บทที่ 101 การเปลี่ยนแปลงที่น่าใ!
อาทิตย์อัสดงส่องแสงเจิดจ้า ส่องกระทบลงมาบนพื้นโลก
มองเห็นทะเลเมฆเป็ลายคลื่นบนท้องฟ้า สายรุ้งศักดิ์สิทธิ์ดูดซับหมอกสีแดงทั้งหมด แสงสีแดงส่องประกาย เผยซึ่งความอันตราย ลึกลับ และไม่อาจคาดเดาได้
ภายใต้เสียงร้องของเสี่ยวหวง สุนัขบพิตริญญาทั้งสองตัวก็เลิกคุกเข่าและลุกขึ้นยืน ดวงตาของพวกมันเป็ประกาย เส้นขนสีขาวเหมือนหิมะปลิวสยายไปตามแรงลม เผยให้เห็นรูปลักษณ์ที่กล้าหาญ
“ฮู่ว... ไปเถอะ!”
ฉู่อวิ๋นหายใจเข้าลึกๆ จากนั้นเผยสายตามุ่งมั่นแล้วะโออกมา เขาขี่สุนัขบพิตริญญาออกไปพร้อมกับมู่หรงซินด้วยความเร็วปานสายลม เพื่อรีบเร่งลงไปตามทางลาดชัน
“วิ้ว——”
ทิวทัศน์ด้านซ้ายขวาผ่านตาไปอย่างรวดเร็ว ทั้งคู่วิ่งเข้าไปในพื้นที่โล่งเตียนด้านล่าง
ต้นไม้ั์สูงตระหง่านเ่าั้พังทลายลงนานแล้ว พื้นปกคลุมไปด้วยกิ่งไม้หักโค่น ขี้เถ้าสีเทาขุ่น ทัศนียภาพที่นี่กว้างไกล มองไปทางใดก็เห็นแต่สัตว์ปีศาจจำนวนนับไม่ถ้วนคุกเข่าลงบนพื้นและค้อมตัวลงจนคล้ายที่ราบของสัตว์ปีศาจ
“พยัคฆ์คราม นกัปีกฟ้า หนูหน้าผี เถาวัลย์ใบมีด... ์! สัตว์ปีศาจที่ทรงพลังพวกนี้มารวมตัวกันที่นี่แล้ว!”
ขณะที่ขี่สุนัข ฉู่อวิ๋นก็มองไปรอบๆ และอุทานขึ้นมา มีสัตว์ปีศาจมากมายที่เขาเคยเห็นระหว่างการต่อสู้เดิมพันชีวิตที่แม่น้ำโลหิต เขาไม่เคยคิดว่าพวกมันทั้งหมดจะมาอยู่ที่นี่ตอนนี้ ทั้งแสดงสีหน้าเคารพ กำลังคุกเข่า และสักการะ
นี่น่าทึ่งมาก เหล่าสัตว์ปีศาจที่ดุร้ายปราศจากกลิ่นอายสังหาร กำลังบูชาเสาศักดิ์สิทธิ์เหมือนข้าราชบริพาร ไม่น่าเชื่อเลย
พวกเขาทั้งสองรีบเร่งไปตลอดทาง แต่ไม่ถูกสัตว์ปีศาจคุกคามเลย รู้สึกปลอดภัยมาก
“รีบไปกันต่อเถอะ!”
เมื่อเห็นว่าสัตว์ปีศาจเหล่านี้ดูเหมือนไม่คิดจะขวางทาง ฉู่อวิ๋นก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก แต่เขาก็ยังไม่กล้าประมาท ในขณะที่วิ่ง เขายังคงมองซ้ายขวาพร้อมที่จะชักกระบี่ออกมาได้ทุกเมื่อ
“ฮิฮิ ข้าบอกแล้ว! ข้าเชื่อว่าเสี่ยวหวงพูดถูก!” มู่หรงซินยิ้มหวาน นางไม่คิดไม่ฝันว่าการเดินทางครั้งนี้จะราบรื่นได้ขนาดนี้ ทั้งสองคนเดินทางไกลขึ้นเรื่อย และค่อยๆ เข้าใกล้เสาศักดิ์สิทธิ์มากขึ้น
แต่เมื่อวิ่งไปได้สักพัก จำนวนสัตว์ปีศาจก็เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ สุนัขบพิตริญญาบังเอิญได้พบกับปีศาจพยัคฆ์ที่ทรงพลังโดยไม่ได้ตั้งใจ ทำให้ทั้งฉู่อวิ๋นและมู่หรงซินต่างก็ใแทบกรีดร้อง
ทว่าปีศาจตัวใหญ่เหล่านี้ดูเหมือนจะถูกปรามเอาไว้จนไม่กล้าขยับตัว พวกมันมองดูพวกเขาเพียงไม่กี่ครั้งและไม่ได้ไล่ตามมา ทำให้ทั้งคู่รู้สึกเหมือนกำลังรอดชีวิตจากภัยพิบัติ
“จิ๊ดจิ๊ด!”
เสี่ยวหวงดิ้นไปมาในอ้อมแขนของฉู่อวิ๋นอย่างกระสับกระส่าย ดวงตาของมันส่องแสง จ้องมองไปที่เสาศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ตรงหน้าอย่างกระตือรือร้น
ในไม่ช้า สุนัขบพิตริญญาทั้งสองตัวก็พาฉู่อวิ๋นและมู่หรงซินมาถึงรัศมีพันหมี่ของเสาศักดิ์สิทธิ์แล้ว
ฉู่อวิ๋นเงยหน้าขึ้นมองและเห็นว่าเสาศักดิ์สิทธิ์นั้นพื้นที่ขนาดใหญ่มาก ราวกับโซ่ที่ทอดยาวไปบนท้องฟ้า ไอหมอกหนาแน่น ปกคลุมไปทั่วท้องฟ้า บดบังแสงอาทิตย์ ยืนหยัดอย่างภาคภูมิใจในความว่างเปล่า
ในเวลาเดียวกัน คลื่นความร้อนก็แผ่เข้ามาจนรู้สึกคล้ายผิวกำลังลุกไหม้
“หือ?! ทั้งหมดนี้ล้วนเป็พลังจากเพลิงไฟ!” ฉู่อวิ๋นครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง และในที่สุดก็ค้นพบว่าเสาลำแสงต้นนี้แท้จริงแล้วควบแน่นจากิญญาเพลิงไฟอันเข้มข้น แสงเรืองรองลุกโชน และคลื่นความร้อนก็ท่วมท้น!
“์! น่ากลัวเกินไปแล้ว! เมื่อกี้มันดูดซับหมอกสีแดงบนท้องฟ้าไปใช่หรือเปล่า?” มู่หรงซินเบิกตาที่สวยงามมองดู
ทันใดนั้นนางก็จำตำนานของป่าสนธยาได้ คิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดออกมา “เป็ไปได้ไหมว่าหมอกสีแดงไม่ใช่เื แต่เป็พลังไฟที่เข้มข้น?!”
“เป็ไปได้มาก! ดูเหมือนว่าเมื่อหลายร้อยปีก่อน บางสิ่งบางอย่างน่าจะปรากฏขึ้นที่ใจกลางป่าสนธยา มันดึงดูดิญญาเพลิงไฟจากพื้นพิภพ จนกระทั่งวันนี้มันดูดซับิญญาเพลิงไฟทั้งหมดได้แล้ว!” ฉู่อวิ๋นวิเคราะห์
“ไม่ถูกต้อง สิ่งนี้ทรงพลังเช่นนี้ เหตุใดท่านพ่อของข้าถึงไม่เคยเจอมาก่อน? ยิ่งกว่านั้น แม้ว่าสถานที่แห่งนี้จะอยู่ใกล้กับชายแดนของอาณาจักรของราชวงศ์เซี่ยตะวันออก แต่ก็ยังมีเมืองใหญ่หลายเมืองล้อมรอบ มีนักรบจากขั้นพื้นพิภพไม่น้อย ผู้ที่แข็งแกร่งถึงขั้นนั้นน่าจะเคยพบสิ”
“ถ้ามีวัตถุิญญาเกิดขึ้นจริง พวกเขาควรจะค้นพบมันก่อนแล้วสิ!” มู่หรงซินงุนงง รู้สึกค่อนข้างสับสน
“ที่เ้าพูดก็สมเหตุสมผล แต่ตอนนี้ที่แสงรุ้งแดงนั่นยังมีอยู่ก็คือข้อพิสูจน์ว่าผู้แข็งแกร่งพวกนั้นยังไม่เคยพบมันเลย! บางทีพวกเขาอาจจะเคยสำรวจที่นี่มาก่อน แต่สุดท้ายก็ไม่ได้อะไรกลับไป!” ฉู่อวิ๋นขมวดคิ้ว เื่นี้ไม่ง่ายเลย
“สามารถหลบหลีกการสำรวจจากผู้แข็งแกร่งจำนวนมากได้ วัตถุิญญานี้จะต้องมหัศจรรย์มากแน่!” มู่หรงซินรู้สึกประหลาดใจและมองไปที่เสาศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ตรงหน้าด้วยแววตาโหยหา
ทันใดนั้นนางก็เกาหัวอีกครั้งและถามอย่างสงสัย “แต่จะพูดไป เ้าวัตถุิญญานี่ซ่อนตนเองอย่างไร?”
หลังจากได้ยินคำถามนี้ สีหน้าของฉู่อวิ๋นก็แข็งทื่อ เขาก้มหน้าลงพลางคิด
ต้องรู้ว่า นักรบขั้นพื้นพิภพได้รับการยอมรับว่าเป็ผู้แข็งแกร่งที่โดดเด่นในราชวงศ์เซี่ยตะวันออก แม้ว่าพวกเขาจะไม่สามารถปิดฟ้าได้ด้วยมือเดียว แต่ก็ยังมีชื่อเสียงเลื่องลือ พวกเขาทั้งหมดมีความสามารถที่ยอดเยี่ยม ความแข็งแกร่งไม่ธรรมดา
วัตถุิญญานี้จะปิดบังตัวเองจากสายตาของผู้ที่แข็งแกร่งเช่นนั้นได้ ไม่ใช่เื่ง่าย!
แต่มันทำได้อย่างไรกัน?
หางตาของฉู่อวิ๋นก็มองเห็นวงแหวนมิติบนนิ้วมือพอดี ดวงตาจึงเบิกกว้างด้วยความใ และทันใดนั้นเขาก็คิดขึ้นได้ “ข้ารู้แล้ว! วัตถุิญญานี้น่าจะใช้พลังแห่งความว่างเปล่า! ด้วยวิธีนี้ แม้แต่ผู้แข็งแกร่งในขั้นพื้นพิภพก็ยังทำไม่ได้!”
“ความว่างเปล่าหรือ? เ้าหมายความว่าวัตถุิญญานั่นซ่อนอยู่ในอีกพื้นที่หนึ่ง ที่แม้แต่ผู้แข็งแกร่งพวกนั้นก็หามันไม่เจอเหรอ! ์!” มู่หรงซินตกตะลึงจนปากอ้าค้าง นางไม่คิดว่าแสงรุ้งแดงนี้จะเกี่ยวข้องกับความว่างเปล่าในอวกาศจริงๆ
นางรู้สึกมากขึ้นเรื่อยๆ ว่าพวกนางทั้งสองคนดูเหมือนจะค้นพบความลับที่น่าใโดยไม่รู้ตัว
ท้ายที่สุดแล้ว พลังแห่งอวกาศเป็ความลึกลับของโลกใบนี้ที่มนุษย์ไม่สามารถแตะต้องได้
“ข้าเข้าใจแล้ว!” ฉู่อวิ๋นเผยสีหน้าประหลาดใจอีกครั้ง “เ้ายังจำสายรุ้งศักดิ์สิทธิ์ที่ปรากฏขึ้นทุกค่ำได้หรือไม่? นั่นอาจเป็ส่วนหนึ่งของวัตถุิญญาที่ดึงดูดิญญาเพลิงไฟจากทุกทิศมารวมตัวกัน”
“ทุกครั้งที่จะดึงดูด มันจะโผล่ขึ้นมาจากอีกพื้นที่หนึ่ง และหลังจากเสร็จสิ้นแล้ว มันจะหลบหนีกลับไปอย่างรวดเร็ว ดังนั้นแม้ว่าผู้แข็งแกร่งจากขั้นพื้นพิภพจะมาถึงก็ไม่สามารถพบมันได้!”
"และหลังจากการสะสมเป็เวลาหลายปี ิญญาเพลิงไฟก็ค่อยๆ ปกคลุมบริเวณนี้ และในที่สุดก็ก่อตัวเป็หมอกสีแดงเ่าั้!"
“เป็เช่นนั้นจริงๆ หรือ?! ถ้าเช่นนั้น เ้าสิ่งนี้ก็เ้าเล่ห์เกินไปแล้ว!” หลังจากได้ยินการคาดเดาของฉู่อวิ๋น ดวงตาที่สวยงามของมู่หรงซินก็เบิกกว้าง และทันใดนั้นนางก็รู้สึกว่าเื่ควรจะเป็เช่นนั้น
แต่จากนั้น ทั้งคู่ก็เริ่มรู้สึกไม่สบายใจอีกครั้ง ราวกับว่าพวกเขาพลาดเบาะแสสำคัญบางอย่างไป ทว่าเป้าหมายในตอนนี้ของพวกเขาคือการผ่านป่าสีเืไปให้ได้ ดังนั้นพวกเขาจึงหยุดคิดถึงมันและขี่สุนัขต่อไป
แต่หลังจากนั้นไม่นาน อุบัติเหตุก็เกิดขึ้น!
ทั้งคู่ไปได้เพียงไม่กี่ก้าวก็ได้ยินเสียงคำรามดังมาจากด้านหน้า มันทรงพลังมากจนสุนัขบพิตริญญาสองตัวสั่นกลัว ฝีเท้าที่วิ่งอยู่ของพวกมันหยุดลงทันที
“อา——!!” มู่หรงซินร้องออกมาเสียงดัง เมื่อครู่นี้นางยังคิดเื่นี้อยู่ในใจ ไม่ทันได้สนใจจะจับสุนัขบพิตริญญาไว้ นางจะกระโจนไปข้างหน้าและตกอยู่ในความอับอายทันที
น่าเสียดายที่พลังของสุนัขบพิตริญญาแข็งแกร่งเกินไป ทำให้มู่หรงซินตกอยู่ในฝูงสัตว์ปีศาจ ถูกล้อมรอบอย่างหนัก
“อาฮู้ว——”
เมื่อเห็นการบุกรุกของวัตถุแปลกปลอม สัตว์ปีศาจหลายตัวก็เปิดดวงตาดุร้ายขึ้นมามอง น้ำลายสกปรกไหลออกมาจากมุมปากราวกับว่าหิวโหยเหลือทน ดวงตาของมู่หรงซินสั่นระริกด้วยความกลัว
“อ๊ะ!” เมื่อเห็นสิ่งนี้ ฉู่อวิ๋นก็ใและขอให้เสี่ยวหวงควบคุมสุนัขบพิตริญญาเข้าไปช่วย
“ซืด--!!!!”
แต่ในขณะนี้ มีเสียงคำรามอันน่าสะพรึงกลัวของสัตว์ปีศาจดังมาจากด้านหน้าพร้อมกับคลื่นอากาศรุนแรง แค่เสียงอย่างเดียวก็ทำให้อวัยวะภายในของฉู่อวิ๋นเกิดความเ็ปอย่างรุนแรงได้แล้ว
เสียงคำรามเพียงอย่างเดียวยังมีพลังเช่นนี้ สัตว์ปีศาจที่อยู่ตรงหน้าโเี้อย่างแน่นอน!
“โฮก--!”
“จิ๊ด--!”
ในเวลาเดียวกัน หลังจากที่ได้ยินเสียงคำรามอันน่าสะพรึงกลัวเมื่อกี้นี้ สัตว์ปีศาจที่อยู่ใกล้เคียงก็เริ่มส่งเสียงร้อง พวกมันดุร้ายมากจนดูคล้ายจะมีสติขึ้นมา ้าจะกวาดล้างทุกสิ่งและระบายความบ้าคลั่งของพวกมัน
ชั่วครู่หนึ่ง เสียงคำรามที่ราวฟ้าร้องทำให้แผ่นดินสั่นะเืเลื่อนลั่น เมื่อเห็นว่าสัตว์ที่กำลังบูชานับพันตัวกำลังจะกลายเป็สัตว์ปีศาจหลายพันตัวที่อาบเืไปทุกทิศทาง!
“โชคร้ายนัก! สัตว์ปีศาจพวกนี้กำลังจะฟื้นคืนสติ!” ฉู่อวิ๋นขี่สุนัขบพิตริญญา เขาสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันและเป็กังวลทันที ตอนนี้มู่หรงซินอยู่ในใจกลางของฝูงสัตว์ปีศาจ ถ้าความโกลาหลปะทุขึ้น คนแรกที่ต้องทนทุกข์คือนาง
หากเขาไม่รีบไปช่วยผู้หญิงคนนั้นที่อุทิศตนอย่างสุดซึ้งต่อเขา ร่างกายอันบอบบางของนางก็จะถูกกัดเป็พันชิ้น และนางก็จะตายโดยไม่มีร่างกายที่สมบูรณ์
“โฮก!!”
ในเวลานี้ สัตว์ขนาดั์ที่เดินผ่านูเาก็ตื่นขึ้น เมื่อเห็นเืเนื้อแสนยั่วยวนของมู่หรงซินที่อยู่ตรงหน้า มันก็รู้สึกตื่นเต้นอย่างมาก ยกกรงเล็บสีทองขนาดั์ขึ้นเพื่อจะตะปบลงมา
“หืม?”
มองเห็นเพียงเงาดำที่ปกคลุมท้องฟ้า มู่หรงซินไม่สามารถตอบโต้ได้เลย ร่างกายของนางกำลังจะแยกออกเป็ชิ้นๆ!
“ควั่บ!”
ยามนี้เอง ฉู่อวิ๋นควบสุนัขเข้าไปอย่างรวดเร็ว คว้าแขนหยกของมู่หรงซินด้วยมือซ้าย ดึงนางขึ้นมาไว้ตรงหน้าเขา ในเวลาเดียวกัน เขาก็ดึงกระบี่ชื่อยวนออกมาด้วยมือขวาแล้วยกมันฟาดลงไปอย่างรวดเร็ว!
“ชิ้ง!”
กระบี่เล่มยาวปะทะกับกรงเล็บสีทอง เสียงดังลั่นกึกก้อง และถูกปัดออกในเวลาอันสั้น!
“ให้ตายเถอะ... ที่นี่ไม่ควรอยู่นาน วิ่ง!!” ใบหน้าของฉู่อวิ๋นเหยเก ปากของเขาชาหนึบด้วยเพราะเม้มจนเ็ป เพราะถึงแม้สัตว์ที่อยู่ในูเาลูกนี้เป็เพียงสัตว์ปีศาจระดับต่ำ แต่พลังของมันเทียบได้กับนักรบระดับสองของขั้นมหาสมุทร!
“พวกมัน...สัตว์ปีศาจพวกนี้ตื่นแล้วหรือ!?” มู่หรงซินก็ประหลาดใจเช่นกัน นางไม่ขัดขืนและเอนกายพิงหน้าอกของฉู่อวิ๋น ดวงตาคู่งามของนางกวาดมองไปรอบๆ มองเห็นสัตว์ปีศาจนับไม่ถ้วนกำลังเงยหน้ามองขึ้นไปบนฟ้าแล้วส่งเสียงคำราม ไม่มีการคุกเข่าอีกต่อไป
ดูเหมือนว่าเสียงคำรามที่ดังสนั่นจะทำให้สัตว์ปีศาจทั้งหมดตื่นขึ้น
“ตึง--!”
ทันใดนั้น เหล่าสกุณากางปีกทะยานสู่ท้องฟ้าอีกครั้ง สัตว์ปีศาจลุกขึ้นยืนเหยียบย่ำพื้นโลก วิ่งพล่านไปทุกที่ แผ่นดินแยกหินแตกกระจาย
ความโกลาหลวุ่นวายไม่มีจบ เสียงคำรามของสัตว์ปีศาจดังครึกโครม ดูเหมือนว่าพวกมันจะแบ่งออกเป็สองฝ่ายต่อสู้กันเอง!
“ตอนนี้เราต้องพุ่งไปข้างหน้าอย่างเดียวแล้ว! อยู่ใกล้ๆ ข้า!” ฉู่อวิ๋นะโเสียงดัง พื้นพสุธากลายเป็สนามรบนองเื ซึ่งเกินความสามารถของนักรบขอบเขตควบแน่นพลังปราณทั้งสองคนนี้ที่จะเข้าร่วมต่อสู้ด้วย
ภายใต้แสงสายัณห์ ทรายสีเหลืองปลิวว่อน ทั้งสองขี่สุนัขตัวเดียวกันด้วยความเร็วสูง ราวกับกระสวยแสงที่กะพริบท่ามกลางสัตว์ปีศาจทั้งหมด พวกเขาดูตัวเล็กมาก หากไม่ทันระวังก็อาจกลายเป็ซากมัจฉาในทะเลซากศพ
“น่า... น่ากลัวเหลือเกิน!” เมื่อมองดูสนามรบอันนองเืนี้ มู่หรงซินใจนหวาดกลัว
นางขดตัวอยู่ในอ้อมอกของฉู่อวิ๋นและมองไปรอบๆ ในขณะที่วิ่งอยู่ก็เห็นสัตว์ปีศาจจำนวนนับไม่ถ้วนถูกแยกเป็ส่วนๆ ชิ้นเนื้อปลิวว่อนไปทุกที่ หยาดเืหลากสีสาดกระเซ็นขึ้นไปบนท้องฟ้า น่าผวายิ่งนัก
“ฟ่อ--!”
กวางน้ำแข็งหกแฉกวิ่งเข้าไปแทงสัตว์ปีศาจหลายตัว ไอน้ำแข็งตัว ควบแน่นร่างของสัตว์ปีศาจให้กลายเป็ก้อนน้ำแข็ง
“โฮก!”
อินทรีจันทร์ขจีฝูงหนึ่งโฉบกวาดไปทั่วพื้น กางปีกเปล่งแสงของพวกมันตัดร่างของสัตว์ปีศาจออกจากกัน ทิ้งซากศพที่ปลิวว่อนไปทั่วท้องฟ้า
สถานที่แห่งนี้กลายเป็ลานแห่งความอลหม่าน! มันโหดร้ายยิ่งกว่าการต่อสู้นองเืครั้งก่อนที่ข้างแม่น้ำอีก!
“รีบไป!”
ฉู่อวิ๋นบังคับขี่สุนัขบพิตริญญา พาดแขนไว้ที่หน้าอกของมู่หรงซิน ถือกระบี่ชื่อยวนในมือขวา พุ่งผ่านเส้นทางนองเื เขาไม่อาจสนใจอะไรมากมาย ทำได้แค่ป้องกันตนจากสัตว์ปีศาจเท่านั้น!
แต่ด้วยความแข็งแกร่งในตอนนี้ของเขา เขาสามารถฆ่าได้เพียงสัตว์ปีศาจระดับต่ำสุดเท่านั้น แต่ไม่สามารถปะทะกับสัตว์ที่แข็งแกร่งกว่านั้นได้
“โฮก!!”
ในเวลานี้ สัตว์ปีศาจระดับกลาง ลิงปีศาจสามตา มองเห็นฉู่อวิ๋นที่กำลังขี่สุนัขบพิตริญญาอยู่ มันหิวโหยท้องกิ่ว ตบหน้าอกแล้วะโไปหาฉู่อวิ๋น
“ตึง!
ด้วยเสียงอันดัง ลิงปีศาจร่อนตัวลงเหยียบพื้น แต่สุนัขบพิตริญญาล้มลง ฉู่อวิ๋นและมู่หรงซินต่างก็กระเด็นไปไกล
หลังจากหยัดกายให้มั่นคงแล้ว ฉู่อวิ๋นก็รีบลุกขึ้นยืน แต่กลับรู้สึกถึงบางสิ่งที่เลวร้ายในใจ! เขาเงยหน้าขึ้นและมองไปรอบๆ เพียงเพื่อจะเห็นว่ารอบตัวเขามีสัตว์ปีศาจระดับกลางขนาดใหญ่ พลังการต่อสู้แสนน่าสะพรึง พวกเขาตกลงมาในฝูงของพวกมัน!
หากสัตว์ปีศาจพวกนี้้าฆ่าพวกเขา เหยียบเท้าลงมาเพียงครั้งเดียวก็เพียงพอ!