นายช่างหันโบกมือ "นี่ไม่ใช่เื่ใหญ่แต่อย่างใด? น้องซ่ง ข้าไม่ได้ตำหนิเ้า เ้าเป็คนดี แต่ว่าเกรงใจมากไปแล้ว อย่ามองว่าข้าเป็คนหยาบคาย แต่เื่น้ำใจของเพื่อนมนุษย์นั้นข้าก็พอจะเข้าใจอยู่บ้าง เ้าเกรงใจเช่นนี้ วันข้างหน้าหากข้ามีเื่ต้องขอร้องเ้าจะกล้าเอ่ยปากได้อย่างไร?"
ซ่งอวี้ได้ยินที่เขาพูดก็หัวเราะ ความเศร้าในใจจางหายไปไม่น้อย
นายช่างหันช่างนิสัยดียิ่งนัก ทั้งยังเป็คนตรงไปตรงมาและใจกว้าง นางยินดีที่จะผูกมิตรกับคนเช่นนี้ การผูกมิตรกับเขาทำให้นางสบายใจเป็พิเศษ กลับกลายเป็ตนที่เกรงใจจนเกินไป
"ในเมื่อเป็เช่นนี้ ต่อจากนี้ข้าเรียกท่านว่าพี่หันดีหรือไม่ พวกเรานับเป็พี่น้องกัน?" ซ่งอวี้ยิ้มจนตาเป็รูปพระจันทร์เสี้ยวแล้วพูดเสนอ
นายช่างหันได้ยินข้อเสนอนี้ ดวงตาก็ทอประกายขึ้นมาทันที
เขาอยากมีน้องสาวมานานแล้ว แต่ช่างน่าเศร้ายิ่งนัก ตอนที่ท่านแม่คลอดเขาแล้วเสียเืมาก ในตระกูลจึงมีเขาเป็ทายาทเพียงคนเดียว ชีวิตในวัยเด็กของเขาเงียบเหงาอย่างมาก เมื่อโตขึ้นเขาแต่งงานและมีลูก เขาก็ตั้งตารอวันที่ภรรยาจะคลอดลูกสาวที่แสนน่ารักให้ แต่สุดท้ายกลับมีลูกชายสามคน เขาแทบจะสิ้นหวังแล้ว
แม้จะบอกว่าน้องสาวคนนี้ไม่มีความเกี่ยวข้องทางสายเืกับตน แต่ก็เป็น้องสาว เขาไม่รังเกียจแม้แต่น้อย
"ได้ๆๆ ข้อเสนอของเ้าช่างดียิ่งนัก เช่นนั้นวันนี้พวกเรามานับญาติกันเถอะ ตระกูลหันของข้าก็ไม่มีญาติอะไร ไม่มีพิธีมากมาย เพียงบอกเพื่อนบ้านที่สนิทสนมสักคำก็พอแล้ว เ้าว่าดีหรือไม่?" นายช่างหันถูมือไปมาด้วยความตื่นเต้น ใบหน้าสีเข้มของเขาเปื้อนไปด้วยรอยยิ้ม
สุดท้ายการนับญาติที่เรียบง่ายนี้มีหญิงชราข้างบ้านมาเป็พยาน หลังจากทำทุกอย่างเสร็จก็ให้ไข่ไก่กับนางเป็การขอบคุณ ถือว่าการนับญาติเสร็จสิ้นแล้ว
ตอนเผชิญหน้ากับซ่งอวี้ นายช่างหันร้องเรียกนางว่าน้องสาวอย่างมีความสุข ทั้งยังบอกให้ภรรยาของตนเตรียมอาหารให้นางมากมาย นอกจากนี้ยังอยากจะพานางไปซื้อเสื้อผ้า ซ่งอวี้ได้แต่ปฏิเสธ นายช่างหันค่อยยอมแพ้
แต่ตอนเดินออกมา นายช่างหันก็ให้กำไลเงินกับนาง นั่นคือกำไลที่เขาเตรียมเอาไว้ให้ลูกสาว แต่สุดท้ายกลับไม่มีวันนั้น
ซ่งอวี้มองแววตาที่เปี่ยมล้นไปด้วยความคาดหวังของเขา จำต้องยอมรับไว้ หากนางไม่รับ ก็คงจะเป็การเสียมารยาท ในเมื่อนับญาติกันแล้ว เช่นนั้นก็ต้องมีการไปมาหาสู่กัน ครั้งนี้นางมาด้วยความรีบร้อน พกเงินมาเพียงเล็กน้อยทำได้เพียงให้ของขวัญคราวหน้าแล้ว
หลังจากออกมาจากร้านตีเหล็ก ซ่งอวี้เงยหน้ามองท้องฟ้าพบว่าตอนนี้ยังไม่ถึงบ่ายโมง นานๆ จะได้เข้ามาในอำเภอสักครั้ง เช่นนั้นไปดูอาการของฮูหยินนายทะเบียนก่อนแล้วกันเพื่อดูว่าควรจะรักษาอย่างไร
ตอนเจอนายทะเบียน นายทะเบียนกำลังตากแดดจิบน้ำชา ซ่งอวี้ยิ้มแล้วเดินเข้าไปหาเขา พูดเสนอความคิดของตน ผ่านไปนานกว่าครึ่งเดือนแล้ว นางอยากจะรีบจัดการเื่นี้
นายทะเบียนประสานมือคารวะ รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาเปี่ยมไปด้วยความเศร้า เขาไม่ยอมพูดเื่นี้ให้ชัดเจนเป็ความผิดของเขาเอง ความเป็จริงก่อนหน้านี้ภรรยาของเขากลับบ้านแม่ เพิ่งกลับมาเมื่อสองวันก่อน ในตอนหลังที่ว่าการอำเภอก็มีเื่มากมายจึงปล่อยเื่นี้มานานเช่นนี้
"หมอซ่งอุตส่าห์เข้ามาในอำเภอ ขอเชิญหมอซ่งไปนั่งที่โรงน้ำชา ประเดี๋ยวข้าจะให้ภรรยาไปพบท่าน" นายทะเบียนพูด
ไม่ดูอาการที่เรือน แน่นอนว่าเป็เพราะไม่อยากให้คนนอกทราบเื่นี้ ซ่งอวี้พยักหน้าด้วยความเข้าใจ พร้อมกับแสดงให้รู้ว่าตนจะเก็บเื่นี้เป็ความลับ
แท้จริงแล้วในอำเภอมีโรงน้ำชาเพียงหนึ่งร้านเท่านั้น ไม่ไกลจากที่ว่าการอำเภอเท่าใดนัก เดินไปไม่นานก็ถึงแล้ว ซ่งอวี้พาเสี่ยวหมานเข้าไปนั่งในห้อง
เดิมทีห้องข้างๆ มีเสียงดังเล็กน้อย แต่หลังจากซ่งอวี้เข้าไปนั่งในห้อง ห้องข้างๆ ก็เงียบเสียงลง
เยี่ยสุยพูดกระซิบเสียงเบา "นายท่าน สตรีที่นั่งอยู่ห้องข้างๆ คือฮูหยิน ฮูหยินมาพร้อมกับสาวใช้ที่เพิ่งซื้อมาใหม่ สาวใช้คนนี้มีชื่อว่าเสี่ยวหมานขอรับ"
ความเป็จริงมีคนคอยดูแลความปลอดภัยของซ่งอวี้ตลอดเวลา แค่ว่าอยู่ในที่ลับเท่านั้น ขอเพียงไม่อันตรายถึงชีวิต พวกเขาก็จะไม่ปรากฏตัวออกมาให้เห็น
เฟิงเฉิงจับถ้วยน้ำชาในมือแน่น น้ำเสียงของเขาไม่นิ่งสงบเหมือนทุกครั้ง เคล้าไปด้วยความกังวลและเคร่งเครียด "ไป ไปสืบมาว่าเหตุใดนางจึงมาโรงน้ำชา?"
หลังจากเยี่ยสุยตอบรับก็ออกไป เวลาเพียงหนึ่งน้ำชาก็กลับมารายงาน "คนข้างล่างบอกว่า ประเดี๋ยวฮูหยินจะตรวจดูอาการของภรรยานายทะเทียน นายทะเบียนเลือกให้ฮูหยินมาตรวจดูอาการที่โรงน้ำชาขอรับ"
เฟิงเฉิงที่ในตอนแรกคิดอยากจะออกไป พอได้ฟังเช่นนี้ก็หยุดความคิดนั้น เขานั่งลงจิบน้ำชาด้วยความนิ่งสงบ มองดูแล้วผ่อนคลายอย่างมาก
ซ่งอวี้ที่อยู่อีกห้องไม่รู้เลยว่าคนที่อยู่ห้องข้างๆ กำลังแอบฟัง นางและเสี่ยวหมานยังไม่ได้ทานมื้อเที่ยง ทั้งสองหิวมากจึงอาศัยโอกาสตอนที่ฮูหยินนายทะเบียนยังไม่มาสั่งขนมหวานเล็กน้อยมากินรองท้องกับเสี่ยวหมาน
เสี่ยวหมานกินอย่างมีความสุข นางเป็คนไม่ชอบใช้ความคิด ขอเพียงมีของอร่อยให้กินนางก็พอใจแล้ว ทางด้านซ่งอวี้ก็ชื่นชอบที่ได้มองสีหน้าอิ่มเอมใจของเสี่ยวหมาน มองแล้วทำให้นางอยากอาหาร
"คุณหนูเ้าคะ ขนมนมนึ่งช่างอร่อยยิ่งนัก คุณหนูลองชิมดูเ้าค่ะ"
เสี่ยวหมานดันขนมหวานที่ตนพบว่าอร่อยไปตรงหน้าซ่งอวี้ ตอนนี้นางรู้สึกว่าการที่นางได้มาเป็สาวใช้ของคุณหนูเป็บุญวาสนาในชาติปางก่อนของนาง
ฮือๆๆ คุณหนูช่างดียิ่งนัก ไม่เคยทุบตีและด่าทอนางกับพี่อาฝูเลย ทั้งยังให้นางกินขนมอร่อยๆ เช่นนี้อีก ไม่มีเ้านายคนใดใจดีเช่นนี้
คาดว่าเวลานี้หากมีคนคิดจะรังแกซ่งอวี้ เสี่ยวหมานคงจะสู้สุดชีวิตแล้วกระมัง
ซ่งอวี้ยิ้มตาหยีแล้วรับขนมนมนึ่งมา นางชิมหนึ่งคำ กลิ่นของนมหอมอบอวลไปทั่วทั้งลิ้น ทั้งยังมีกลิ่นหอมอ่อนๆ ของดอกกุ้ยฮวา นมและดอกกุ้ยฮวาผสมผสานกันได้อย่างลงตัว ทำให้นางอยากอาหาร "อร่อยจริงๆ ด้วย ประเดี๋ยวซื้อกลับเรือนหนึ่งห่อให้พี่อาฝูและเสี่ยวจื้อกินด้วย"
เสี่ยวหมานกินขนมจนเต็มปากทำได้เพียงพยักหน้า
เฟิงเฉิงที่อยู่ห้องข้างๆ ได้ฟัง เขาก็จำเอาไว้ในใจ
ขนมนมนึ่งเช่นนั้นหรือ? ที่แท้ภรรยาของเขาก็ชอบกินขนมนี้? พรุ่งนี้ต้องไปหาซื้อสาวใช้ที่ทำขนมอร่อยมาไว้ในจวนสักสองคนแล้ว วันข้างหน้าหากนางอยากกิน จะได้กินได้ทุกเมื่อ
เยี่ยสุยร้องเรียกเสี่ยวเอ้อร์ในร้านอย่างรู้ใจ สั่งขนมนมนึ่งหนึ่งจาน เฟิงเฉิงเห็นแล้วแม้จะไม่ได้พูดอะไร แต่แววตาของเขาเปี่ยมล้นไปด้วยความพอใจ
นายท่าน ท่านอย่าปากแข็ง ในเมื่อคิดถึงฮูหยินมากขนาดนี้ เช่นนั้นก็รับนางกลับไปไม่ได้หรืออย่างไร? ดูสิว่าเพื่อตามหาท่านแล้ว ฮูหยินคิดหาวิธีมากมายเพียงใด? เยี่ยสุยบ่นในใจ
แม้ขนมหวานและอาหารหลักต่างกัน แต่ซ่งอวี้และเสี่ยวหมานก็กินอย่างเอร็ดอร่อย
แม้ในโรงน้ำชาจะไม่ใช่สถานที่ทานอาหารเป็หลัก แต่โรงน้ำชาทำขนมหวานได้อร่อยมาก รสชาติไม่เลี่ยน คราวหน้าซ่งอวี้จะมาอีก
"คาดว่า แม่นางน่าจะเป็หมอหญิงที่สามีข้าพูดถึงกระมัง?" เสียงอ่อนโยนของหญิงสาวดังขึ้นในห้อง เสียงของนางมีความเป็กุลสตรียิ่งนัก
ซ่งอวี้เงยหน้าขึ้นมอง เห็นหญิงวัยกลางคนดวงหน้าเกลี้ยงเกลายืนอยู่ตรงนั้น นางยิ้มให้ซ่งอวี้ อ่อนโยนราวกับน้ำที่กลั่นกรองออกมา
"ข้าคือหมอหญิง คาดว่าท่านคงจะเป็ภรรยาของนายทะเบียน เชิญเ้าค่ะ" ซ่งอวี้ยืนขึ้น ผายมือให้ฮูหยินของนายทะเบียน
เมื่อเสี่ยวหมานรู้ว่าด้านนอกมีคนมา นางก็รีบวางตัวเป็สาวใช้ที่ดี ไม่กล้าเสียมารยาทเหมือนเมื่อครู่แล้ว
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้