เซี่ยเสี่ยวหลานต้องใจร้านที่ตั้งอยู่จัตุรัสเอ้อร์ชี ในอนาคตใจกลางเมืองซางตูจะเป็ย่านธุรกิจที่ใหญ่ที่สุดไปอีกนานแสนนาน
อาคารขนาดเล็กจำนวนสามคูหา เป็ทรัพย์สินในของโรงงานฝ้ายแห่งชาติที่สามประจำซางตูเซี่ยเสี่ยวหลานรู้สึกปวดฟัน โรงงานฝ้ายที่สามก็คือหน่วยงานของมารดาจูฟ่าง!
ซางตูมีโรงงานฝ้ายของรัฐอยู่หกแห่ง อุตสาหกรรมสิ่งทอของซางตูในปี 83 เป็อุตสาหกรรมเสาหลัก ‘หนึ่งเส้นทางปั่นฝ้าย ครึ่งหน้าประวัติศาสตร์ซางตู’ โรงงานฝ้ายหกแห่งมีคนงานกว่าหลายหมื่นคน! อุตสาหกรรมสิ่งทอแสนเฟื่องฟูครึ่งหนึ่งในนั้นก็คืออุตสาหกรรมเสื้อผ้าที่รุ่งเรืองโรงงานเสื้อผ้าน้อยใหญ่ของซางตูมีจำนวนนับไม่ถ้วนเซี่ยเสี่ยวหลานเดินทางไปซื้อเสื้อผ้าถึงหยางเฉิง ยอมไขว่คว้าสิ่งไกลตัว เป็เพราะว่ากิจการเสื้อผ้าในพื้นที่ซางตูต่อสู้กันอย่างดุเดือดต้องเอาชนะโดยอาศัยการออกแบบที่แปลกใหม่
ในหกโรงงานฝ้ายผลประกอบการยอดเยี่ยมที่สุดคือโรงงานฝ้ายแห่งชาติที่สาม
อาคารขนาดเล็กสามคูหาซึ่งเหมาะสมเป็หน้าร้านที่หลิวหย่งและเซี่ยเสี่ยวหลานพอใจมากก็คือทรัพย์สินของโรงงานฝ้ายแห่งชาติซางตูที่สาม
ปัจจุบันโรงงานฝ้ายที่สามกำไรงดงาม มีเพียงอาคารเล็กหลังหนึ่งใจกลางเมืองว่างเว้นไว้อย่างนั้นช่างมั่งคั่งและผ่าเผยเสียจริง
“นี่จัดการง่ายหรือไม่?”
หลิวหย่งยังไม่รู้เื่ ‘ความขุ่นเคือง’ ระหว่างเซี่ยเสี่ยวหลานกับติงอ้ายเจิน เดิมที้าได้มาซึ่งร้านนี้ก็ยากเย็นมากอยู่แล้วเวลานี้ยังไม่มีการปฏิรูปเคหสถาน [1] นอกจากสถานการณ์พิเศษสุดอย่างบ้านของย่าอวี๋บ้านเรือนทั้งหมดล้วนเป็ของรัฐ หน้าร้านที่หันออกถนนยิ่งไม่ต้องพูดถึงอยู่ในมือหน่วยงานและองค์กรทั้งนั้น พอจะชอนไชช่องโหว่เช่าบ้านจากคนทั่วไปได้แต่ถ้า้าเปิดร้านอย่าคิดว่าจะสามารถเช่าหน้าร้านทำเลหันหน้าสู่ถนนจากคนธรรมดาได้เลย
มีบางคนที่อาศัยชั้นหนึ่งทำการเจาะประตูบ้านด้านประจันถนนสร้างเป็ร้านค้าเล็กน้อยอย่างมากก็เปิดร้านอาหารเช้า... จะขายเสื้อผ้า? ไม่ต่างจากสินค้าแผงลอยราคาถูกนัก
เสื้อผ้าราคาถูกมีทุกทั่วหัวระแหงของซางตูถ้าเซี่ยเสี่ยวหลานไปเปิดร้านที่ถนนซีอี ถึงเรียกว่าสินค้าไร้การแข่งขันโดยแท้จริง
หน้าร้านที่จัตุรัสเอ้อร์ชีดีเหลือเกิน
นอกจากข้อเสียที่ว่ามันเป็สินทรัพย์ของโรงงานฝ้ายที่สาม ไม่ว่าตำแหน่งทางภูมิศาสตร์หรือความสูงของร้านในชั้นหนึ่งล้วนคือตัวเลือกที่ดีที่สุด
เซี่ยเสี่ยวหลานแค่นยิ้มขมขื่นเล่าความขุ่นเคืองระหว่างเธอและคุณติงอ้ายเจินให้หลิวหย่งฟัง
“ถ้าฉันออกหน้าจัดการเื่ตึกนี้เอง ความเป็ไปได้ที่จะถึงมือคือศูนย์”
ติงอ้ายเจินเป็เพียงผู้บริหารระดับรองคนหนึ่งในโรงงานฝ้ายแห่งชาติที่สามธุระการปล่อยอาคารของโรงงานให้เช่าอาจไม่ใช่สิ่งที่เธอตัดสินใจได้อย่างไรเสียต้องมีน้ำยาที่สามารถเล่นตุกติกแน่นอน
หลิวหย่งเดือดมาก “ตอแยขายน่ะไม่ใช่ธุรกิจเสียหน่อยเ้าหนุ่มจูฟ่างนั่นลุงก็เคยเจอ พูดจามีมารยาททีเดียว ทำไมครอบครัวเขาเป็แบบนี้?”
ทั้งดูแคลนเสี่ยวหลานทั้งคิดว่าเสี่ยวหลานไม่ควรคบหาดูใจกับคนอื่นนอกจากลูกชายเธอสรุปแล้วไม่ว่าอย่างไรก็จะถูกตระกูลจูเอาเปรียบอยู่ดี หากติงอ้ายเจินไม่ออกคำสั่งเซี่ยเสี่ยวหลานก็มิต้องเหมือนนางในของสังคมเก่าที่รอคอยรับสั่งออกเรือนโดยไม่สามารถเลือกคู่ครองเองได้หรือ?
เซี่ยเสี่ยวหลานรีบเสริมว่าตนเองแก้แค้นกลับไปทันทีทันใดและไม่ไว้หน้ามารดาของจูฟ่างเช่นกัน
“ใครจะรู้ว่าดันถูกใจบ้านของโรงงานฝ้ายที่สามอีก...”
“ถ้ารู้แล้วก็จะไม่ฟาดเธอ?”
จะเป็ไปได้อย่างไร ฟาดดังเดิมนั่นแหละ
แต่ตอนนี้ยุ่งยากขึ้นมาเล็กน้อย เซี่ยเสี่ยวหลานเชื่อมั่นว่าแก้ไขได้แม้ไม่กลายเป็ศัตรูกับติงอ้ายเจินเธอก็ไม่มีวันเข้าทางผู้อำนวยการติงให้ได้มาซึ่งหน้าร้านเพื่อป้องกันติงอ้ายเจินก่อความวุ่นวายเซี่ยเสี่ยวหลานคิดว่าต้องไม่จัดการด้วยตนเอง คนที่เหลือยังมีใครไปแทนได้? หลิวเฟินไม่สามารถทำเื่นี้ได้อย่างแน่นอนหลี่เฟิ่งเหมยปากไวกว่าหลิวเฟิน วานเธอไปติดต่อกับหน่วยงานใหญ่ก็ไม่ได้เช่นกัน
“ลุงไปเอง”
หลิวหย่งเป็คนร่างเล็กได้รับาเ็ก่อนหน้านี้ทำเขาดูผ่ายผอมยิ่งกว่าเดิม บ้านหลิวเชือดหมูสองตัว หลี่เฟิ่งเหมยเก็บเนื้อไว้จำนวนไม่น้อยตุ๋นทุกวันให้หลิวหย่งบำรุงร่างกาย่นี้บนโต๊ะอาหารบ้านหลิวรับประทานกันดีเหลือเกินหมูตุ๋นและผัดตับหมูวนเวียนสลับกันขึ้นโต๊ะ เพิ่งย้ายไปบ้านที่เช่าแต่ละวันมีกลิ่นหอมของเนื้อสัตว์ลอยล่องออกมาจากในบ้าน มาตรฐานอาหารการกินจึงทำให้บ้านใกล้เรือนเคียงตกตะลึงและไม่มีใครข่มเหงที่พวกเขาเป็คนชนบท หอพักของหน่วยงานการที่คนในนำออกไปปล่อยเช่านั้นไม่ถูกต้องเพื่อนร่วมห้องซึ่งพักด้วยกันจะต้องรายงานแน่นอน ดังนั้ยจึงบอกกับคนนอกว่าเช่าไม่ได้ทำได้เพียงยืนกรานว่าเป็ญาติกับเ้าของห้อง ทั้งครอบครัวมาเพื่อขออาศัยอยู่ชั่วคราว
แล้วเ้าของห้องอาศัยที่ไหน?
เ้าของห้องอายุยังน้อย ย้ายกลับบ้านไปเบียดเสียดอาศัยกับบิดามารดา
สละห้องเพื่อญาติคือเื่ที่สมควรมิใช่หรือ่เวลานี้ความเห็นอกเห็นใจของผู้คนช่างเข้มข้นนัก
หลิวหย่งไม่มีทางไปพบจูฟ่าง ชายหนุ่มผู้มีท่าทีแสนดีไม่น้อยใครจะรู้ว่าพูดจาซี้ซั้วอะไรกับครอบครัวบ้าง เซี่ยเสี่ยวหลานมอบ ‘ไฉ่เตี๋ย’ แก่หลิวหย่ง 20 คอตตอนตามความเคยชิน ผู้บริหารระดับสูงย่อมไม่โปรดปราน ‘ไฉ่เตี๋ย’ มากนัก พวกเขาสูบ ‘ซั่นฮัว’ ซึ่งผลิตโดยโรงงานยาสูบซางตูเหมือนกันทว่าหลิวหย่งก็ไม่รู้จักมักคุ้นผู้บริหารระดับสูงเขาต้องเดินเส้นทางเลี้ยวลดคดเคี้ยวถึงจะสามารถกระชับความสัมพันธ์กับผู้บริหารได้ไฉ่เตี๋ยจึงจะถูกใช้ประโยชน์ไปในระหว่างเส้นทางเลี้ยวลดคดเคี้ยวนี้
ณ เมืองซางตู โรงงานฝ้ายแห่งชาติหกแห่งมีคนงานหลายหมื่นคำพังเพยกล่าวไว้ว่า ‘ลูกสาวในโรงงานปั่นฝ้ายลูกเขยในการรถไฟ’ โรงงานปั่นฝ้ายมีคนงานหญิงจำนวนมาก ส่วนคนงานชายจำนวนมากจะทำงานในองค์การรถไฟซึ่งทั้งสองอาชีพนี้มีรายได้และสวัสดิการที่ดี ทำให้คนเหล่านี้มีศักยภาพด้านการแข่งขันมากที่สุดในตลาดหาคู่...ตอนนี้ครอบครัวหลิวหย่งก็อาศัยในหอพักขององค์การรถไฟนั่นเอง! หลิวหย่งเอ้อระเหยลอยชายอยู่หลายปีสั่งสมประสบการณ์สร้างมนุษยสัมพันธ์เต็มเปี่ยม ให้เขาทำงานจะรู้สึกว่าเหนื่อยยากแต่ถ้าให้เขาสนทนาสัพเพเหระ นั้นก็ง่ายเหมือนปอกกล้วยแล้ว
ย้ายไปเพียงสองวัน หลิวหย่งจำชื่อเพื่อนบ้านในชั้นหนึ่งได้หมดสมาชิกครอบครัวทั้งอาคารเขาก็คุ้นหน้า
เขารับหน้าที่ที่เซี่ยเสี่ยวหลานมอบหมาย แล้วดำเนินการตามทิศทางนี้ ส่ง ‘ไฉ่เตี๋ย’ สิบกว่าคอตตอนทำให้เขาได้พบกับรองผู้อำนวยการโรงงานคนหนึ่งของโรงงานฝ้ายที่สามโดยอ้อมๆ—อย่างไรก็ตาม รองผู้อำนวยการโรงงานเจอตัวยากหลิวหย่งจึงพบกับมารดาชราของครอบครัวผู้อำนวยการนั่นเอง
หญิงชราเข้ากันกับลูกสะใภ้ไม่ค่อยได้ จึงแยกออกมาอาศัยอยู่กับสามีแค่สองคน
รองผอ.โรงงานเป็ยอดลูกกตัญญู ลำพังการงานยุ่งเหยิงไม่หวาดไม่ไหวไม่มีเวลามากพอที่จะดูแลบิดามารดาอย่างเช่นที่ผ่านมา ไม่นานชายชราล้มทำให้ขาเจ็บ รองผอ.โรงงานทำได้เพียงตามญาติจากชนบทมาดูแลบิดาบังเกิดเกล้าถึงเวลานี้หลิวหย่งก็ออกโรง เขากระตือรือร้นเยี่ยมเยือนช่วยเหลือดูแลชายชราอย่างไม่กลัวเหน็ดเหนื่อยซ่อมแซมพวกเครื่องใช้ที่ไม่ค่อยดีในบ้านของสามีภรรยาเฒ่า
ชายชราอยากรับประทาน ‘บะหมี่แกงกะหรี่เหมยจี้’ ของถนนไป่ฮัวถนนไป่ฮัวซึ่งเป็ที่ตั้งของร้านนี้คือเส้นทางเดียวของเหล่าพนักงานโรงงานฝ้ายที่ห้ากว่าหลักหมื่นคนต้องผ่านไปเข้างานในบ้านของพนักงานโรงงานปั่นฝ้ายไม่มีเครื่องทำน้ำร้อน หากจะอาบน้ำก็ต้องไปโรงอาบน้ำของโรงงานขาไปจะถือหม้อหรือโถสักใบติดไปด้วย นำของวางไว้ที่ร้านเหมยจี้กลับมาจากอาบน้ำเสร็จแถวอาจจะยังไม่ถึงตนด้วยซ้ำ...กิจการรุ่งเรืองถึงขนาดนี้ทีเดียว คนงานโรงงานฝ้ายต้องเข้างานหลิวหย่งไม่มีการงานเสียหน่อย ทุกๆ วันขณะเหมยจี้เพิ่งเปิดร้าน เขาก็เฝ้าคอยอยู่หน้าประตูแล้ว
บะหมี่แกงกะหรี่ตอนซื้อกลับไปยังร้อนระอุคนชราบ้านรองผู้อำนวยการโรงงานทั้งสองจะไม่โปรดปรานเขาได้หรือ?
ญาติผู้มาช่วยครอบครัวรองผอ.โรงงานแทบจะร้องไห้ถ้าหลิวหย่งยังทำแบบนี้ต่อไป ต้องแย่งชิงงานของเธอแน่นอน!
----------------------------------------
หลิวหย่งวุ่นกับการประจบประแจงเซี่ยเสี่ยวหลานกำลังขะมักเขม้นแนะนำสินค้าเสื้อกันลมและเสื้อขนเป็ดของเธอ
คราวนี้ไม่ราบรื่นขนาดนั้น ขณะที่เธอนำเสื้อผ้าออกไปขายได้เจอสภาพอากาศกลับมาอบอุ่นอีกรอบพอดี ทุกวันล้วนคือแสงแดดแรงจ้าไม่หนาวเย็นถึงระดับต้องสวมใส่เสื้อกันหนาว เสื้อนอกขนสัตว์ขายดีกางเกงขาบานก็ขายได้ กระทั่งรองเท้าหนังที่เธอนำกลับมาร่วมแผงยังขายหมดเกลี้ยงแล้วส่วนเสื้อกันลมและเสื้อขนเป็ดยังไร้คนสนใจ
“สีสวยดีทีเดียว แพงไปหน่อย!”
ลูกค้าสตรีผู้หนึ่งวิจารณ์เช่นนี้เสื้อนอกขนสัตว์หลักร้อยไม่แพงเกินไปสำหรับพวกคุณแต่เสื้อกันลมและเสื้อขนเป็ดหลักสิบหยวนแพงเกินไป?
มองพ่อเฒ่าดวงอาทิตย์แสนเจิดจ้าบนฟากฟ้า เซี่ยเสี่ยวหลานก็กลุ้มใจยิ่งนัก
ปักกิ่งหนาวเย็นหรือไม่?
ไม่สนแล้วเธอห่อเสื้อกั๊กขนแกะและเสื้อขนเป็ดของผู้ชายที่ซื้อแยกอีกหนึ่งตัวส่งพร้อมกันไปให้โจวเฉิง
เชิงอรรถ
[1]房改 ปฏิรูปเคหสถาน หมายถึง การปฏิรูประบบที่อยู่อาศัยโดยเปลี่ยนแปลงจากเดิมที่บ้านเรือนคือสมบัติของรัฐ จะต้องได้รับแบ่งสรรจากหน่วยงานไม่สามารถซื้อขายตามใจชอบ กลายเป็ผู้คนสามารถมีสิทธิในการซื้อขายได้และมีสิทธิในที่อยู่อาศัยของตนเอง
