ณ บ้านเก่าๆ หลังหนึ่ง ในเขตเฉิงซีเมืองเซี่ยหยาง
“พี่หยาง ผมไม่ได้หักหลังท่านอันจริงๆ ครับ พี่ปล่อยผมไปเถอะครับ ขอร้องล่ะ…”
ในบ้านหลังนั้น มีชายวัยกลางคนอายุประมาณสี่สิบกว่าคุกเข่าขอร้อง อ้อนวอนหนุ่มผมยาวที่อายุประมาณ 27-28 เข่าของชายวัยกลางคนถูกับกระเบื้อง ทำให้ชุดสูทที่ใส่โดนย้อมจนเป็สีแดงสด หนุ่มผมยาวถือไม้เบสบอลเหล็กอยู่ในมือ ไม่รู้สึกสะทกสะท้านกับคำวิงวอนของชายวัยกลางคน เขาพูดอย่างเย็นเยือกว่า “ถ้าแกไม่ได้หักหลังพ่อฉัน ทำไมถึงเกิดเื่กับพ่อฉัน แต่กลับไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับแก?”
“พี่หยาง ผมไม่ได้ทำจริงๆ! ถ้าไม่เชื่อ…พี่ไปสืบดูก็ได้ ขอแค่พี่เจอหลักฐานว่าผมหักหลังท่านอัน ผม…ขอให้ผมโดนฟ้าผ่าตาย! ออกจากบ้านโดนรถชนตาย…”
“หลักฐาน?” หนุ่มผมยาวพูดอย่างเฉยเมย “ฉันไม่มีหลักฐาน—แต่ ฉันรู้สึกว่านายเป็คนทำ!”
พูดจบ หนุ่มผมยาวเหวี่ยงไม้เบสบอลในมือ ฟาดไปที่หัวของชายวัยกลางคนอย่างรุนแรง ได้ยินเพียง “โพล๊ะ” ดังขึ้นเท่านั้น สมองของชายวัยกลางคนไหลออกมาราวกับแตงโมที่โดนทุบละเอียด
แต่ชายวัยกลางคนกลับไม่ได้ตายในทันที เขาเบิกตาจนโตสุด ปากพะงาบๆ พยายามพูด ทว่ากลับไม่มีเสียง “ ผม…ไม่…”
“แต่ฉันรู้สึกว่าแกเป็คนทำ!” หนุ่มผมยาวเตะใบหน้าชายวัยกลางคนอีกครั้ง แล้วจึงทิ้งไม้เบสบอลในมือลงบนพื้น
เมื่อออกจากบ้านเก่าๆ หลังดังกล่าวแล้ว หนุ่มผมยาวหันไปสั่งผู้ชายสองคนที่ยืนอยู่หน้าประตู “เก็บกวาดให้สะอาด!”
“ครับ พี่หยาง!” ทั้งคู่รีบตอบพร้อมกับพยักหน้า
จากนั้น หนุ่มผมยาวก็ขึ้นรถเก๋งสีดำคันหนึ่ง เมื่อสตาร์ทรถแล้ว เขาพูดเองเออเองว่า “ไอ้แก่ ถึงฉันจะไม่ชอบนายสักเท่าไหร่ แต่เมื่อนายตายแล้ว ก็มีเพียงฉันเท่านั้นที่จะรับ่ธุรกิจของนาย ใครก็ตามที่แย่งของของฉันไป .มันต้องชดใช้ด้วยเื!”
※※※
“ให้นาย—”
เช้าวันจันทร์ หลังจากเรียนคาบที่สองแล้ว รั่วปินเดินมาข้างที่นั่งฉินหลาง แล้ววางแผนธุรกิจฉบับหนึ่งลงบนโต๊ะฉินหลาง
ฉินหลางมองดู นี่เป็แผนธุรกิจที่แก้เสร็จแล้ว รั่วปินยังพิมพ์และเข้าเล่มใหม่ แถมหน้าปกก็กระชับ และเป็ระเบียบ ดูเป็มืออาชีพมาก แค่มองแบบผ่านๆ ก็ยังทำให้รู้สึกมั่นใจในแผนธุรกิจนี้มาก
“ทำไม หัวหน้าห้องรั่ว นี่ก็คือแผนธุรกิจที่เธอตรวจสอบแล้วเหรอ?”
น้ำเสียงของจ้าวเหว่ยค่อนข้างประชดประชัน ด้านหนึ่งเพราะแผนธุรกิจฉบับนี้เขาทุ่มเทแรงกายแรงใจไปมาก เรียกว่าเป็ ‘การบ้าน’ ที่เขาตั้งใจทำมากที่สุดเลยก็ยังได้ อีกด้านหนึ่ง เป็เพราะจ้าวเหว่ยไม่เชื่อด้วยซ้ำว่ารั่วปินจะแก้ไขแผนธุรกิจฉบับนี้ให้ดีขึ้นได้ เพราะเขารู้สึกว่านักเรียนที่มีผลการเรียนดีส่วนมาก เป็พวกคะแนนสอบดีแต่ใช้การจริงได้น้อย เป็เพียงเครื่องทำข้อสอบ แต่ไม่ค่อยมีความสามารถจริงๆ เท่าไร
“จ้าวเหว่ย ทำไมนายไม่ยอมแพ้เหรอ?” รั่วปินดูออกว่าจ้าวเหว่ยคิดอะไรอยู่ พูดอย่างหยิ่งผยองว่า “จ้าวเหว่ย อย่าคิดว่าคนอย่างรั่วปินก็เป็แค่เครื่องทำข้อสอบนะ ลองดูให้ดีๆ ฉันนอกจากจะคะแนนสอบสูงกว่านายแล้ว แผนธุรกิจฉันก็ยังทำได้ดีกว่านาย—ดีกว่ามากด้วย!”
ท้าทายมาก!
แม้จ้าวเหว่ยจะไม่ได้ดูทรงพลังเท่ารั่วปิน แต่เขาก็ไม่ใช่คนที่จะยอมแพ้ง่ายๆ “ดี! งั้นฉันขอดูแผนธุรกิจของหัวหน้าห้องหน่อย!”
“งั้นนายก็ตั้งใจดูให้ละเอียดเถอะ” รั่วปินยิ้มจางๆ พลางหันหลังแล้วเดินจากไป
“นี่ฉินหลาง ‘เด็กขี้มูกโป่ง’ คนนี้ของนาย สวยแต่โอหังเกินไปหรือเปล่า?” จ้าวเหว่ยแซวฉินหลางเบาๆ และที่พูดเบาๆ เพราะเกรงว่ารั่วปินจะได้ยิน จ้าวเหว่ยรู้ว่ารั่วปินไม่ใช่คนที่จะมีเื่ด้วยได้
“เธอไม่ได้โอหัง แต่มั่นใจในตัวเอง!” ฉินหลางอธิบายแทนรั่วปิน “จ้าวเหว่ย ไม่ใช่ว่าฉันจะไม่เข้าข้างนายนะ แต่แผนธุรกิจของเธอเป็มืออาชีพจริงๆ!”
“น้อยๆ หน่อย ฉันว่านายเป็ผู้หญิงดีกว่าเพื่อนมากกว่า!” จ้าวเหว่ยพูดอย่างไม่พอใจ จากนั้นดึงแผนธุรกิจในมือฉินหลางไป หลังจากเปิดดูสองหน้าแล้ว สีหน้าจ้าวเหว่ยเริ่มดูซีเรียส “โห ดูไม่ออก—ไม่คิดเลยว่าหัวหน้าห้องจะมีพร์ด้านนี้ด้วย แผนธุรกิจฉบับนี้เป็มืออาชีพมากกว่าจริงๆ…ขอฉันดูให้ละเอียดอีกหน่อย!”
คาบถัดไป ฉินหลางกับจ้าวเหว่ยศึกษาแผนธุรกิจที่รั่วปินแก้ไขแล้วอย่างละเอียดตลอดทั้งคาบ
ไม่ดูไม่รู้ ดูแล้วตกตะลึงจริงๆ
แผนธุรกิจของรั่วปิน ไม่ได้มีแค่ราคาคุยจริงๆ ไม่เพียงแต่แก้ไขข้อบกพร่องที่จ้าวเหว่ยทำไว้ก่อนหน้านี้ ยังเพิ่มการจัดการ การบริหารเงินและการคาดการณ์รายจ่ายต่างๆ ไว้ล่วงหน้าเข้า โดยเฉพาะการคาดการณ์ต้นทุนแจกแจงไว้อย่างละเอียดมาก สำหรับฉินหลางแล้วส่วนนี้มีความสำคัญมาก ในส่วนนี้รั่วปินคำนวณด้วยสูตรทางคณิตศาสตร์ แล้วสร้างแบบจำลองโดยโปรแกรมคอมพิวเตอร์ จ้าวเหว่ยรู้ตัวว่าเขาทำแบบนี้ไม่ได้
ต่อให้ไม่พูดเื่อื่น แค่ความสามารถในการคำนวณ แล้วสร้างแบบจำลองออกมา ก็เห็นได้ชัดเจนแล้วรั่วปินไม่ใช่พวก “คะแนนสอบสูงแต่ความสามารถต่ำ”
หลังเลิกเรียนรั่วปินมาหาฉินหลางและจ้าวเหว่อีกครั้ง จากนั้นถามจ้าวเหว่ยว่า “จ้าวเหว่ย นายยอมหรือยัง?”
“ยอมทั้งปากทั้งใจ!” จ้าวเหว่ยถอนหายใจ “ตอนแรกฉันคิดว่า ความสวยกับความฉลาดเป็สองสิ่งที่ไม่ได้อยู่คู่กัน แต่หัวหน้าห้องรั่ว เธอทำให้ฉันเปลี่ยนความคิดที่ผิดๆ นี้!”
“จ้าวอ้วน คำพูดนี้ฉันจดลิขสิทธิ์ไว้แล้ว ฉันขอตรวจสอบสิทธิ์ของนาย!” ฉินหลางสบถ
“ขโมยมาจากหนังสิอไม่ถือว่าขโมย…ขโมยจากหนังสือ!…คนอ่านหนังสือ จะถือว่าขโมยได้ยังไง?” จ้าวเหว่ยหัวเราะฮึๆ
“ฉินหลาง แผนธุรกิจให้นายไปแล้ว แต่ฉันยังอยากถามนาย นายไม่คิดจะเรียนมหาลัยแล้วใช่ไหม หรือเลิกเรียนเพื่อออกมาทำธุรกิจใช่ไหม?” รั่วปินกล่าวถาม
“หมายถึงยังไง?”
“อันที่จริง ฉันรู้สึกว่าคนที่ไม่เรียนต่อแล้วมาทำธุรกิจก็ดูเท่ดี” ถ้าอาจารย์มาได้ยินคำพูดของรั่วปิน จะต้องรู้สึกว่าเธอเป็เด็กมีปัญหาแน่ “อย่าง Bill Gates, Zack Burke, Jobs และ Alison ของ Oracle ล้วนเป็คนที่เลิกเรียนและเริ่มทำธุรกิจจนประสบความสำเร็จ ฉันรู้สึกว่าคนเหล่านี้เจ๋งมากๆ!”
“คิกๆ งั้นฉันอาจจะต้องทำให้เธอผิดหวังแล้ว เพราะฉันคิดว่าจะเรียนมหาลัยต่อ” ฉินหลางยิ้ม เขาเงียบเพื่อดึงความสนใจมากขึ้น “สาเหตุหลักคือถ้าฉันไม่เรียนต่อเพื่อออกมาทำธุรกิจ ต่อให้ประสบความสำเร็จ ก็ไม่เท่หรอก รู้ไหมว่าเพราะอะไร?”
“อย่าทำให้สงสัย พูด!” รั่วปินเขม็งตาใสฉินหลาง ั้แ่เมื่อวานได้เจอกันบนรถไฟแล้ว ทั้งคู่ก็สนิทสนมกันมากขึ้น
“พวกคนที่เธอพูดมา อย่างน้อยก็เคยเรียนสถาบันชื่อดัง Bill Gates และ Zack Burke ยังเป็นักเรียนชั้นนำของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดเลย พวกเขาเลือกที่จะออกจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด มันเป็การกระทำที่น่าสนใจมาก ซึ่งเป็สิ่งที่ทำให้เธอมองว่าเท่ แต่ว่าคนอย่างฉัน อย่างมากก็แค่ได้เข้ามหาวิทยาลัยธรรมดา เผลอๆ วันที่ไปลงทะเบียนเรียนก็ถูกไล่ออกแล้ว แล้วการที่ฉันหยุดเรียนเพื่อมาทำธุรกิจ ยังจะดูเท่ได้ยังไงล่ะ?”
ฉินหลางพูดเหมือนล้อเล่น “ยกตัวอย่างนะ รั่วปินออกจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด เพื่อมาทำธุรกิจ เื่นี้จะกลายเป็ข่าวเด่นประเด็นร้อน และสามารถดึงดูดความสนใจของผู้คนจำนวนมาก ในขณะที่จ้าวเหว่ยออกจากโรงเรียนชีจงเพื่อทำธุรกิจ ไม่มีทางเป็ข่าวเด่นประเด็นร้อน และดึงดูดความสนใจของใครไม่ได้ด้วย ดังนั้น ประเด็นไม่ได้อยู่ที่หยุดเรียนมาทำธุรกิจ แต่เป็เพราะขนาดมหาวิทยาลัยชื่อดังอย่างฮาร์วาร์ด กับมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด เขายังไม่อยากจะเรียนเลย เจอหน้าเขานายจะกล้าทักไหม!”
“เหอะๆ~”
ฟังฉินหลางพูดจบ รั่วปินก็อดขำไม่ได้ จ้าวเหว่ยก็อดไม่อยู่ หัวเราะร่าออกมา
เสียงหัวเราะของรั่วปิน ดึงดูดความสนใจของคนจำนวนมาก เพราะในสายตาของนักเรียนห้อง 11 รั่วปินเป็คนยิ้มยากมาก ไช่เว้ยก็ได้ยินเสียงหัวเราะของรั่วปิน ทำให้เขารู้สึกอิจฉาขึ้นมาทันที แต่แค่ครู่เดียวเขาก็นึกถึงคำเตือนของพ่อตัวเอง รีบบังคับตัวเองให้เลิกคิดเป็อริกับฉินหลาง เพราะว่าฉินหลางเป็คนที่เขามีปัญหาด้วยไม่ได้จริงๆ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้