“คุณย่าอยู่นี่นี่เอง วันนี้เข้ามาในสวนแต่เช้าเลยหรอคะ” เสียงของไมอาที่เพิ่งเดินเข้ามาพร้อมกับกระถางดอกไม้ในมือหลังจากที่เธอแวะฝากขนมไว้กับต้นอ้อที่หน้าวังเรียบร้อยแล้ว
“ใช่จ้ะ อากาศในสวน่เช้ามันร่มรื่นดีน่ะ…แล้วนั่นเอาอะไรมาด้วย” หญิงสูงวัยตอบก่อนจะถามถึงสิ่งที่สาวน้อยอุ้มมันอยู่ในอ้อมอก
“กุหลาบเรนนี่บลูค่ะ พอดีหนูได้เมล็ดพันธุ์มาเลยลองเพาะดูที่สวนหลังร้านแล้วต้นของมันแข็งแรงดีจนใกล้จะออกดอกแล้วเลยเอามาให้ย่า คิดว่าอยู่ในสวนสวยๆ แบบนี้คงเหมาะมากกว่า”
“สวยเชียว…งั้นเราปลูกไว้ตรงไหนกันดีล่ะ”
“ริมเสาตรงศาลานี้ดีไหมคะ เพราะกุหลาบพันธุ์นี้เป็ไม้เลื้อยออกดอกเป็พวงสีม่วงอ่อนๆ น่าจะตัดกับเสาสีขาวนี่ออกมาสวยเลย อีกอย่างกลิ่นของมันไม่ฉุนจนเวียนหัวด้วยค่ะ”
ย่ารดามองั์ตาคู่สวยของไมอาที่กำลังพูดอธิบายด้วยแววตาเป็ประกาย มันยิ่งทำให้เธอดูน่ารักน่าเอ็นดูในสายตาของหญิงชราเป็ไหนๆ
“อื้ม เอาสิ ตามใจเราเลย ใครจะไปรู้ดีเท่าคนปลูกล่ะ…จริงไหม?” ผู้าุโของวังปล่อยให้เด็กสาวทำตามอำเภอใจพร้อมกับหัวเราะออกมาน้อยๆ ด้วยความอารมณ์ดี
ฟึบ ฟึบ
เสียงพลั่วตักดินดังขึ้นด้วยแรงของไมอาที่กำลังตั้งหน้าตั้งตาขุดดินตรงข้างเสาของศาลานั่งพักผ่อนในสวนหลังวัง เธอใช้ส้อมพรวนดินเป็สิ่งถัดไปพร้อมกับเตรียมฝังต้นกุหลาบเรนนี่บลูที่เธอตั้งใจรดน้ำพรวนดินมันมานานนับเดือนลงในหลุมที่เธอเพิ่งขุดโดยมีสายตาของหญิงชราเฝ้ามองดูมันอยู่ไม่ต่างกัน
“นี่เธอจะขุดดินที่วังฉันไปขายหรอ”
เสียงทุ้มคุ้นหูดังขึ้นด้านหลังทำให้คนตัวเล็กที่กำลังใช้มือกลบดินอยู่เอี้ยวตัวหันใบหน้ากลับไปมองต้นตอของเสียง
“…เปล่า ขุดเอาไปให้นายกินต่างหาก” ไมอาตอบด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบแต่แฝงนัยกัดแซะไว้ชัดเจน
“หึ เอาสิ ก็ถ้าจะเข้ามาในวังบ่อยขนาดนี้ก็คงได้กินเข้าสักวัน…”
ตาคมมองใบหน้าสวยอย่างไม่ยอมแพ้เหมือนกัน แต่เขาก็ไม่มั่นใจเท่าไหร่ว่าความหมายที่เขาสื่อออกไปเธอจะเข้าใจไปในแบบเดียวกันหรือเปล่า หึ!
“คุณคามินอยากทานเมนูอะไรดีล่ะค่ะ รับหญ้าไปด้วยเลยไหม” ร่างแบบบางลุกขึ้นพร้อมกับปัดมือไล่ดินที่ติดอยู่ตามซอกนิ้วออก
“นี่เธอว่าฉันเป็ควายงั้นหรอ?” คามินเอียงหัวเล็กน้อยพลันคิ้วเข้มก็ขมวดเข้าหากัน
“อืม…น่าจะวัวแหละ” ไมอาตอบออกไปหน้าตาใสซื่อ
สองหนุ่มสาวยืนประจันหน้าเข้าหากันอย่างไม่มีใครยอมใคร จนท้ายที่สุดก็มีเสียงกระแอมของผู้เป็ย่าดังขัดาประสาทนี่ขึ้นมา
“อะ อืม…จะทะเลาะกันอีกนานไหม ย่าจะได้ทานขนมรอไปพลางๆ”
เสียงแหบพร่าตามวัยเอ่ยขัดขึ้นอย่างไม่จริงจังแต่ก็ติดประชดอยู่ไม่น้อย เพราะหญิงชราต้องนั่งฟังการปะทะฝีปากของหลานชายตัวเองกับเด็กสาวที่อุปการะมาเป็ระยะเวลาหนึ่ง
“ขอโทษค่ะคุณย่า งั้นหนูขอตัวก่อนดีกว่า…ปลูกเสร็จพอดี” ปากเล็กส่งยิ้มแห้งๆ ให้กับย่ารดาเพราะเธอก็ลืมตัวไปเหมือนกันว่าคนที่เธอกำลังปะทะคารมอยู่ด้วยเป็ถึงหลานชายของคุณหญิงย่า
“จะไปไหนล่ะอยู่กินขนมกับย่าก่อนสิ…เราด้วยมานั่งนี่”
หญิงสูงวัยไม่ได้บอกแค่กับไมอาแต่เธอกวักมือเรียกให้หลานชายของตัวเองมานั่งลงที่ข้างตัวเช่นกัน
“เอ่อ ไมอาว่ามันจะดูไม่เหมาะสมนะคะ” สาวร่างเล็กยังคงยืนอยู่ที่เดิมไม่กล้าเดินไปนั่งตรงโต๊ะกลางศาลาที่มีย่ารดาและคามินนั่งอยู่ก่อน
“ย่าอนุญาตแล้วไง เร็วๆ สิ รีบกินจะได้รีบไป”
เป็เสียงทุ้มของใครคงไม่ต้องบอก เขาพูดเร่งเร้าเธอออกมาพร้อมกับคุณย่าที่พยักหน้าน้อยๆ ทำให้เธอตัดสินใจเดินขึ้นไปนั่งลงอีกฝั่งหนึ่งตรงข้ามกับใบหน้าหล่อๆ ที่เห็นกี่ครั้งก็ชวนหัวเสีย
“หึ แต่โบราณเขาว่าไว้ว่ากัดกันขนาดนี้จะลูกดกนะ”
“ย่าครับ! / คุณย่าคะ!”
ทั้งคามินและไมอาเปล่งเสียงออกมาพร้อมกันทันทีที่อยู่ดีๆ ย่ารดาก็พูดอะไรแปลกๆ ออกมา ทำให้ชายหนุ่มถึงกับทำท่าทางเหมือนคนจะอ้วกส่วนไมอาพอเห็นแบบนั้นก็เบะปากใส่เขาไปอัตโนมัติจนผู้เป็ย่าหลุดขำออกมาอีกหนกับท่าทางของเด็กทั้งสอง
สามสิบนาทีให้หลัง
“งั้นผมขอตัวก่อนนะครับว่าจะออกไปยิมสักหน่อย”
“หนูด้วยค่ะ ทิ้งร้านนานแล้ว สวัสดีค่ะคุณย่า”
“เพิ่งคิดได้หรอ”
“ไม่ได้ถามนาย”
“ไม่ได้พูดกับเธอเหมือนกัน…เฮ้ย!”
หมับ!
จังหวะที่ทั้งสองคนเบียดกันเดินออกมาจากศาลากลางสวน ชายหนุ่มที่ตัวใหญ่กว่าเลยแทรกตัวก้าวออกมาได้ก่อน แต่เท้าของเขาดันสะดุดเข้ากับกระสอบถุงดินที่กองอยู่บนพื้นทำให้ร่างหนาเซถลาเสียหลัก แต่ไมอาดันคว้าตัวของเขาไว้ได้ทันร่างแกร่งเลยไม่หงายหลังลงไป ทำให้ตอนนี้ไมอากำลังยืนกอดคนตัวใหญ่ไว้ในอ้อมแขนด้วยแรงทั้งหมดที่มี
“ขอบคุณแต่คราว…โอ๊ย!”
ไม่ทันที่เขาจะได้พูดจบประโยค แขนเรียวที่รั้งลำตัวหนาเอาไว้ก็ปล่อยมันออกเป็อิสระในทันที เพราะเธอรู้ดีว่าผู้ชายตรงหน้าจะพูดว่าอะไร ทำให้กายแกร่งกระแทกลงที่พื้นแต่เธอก็ไม่ได้คิดจะฆ่าจะแกงเขาหรอกเพราะเห็นแล้วว่าระยะจากตัวเขามันไม่ได้สูงมากจากจุดที่ประคองไว้ อย่างมากก็แค่เจ็บเล็กๆ น้อยๆ
“โอ๊ะ ขอโทษที หลุดมือน่ะ” มือบางยกขึ้นข้างหัวทำท่าทางเหมือนคนมอบตัวพร้อมกับส่งยิ้มกวนๆ ให้เขา
ย่ารดาที่มองสถานการณ์ตรงหน้ามาสักพักก็ได้แต่ส่ายหัวไปมาอย่างเอือมระอา ดีนะที่เมื่อกี้ตอนยัยหนูไมอาปล่อยตัวของคามินกระแทกลงพื้นเธอใช้พลังที่มีขยับก้อนอิฐตรงนั้นได้ทันอย่างแเี ไม่อย่างนั้นแม่หนูคงได้หน้าซีดเป็ไก่ต้มแน่ๆ ที่ไม่ระมัดระวังในการกระทำของตัวเอง…
สองคนนี้นี่น้า จริงๆ เลย
“หนูไปก่อนนะคะ” เสียงหวานบอกย่ารดาอีกครั้งพร้อมกับโน้มตัวเตรียมจะเอากระถางดอกไม้และกระสอบถุงดินอุ้มขึ้นเพื่อเดินกลับร้านของตัวเอง
“นนท์มาพอดีเลย ช่วยหนูไมอาแบกของกลับไปหน่อยสิไป” รดาวรรณชะเง้อเรียกนนท์ที่เพิ่งเดินเข้ามา
“ได้ครับ มาๆ ส่งมาให้พี่” นนท์ที่เพิ่งเดินเข้ามาหันไปคว้าของออกจากมือคนตัวเล็กทันทีตามที่ย่าสั่ง
“ขอบคุณพี่นนท์นะคะ แหะๆ ต้องรบกวนเลย”
“ไม่เป็ไรน่า แค่นี้เอง”
ทั้งคู่พากันเดินออกไปตามทางเดินด้านหลังหวัง โดยหันใบหน้ามาหัวเราะพูดคุยกันเป็ระยะอย่างสนิทสนม ส่วนคามินที่เพิ่งลุกขึ้นกลับมายืนเต็มความสูงก็ใช้มือปัดเศษดินตามตัวของตัวเองออก แต่สายตาก็ยังมองตามทั้งสองคนที่เพิ่งเดินออกไปอย่างไม่วางตา
“สองคนนั้นค่อนข้างสนิทกันน่ะ ด้วยวัยที่ไม่ห่างกันมากก็เลยทำความรู้จักกันได้เร็ว นนท์ก็เป็ผู้ชายน่ารักดีส่วนยัยหนูใครอยู่ใกล้ไม่ได้นานหรอกเดี๋ยวได้ตกหลุมรักไปซะหมด…”
เสียงสั่นของหญิงชราพูดออกมาช้าๆ ชัดถ้อยชัดคำพลางลอบสังเกตท่าทีหลานชายของตัวเองไปด้วยแบบเงียบๆ
“คงไม่ขนาดนั้นหรอกมั้งครับ ยัยนั่นก็ไม่ได้น่ารักขนาดนั้นสักหน่อย ออกไปทางน่ารำคาญซะมากกว่า…ผมขอตัวก่อนนะ”
คามินตอบแต่ตาของเขากลับยังไม่ผละจากสองหนุ่มสาวที่เดินคุยกันออกไป ทำให้ชายหนุ่มไม่รู้ตัวว่าน้ำเสียงของตนเองห้วนขนาดไหน
“อืม…ย่าก็หวังว่าจะเป็แบบนั้น” หญิงชราพูดออกมาเสียงแ่เบาตามหลังหลานชาย