คำอธิบายของเหยาเจิ้งเทียน เป็ดั่งการเปิดประตูสู่โลกแห่งความรู้ใหม่ๆ ให้กับกู่ไห่!
เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย เมื่อได้ฟังเื่ที่ชายชราตรงหน้าพูด
“ใช่แล้ว! ท่านกู่ ข้ามีหนังสือเกี่ยวกับโครงสร้างของแคว้นอยู่เล่มหนึ่ง ที่ได้รับมาโดยบังเอิญ ตอนเดินทางไปแผ่นดินเสินโจว” เหยาเจิ้งเทียนกล่าว
“โอ้?” กู่ไห่ส่งเสียงด้วยความสงสัย
เหยาเจิ้งเทียนพลิกมือ ก่อนหยิบผ้าไหมออกมา บนหน้าปกมีตัวอักษรสี่ตัวคือ ‘โครงสร้างเมือง์’
“หนังสือเล่มนี้ ไม่ได้เป็ความลับอะไร หากท่านกู่ไปยังแผ่นดินเสินโจว ก็คงจะเสาะหามาได้เช่นกัน” เหยาเจิ้งเทียนยื่นหนังสือให้
กู่ไห่หยิบหนังสือตรงหน้า ก่อนเปิดออกช้าๆ บนผ้าไหมมีตัวอักษรจำนวนนับไม่ถ้วน เขียนติดกันเป็พรืด และราวกับจะมีเสียงเพรียกอันน่าพิศวงซ่อนอยู่ ทันทีที่กู่ไห่แตะต้อง ก็เริ่มดำดิ่งลงสู่ห้วงแห่งความคิดทันที
“ท่านกู่ ข้าขอมอบหนังสือโครงสร้างเมือง์เล่มนี้ให้กับท่าน หวังว่ามันจะเป็ประโยชน์ได้บ้าง” เหยาเจิ้งเทียนยิ้ม
กู่ไห่นิ่งมองดูหนังสือในมือ ก่อนเงยหน้าขึ้น พลางเอ่ย “ขอบคุณ ท่านเหยา! หนังสือเล่มนี้คงจะช่วยข้าได้มากทีเดียว”
“ด้วยความยินดี! ผู้น้อยเพิ่งจะเลื่อนระดับพลัง ดังนั้นจึงจำต้องหาสถานที่สำหรับเก็บตัวเพื่อฝึกพลังให้มั่นคง ข้าขอตัวก่อน หลังจากนี้ไม่นาน ข้าจะส่งอสูรทะเลมาที่นี่ เพื่อให้ช่วยดูแลจวนของท่าน หากมีสถานการณ์อันใดแปลกๆ จะได้สามารถแจ้งให้ข้าทราบได้ทุกเมื่อ” เหยาเจิ้งเทียนบอก น้ำเสียงจริงจัง
“เข้าใจแล้ว! หากเป็เช่นที่ท่านว่า ข้าจะแจ้งให้ท่านเหยาทราบทันที” กู่ไห่ตอบกลับ พลางยกยิ้ม
กลุ่มคนค่อยๆ ส่งเหยาเจิ้งเทียนออกจากจวนสกุลกู่
“ข้าขอตัวลา นายท่านกู่!” เหยาเจิ้งเทียนโค้งคำนับเล็กน้อย ก่อนจะเหาะขึ้นฟ้า หายลับไปในพริบตา
เมื่อแผ่นหลังของเหยาเจิ้งเทียนลับตาไป กู่ไห่ก็กลับมามีท่าทีที่ผ่อนคลายอีกครั้ง
“พ่อบุญธรรม ท่านเหยาผู้นี้ช่างน่าสนใจจริงๆ แล้วเราจะจัดการกับศีรษะนับพันพวกนี้อย่างไร?” กู่ฉินถาม พลางยกยิ้ม
“ท่านเหยามาได้เวลาเหมาะเจาะเหลือเกิน” กู่ไห่ถอนหายใจ
“สำหรับศีรษะของคนเหล่านี้ จงนำไปฝังเสีย” เขากล่าว พร้อมสั่นศีรษะ
“ขอรับ!” กู่ฉินพยักหน้า
หลังเสร็จธุระ กู่ไห่จึงกลับไปยังหอคอยทะยาน์ และเริ่มศึกษาเนื้อหาของหนังสือ ‘โครงสร้างเมือง์’ อย่างละเอียดทันที
ราชวงศ์์ไม่ใช่เื่น่ารู้ แต่เป็บทความที่แนะนำวิธีการสร้างแคว้นนี่ตั้งหาก ที่ดึงดูดความสนใจของเขา แม้จะไม่มีข้อมูลมากมายนัก แต่เนื้อหาภายในเล่ม ก็เพียงพอแล้วสำหรับกู่ไห่ ไว้อนาคตมีอะไรสงสัย ค่อยไปศึกษาอีกครั้งในภายหลัง
“ฮ่องเต้ บัลลังก์ฮ่องเต้ และแผ่นดินของฮ่องเต้ ฮ่องเต้มิได้ถือว่าเป็ขุนนางข้าราชสำนักอย่างนั้นหรือ?” กู่ไห่ที่กำลังอ่านหนังสือ กำลังครุ่นคิดถึงประเด็นนี้อย่างถี่ถ้วน
หลังการก่อตั้งแคว้น และช่วยเหลือผู้ประสบภัยแล้ง เพื่อสะสมพลังกุศล ทว่า ผู้ที่เป็ปฏิปักษ์ต่อกู่ไห่ในเวลานี้นั้น กลับเพิ่มขึ้นทุกที
ความมั่นคงของแผ่นดิน และความสุขในการดำรงชีวิตของประชาชนนั้น ก็เป็การสะสมพลังกุศลอย่างหนึ่ง
การป้องกันศัตรูจากต่างแดน ทำลายผู้รุกรานทั้งหลายนั้น ก็สามารถสะสมพลังกุศลได้
การก่อตั้งแคว้น และเข้ายึดแคว้นอื่นๆ ก็เป็ไปเพื่อการสะสมพลังกุศลเช่นกัน
ตราบเท่าที่แคว้นยังคงอยู่ ยังมีอีกหลายวิธีนัก ที่จะเพิ่มพลังกุศล
โดยการมุ่งเน้นไปที่ผลประโยชน์ของประชาชนและแว่นแคว้นเป็หลัก จากนั้น พลังกุศลก็จะเพิ่มจำนวนขึ้นทุกวันอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะเป็การนำพาโชคลาภ และความเจริญรุ่งเรืองมาสู่แผ่นดิน
“ไม่แปลกใจเลย ว่าเพราะเหตุใดสำนักใหญ่เ่าั้ ถึงได้คอยดูแลชาวบ้าน แต่น่าเสียดาย ที่หลายสำนักบนเกาะจิ๋วหวู่นั้น ไม่อาจเข้าถึงความลำบากของประชาชนได้อย่างแท้จริง
พวกเขา้าเพียงความดีความชอบเท่านั้น จึงได้สร้างภัยพิบัติขึ้น แล้วหลังจากนั้น ก็เข้าไปช่วยประชาชนแก้ปัญหา เพื่อรับพลังกุศลจากคุณงามความดีจอมปลอม? ผู้เป็ะที่พวกเขานับถือ บางครั้งก็ไม่สามารถแก้ไขภัยพิบัติของพวกเขาได้อย่างที่คิด” กู่ไห่รำพึงเล็กน้อย
ขณะที่ศึกษากลยุทธ์ของเมือง์ ก็ไม่ลืมที่จะกำชับผู้ใต้บังคับบัญชา ให้เข้ายึดทั้งสี่แคว้นให้สำเร็จ
...
หนึ่งเดือนต่อมา
“พ่อบุญธรรม แม้ว่าจวนสกุลกู่ของเราจะมีผู้คนใต้อาณัติเป็จำนวนมาก ที่เปี่ยมไปด้วยความสามารถ แต่ถ้าพูดถึงการปกครองดินแดนขนาดใหญ่นั้น คนของเราก็คงไม่เพียงพอ” กู่ฉินเอ่ย
“เตรียมเปิดการสอบคัดเลือก เพื่อดึงดูดผู้มีความสามารถอันเป็ประโยชน์ต่องานของเรา” กู่ไห่กล่าวเสียงต่ำ
“ขอรับ!”
“จริงสิ! พ่อบุญธรรม เหล่าพ่อค้าจากทั่วสารทิศ ได้รายงานเื่การเข้าบรรเทาทุกข์ผู้ประสบภัยในครั้งนี้ ว่าการจัดหาอาหารอาจจะไม่เพียงพอ อย่างมาก ก็เหลือเสบียงให้แจกจ่ายเพียงหนึ่งเดือนเท่านั้น...” กู่ฉินกล่าวอย่างกังวล
“อาหาร? เรือเหาะไป๋อวิ๋นก็อยู่ที่เ้ามิใช่หรือ?” กู่ไห่มองกู่ฉิน
“ขอรับ!”
“เช่นนั้น ก็นำทองจำนวนมากไปยังดินแดนมนุษย์ในแคว้นอื่นๆ บนเกาะจิ๋วหวู่ แล้วซื้ออาหารมา ตอนนี้อะไรที่สามารถทำได้ ก็จงทำเสีย!” กู่ไห่สั่งเสียงต่ำ
“เอ่อ... ขอรับ!” กู่ฉินขานรับอย่างเคร่งขรึม
“เื่นี้ให้ซ่างกวนเหินจัดการ ส่วนเ้า ส่งคนอีกห้าคนติดตามซ่างกวนเหินไปยังดินแดนมนุษย์ ไปเข้าพบฮ่องเต้ของทุกๆ แคว้น แล้วจัดการเื่หนังสือยอมจำนนเสีย!” กู่ไห่เสริมด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ขอรับ!” กู่ฉินตอบ
“เื่สร้างพระราชวังตอนนี้เป็อย่างไรบ้าง?” กู่ไห่ถามอีกครั้ง
“ข้าได้จ้างช่างที่มากไปด้วยฝีมือ เพื่อมาทำงานนี้โดยเฉพาะ พวกเขาทำงานกันด้วยความกระตือรือร้น ทั้งกลางวันและกลางคืน แต่พ่อบุญธรรม พระราชวังที่ท่าน้าสร้างในครั้งนี้ จะไม่ใหญ่เกินไปหรือ? ครอบคลุมทั้งด่านหู่เหลา?” กู่ฉินถามกลับ ด้วยความไม่เข้าใจในความคิดของผู้เป็บิดา
ด่านหู่เหลานั้น ถือได้ว่าเป็พื้นที่อันกว้างใหญ่ของแคว้นเฉิน ในอดีต ถือเป็หนึ่งในสี่ของพื้นที่แคว้นทั้งหมด นี่มิใช่การสร้างเมือง แต่เป็เพียงพระราชวัง ที่เรียกว่า ‘จวนสกุลกู่’ เท่านั้น?... ใหญ่เกินไปแล้ว!
“ใหญ่อย่างนั้นหรือ? ตามที่กล่าวไว้ในหนังสือโครงสร้างเมือง์ขององค์จักรพรรดิ เขาใช้พื้นที่มากเทียบเท่ากับเกาะจิ๋วหวู่เลยทีเดียว หากเทียบกับพื้นที่เล็กๆ นี่แล้ว เ้าคิดว่ามันใหญ่เกินไปอย่างนั้นหรือ?” กู่ไห่ถามกลับ พลางยกยิ้ม
“เอ๊ะ? ขอรับ!” กู่ฉินพยักหน้าตอบด้วยความว่างเปล่า
“หัวใจกว้างเพียงใด แผ่นดินก็จะกว้างถึงเพียงนั้น! ภูมิหลังของเราตื้นมาก แต่เราสามารถสะสมไปได้เรื่อยๆ ข้าเชื่อว่า วันหนึ่งเราจะถึงจุดสูงสุด และเราจะต้องไปให้ถึง มิฉะนั้น ท่านแม่ของเ้าคงจะผิดหวังไม่น้อย หากเ้าพยายามไม่มากพอที่จะเอาชนะศัตรู!” กู่ไห่กัดฟันกล่าวเสียงต่ำ
“ขอรับ!” ด้วยสีหน้าที่แสดงถึงความมุ่งมั่นนั้น กู่ฉินผงกศีรษะ รับฟังคำสั่งสอนจากผู้เป็บิดาบุญธรรม
“ไปเรียกซ่างกวนเหินมาพบข้า ข้ามีเื่บางอย่างที่จะต้องอธิบายให้เขารู้” กู่ไห่เอ่ย
“ขอรับ!” กู่ฉินตอบรับ ก่อนจะถอยออกไป
เขาเรียกซ่างกวนเหินมา เพื่อมอบหมายให้ควบคุมและจัดการปัญหาต่างๆ ทันที ขณะนี้ ยังคงมีอีกหลายแคว้นนัก ที่ต้องประสบปัญหาภัยแล้ง และการขาดแคลนอาหาร ด้วยเหตุนี้ กู่ไห่จึงจำเป็ต้องหาอาหารจำนวนมหาศาลมาให้ได้อย่างรวดเร็ว
ไม่เพียงเพื่อ้าความดีความชอบจากผู้ประสบภัย คำขอบคุณหรือพลังกุศล ที่สำคัญกว่านั้น ก็คือการรักษาความมั่นคงทางจิตใจของมวลประชา
ภายใต้ภัยพิบัติทางธรรมชาติเช่นนี้ กู่ไห่พยายามอย่างสุดความสามารถ เพื่อช่วยเหลือทุกคน หากสามารถซื้อใจพวกเขาได้ ผู้คนก็จะคิดถึงความดีความชอบของเขา และจะไม่มีทางหลงเชื่อผู้ที่มีเจตนาแอบแฝงบางคน ที่คิดจะต่อต้านระบอบการปกครองของกู่ไห่
...
หนึ่งเดือนต่อมา ห้องหนังสือของกู่ไห่
กู่ฉินและเหล่าเหรัญญิก ต่างยืนนิ่งอยู่หน้าโต๊ะของกู่ไห่
“ยินดีด้วยนายท่าน กองทัพเกาเซียนจือ ทำลายเมืองหลวงของแคว้นเจ่า และเข้ายึดครองแคว้นเจ่าได้สำเร็จ” พ่อค้าผู้หนึ่งกล่าวขึ้นด้วยความยินดี
“เพราะเกาเซียนจือมีกองทัพผู้ฝึกตน จึงทำให้สำนักหมู่ตานไม่อาจเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเื่ของแคว้นเจ่าได้ จนถึงตอนนี้ ก็ยังไม่สามารถเข้ามากระทำอันใดกับแคว้นเจ่าได้ แปลกจริงๆ ที่เขาไม่อาจรับมือพวกเราได้” กู่ไห่พูดเสียงเรียบ
“เอ่อ... ขอรับ!” เหล่าพ่อครัวต่างพยักหน้าด้วยความตื่นเต้น
“แคว้นเจ่าก็กำลังประสบภัยแล้งใหญ่เช่นกัน กู่ฉิน แจ้งพ่อค้าเจ่า ให้รีบจัดการช่วยเหลือผู้ประสบอุภัย ให้ผ่านปีแห่งภัยพิบัติไปได้อย่างราบรื่น” กู่ไห่ออกคำสั่ง
“ขอรับ!” กู่ฉินตอบ
“ชาวบ้านทุกข์ยาก ยังต้องมาเจอทหารคุกคามอีก แค่ภัยธรรมชาติก็ลำบากจนไม่อาจลืมตาอ้าปากได้เช่นนี้แล้ว แจ้งเกาเซียนจือ ให้แก้ไขระเบียบวินัยทางทหาร หากมีผู้ฉวยโอกาสขู่เข็ญประชาชน ก็ให้ลงโทษตามกฎทหารอย่างเคร่งครัด” กู่ไห่สั่งเสียงต่ำ
“ขอรับ!”
“ซ่างกวนเหิน เร่งส่งอาหารไปยังแคว้นเจ่า เพื่อป้องกันการขาดแคลนอาหาร” กู่ไห่บัญชา
“ขอรับ!”
“จากบทเรียนนี้ จงปกป้องแคว้นทั้งสี่ด้วยกำลังทั้งหมดของข้า”
“ด้วยบทเรียนนี้ ข้าจะพยายามอย่างเต็มที่ เพื่อปกป้องแคว้นทั้งสี่ ไม่ให้เกิดเื่ขึ้นใน่เวลานี้ การลอบสังหารในแคว้นจิน ข้าไม่้าให้มันเกิดขึ้นอีกเป็ครั้งที่สอง!” กู่ไห่พูดเสียงต่ำอย่างจริงจัง
“ขอรับ!”
คำสั่งยังคงมีออกมาอย่างต่อเนื่องจากกู่ไห่ แต่ก็ต้องหยุดลง เมื่อ เฉินเทียนซานมาะโเรียกอยู่นอกห้องหนังสือ “นายท่าน!”
“เข้ามา!” กู่ไห่เอ่ย พลางมองไปยังร่างของผู้มาใหม่ด้วยความข้องใจ
ไม่ใช่ว่าเฉินเทียนซานกำลังสรรหาผู้ฝึกตน เพื่อเข้ามาเป็ขุนนางหรอกหรือ? แล้วมาที่นี่ทำไม?
เฉินเทียนซานรีบเข้าไปในห้องหนังสือทันที เมื่อเห็นกู่ไห่ สีหน้าก็เคร่งเครียดขึ้น ก่อนเอ่ย “นายท่าน... ถังจู่มาแล้ว!”
“ถังจู่? หลงหว่านชิง?” กู่ไห่ขมวดคิ้วเล็กน้อยอย่างฉงน
“ใช่แล้ว! อีกอย่างสภาพจิตใจของท่านถังจู่ ก็ดูเหมือนจะ...” สีหน้าของเฉินเทียนซานดูแปลกไป
เห็นเช่นนั้น กู่ไห่ก็พลอยตึงเครียดไปด้วย
“เอาละ! ข้าจะจัดการเอง พวกเ้าไปทำหน้าที่ของตนเถอะ” กู่ไห่กล่าวเสียงต่ำ
“ขอรับ!”
เหล่าพ่อค้าขานรับ ก่อนจะรีบลากสังขารออกจากห้องหนังสือไป กู่ฉินก็เช่นกัน ในตอนนี้ จึงเหลือเพียงกู่ไห่และเฉินเทียนซานเท่านั้น
“เกิดอะไรขึ้นกับท่านถังจู่?” กู่ไห่ลุกขึ้นยืน พร้อมกับเอ่ยถามด้วยความสงสัย
“ตอนนี้ท่านถังจู่ดูแย่มาก ข้าไม่สามารถบรรยายออกมาเป็คำพูดได้ นายท่านโปรดไปดูเองเถอะ” เฉินเทียนซานพูดอย่างขมขื่น
“แล้วท่านไต้ซือหลิวเนียนล่ะ?” กู่ไห่ถามด้วยความกังขา
“ไม่พบท่านไต้ซือ มีเพียงถังจู่ผู้เดียว... นี่คล้ายจะมีปัญหาใหญ่เกิดขึ้นนะขอรับ!” เฉินเทียนซานอธิบาย
“นำทางไป!”
เฉินเทียนซานพากู่ไห่ออกจากห้องหนังสืออย่างรวดเร็ว มุ่งหน้าไปยังห้องโถงใหญ่ที่อยู่ไกลออกไป
ที่ทางเข้าห้องโถง องครักษ์ทั้งสามของหลงหว่านชิง ยังคงยืนอยู่หน้าประตูด้วยท่าทีสงบนิ่ง ก่อนหน้านี้ พวกเขารักษาอาการาเ็ที่จวนสกุลกู่ หลังจากพักรักษาตัวมาหลายเดือน ก็ดูเหมือนอาการจะดีขึ้นมากทีเดียว และสามคนนี้นี่เอง ที่เป็ผู้ให้กู่ฉินยืมเรือเหาะไป๋อวิ๋น
เมื่อเห็นกู่ไห่เดินมา พวกเขาทั้งสามต่างกล่าวอย่างนอบน้อม “ท่านกู่ไห่... ถังจู่อยู่ข้างในขอรับ!”
กู่ไห่พยักหน้า และเดินเข้าไปในห้องโถงใหญ่ ส่วนเฉินเทียนซานและองครักษ์ทั้งสาม ก็ยืนรอด้วยความสงบอยู่นอกห้อง
ทันทีที่เข้ามาในห้อง ดวงตาคมก็สบเข้ากับร่างของหลงหว่านชิง ทว่า ท่าทีของนางในยามนี้ กลับดูราวกับคนสิ้นหวัง ผมปล่อยสยายไม่เป็ทรง ใบหน้าเต็มไปด้วยฝุ่นขะมุกขะมอม เสื้อผ้าขาดวิ่นไม่เป็ระเบียบเล็กน้อย ดูไม่ได้ห่วงภาพลักษณ์ของตนเลย นางถือถ้วยชาเอาไว้ ขณะที่ใบหน้าเต็มไปด้วยความกังวล
เมื่อรู้สึกว่ามีคนก้าวเข้ามา หลงหว่านชิงก็เงยหน้าขึ้นมามองทันที
พอเห็นว่าเป็กู่ไห่ ดวงตาคู่สวยก็เริ่มแดงก่ำ
“กู่ไห่! ในที่สุดก็ได้พบเ้าแล้ว” หลงหว่านชิงร้องไห้ และกระโจนเข้าใส่อีกฝ่าย
หญิงสาวคว้าแขนเสื้อของเขาแน่น ราวกับกลัวว่ากู่ไห่จะหนีตนไป
“ถังจู่ เกิดอะไรขึ้นกับท่าน? แล้วไต้ซือหลิวเนียนล่ะ?” กู่ไห่เอ่ยถามด้วยความเคลือบแคลงใจ
หลงหว่านชิงพลันร้องไห้อย่างน่าสงสาร คว้าแขนของกู่ไห่แน่น ชายตรงหน้านี้ คือฟางเส้นสุดท้ายที่จะช่วยชีวิตพวกเขาเอาไว้ได้
“กู่ไห่! เ้ารีบช่วยท่านไต้ซือเถอะ... ไปเดี๋ยวนี้เลย เร็วเข้า! เ้าไปช่วยพวกเขาที… ฮือๆๆๆ! พวกเขากำลังจะตาย กลายเป็หินไปกันหมดแล้ว!” หลงหว่านชิงกล่าวเสียงสั่น พลางสะอื้นไห้อย่างหนัก
“ท่านหมายความว่าอย่างไร? กลายเป็หิน?” กู่ไห่ถามกลับอย่างไม่เข้าใจ
“ไม่ใช่หิน แต่กลายเป็เม็ดหมากล้อม เม็ดหมากล้อมหิน ข้าก็เกือบจะกลายเป็หินไปแล้ว แต่ท่านไต้ซือช่วยข้าเอาไว้ เขาผลักข้าออกมา ให้มาหาเ้า บอกว่ามีเพียงเ้าเท่านั้น ที่จะช่วยพวกเราได้... ฮือๆๆๆๆ! ได้โปรดช่วยไต้ซือหลิวเหนียนด้วย
ข้าถูกเลี้ยงดูมาโดยท่านไต้ซือ เขาเปรียบเสมือนพ่อของข้า คอยอยู่เคียงข้างและปกป้องข้า แต่ตอนนี้เขากำลังจะกลายเป็เม็ดหมาก... เ้าช่วยท่านไต้ซือหลิวเหนียนด้วย!” หลงหว่านชิงเอ่ยเสียงเครือ
“กลายเป็เม็ดหมาก?” กู่ไห่งุนงงเล็กน้อย
คนกลายเป็เม็ดหมากอย่างนั้นหรือ?