เสิ่นม่านกระดกลิ้นส่งเสียงไม่พอใจพลางเชิดหน้าขึ้น “อะไรกันนักหนา? เมื่อคืนนี้ปรักปรำหาว่าข้าล่วงประเวณีกับหวังเอ้อร์โก่ว ทำเอาข้าเกือบถูกจับไปถ่วงน้ำในกรงหมู พวกเ้าไม่เห็นหรือ? อีกทั้งยังคิดจะขโมยลูกชายข้าไปขายเพื่อแลกเงิน! คนต่ำช้าเช่นนี้ ข้าจะปล่อยเขาไปได้อย่างไร? หากข้าไม่อัดมันจนต้องตั้งคำถามว่าเกิดมาบนโลกนี้ทำไม ข้าก็ไม่ขอใช้แซ่เสิ่นอีกต่อไป!”
คำพูดเกรี้ยวกราดของนาง ทำเอามวลชนไม่รู้จะพูดอย่างไรต่อดี
แต่นั่นยังไม่จบ เสิ่นม่านยังคงเย้ยหยันต่ออย่างเ็า “นอกจากนี้ พวกเ้าบอกว่านางโจวไม่อยู่แล้ว นางหายไป พวกเ้าก็ไปตามหานางสิ มาหาข้าเพื่ออะไร? ข้าคือนางโจวหรือ? หากข้าปล่อยคนหนีไปแล้วจะกลับมานอนอุตุที่บ้านเช่นนี้หรือ? เหตุใดข้าไม่หนีไปกับพวกเขาเล่า? จะรอพวกเ้ามาจับข้าไปส่งที่ว่าการเพื่ออันใด?”
ทุกคน “...”
ดูเหมือนจะมีเหตุผล
หลี่เถี่ยโถวปั้นหน้าขึงขัง ในฐานะผู้ใหญ่บ้าน กลับถูกสตรีพ่นคำพูดใส่จนไร้ซึ่งคำโต้ตอบ ยามนี้เขาเริ่มอึดอัดใจจึงชี้ไปที่เสิ่นม่าน “เสิ่นม่านเหนียง นางโจวผู้นั้นคือพี่สะใภ้ของเ้านะ! หวังเอ้อร์โก่วมีความสัมพันธ์กับนางโจว ใครจะรู้ว่าเบื้องลึกแล้วพวกเ้ามีความสัมพันธ์กันเช่นไร หากเ้าปล่อยพวกเขาไป...”
“ข้ายินดีให้ฟ้าผ่า ไม่ตายดี” เสิ่นม่านเลิกคิ้วขึ้นและขัดจังหวะของหลี่เถี่ยโถว คำพูดนี้เฉียบขาดหาใดเปรียบ “ผู้ใหญ่บ้าน กล่าวสิ่งใดย่อมต้องมีหลักฐาน แม้ข้าจะเป็คนแย่สักหน่อย แต่ข้าก็ต้องเห็นแก่ครอบครัวข้าไม่ใช่หรือ? โจวชุ่ยหลานแอบคบชู้ลับหลังพี่ชายข้า ความหมายของท่านคือ ข้ายินดีช่วยเหลือคนนอกเช่นนั้นมากกว่าพี่ชายแท้ๆ ของตนเองหรือ?”
“ข้าจะทำไปเพื่ออะไร? เพื่อหวังเอ้อร์โก่วสกปรกซกมกผู้นั้นน่ะหรือ? หรือเพราะเขาหน้าตาอัปลักษณ์แล้วยังท่าทางกักขฬะด้วย?”
หลี่เถี่ยโถว “…” เสิ่นม่านเหนียง เหตุใดจึงเปลี่ยนเป็คนฝีปากคมเยี่ยงนี้? เขาพูดประโยคเดียว นางตอกกลับมาเป็ชุด ทำเอาอีกฝ่ายพูดไม่ออก
เขาไร้ซึ่งคำจะโต้ตอบ จึงหันกลับไปมองด้านหลังแวบหนึ่ง คนด้านหลังเองก็ใกับคำพูดของนางเช่นกัน ผ่านไปนานค่อนวัน ก็มีหนึ่งในกลุ่มคนทำใจกล้าเอ่ยถามออกมา “เช่นนั้นบอกข้าสิว่า นางโจวกับหวังเอ้อร์โก่วไปไหนแล้ว? พวกเขาพาลูกสองคนของพี่ชายเ้าไปด้วย หรือว่าอาอย่างเ้าไม่ร้อนใจเลยหรือ?”
อะไรนะ? เด็กถูกพาไปด้วย? ปฏิกิริยาแรกของเสิ่นม่าน นางโจวคงพาเด็กไปขายแน่!
นางตบกะโหลกตนเอง “แย่แล้ว!”
ทุกคน “?”
สีหน้าของเสิ่นม่านพลันแปรเปลี่ยน “รีบไปตามหาคนที่ตำบลและรีบไปแจ้งทางการเถิด”
“มะรืนก่อนข้าบังเอิญได้ยินนางโจวบอกว่าจะขายต้าเป่ากับหลานทั้งสองของข้า เดาว่าตอนนี้คงกำลังไปหาผู้ซื้อ!”
หลี่เถี่ยโถวคือผู้ใหญ่บ้าน ยามปกติก็มีไปมาหาสู่กับเสี่ยวหลานและเสี่ยวตงบ้างเป็ครั้งคราว เด็กทั้งสองคนเป็เด็กดีเชื่อฟังจึงมีคนรักและเอ็นดู พอได้ยินเช่นนี้ก็พาคนทั้งหมดไปขึ้นเกวียนวัวของตนแล้วออกไปตามหาที่ตำบลทันที
หลี่เถี่ยโถวเกรงว่าเสิ่นม่านจะหนีไป จึงให้นางพาลูกไปด้วยกัน
เสิ่นม่านกลับไม่เคยคิดจะหนีด้วยซ้ำ นางเองก็ต้องตามหาตัวเด็กทั้งสองคนให้พบ เพราะถึงอย่างไรเด็กทั้งสองก็มีบุญคุณช่วยชีวิตนางกับต้าเป่า
บนเกวียนวัวมีทั้งหมดห้าคนรวมต้าเป่าด้วย
เนื่องจากเสิ่นม่านตัวอ้วนเกินไป จึงใช้พื้นที่ของสองคน ทำให้เกวียนวัวส่งเสียงโอดครวญขณะเดินทาง ทั้งยังใช้เวลาค่อนข้างนานกว่าจะไปถึงตำบล
เพียงแต่การตามหาคนมีหรือจะง่ายดายปานนั้น?
คนทั้งหมดไปตามหายังแหล่งค้าทาสหลายแห่ง แต่ก็ไม่พบนางโจวกับเด็กทั้งสองแม้แต่เงา
ขณะที่ท้องฟ้ากำลังจะเปลี่ยนสี ดวงตะวันเคลื่อนคล้อยไปทางทิศตะวันตก
เสิ่นม่านจูงมือต้าเป่าเดินตามหลี่เถี่ยโถวและคณะมุ่งหน้าไป เด็กน้อยกระตุกเสื้อของนางและกระซิบเสียงค่อย “ท่านแม่ ข้าหิว เดินไม่ไหวแล้ว...”
ต้าเป่าเองก็น่าสงสารเช่นกัน เด็กน้อยตัวเล็กนิดเดียวติดตามพวกเขาออกมาหาคน หากไม่ใช่เพราะหิวจนทนไม่ไหว คงอดกลั้นไว้ไม่ยอมส่งเสียงแน่
เสิ่นม่านเลียริมฝีปาก จากนั้นอุ้มเขาขึ้นมาด้วยความทะนุถนอม นางลากขาที่หนักอึ้งทั้งสองข้างและเรียกชายร่างใหญ่ด้านหน้าทั้งหลายเอาไว้ “พี่ชายทั้งหลาย เราหาที่กินข้าวกันก่อนดีหรือไม่? ข้าหิวน่ะไม่สำคัญ แต่เด็กพอหิวก็จะเดินไม่ไหวแล้ว”
ทุกคนเดินหารอบตำบล อันที่จริงก็ค่อนข้างหิวกันแล้ว ตอนนี้ยังหาตัวคนไม่พบ ที่ว่าการรับเื่ร้องเรียนและเริ่มส่งมือปราบออกไปหาแล้ว แต่ยังหาตัวสตรีที่พาเด็กน้อยสองคนหนีไปไม่ได้
น่าประหลาดนัก อยู่ดีๆ จะหายไปดื้อๆ ได้อย่างไร?
หลี่เถี่ยโถวยามนี้ก็อารมณ์ไม่ดีเป็ทุนเดิม พอได้ยินเสิ่นม่านพูดเช่นนี้ จึงสั่งสอนด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ “กินอะไรกัน? หาตัวโจวชุ่ยหลานไม่เจอ ข้าจะคิดบัญชีกับเ้า รอกลับหมู่บ้านค่อยว่ากัน!”
เสิ่นม่านหลุบตาลง ต้าเป่ากระตุกแขนเสื้อของนาง “ท่านแม่ ข้าไม่หิว เพียงแค่เดินไม่ไหว ท่านพาข้าไปดื่มน้ำแก้กระหายสักหน่อยได้หรือไม่?”
ลูกชายของนางมีความเป็ผู้ใหญ่จนน่าสงสาร เสิ่นม่านคิดไตร่ตรองและเอ่ยถามคนด้านหน้า “ข้ารู้ว่าพวกท่านร้อนใจในการตามหาคน ข้าคืออาของเด็กๆ ข้าย่อมร้อนใจกว่าพวกท่าน แต่ต้าเป่าหิวจนเดินไม่ไหวแล้วจริงๆ พวกท่านใครก็ได้ ขอยืมเงินให้ข้าสักหน่อยเถิด ข้าจะซื้อบะหมี่ให้ลูกสักชาม”
หลี่เถี่ยโถวปั้นหน้าบึ้งไม่พูดจา คนอื่นที่เหลือก็เช่นกัน ยังมีหน้ามายืมเงิน สกุลเสิ่นยากจนอย่างกับอะไร คนในหมู่บ้านต่างรู้ดี
ให้ยืมไปแล้วจะมีปัญญาคืนหรือ?
เพียงแต่หลี่เถี่ยโถวก็อุตส่าห์ล้วงเหรียญอีแปะสองอันจากถุงเงินที่ห้อยเอวไว้และยื่นใส่มือของเสิ่นม่าน “ข้ามีแค่สองอีแปะ เ้าไปซื้อซาลาเปาข้างหน้าให้เด็กสองลูกก็แล้วกัน”
“ตกลง ขอบคุณผู้ใหญ่บ้านมาก!” เสิ่นม่านแสดงความซาบซึ้งใจ ดูท่าผู้ใหญ่บ้านคนนี้แม้ภายนอกจะดูดุ แต่อันที่จริงแล้วเป็คนดีไม่เลวทีเดียว
สองอีแปะก็คือความเมตตา ขาของยุงแม้จะเล็กแต่ก็ยังเป็เนื้อ!
เสิ่นม่านพาลูกชายไปยังร้านค้าด้านหน้า อีกฝ่ายปิดร้านไปแล้ว มีเพียงร้านบะหมี่ที่อยู่ติดกันยังเปิดอยู่และไม่มีคน ซึ่งดูแล้วเงียบเหงาไม่ครึกครื้น
นางยืนอยู่ตรงประตู ขณะกำลังจะเอ่ยปากถาม ก็มีเสี่ยวเอ้อร์เดินออกมาจากด้านในพร้อมกับใช้ผ้าเช็ดโต๊ะในมือไล่พวกนาง
“ไปๆ! พวกขอทานไปไกลๆ เลย!”
เสิ่นม่านขมวดคิ้ว กระทั่งเสี่ยวเอ้อร์ในร้านขายบะหมี่เล็กๆ ยังกล้าใช้ตาสุนัขมองคนต่ำอีกหรือ?
นางผลักเสี่ยวเอ้อร์คนนั้นกลับไป อีกฝ่ายถูกฝ่ามือของนางผลักจนเซ
“เ้าดูให้ชัดเจน ข้ามาแบบจ่ายเงิน” เสิ่นม่านตบเงินอีแปะลงบนโต๊ะ “เอาบะหมี่ผักมาให้ข้าหนึ่งชาม!”
เมื่อครู่เดินมาตลอดทาง เสิ่นม่านเริ่มรู้ราคาข้าวของในตำบลนี้คร่าวๆ แล้ว สองอีแปะสามารถกินบะหมี่ได้หนึ่งชามพอดี
เสี่ยวเอ้อร์ลูบก้นที่ล้มกระแทกจนเจ็บ ตอนที่เก็บเงินจากโต๊ะ เขากลอกตามองบนหนึ่งครั้ง แค่สองอีแปะมาทำตัวกร่างอะไรกัน?
ครู่หนึ่งผ่านไป บะหมี่ผักถูกยกมา
เสิ่นม่านมองดู นั่นคือบะหมี่น้ำเปล่าใสแจ๋ว ้ามีต้นหอมลอยอยู่เล็กน้อย กระทั่งคราบน้ำมันก็แทบไม่มี ในเื่อาหารการกินนั้นเสิ่นม่านถือเป็คนช่างเลือกพอตัว เมื่อเห็นบะหมี่ชามนี้ไม่เข้าตา ก็ถึงกับอิ่มในทันใด
นางยื่นบะหมี่ไปข้างหน้าต้าเป่าและลูบศีรษะของเขา “กินสิ”
ต้าเป่าคะยั้นคะยอให้นางกินอยู่สองครั้ง เสิ่นม่านก็ยังนิ่งไม่ขยับ เขาจึงเริ่มกินเอง แต่พอกินได้สองคำ ต้าเป่าก็วางตะเกียบในมือลงและกระซิบ “ท่านแม่ ข้าอยากดื่มโจ๊กที่ท่านทำมากกว่า อาหารที่ท่านทำอร่อยกว่าบะหมี่ชามนี้หนึ่งร้อยเท่าเชียวล่ะ”
หึ สมกับเป็ลูกชายของข้า รู้จักแยกแยะ! เสิ่นม่านอารมณ์ดีและลูบศีรษะของเขา “เด็กดี กินรองท้องไปก่อน เย็นนี้พอกลับถึงบ้านแม่จะทำมื้อดึกให้เ้าเอง”
เสี่ยวเอ้อร์ที่กำลังปัดมืออยู่ด้านข้าง อดไม่ได้ที่จะหัวเราะเยาะ “ข้าว่า พวกเ้าเคยกินบะหมี่หรือเปล่า? ยังกล้ารังเกียจหาว่าบะหมี่ร้านข้าไม่อร่อย คนยากจนอย่างพวกเ้ายังจะเลือกกินอีกหรือ? อาหารเลิศรสอันใด? ข้าว่าพวกเ้ารีบกลับไปแทะมันเทศกินดีกว่า พวกบ้านนอก!”
เสิ่นม่านเม้มริมฝีปาก นางทนกับหมอนี่มานานแล้ว
ั้แ่วินาทีที่เข้ามา เสี่ยวเอ้อร์ร้านนี้ก็เหมือนอมอุจจาระไว้ในปาก พูดจาหยาบคายนัก ด่าว่าพวกนางบ้านนอก คิดว่านางอ่อนแอแล้วจะรังแกได้ง่ายๆ หรือ?
เสิ่นม่านลุกขึ้นช้าๆ พลางมองสำรวจเสี่ยวเอ้อร์ผู้นั้น จากนั้นส่งเสียงเ็าในลำคอ “เ้าดูิ่ใครกัน? บะหมี่ร้านเ้าทำไม่อร่อย แล้วยังไม่ให้คนวิจารณ์อีกหรือ? ข้าคิดอยู่แล้วเชียวว่าถนนทั้งเส้น แต่ไฉนจึงมีเพียงร้านเ้าที่กิจการย่ำแย่ เห็นทีปัญหาคงอยู่ที่เสี่ยวเอ้อร์อย่างเ้ามากกว่า”
คำพูดของนางทิ่มแทงหัวใจของเสี่ยวเอ้อร์อย่างจัง ชายหนุ่มหายใจแรงถลึงตามองนาง “เ้าบอกว่าบะหมี่ร้านใครไม่อร่อย? อย่าคิดว่าเป็สตรีแล้วข้าจะไม่กล้าทำอะไรเ้านะ! หากรู้แล้วก็ไสหัวไป อย่ามาขวางทางทำมาหากินของข้า!”
“ทำการค้าสภาพเช่นนี้ช่างล้มเหลวนัก! ลำพังบะหมี่ร้านเ้า ให้ข้าใช้นิ้วเท้าทำก็สามารถทำได้อร่อยกว่าชามนี้แน่!” เสิ่นม่านกลอกตาและจูงมือต้าเป่าลุกขึ้น จากนั้นเตรียมจากไป
“หยุด!”
แต่กลับมีเสียงของคนแปลกหน้าหยุดนางไว้
-----