เมื่อหลัวจ้งซีลืมตาขึ้นก็พบว่าฟ้าสว่างแล้ว แล้วที่ๆ เขาอยู่ตอนนี้ก็ดูไม่คุ้นตาเลย ผ้าปูที่นอนสีเทา มีโคมไฟข้างเตียง และการตกแต่งก็เรียบง่ายมาก ชั่วขณะหนึ่งเขาคิดว่านี่ก็คือบ้านของอี้สี่ แต่เขาก็เดาว่าไม่ใช่ เพราะว่าเฟอร์นิเจอร์พวกนี้ดูเหมือนเป็บ้านของผู้ชาย
ที่ประตูเสียงแตะคีย์การ์ดก็ดังขึ้น คนที่เปิดประตูเข้ามาก็คือจินอิ๋นโดยอีกฝ่ายถือกาแฟมาสองแก้ว
“นี่บ้านของนายหรอ?” หลัวจ้งซีรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย “อี้สี่อยู่ที่ไหน?” เขาถาม
“เมื่อคืนผมส่งเธอกลับบ้านไปแล้ว” เขายื่นกาแฟมาให้แก้วหนึ่ง
“เมื่อคืนนี้ไปส่งเธอกลับบ้าน แล้วตอนนี้นายก็เพิ่งกลับมา?” หลัวจ้งซีเป็คนฉลาดหลักแหลมมาก
“ใช่” จินอิ๋นไม่ได้ปฏิเสธ หลัวจ้งซีรู้สึกเสียใจมากที่เขาเมา แต่น่าแปลกก็คือหลังจากที่เขาตื่นขึ้นมาเขาไม่มีอาการเมาค้างเลย ไม่ได้รู้สึกปวดหัวเลย และก็ยังสดชื่นแจ่มใสมาก ราวกับว่าเขาเพียงแค่หลับไปเท่านั้น นี่ไม่ใช่ความรู้สึกเมาค้าง เพราะตัวเขาเองไม่เคยเมาจนภาพตัดแบบนี้มาก่อน ทันใดนั้นเขาก็เริ่มรู้สึกสงสัยจินอิ๋น “นายให้ฉันกินอะไรแปลกๆ ใช่ไหม? ไม่อย่างนั้นจะปลุกฉันไม่ตื่นได้ยังไง?”
“ถูกต้อง ยานอนหลับที่มีฤทธิ์แรงหนึ่งส่วนสี่เม็ด หรือที่เรียกกันทั่วไปว่ายาเสียสาว” จินอิ๋นพูดด้วยท่าทีนิ่งสงบ ราวกับว่าเขาไม่ได้ทำอะไรผิด “ถ้าคุณไม่หาเื่ผม ผมก็จะไม่หาเื่คุณเช่นกัน เื่เมื่อวานที่คุณหาเื่ผมก็ช่างมันไป แต่ความหึงหวงของคุณจะทำให้ทุกคนต้องอับอาย เพราะงั้นผมเลยต้องให้คุณหลับไปก่อน”
“นาย...” หลัวจ้งซีโกรธจนพูดไม่ออก “นายกล้าวางยาคนอื่น นายยังมีศีลธรรมอยู่ไหม!”
“ไล่ผมออกสิถ้าคุณพบหลักฐาน!” จินอิ๋นหัวเราะเบาๆ
หลัวจ้งซีสูดหายใจเข้าลึก หยิบบุหรี่ออกมาแล้วจุดบุหรี่สูบเพื่อสงบสติอารมณ์
จินอิ๋นขมวดคิ้วด้วยความรังเกียจก่อนพูด “อย่ามาสูบบุหรี่ที่บ้านผม”
“ฉันจะทำ นายกล้าวางยาฉัน ฉันสูบบุหรี่มวนเดียวจะเป็อะไรไป” หลังจากดูดเอานิโคตินลงปอดไปหลายครั้ง อารมณ์ของเขาก็สงบขึ้นไม่น้อย แล้วก็รู้สึกขึ้นมาว่าเมื่อคืนเขาเสียมารยาทจริงๆ “ปกติหลอกสาวๆ ขึ้นเตียงก็ทำแบบนี้เหรอ?”
“ผมไม่จำเป็ต้องใช้วิธีแบบนั้น เมื่อวานผมแค่ทำไปเพราะความจำเป็ คราวหลังคุณก็ช่วยควบคุมอารมณ์ของตัวเองด้วย” จินอิ๋นพูดอย่างจริงจัง ความจริงแล้วจินอิ๋นปฏิบัติต่อหลัวจ้งซีไม่เลวเลย แถมยังพาเขากลับมาดูแลอย่างดีอีก
หลัวจ้งซีจุดบุหรี่สูบอีกมวนหนึ่ง เมื่อยามที่เขาครุ่นคิดอยู่หรือว่าวิตกกังวล บุหรี่สามารถทำให้เขาสงบลงได้ “นายมีตัวเลือกมากมายขนาดนั้น ทําไมต้องมาแย่งอี้สี่กับฉันด้วย ฉันเป็คนที่อยู่กับเธอมาก่อน” เขาถาม อันที่จริงการที่จินอิ๋นซื้อกาแฟสองแก้วกลับมาก็คือการยอมที่จะพูดคุยกับหลัวจ้งซีแบบต่อหน้าแล้ว
“คุณไม่ได้อยู่กับเธอ และผมก็ไม่ได้อยู่กับเธอ เธอไม่ใช่ของใคร เธอเป็ของตัวเธอเองเท่านั้น” จินอิ๋นพูดช้าๆ “ถ้าคุณให้คำมั่นสัญญา และเธอเองก็ยอมรับ ผมก็จะไม่ยุ่งกับพวกคุณอีก”
“สัญญาอะไร?”
“แน่นอนว่าถามใจตัวเองดู” จินอิ๋นพูด
ยิ่งคุณอายุมากขึ้นเท่าไร คุณก็จะยิ่งตระหนักว่าการผูกมัดนั้นยากเพียงใด เมื่อตอนที่อายุสิบเก้า อยากสัญญาอะไรก็สามารถพูดได้ พออายุสามสิบเก้าปีก็จะรู้ว่าสิ่งที่คุณมีอยู่นั้นมีจำกัด มีบางคำที่ไม่อาจเอ่ยออกไปได้โดยง่าย หลัวจ้งซีถอนหายใจหนักๆ หลังจากสงบสติอารมณ์ได้แล้ว เขาก็กลับมาสู่ตัวเองในวัยสามสิบเก้าปี และพูดคุยเกี่ยวกับเื่นี้อย่างเป็ผู้ใหญ่
“มีบางอย่างที่ฉันไม่สามารถถามเธอได้ตรงๆ งั้นฉันจะถามนาย”
“ถามมา”
“หลังจากจบงานจัดเลี้ยง พวกนายนอนด้วยกันใช่ไหม?”
“ใช่”
“เมื่อวานนี้ที่ไปส่งเธอกลับบ้าน พวกนายได้ทำไหม?”
“ทำ” จินอิ๋นไม่ได้ปิดบัง หลัวจ้งซีนิ่งเงียบไป มีเสียงซุบซิบกันที่ร้าน และอาจจะไม่ใช่ข่าวโคมลอยส่วนมาก แต่พวกเขาก็จะล้ออย่างสนุกสนาน การสนทนาที่เปิดเปลือยและตรงไปตรงมาเช่นนี้จำเป็ต้องใช้หัวใจบ้าง
จินอิ๋นพูดขึ้นว่า “คุณคิดว่าอี้สี่เป็คนเลวมากเหรอ? ถ้าคิดแบบนั้นคุณก็ถอยไปเถอะ! มันเป็แค่เพียง่เวลาสั้นๆ เท่านั้น อีกอย่างก็ไม่ต้องใช้ความพยายามอะไรๆ เลย มันก็เป็เพียงเื่รักๆ ใคร่ๆ”
“ฉันไม่คิดอย่างนั้น” หลัวจ้งซีแก้ต่างอย่างร้อนรน จินอิ๋นหัวเราะเยาะราวกับว่าสามารถมองหลัวจ้งซีออก ภายในดวงตาจึงมีสายตาที่ดูถูกเหยียดหยาม
“ระหว่างคุณกับเธอและผมกับเธอต่างก็มีความรักมากเกินไป จริงๆ แล้วเราทุกคนเป็เพียงคนที่กลัวความเหงา เธอสามารถเผชิญหน้ากับตัวเองได้ดีกว่าคุณ เพราะการที่เธอกล้าเผชิญหน้ากับตัวเองเช่นนี้ มันจึงทำให้ผมผ่อนคลายตอนอยู่กับเธอ เพราะงั้นผมเลยชอบเธอ” จินอิ๋นพูด บางทีนี่อาจเป็เหตุผลว่าทำไมพวกเขาถึงชอบอยู่กับอี้สี่
“ฉันไม่เข้าใจสิ่งที่นายพูด” หลัวจ้งซีพูด เขาชอบที่จะได้อยู่กับอี้สี่ แต่ก็ไม่สามารถอธิบายได้ว่าทำไม ซึ่งไม่ใช่ทุกคนที่สามารถแสดงความคิดออกมาเป็คำพูดได้
จินอิ๋นจิบกาแฟไปหนึ่งอึก “คุณไปทำงานที่ต่างประเทศกับเพ่ยจวนเป็แค่การเดินทางเพื่อทำงานหรือเปล่าล่ะ?” หลัวจ้งซีจ้องมองมาทางเขาด้วยสายตาที่เฉียบคม “จริงๆ แล้วคุณอยู่กับเพ่ยจวนแค่ไม่กี่วันแล้วจู่ๆ ก็นึกถึงอี้สี่ พอหลังจากที่กลับมาก็ได้ยินข่าวลือของอี้สี่กับผมเข้า หลังจากนั้นคุณก็เริ่มสนใจอี้สี่งั้นเหรอ?”
“นายรู้ได้อย่างไร?” หลังจากถูกเปิดเผย หลัวจ้งซีก็รู้สึกผิดมากจริงๆ
“เพ่ยจวนมาที่ร้านหลังจากกลับมา พวกเราต้องเอาบัญชีให้เธอ แล้วผมได้กลิ่นของคุณตลบอบอวลไปทั่วตัวเธอ” จินอิ๋นพูด กลิ่นนั้นมีจริง ส่วนที่เหลือเป็เหตุผลของเขา เขามองคนออกมานานแล้ว “ไม่ต้องกังวล ผมไม่ได้บอกอี้สี่ หลัวจ้งซี คุณกับผมล้วนเป็คนขี้โกงเหมือน แต่ผมซื่อสัตย์และคุณเป็คนเสแสร้ง คุณคิดว่าอี้สี่มีน้ำใจ ทั้งไม่้าการผูกมัดกับคุณ ทั้งไม่มีการหรือการควบคุมบงการ ทั้งยังสาว คุณก็เลยชอบเธอ แต่ความรักแบบนี้มีพื้นฐานมาจากการที่คุณอยากเธอเอาไว้ทั้งหมด ทว่าเธอรับคุณไม่ได้ทั้งหมด คุณนี่มันเห็นแก่ตัวสุดๆ”
เมื่อความลับถูกดึงออกมาและถูกวิพากษ์วิจารณ์ เขาต้องใช้เวลาสักพักกว่าจะแยกแยะออกจากอาการช็อกได้ “จินอิ๋น นายเป็ใครกันแน่?” เขารู้สึกว่ามันเป็ไปไม่ได้ ทำไมถึงได้มีคนที่สามารถมองคนอื่นออกได้อย่างชัดเจนขนาดนี้
“ผมเป็สุนัขจิ้งจอกไงล่ะ!”
“ฉันสงสัยว่านายกำลังเมายา”
จินอิ๋นหัวเราะไม่ตอบ
“ทำไมนายถึงมาบอกกับฉันเื่นี้ ทั้งความสัมพันธ์ระหว่างนายกับเธอ และสิ่งที่นาย้าคืออะไร” ตามหลักแล้วใครจะพูดกับคู่แข่งด้านความรักแบบนี้กัน
“ผม้าร่างกายของเธอ และก็ความสุขของเธอด้วย การที่เธอมีความสุขจะสามารถเติมพลังให้ผมได้” จินอิ๋นพูด ทว่าหลัวจ้งซีก็ได้แต่งุนงง ในขณะเดียวกันเขาก็รู้สึกละอายใจเล็กน้อย หากความสัมพันธ์ของพวกเขาวัดกันด้วยความรัก เช่นนั้นจินอิ๋นย่อมรักอี้สี่มากกว่าอย่างเห็นได้ชัด เพราะสิ่งที่เขา้าก็คือความสุขของเธอ
จินอิ๋นเอากุญแจดอกหนึ่งส่งให้หลัวจ้งซี “กุญแจบ้านของเธอ ผมเพิ่งหาเจอพอดี ส่วนที่อยู่ส่งไปให้แล้ว เธอใส่ใจคุณมากกว่าที่เธอใส่ใจผมอีก กับผมมันเหมือนกับว่าเธอไม่รู้จะปฏิเสธอย่างไรมากกว่า”
หลัวจ้งซีหยิบกุญแจขึ้นมา ถือกุญแจแวววาวไว้ในมือด้วยยังคงรู้สึกเหลือเชื่อ
จินอิ๋นหยิบกาแฟขึ้นมาดื่มจนหมดแล้วเดินไปที่ถังขยะ โดยตัวถังขยะอยู่ไกลมาก แต่เขาก็ยังโยนแก้วลงไปได้อย่างแม่นยำ “ถึงจะมีกุญแจ แต่ก็คิดให้ดีๆ ก่อนไปล่ะ ลองคิดดูสิว่าเมื่อคุณต้องเผชิญหน้ากับเธอจะต้องใช้ความซื่อสัตย์มากขนาดไหน อยากบอกไหมว่าทำไมถึงหย่ากับภรรยา? อยากบอกเื่ลูกสาวของคุณที่อายุสิบแปดไหม? แต่ถ้าคุณไม่พูด ผมเองก็จะไม่ยุ่งเหมือนกัน คุณวางใจได้”
หลัวจ้งซีนิ่งเงียบมาั้แ่ต้นจนจบ ใบหน้าเคร่งเครียดมากกว่าเดิม “ใครเป็คนบอกนายเื่นี้ ซ่งจื่อฉีงั้นเหรอ?” คนในร้านต่างก็ไปๆ มาๆ ไม่ค่อยมีคนอยู่นาน ซึ่งเื่นี้ก็นานมากแล้ว เขาจึงคิดว่าคนเดียวที่รู้มีเพียงซ่งจื่อฉีเท่านั้น
“ไม่ใช่เขา เขาไม่ได้พูดคุยกับผมมากขนาดนั้น ไม่สำคัญว่าเป็ใครหรอก! ไม่มีใครรู้ และไม่ได้หมายความว่ามันจะไม่เกิดขึ้น” จินอิ๋นล้มตัวลงบนเตียง “ผมอยากนอนแล้ว คุณรีบๆ ออกไปได้แล้ว ไม่รั้งคุณไว้แล้ว” เขาขดตัวกลม เหมือนลูกสุนัขที่กำลังนอนหลับ “คุยกับคุณมันน่าเบื่อจริงๆ รีบไปได้แล้ว”
หลังจากที่หลัวจ้งซีจากไป จินอิ๋นก็คิดที่จะนอนจริงๆ แต่ทันใดหน้าจอโทรศัพท์ของเขากลับสว่าง เพราะไลน์มีคนส่งข้อความมา
หลัวโม่โม่ “วันนี้หยุดใช่ไหม?”
“ทำไมอ่านแล้วไม่ตอบ วันศุกร์ไปหาคุณที่ร้านดีไหม?”
จินอิ๋นถอนหายใจ ปิดการแจ้งเตือนแล้วโยนโทรศัพท์ลงบนเตียง เด็กสาว ขนาดยังไม่ได้นอนด้วยยังน่ารำคาญขนาดนี้ ถ้านอนด้วยไปคงหนีไม่พ้น
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้