ถังอีิกำลังหยั่งเชิง ก่อนหน้านี้เขาได้แต่ชำเลืองมองฉินอวี่อยู่หลายครั้งอย่างไม่แน่ใจ แต่กลับไม่เคยสงสัยฉินอวี่มาก่อนเลย เพราะท้ายที่สุด ฉินอวี่ก็มาพร้อมกับพวกฉู่สยง
แต่อสูรร้ายตัวนี้บ้าคลั่งและโจมตีฉินอวี่อย่างดุเดือด สิ่งนี้ทำให้ถังอีิสังเกตเห็นความผิดปกติ ดังนั้น เขาจึงสงสัยว่าฉินอวี่คือซิงเฉินคนนั้นหรือไม่
ฉินอวี่เหมือนจะล่วงรู้ความคิดของถังอีิ เขาส่ายหน้า และพูดขึ้นมาทันที “ข้าก็ไม่รู้เช่นกัน ถ้าจะว่าไปแล้วอสูรร้ายควรพุ่งเป้าที่เ้าจึงจะถูก”
ใบหน้าของถังอีิกระตุกทันที และมองไปทางฉินอวี่ด้วยสีหน้าไม่สบายใจ “ศิษย์น้องหวัง ช่วยถอดหน้ากากและชุดคลุมออกได้หรือไม่?” พูดจบ ถังอีิก็หรี่ตามองฉู่สยงที่อยู่ตรงหน้าอีกครั้ง
“ศิษย์พี่ถังหมายความว่าอย่างไร?” ฉินอวี่จ้องถังอีิ และกล่าวด้วยเสียงทุ้มต่ำ
“ก็ไม่ได้มีเจตนาอื่นใด ทุกคนล้วนเป็ศิษย์ในสำนัก การสวมหน้ากากคลุมชุดดำเช่นนี้ดูจะไม่จริงใจสักเท่าไร ดูเหมือนคนมีลับลมคมใน” ถังอีิพูดอย่างเฉยเมย
“มีลับลมคมใน? เ้าหมายถึงตัวเ้าหรือ?” ฉินอวี่เยาะเย้ยในใจ แต่ตอบกลับไปด้วยเสียงแหบแห้ง “ข้าคุ้นชินกับมัน และอีกอย่าง ข้าก็ไม่้าเปิดเผยตัวตน”
“ศิษย์น้องถัง เหตุใดเ้าต้องบังคับศิษย์น้องหวัง? ทุกคนต่างก็มีความลับกันทั้งนั้น ในเมื่อศิษย์น้องหวังไม่้าถอดหน้ากาก เ้าจะยืนกรานบังคับเขาทำไม” ฉู่เยว่ฉานเหลือบมองถังอีิ และพูดอย่างเฉยเมย
นางแน่ใจแล้วว่าฉินอวี่คือร่างอสุนีลึกลับ และในสำนักนางและฉู่สยงเอง ต่างก็ไม่เคยได้ยินมาก่อนว่ามีผู้ใดเป็ร่างของอสุนีลึกลับ จะเห็นได้ว่าฉินอวี่มีการปกปิดตนเองเป็อย่างดี ดังนั้น การที่หวังซิงเฉินผู้นี้สวมหน้ากากและสวมชุดดำคลุมไว้ ก็เป็เพราะไม่้าเปิดเผยตัวตนของตนเอง
ถังอีิเหลือบมองฉู่เยว่ฉานอย่างหวาดกลัว จึงไม่ได้ซักไซ้ต่อไป และดูเหมือนว่าเขาจะเกรงกลัวฉู่เยว่ฉานเป็พิเศษ อย่างไรก็ตาม เื่นี้ก็มีเหตุผลอื่นๆ ก่อนหน้านี้หอกศึกของฉินอวี่ได้เปล่งประกายแสงออกมา และยังมีพลังที่ทำให้ถังอีิรู้สึกกดดัน เขาครุ่นคิดเช่นนี้อยู่ครู่หนึ่งในใจ จึงคิดได้เช่นกันว่าฉินอวี่คงไม่้าเปิดเผยตัวตนจริงๆ
เมื่อฉินอวี่ััได้ถึงสีหน้าท่าทางของถังอีิ เขาก็รู้สึกประหลาดใจยิ่งนัก ถังอีิกล้าขัดขืนฉู่สยง แต่กลับไม่กล้าขัดขืนฉู่เยว่ฉานหรือ? ยิ่งไปกว่านั้น ความกลัวที่อยู่ในดวงตาของเขาคือเื่อะไรกันแน่?
ด้วยสายตาของถังอีิจึงทำให้ฉินอวี่หันไปมองฉู่เยว่ฉาน ตลอดเวลาที่ผ่านมา ฉู่เยว่ฉานพูดเพียงน้อยนิด และยังอยู่อย่างนิ่งเงียบตั้งนาน หากไม่ใช่เพราะตัวตนและความงามของนาง คงมีไม่กี่คนที่จะสนใจนาง แต่อย่างไรก็ตามนางก็เป็ถึงศิษย์อันดับที่สิบแปดในรายชื่อศิษย์อัจฉริยะ ดังนั้นเื่ของนางจึงไม่ได้ง่ายอย่างที่คิดไว้ เพียงแต่ สิ่งที่ทำให้ฉินอวี่ต้องสงสัยอย่างยิ่งคือ ฉู่เยว่ฉานมีอะไรที่พิเศษกว่าคนทั่วไปกันแน่?
บางที คงจะได้เห็นอะไรบางอย่างจากเขตต้องห้ามแห่งนี้
ในตอนนี้ ฉู่สยงได้หันศีรษะมองไปทางฉินอวี่พลางพูดขึ้นว่า “ศิษย์น้องหวัง เืของอสูรร้ายนี้มอบให้ข้าได้หรือไม่?” ฉู่สยงดูออกว่าอสูรร้ายนี้ไม่ธรรมดา และรู้สึกเสียดายที่ได้มอบเืนี้ให้กับฉินอวี่
ฉินอวี่รู้สึกใ และเหลือบมองไปทางฉู่สยง ก่อนจะพูดอย่างแหบแห้ง “ศิษย์พี่ฉู่ เื่นี้คุยกันไว้แล้วมิใช่หรือ?”
“อสูรร้ายตัวนี้เต็มไปด้วยความแปลกประหลาด ข้า้านำมันกลับไปสำนักเพื่อตรวจสอบให้ละเอียด หากศิษย์น้องสามารถมอบให้ข้าได้ ข้ารับรองว่าหลังจากนี้เ้าสามารถเก็บเือสูรร้ายทั้งหมดที่พบเจอไปได้เลย รวมถึง... อสูรร้ายระดับสูงกว่าที่อยู่ในเขตต้องห้าม” ฉู่สยงกล่าวออกไปอย่างเมินเฉย ตาจ้องตรงไปทางฉินอวี่ ราวกับกำลังตรวจสอบความสงสัยของตนเอง ว่าฉินอวี่รู้ั้แ่แรกแล้วหรือไม่ว่าอสูรร้ายตัวนี้ไม่ธรรมดา
“หากศิษย์พี่ฉู่เปลี่ยนใจเช่นนี้ เช่นนั้นก็ถือว่าข้าไม่เคยพูด ข้าก็ขอเข้าไปเขตต้องห้ามตามลำพังเถอะ” ฉินอวี่กล่าวอย่างเฉยเมย เหตุผลที่เขามาพร้อมกับพวกฉู่สยง ก็เพียงเพราะเือสูรร้ายตัวนี้ เืนี้มีสายเืของหยาจื้อปะปนอยู่ ฉินอวี่จะยอมมอบเืนี้ออกไปหรือ?
“เ้ายังจะกล้าเข้าไปเขตต้องห้ามคนเดียวหรือ? ก่อนหน้านี้หากไม่ได้ศิษย์พี่ฉู่ เ้าคงตายอย่างอนาถอยู่ใต้อุ้งเท้าของอสูรร้ายตัวนี้ไปแล้ว” หนึ่งในศิษย์ทั้งเจ็ดที่หายดีแล้วจ้องมาทางฉินอวี่ และพูดอย่างเย้ยหยัน
“ศิษย์พี่ฉู่ ในเมื่อพวกเราตกลงกันไว้ดีแล้ว เหตุใดต้องกลับคำ ท่านดูเสร็จหรือยังล่ะ? หากดูเสร็จแล้วข้าก็้านำกระบี่ของข้าออกมา” ถังอีิกลับช่วยฉินอวี่พูดออกไป และไม่ได้มีเหตุผลอื่นใด นอกเสียจากกังวลว่าฉู่สยงจะนำอสูรร้ายตัวนี้ไป และหากเป็เช่นนั้น เขาจะนำกระบี่เล่มนั้นของอสูรร้ายมาได้อย่างไร
ฉู่สยงหรี่ตาลงเล็กน้อย เขาดูไม่ออกว่าอสูรร้ายตัวนี้มีสายเืของหยาจื้อ อีกทั้งถังอีิก็ยังเน้นย้ำมาตลอดว่านั่นเป็กระบี่ของเขา และเหตุผลที่ต่างสนใจอสูรร้ายตัวนี้ เพราะมันดูเหมือนจะมีร่องรอยของัที่เปลี่ยนแปลงมาอยู่อย่างเลือนราง สิ่งนี้ทำให้ฉู่สยงใและเริ่มสงสัยเกี่ยวกับสายเืของอสูรร้ายตัวนี้ ว่าคงจะปะปนไปด้วยสายเืของั
แต่สิ่งที่ทำให้เขา้ากลับคำเช่นนี้ก็คือ การตอบรับคำของฉินอวี่ไปก่อนหน้านี้ หากคืนคำเสียตอนนี้ เขาก็เสียเพียงศักดิ์ศรี ยิ่งไปกว่านั้น ที่นี่อยู่ในอาณาเขตรอบเขตต้องห้าม ยังไม่ได้เข้าไปในส่วนลึก หวังซิงเฉินผู้นี้จึงยังมีประโยชน์ จะปล่อยให้จากไปไหนไม่ได้
เมื่อคิดถึงความตายของอสูรร้ายตัวนี้ แม้ว่าจะมีสายเืของัปะปนอยู่ แต่คงจะเหลืออยู่อย่างเบาบางมาก จะต้องไม่ให้เื่เพียงเท่านี้ สร้างความผิดพลาดให้เื่ของเขตต้องห้าม หลังจากเกลี้ยกล่อมกันเป็เวลานาน ฉู่สยงก็พูดอย่างเฉยเมย “เอาล่ะ ศิษย์น้องถังก็ค้นหาหากระบี่ของเ้าเถอะ”
เมื่อถังอีิได้ยินดวงตาก็เปล่งประกาย และวิ่งเข้าไปอย่างรวดเร็ว ก่อนจะเริ่มการผ่าร่างอสูรร้าย
ครึ่งชั่วยามต่อมา สีหน้าของถังอีิก็เต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ “ไม่น่าใช่นะ ก็เห็นอยู่ว่ามันกลืนเข้าไปแล้ว เหตุใดจึงหากระบี่ของข้าไม่พบ? หรือมันจะสลายไปด้วย”
ถังอีิผ่าร่างของอสูรร้ายไปทั่วทั้งร่างอย่างไม่พอใจ เพื่อทำการค้นหากระบี่ั แต่หลังจากพลิกตัวแล้วและใช้มือควานหาแล้ว กลับไม่เห็นแม้ร่องรอยของกระบี่ั สิ่งนี้ทำให้ฉินอวี่ประหลาดใจจริงๆ
“บางทีมันอาจเป็เพียงเื่ตลกหรือ?” ฉู่สยงกล่าวอย่างเฉยเมย มองไปทางซากศพของอสูรร้าย ฉู่สยงกระตุกอยู่ครู่หนึ่ง แม้ว่าจะโกรธ แต่สถานะของถังอีินั้นไม่ธรรมดาเลย เขาจึงไม่กล้าทำอะไรเช่นกัน
หลังจากถังอีิค้นหาทุกซอกทุกมุมของอสูรร้าย เขาก็ต้องยอมแพ้ และถอนหายใจอย่างสิ้นหวัง “ศิษย์พี่ฉู่ ร่างอสูรตัวนี้ท่านเอากลับไปเถอะ”
กล้ามเนื้อใบหน้าของฉู่สยงกระตุกขึ้นทันที การนำร่างกลับไปจะมีประโยชน์อะไร? ในเมื่อผ่าจนกลายเป็สภาพเช่นนี้ ทันใดนั้น ฉู่สยงก็พูดอย่างเรียบเฉย “ช่างเถอะ ศิษย์น้องถัง เ้าจะเข้าไปเขตต้องห้ามกับพวกข้าหรือไม่ หรือว่า...”
“ข้าได้ยินมานานแล้วว่าเขตต้องห้ามทางตอนเหนือนั้นไม่ธรรมดา ในเมื่อมาแล้วข้าก็อยากเข้าไปสักครั้ง เมื่อมีศิษย์พี่ฉู่อยู่ด้วย ย่อมลดความเสี่ยงลงไปได้มาก” ถังอีิพูดออกไป ราวกับไม่มีเื่โต้แย้งที่ตอบโต้กับฉู่สยงก่อนหน้านี้อยู่ในใจ
“เอาล่ะ มีเวลาไม่มากแล้ว พวกเราเร่งเข้าไปกันเถอะ” ฉู่สยงไม่ปฏิเสธเช่นกัน มีคนเพิ่มมาอีกหนึ่งคนก็มีหลักประกันความปลอดภัยเพิ่มขึ้นอีกระดับหนึ่ง
หลังจากศิษย์อีกสองคนฟื้นขึ้นมา ทั้งสิบสามคนก็เดินทางตรงเข้าไปยังเขตต้องห้าม ก่อนที่จะเข้าไป ฉินอวี่ได้เก็บร่างของอสูรร้ายเข้าในวงแหวนมิติอย่างไม่ลังเล แม้ว่ามันจะถูกถังอี้ิผ่าจนไม่เป็ชิ้นดี แต่หากสามารถรวบรวมเนื้อและกระดูกกลับมาได้ ฉินอวี่ก็มั่นใจว่าต้องรวบรวมสายเืของหยาจื้อขึ้นมาได้
ตลอดเส้นทาง ฉินอวี่ได้แต่ครุ่นคิดเื่นี้ การยอมถอยของฉู่สยงทำให้ฉินอวี่ยิ่งรู้สึกถึงความผิดปกติ ด้วยท่าทางของฉู่สยง เห็นได้ชัดว่าเขารู้ถึงความพิเศษของอสูรร้าย แต่สุดท้ายเขาก็ยอมที่จะอดกลั้นเอาไว้
ฉินอวี่ไม่คิดว่าฉู่สยงจะยอมถอยเพียงเพื่อรักษาหน้าตา แต่เขาคง้าตนเอง เื่นี้จึงทำให้ฉินอวี่อดจะครุ่นคิดไม่ได้
หลังจากครุ่นคิดเื่นี้ ฉินอวี่ก็พอจะคาดเดาได้ว่า เหตุผลที่ฉู่สยงยอมถอยนั้นน่าจะเป็เพราะเขตต้องห้าม บางทีอาจพูดได้ว่า ตนเองอาจมีประโยชน์บางอย่างเมื่อเข้าไปในเขตต้องห้าม หากพูดให้ชัดคือ เขา้าใช้อสุนีลึกลับที่ตนเองมี และสิ่งที่อยู่ในเขตต้องห้ามจะต้องเป็สิ่งวิเศษมากแน่นอน จึงทำให้ฉู่สยงยอมถอยให้เช่นนี้
แต่หากทุกสิ่งเป็ไปอย่างที่คิดไว้เช่นนี้
เช่นนั้นแล้ว การเลือกที่จะเดินไปกับพวกเขา ถือเป็เื่ที่ไม่ฉลาดเอาเสียเลย แต่หากไม่ติดตามพวกเขาเข้าไป ลำพังแค่กำลังของตนเองคงไม่สามารถเข้าไปยังส่วนลึกของเขตต้องห้ามได้
หลังจากไตร่ตรองเป็เวลานาน ฉินอวี่ก็ตัดสินใจจะติดตามพวกเขาไป เมื่อถึงเวลานั้นค่อยดูสถานการณ์อีกครั้งหนึ่ง
“ศิษย์น้องหวังคือร่างอสุนีลึกลับหรือ?” ขณะที่ทุกคนเดินไปข้างหน้า ถังอีิก็ดูเหมือนจะนึกถึงเื่ร่างอสุนีลึกลับของฉินอวี่ และเื่หอกศึกที่แปลงเป็สายฟ้าได้ จึงพูดอย่างขึ้นอย่างสงสัย
“ใช่!” ฉินอวี่ไม่ปฏิเสธ แต่ดวงตาของเขาหยุดมองลงข้างล่างอยู่ครู่หนึ่ง ฉินอวี่มองเห็นซากศพของอสูรร้ายตัวหนึ่ง ซึ่งหากมองจากาแแล้ว น่าจะตายมาแล้วไม่เกินหนึ่งเดือน ยิ่งไปกว่านั้น เืของอสูรร้ายเหล่านี้ยังเหมือนถูกสูบไปจนว่างเปล่าแล้ว!
ฉู่สยง ฉู่เยว่ฉาน และคนอื่นๆ ต่างหันศีรษะมาทางฉินอวี่ ดวงตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความใ พวกเขาทั้งหมดต่างคาดเดากันมาก่อนแล้ว แต่เมื่อได้รับการยืนยันจากฉินอวี่ ยิ่งทำให้พวกเขารู้สึกพิเศษมากขึ้น
ร่างอสุนีลึกลับมีร่างกายที่แข็งแกร่งเพียงไม่กี่ร่างเท่านั้นที่สามารถเทียบกับร่างแห่งเต๋าได้ แม้แต่ฉู่สยงเองก็ยังอดไม่ได้ที่จะรู้สึกอิจฉา
“ศิษย์น้องหวังปกปิดไว้ได้ลึกล้ำยิ่งนัก ก่อนหน้านี้ข้าคิดว่าคงเป็คนที่สามารถควบคุมสายฟ้าได้ ซึ่งในกลุ่มของคนยุคนี้คงมีเพียงหวังฉี่เท่านั้น นึกไม่ถึงว่าศิษย์น้องหวังจะมีร่างอสุนีลึกลับที่หาได้ยากยิ่ง” ถังอีิพูดพลางยิ้มอย่างขมขื่น
“หวังฉี่? เขาก็ควบคุมสายฟ้าได้หรือ?” ฉินอวี่นึกขึ้นถึงศิษย์คนนั้นที่คอยตรวจสอบป้ายคำสั่งตรงหน้าประตูตลาด
“ใช่ หวังฉี่เป็คนโชคดี เขาเคยถูกฟ้าผ่าเมื่อตอนยังเล็ก ไม่เพียงจะไม่ถึงแก่ความตาย แต่กลับได้รับพรอันยิ่งใหญ่ และมีร่องรอยของสายฟ้าหลงเหลืออยู่ในร่างกาย เมื่อเวลาผ่านไป เขาจึงควบคุมสายฟ้าได้” ถังอีิถอนหายใจ และเปลี่ยนน้ำเสียงทันที “เพียงแต่ เขาคิดจะสำเร็จเป็ร่างอสุนีลึกลับแต่ไม่รู้ว่าจะต้องใช้เวลานานเพียงใด จะเปรียบเทียบกับศิษย์น้องหวังได้อย่างไร”
“นี่มันวายร้ายตัวจริงเลยเชียว” ฉินอวี่เยาะเย้ยอยู่ในใจ และไม่ได้ตอบอะไร
“หากศิษย์น้องหวังยินดีละก็ เมื่อออกจากแดนขัดเกลา ข้าจะพาเ้าไปหาอาจารย์คนหนึ่ง เขาเป็ผู้แข็งแกร่งคนเดียวในสำนักที่เรียนรู้วิถีแห่งสายฟ้า หากศิษย์น้องหวังได้ฝากตัวเป็ศิษย์ การฝึกฝนวิถีแห่งสายฟ้าในอนาคต คงจะยิ่งรวดเร็วแข็งแกร่งดั่งเสือติดปีก” ถังอีิพูดจาอย่างเป็กันเอง ราวกับจะผูกมิตรกับฉินอวี่
ฉินอวี่ยิ้มและพูดอย่างตรงไปตรงมา “ขอบคุณในความหวังดีของศิษย์พี่ถัง รอให้ออกไปจากแดนขัดเกลาแล้วค่อยว่ากันเถอะ” พูดจบ เขาก็หันมองฉู่สยง “จริงสิ ศิษย์พี่ฉู่ ท่านเคยเข้ามาในแดนขัดเกลาแล้วใช่หรือไม่? ไม่ทราบว่า ในแดนขัดเกลามีอะไรหรือ?”
ฉู่สยงที่อยู่ตรงหน้าผงะไปทันที ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง และขณะที่เขาดูเหมือนจะพูดอะไร เขาก็แหงนมองไปเบื้องหน้าด้วยท่าทีใ และพูดเบาๆ “เป็ไปได้อย่างไร!”
