ฮวาเชียนจือทำไว้กับตนยังถือว่าเล็กน้อยนัก
ต่อให้สตรีผู้นี้มิได้กลับมาที่แคว้นป่ายฮวาเซียวซู่ซู่ก็จะไปหานาง แค้นนี้จะต้องได้รับการชำระ
เซียวเอินเองก็เดินตามเซียวซู่ซู่ออกมาเขามิได้เอ่ยอะไร ทำเพียงแค่เดินตามนางอยู่เงียบๆ
เซียวซู่ซู่นั้นมิได้กลับไปที่ห้องพักของตนแต่กลับเดินเล่นไปเรื่อยๆเื่ราวในอดีตยังคงจารึกอยู่ในสมองของนาง ความเ็ปในหัวใจค่อยๆ เด่นชัดขึ้นเรื่อยๆ
ครั้งนี้นางบอกกับตนเองว่าห้ามใจอ่อนอีกและจะต้องไม่ทำให้สกุลเซียวเดือดร้อนไปด้วย
ด้านแผนการและความโเี้ เซียวซู่ซู่ก็ไม่ด้อยกว่าใครเช่นกัน