หลังจากที่สิ้นสุดการโหวตแล้ว จ้าวิิไม่พูดอะไรทั้งนั้นจะวิ่งหนีอยู่ท่าเดียว แต่ทว่าไหล่ของเขาได้ถูกหลิวเทียนเทียนดึงไว้ทันที หลิวเทียนเทียนมองจ้าวิิด้วยความเหนียมอายอยู่บ้าง
“เธอ้าจะทำอะไร? ฉันจะะโเรียกคนแล้วนะ” จ้าวิิปริปากพูดด้วยสีหน้าที่ซีด
“นายเรียกเถอะ จะเรียกจนคอแตกก็ไม่มีใครช่วยนาย” หลิวเทียนเทียนดึงมือของเขาพลางพูด
หลังจากนั้นจึงดึงมือเขาแล้วลากไปออกนอกห้องเรียน จ้าวิิเรียกให้ช่วยอย่างไม่หยุด แต่ทว่าไม่มีใครกล้าที่จะช่วยเขา นักเรียนชายแหวกทางให้กับสาวแกร่งคนนี้
มองดูเงาที่เลือนหายไปของจ้าวิิกับหลิวเทียนเทียน ฉันส่ายหน้าด้วยความเ็ปรวดร้าว รู้ว่าจ้าวิิต้องจบเห่ลงแล้ว ถูกหลิวเทียนเทียนผู้หญิงที่เป็ดั่งกับไทแรนโนซอรัสย่ำยี ฉากนั้นจะต้องสยดสยองจนดูไม่ได้แน่นอน
“ดูแล้วฉันก็ควรจะเตรียมตัวให้พร้อม” ฉันมองดูโทรศัพท์มือถือของตนเองพลางบ่นพึมพำ ฉันเข้าใจกฎของเกมนี้อย่างลึกซึ้ง อันดับแรกต้องมีอิทธิพลพอในชั้นเรียน สามารถทำให้ทุกคนโหวตตามความ้าของฉันได้
“ตอนบ่ายพวกเรายังจะต้องสืบกันต่อไหม?” หลี่โม่ฟ๋านถาม
“ไปสิ ยังไงตอนบ่ายก็ไม่มีเรียน” ฉันพูดอย่างไม่สนใจใยดี ในการข่มขู่ด้วยความตายที่ใกล้คืบคานเข้ามาทุกก้าว ใครๆ ในชั้นเรียนก็ไม่มีจิตใจที่จะเรียนกัน ยังไงก็โดดเรียนแล้ว ดังนั้นก็ไม่ต้องใส่ใจอะไรอีก
หลักจากเสร็จสิ้นการโหวต ทุกคนก็เริ่มคึกคักขึ้นมา เพิ่งผ่านพ้นวิกฤตความตายมา ทุกคนก็รู้สึกโล่งอกกันขึ้นมาเลยทีเดียว
ทั้งห้องเรียนคึกคักเป็ที่สุด ไม่นานครูประจำชั้นก็เดินเข้ามา ขมวดคิ้วแล้วพูดะโใส่พวกเราว่า “จะคึกคักกันอย่างนี้ทำไม? ตลอดทางเดินได้ยินแต่เสียงพวกของเธอ”
นักเรียนที่อยู่ด้านล่างรีบก้มหน้าลงกันหมด ทั้งห้องถือว่าเงียบสงบแล้ว แต่ทว่าความวุ่นวายที่แบบสอบถามได้นำมานั้นยังไม่สิ้นสุด
สองสามคาบเรียนหลังจากนี้ ในชั้นเรียนได้มีการวิพากษ์วิจารณ์กันขึ้นเรื่อยๆ หลิวเทียนเทียนพาจ้าวิิออกไปแล้ว แต่ยังไม่กลับมากันเลย แต่น่าจะไปเปิดห้องที่ด้านนอกโรงเรียน และฉันก็กำลังใช้โทรศัพท์มือถือพูดคุยปรึกษากันอยู่กับเย่รั่วเซวี่ย ตอนบ่ายจะไปสืบกันที่ไหน
หลายๆ ที่ในโรงเรียนก็ไปมาหมดแล้ว ที่เหลือก็เป็สถานที่ต้องห้ามของโรงเรียน หากไม่เคยเกิดคดีฆาตกรรม ก็จะเป็สถานที่ที่เคยมีการฆ่าตัวตาย แต่ไม่ว่าจะเป็ที่ไหนๆ ในที่นี้แม้แต่่กลางวันยังอึมครึมเหลือเกิน แค่เธอคนเดียวคงจะไม่ไปเด็ดขาด
“ถ้างั้นนายก็ไปเป็เพื่อนฉัน” เย่รั่วเซวี่ยพูดใน QQ
“ไม่มีปัญหา ฉันไปเป็เพื่อนเธอก็ได้” ฉันพูดใน QQ ด้วยความประหลาดใจ
“อืม งั้นก็เยี่ยมไปเลย” เย่รั่วเซวี่ยพูด
หลังจากนั้นฉันก็เก็บโทรศัพท์มือถือด้วยความชื่นอกชื่นใจเป็อย่างยิ่ง แล้วก็ลืมเื่ราวทุกอย่างไปจนหมด หลังจากนั้นก็พูดคุยอยู่กับหลี่โม่ฟ๋าน
เวลาตอนบ่าย หลิวเทียนเทียนพาจ้าวิิที่ใบหน้าดับมอดกลับมาแล้ว จ้าวิิดูแล้วหน้าซีดเผือกเป็ที่สุด ในระหว่างที่เพื่อนๆ ที่รายล้อมพากันเอะอะโวยวาย หลิวเทียนเทียนได้ประกาศอย่างเปิดเผยว่า “หลังจากนี้จ้าวิิคือผู้ชายของฉัน ใครกล้ารังแกเขา ก็ถือว่าเป็ศัตรูกับฉัน”
แต่จ้าวิิไม่มีปฏิกิริยาตอบรับ ตามหลังหลิวเทียนเทียนที่รูปร่างสูงใหญ่ เงาที่ผอมและอ่อนแอของเขาดูแล้วยิ่งซีดเผือก ซึ่งทำให้สีหน้าของพวกเราแปลกประหลาด ดูแล้วพวกเขาน่าจะมีความสัมพันธ์กันแล้วแน่นอน
จ้าวิิแค่จะมองเพื่อนที่อยู่โดยก็ยังไม่มอง มุดหัวนั่งอยู่ที่โต๊ะ หมอบหัวลงแล้วก็ไม่ลุกขึ้นอีก และเพื่อนที่อยู่โดยรอบก็ไม่มีใจที่จะล้อเล่นกับเขา ทุกคนยุ่งอยู่กับการเข้าร่วมการสืบ
“ใช่ ตอนนี้พระสงฆ์กับนักบวชไม่ใช่ว่ามีมากเหรอ?” หวางอู่พูดตาเป็ประกาย
“ถ้าเช่นนั้นก็เชิญมา 1 ท่านสิ ทุกคนรวมเงินกัน” มีคนเสนอขึ้นมาทันที
“ไม่ต้อง ฉันรับผิดชอบคนเดียวก็ได้” หวางอู่ขันอาสา
“ถ้าเช่นนั้นก็รบกวนนายแล้ว” นักเรียนหญิงพูดขึ้นมาทันที ทุกคนในชั้นเรียนต่างก็รู้ว่าหวางอู่คือผู้มีอิทธิพลในท้องที่ ด้วยเหตุนี้ใครๆ ก็ไม่กล้าตอบโต้ ต่างก็ใช้สายตามองหวางอู่
หวางอู่เดินออกไปอย่างภาคภูมิใจ ดูแล้วน่าจะวางแผนที่จะไปเชิญนักบวชแล้ว
และฉันกับเย่รั่วเซวี่ยก็เริ่มดำเนินการ พวกเราสองคนเตรียมที่จะไปหอพักหญิงที่ต้องคำสาป ที่นั่นคือเขตต้องห้ามของโรงเรียน แน่นอนว่า่กลางวันที่นั่นจะไม่มีคน
ฉันกับเย่รั่วเซวี่ยมาถึงบริเวณหอพักหญิงที่ต้องคำสาป ที่นี่ชำรุดทรุดโทรมไปหมด รอบๆ ก็เงียบสงัด เย่รั่วเซวี่ยจับแขนฉันอย่างกลัวๆ ทำให้ฉันแอบรู้สึกดีเหลือเกิน
“อย่ากลัวเลยฉันจะปกป้องเธอเอง” ฉันพูดกับเย่รั่วเซวี่ย เย่รั่วเซวี่ยยิ้มหวานแล้วพูดว่า “งั้นก็ขอบคุณนายมากนะ”
พวกเราสองคนเดินเคียงไหล่กันเข้าไปในหอพักหญิง นี่คือสถานที่ที่วิเวกวังเวง ไม่มีเสียงใดๆ ทั้งสิ้น หลังจากเดินเข้าไป ทันใดนั้นก็ฉันรู้สึกว่าเย็นะเืวูบหนึ่ง ทั้งหอพักหญิง ช่างคล้ายนรกเสียเหลือเกิน
ถึงแม้ว่าเป็่กลางวัน ทั้งหอพักหญิงกลับมืดอึมครึม หลังจากเดินเข้าไป มีลมเย็นะเืพัดเข้ามาอย่างฉับพลัน คล้ายว่าทำให้เย็นเข้าไปถึงในใจ เย่รั่วเซวี่ยจับแขนฉันไว้แน่น ไม่กล้าปล่อยมือแม้แต่น้อย
ซึ่งในเวลานี้ฉันก็ไม่เวลาสนใจเย่รั่วเซวี่ยแล้ว แต่จูงมือเธอ ฉันเดินไปที่บันไดอย่างกล้าหาญ ทั้งหอพักหญิงไม่มีการใช้งานแล้ว และก็ไม่มีใครทั้งนั้น
เสียงเดินของพวกเราได้สะท้อนอยู่ทั่วทั้งในตึก ทางเดินมืดมาก เมื่อเดินอยู่บนทางเดิน ฉันมองไปรอบๆ หอพักอยู่ตลอดเวลา ในนี้ไม่มีคนเลยจริงๆ เหลือแค่ไม้กระดานเตียงเท่านั้น
ทั้งหอพักหญิง มีแต่ฝุ่น ดูท่าจะไม่ได้ใช้งานนานแล้ว พวกเราเดินขึ้นชั้น 2 อย่างระมัดระวัง เริ่มตรวจสอบอย่างระมัดระวัง ในหอพักโดยรอบ ทั้งหมดล้วนว่างเปล่า ไม่มีพลังชีวิตใดๆ
“เล่ากันนักเรียนหญิงที่ะโตึกฆ่าตัวตายอยู่ชั้น 5 พวกเราไปดูชั้น 5 กันเถอะ” ฉันพูดกับเย่รั่วเซวี่ย
เย่รั่วเซวี่ยดูแล้วน่าจะกลัวๆ พลางพูดว่า “ถ้างั้นพวกเรากลับกันเถอะ”
ฉันพูดอย่างจริงจังว่า “อย่าได้กังวล ฉันจะปกป้องเธอเอง” เย่รั่วเซวี่ยพยักหน้า เดินตามฉันขึ้นไปที่ชั้น 5 แต่หลังจากที่พวกเราก็เดินขึ้นมาติดกัน 3 ชั้น กลับพบว่าพวกเรายังคงอยู่ที่ชั้น 2 อย่างประหลาดใจ
มองดูตัวเลขชั้น 2 ที่อยู่ข้างบน ฉันรีบจูงมือเธอเพื่อ้าที่จะเดินลง แต่ทว่าเหตุการณ์ที่แปลกประหลาดได้เกิดขึ้น หลังจากที่พวกเราได้ลงมาที่ชั้น 1 กลับพบว่าพวกเรายังคงอยู่ที่ชั้น 2
“นี่มันอะไรกัน?” ฉันมองป้ายที่อยู่เบื้องหน้าอย่างตกตะลึงจนตาค้าง หมายเลขประตูที่อยู่้าเขียนเป็เลข 2 พอดี ซึ่งแสดงว่านี่คือชั้น 2 พวกเรากลับมาที่เดิมอีกแล้ว
“ไม่ใช่มั้ง พวกเราเดินกันต่อเถอะ” เย่รั่วเซวี่ยพูดด้วยความกลัว หลังจากนั้นเธอรีบร้อนเดินลงไป และฉันก็เดินตามเธอลงบันไดไป หลังจากเดินมาถึงชั้นล่าง ครั้งนี้สีหน้าขาวซีดไปหมด
เบื้องหน้าฉัน แขวนหมายเลข 2 ไว้สูง ซึ่งก็คือชั้น 2 คราวนี้เย่รั่วเซวี่ยได้ร้องไห้ฟูมฟายออกมา “พวกเราควรจะทำยังไงกันดี? พวกเราลงไปไม่ได้ตลอดกาลแล้ว”
ใจเย็น ต้องใจเย็น ฉันเตือนตัวเองอยู่ตลอด มองสถานการณ์ประหลาดที่อยู่เบื้องหน้า ฉันรู้ว่าหากไม่ใจเย็นลง มิฉะนั้นแล้วสิ่งที่รอพวกเราอยู่ก็คงมีแค่ความตาย
“เดินลงตึกอย่างต่อเนื่อง พวกเราต้องเดินออกไปได้แน่นอน” ฉันจูงมือเย่รั่วเซวี่ยพลางพูด ในขณะเดียวกันฉันแอบใช้มีดพกขีดบนกำแพงหนึ่งขีด หลังจากนั้นก็จูงเย่รั่วเซวี่ยหันหลังเดินลงไป
และเดินลงบันไดไปอย่างช้าๆ พวกเราเดินลงไปอีก ครั้งนี้ พวกเรามาถึงชั้นล่างอีก และครั้งนี้สิ่งที่พวกเรารออยู่ ก็ยังคงเป็หมายเลข 2 ที่เยือกเย็น
ครั้งหลังนี้เย่รั่วเซวี่ยถึงกับพังไปเลย เธอล้มลงกับพื้น ร้องไห้ฟูมฟายพลางะโ “ทำไมถึงเป็อย่างนี้? พวกเราไม่มีทางเดินออกไปได้อีกแล้ว ต้องเป็ผีแน่นอน”
“รอสักครู่” ฉันพูดจบก็หันไปมองกำแพง บนกำแพงมีรอยที่เมื่อกี้ฉันขีดไว้จริงๆ ลูกตาดำของฉันหดเข้ามาทันที เครื่องหมายที่ฉันทำไว้ทำไมถึงมาปรากฏอยู่ที่นี่ได้
“เธอรอสักครู่ ไม่แน่ว่าฉันอาจจะหาทางออกได้แล้ว” ฉันพูดดั่งกับมีแสงแห่งปาฏิหาริย์แวบเข้ามา หลังจากนั้นก็มองเย่รั่วเซวี่ยที่ร้องไห้ฟูมฟาย พวกเรารีบวิ่งขึ้นไปชั้นบนที่ยังคงเป็ชั้น 2 จริงๆ
ฉันะโที่บันไดว่า “เย่รั่วเซวี่ย เธอดูรอยขีดที่อยู่บนกำแพงสิ ดูเครื่องหมายที่หมายเลข
ประตูทีอีกสิ ทั้งหมดล้วนมีใช่ไหม?”
“ทั้งหมดล้วนมี ใช่ทั้งหมด” เสียงของเย่รั่วเซวี่ยดังขึ้น ซึ่งนี่ทำให้สีหน้าของฉันตะลึงงันขึ้นมาทันที ฉันดูเครื่องหมายที่อยู่เบื้องหน้า เลี่ยงไม่ได้ที่จะส่ายหน้า เริ่มแรกเป็เพราะว่าผีได้เปลี่ยนเครื่องหมายของฉัน แต่ตอนนี้ดูแล้วว่าไม่ได้เป็เช่นนั้น
พวกเราคล้ายกับว่าก้าวเข้าสู่ชั้นที่เป็วังวนที่ไม่มีที่สิ้นสุด ไม่ว่าจะขึ้นหรือลง ก็ล้วนเป็ชั้น 2 ไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ พวกเราถูกกักอยู่ในตึกแห่งนี้ ออกไปไม่ได้อีกแล้ว