ขณะที่เซี่ยเสี่ยวหลานอยู่ระหว่างทางไปหยางเฉิง เซี่ยจื้ออวี้และหวังเจี้ยนหัวคู่รักนักศึกษาสองคนก็นั่งรถจากปักกิ่งมาถึงซางตูแล้วและได้ถือกระเป๋าน้อยใหญ่ลงจากรถทันทีที่ถึงสถานีรถไฟซางตู
สภาพเศรษฐกิจของซางตูย่อมล้าหลังกว่าปักกิ่ง แต่ในฐานะที่เป็ศูนย์กลางรถไฟประจำพื้นที่ภาคกลางถือว่าสถานีรถไฟซางตูเป็สถานีรถไฟขนาดใหญ่ในประเทศผู้คนจำนวนมากมาเปลี่ยนเส้นทางรถที่ซางตู หวังเจี้ยนหัวคนเดียวถือสัมภาระส่วนใหญ่โชคดีที่เซี่ยจื่ออวี้หาใช่คนอ่อนแอไม่ กว่าทั้งสองจะออกจากสถานีรถไฟได้ ต่างก็มีสภาพค่อนข้างน่าอับอาย
หวังเจี้ยนหัวนึกถึงความทรงจำที่ไม่ดีขึ้นมาเขาคิดว่าตนเองสอบติดมหาวิทยาลัยแล้วก็จะสามารถจากลามณฑลอวี้หนานไปได้ไม่คิดไม่ฝันว่าความเกี่ยวข้องกับที่นี่จะตัดไม่ขาด การโดนส่งลงชนบทย่อมมิใช่ความทรงจำอันแสนหวานแน่นอนทว่าที่ที่เขาเคยอยู่ก่อนหน้านี้ย่ำแย่กว่าหมู่บ้านต้าเหอเสียอีก เขาจึงคิดวิธีร้อยแปดพันเก้าเพื่อทำการย้ายสถานที่ในการลงชนบท
“ไปเถอะ อย่าปล่อยให้พ่อแม่เธอรอนานเลย”
ทั้งสองคนตัดสินใจไปร้านจางจี้อาหารว่างด้วยกัน พักผ่อนในเขตอันชิ่งก่อนอีกสักสองสามวันค่อยกลับหมู่บ้านต้าเหอ
สภาพแวดล้อมในตัวเมืองสะอาดสะอ้านมีระเบียบทีเดียว เซี่ยจื่ออวี้ที่รังเกียจหมู่บ้านต้าเหออันแสนแร้นแค้นอยู่แล้วเธอจึงอยากพาหวังเจี้ยนหัวไปชมความเหนื่อยยากของร้านอาหารว่างเสียหน่อยแม้เธอจ่ายเงินแก่คนตระกูลหวัง แต่คนบ้านหวังจะมาทึกทักเอาเองว่าเธอสามารถขอเงินจากตระกูลเซี่ยได้อย่างง่ายดายเสมอไปได้!
เซี่ยจื่ออวี้ตั้งใจไม่ให้คนในบ้านมารับที่สถานีรถไฟและนั่งรถรับส่งกับหวังเจี้ยนหัวกลับเขตอันชิ่ง ตอนนี้เซี่ยนอีจงปิดภาคเรียนแล้วบวกกับน้าหวงจานด่วน่ชิงลูกค้าไปส่วนหนึ่ง ไม่จำเป็ต้องแสดงด้วยซ้ำ กิจการร้านจางจี้อาหารว่างดูซบเซาลงไปไม่เบา
เซี่ยหงเซี๋ยกวาดสายตาไปทั่วสารทิศ เธอเป็คนแรกที่พบพวกเซี่ยจื่ออวี้
“ป้าสะใภ้ ลุง พี่จื่ออวี้กลับมาแล้ว!”
เซี่ยหงเซี๋ยตื่นเต้นยิ่งนักวิ่งไปรับของถุงน้อยใหญ่จากในมือเซี่ยจื่ออวี้ เซี่ยจื่ออวี้ใบหน้าเจือไปด้วยรอยยิ้ม “หงเซี๋ย ไม่เจอครึ่งปีสวยขึ้นเป็กองเชียว!”
เซี่ยหงเซี๋ยปลาบปลื้ม อีกทั้งยังเรียกหวังเจี้ยนหัวว่า ‘พี่เขย’ ด้วย
หวังเจี้ยนหัวพยักหน้ารับ
เขาไม่สนิทสนมกับเซี่ยหงเซี๋ยจริงๆ ตอนอยู่หมู่บ้านต้าเหอทั้งสองคนไม่ได้ทำความรู้จักกันอะไรมากแน่นอนว่าเขาสนิทสนมกับน้องสาวอีกคนของเซี่ยจื่ออวี้เป็อย่างยิ่ง
“จื่ออวี้ ลูกให้เจี้ยนหัวซื้อของเยอะแยะขนาดนี้ได้อย่างไร? เด็กคนนี้นี่ไม่เกรงใจเอาเสียเลย!”
หวังเจี้ยนหัวชิงเอ่ยปากก่อนเซี่ยจื่ออวี้ “คุณน้านั่นเป็เื่ที่ผมควรจะทำน่ะครับ”
จางชุ่ยพึงพอใจเหลือเกิน
ตอนที่ทั้งสองเพิ่งลงเอยกันนั้น หวังเจี้ยนหัวไม่เต็มใจเท่าไร อย่าว่าแต่ท่าทางของเขาที่มีต่อเธอเลยขนาดท่าทางที่มีต่อเซี่ยจื่ออวี้ก็เหินห่างและเ็าพอไปเรียนหนังสือด้วยกันครึ่งปีแม้แต่หัวใจซึ่งทำด้วยหินก็คงถูกทำให้อบอุ่นโดยเซี่ยจื่ออวี้อย่างแน่นอน
หวังเจี้ยนหัวให้เกียรติเซี่ยจื่ออวี้ทุกประการ เซี่ยจื่ออวี้ย่อมเบิกบานอยู่ในใจ
หวังเจี้ยนหัวสูงสง่าผ่าเผย เจียงเหลียนเซียงอิจฉาแทบทนไม่ได้แล้วแอบคุยกับสามีอย่างจางหม่านฝู “ชะตาชีวิตของหลานสาวช่างดีจริงๆ”
จางหม่านฝูเห็นด้วยเป็อย่างมาก นั่นคือหลานสาวของเขา ชะตาชีวิตย่อมดีแน่นอน!
หวังเจี้ยนหัวสำรวจหน้าร้านสองคูหานี้ สุขอนามัยดูแลได้เรียบร้อยทีเดียวข้าวของเครื่องใช้ล้วนเช็ดถูจนเอี่ยมอ่อง บนผนังยังแปะประเภทอาหารต่างๆนานาและราคาไว้ด้วย ฝีมือพู่กันจีนนั้นแค่เห็นก็รู้ว่าเขียนโดยเซี่ยจื่ออวี้
เซี่ยจื่ออวี้หน้าแดง “เขียนไม่สวยเท่าตัวหนังสือของเธอหรอก”
แม้เธอเริ่มขยันหมั่นเพียรเรียนรู้ั้แ่มัธยมต้มทว่าพื้นฐานบางด้านที่ขาดหายไปก็ฟื้นฟูกลับมาในชั่วขณะเดียวไม่ได้ต่อให้่เวลาน่าเวทนาที่สุดของหวังเจี้ยนหัวคือย้ายไปทำงานเกษตรในหมู่บ้านต้าเหออย่างไรเสียวงศ์ตระกูลก็เคยมีพื้นเพที่โดดเด่นได้รับการศึกษาอย่างเข้มงวดั้แ่วัยเยาว์ นอกจากสามารถใช้พู่กันเขียนตัวอักษรได้อย่างวิจิตรงดงามเขายังวาดภาพเป็อีกด้วย
เซี่ยจื่ออวี้ไร้พื้นฐานเกี่ยวกับทักษะเหล่านี้เพื่อนนักเรียนในมหาวิทยาลัยหลายคนล้วนเปี่ยมไปด้วยพร์หลายด้าน เธอจึงเกิดความรู้สึกอ่อนไหวและไม่ค่อยสบายใจนัก
หวังเจี้ยนหัวยิ้มแย้ม กล่าวสองประโยคแล้วข้ามหัวข้อสนทนาไปเสียเลย
“ถ้าอย่างนั้นฉันช่วยเขียนใหม่ให้อีกชุด ขอเพียงคุณอากับคุณน้าไม่รังเกียจที่ฉันจะขอใช้กระดาษกับพู่กันก็พอ”
จะรังเกียจได้อย่างไร?
ว่าที่ลูกเขยเขียนเชียวนะ
เซี่ยจื่ออวี้บอกว่าหวังเจี้ยนหัวจะมีอนาคตไกล ตอนนี้ก็สามารถมองเห็นเค้าลางบางส่วนแล้วเขากับเซี่ยจื่ออวี้สอบติดมหาวิทยาลัยเดียวกัน ทว่าความสามารถในสถานศึกษาของเขานั้นยอดเยี่ยมกว่าเซี่ยจื่ออวี้ยิ่งนัก
แม่ยายมองลูกเขยที่แสนดีเช่นนี้ ก็รู้สึกว่ามองอย่างไรก็ไม่พอ
จนเซี่ยจื่ออวี้เตือนเธอ เธอถึงรู้สึกตัวขึ้นมา “ดูแม่สิลืมไปได้อย่างไร พวกลูกนั่งรถไฟเหน็ดเหนื่อยกันแล้วสินะรีบไปพักผ่อนด้านหลังเถอะ แม่จะทำของกินให้ทั้งสองคนเอง”
ที่แท้ด้านหลังร้านก็คือบ้าน ปกติคนในร้านห้าคนล้วนอาศัยอยู่ด้านหลัง
ทว่ามีห้องเพียงสี่ห้องเท่านั้น เซี่ยจื่ออวี้ทำได้เพียงนอนเบียดเตียงเดียวกับเซี่ยหงเซี๋ยอีกห้องหนึ่งเอาให้หวังเจี้ยนหัวนอน จางชุ่ยและสามีให้ความสำคัญกับลูกเขยคนนี้มากไม่เพียงแต่ปัดกวาดเช็ดถูในห้องจนสะอาด ผ้านวมบนเตียงยังทำจากฝ้ายใหม่ด้วยฤดูหนาวของมณฑลอวี้หนานหิมะตกบ่อยครั้ง แถบนี้กลับไม่นิยมทำเตียงอิฐ [1] ไว้ภายในบ้านเหมือนทางตะวันออกเฉียงเหนือที่ไม่ว่าในเมืองหรือในชนบทต่างนอนบนเตียงอิฐจางชุ่ยใช้เตารมไอในห้องจนอบอุ่นล่วงหน้าไว้ก่อนแล้วใต้ผ้านวมยังใส่ถุงน้ำร้อนสองถุงไว้อีกด้วย
เดิมทีหวังเจี้ยนหัวแค่อยากเอนกายลงบนเตียง แต่ผ้านวมช่างอบอุ่นนุ่มสบาย ยิ่งนักเขาจึงหลับใหลไปโดยไม่รู้ตัว
เซี่ยหงเซี๋ยดึงตัวเซี่ยจื่ออวี้ไว้พลางถามไถ่โน่นนี่นั่นไม่หยุดหย่อนจางชุ่ยยกบะหมี่สองชามเข้ามา “ทานรองท้องก่อน แล้วเจี้ยนหัวเล่า?”
เซี่ยจื่ออวี้ชะเง้อมองเข้าไปในห้อง “เขาหลับไปแล้วฉันออกไปกินก่อนดีกว่า”
จางชุ่ยมองบะหมี่นวดมือที่โปะไข่ดาวอีกชามหากบะหมี่เหนียวหนึบติดกันก็จะไม่อร่อย เซี่ยจื่ออวี้จึงยกบะหมี่ให้แก่เซี่ยหงเซี๋ย “หงเซี๋ยเธอกินก่อนเถอะ”
“พี่เป็ห่วงฉันด้วย!”
เซี่ยหงเซี๋ยชื่นอกชื่นใจ
จางชุ่ยสะกดกลั้นความ้ากลอกตาเอาไว้แม้ไม่ได้จ่ายเงินเดือนแก่เซี่ยหงเซี๋ยที่ทำงานในร้านแต่อาหารสามมื้อต่อวันก็ดูแลเธอไม่เคยขาดเกียจคร้านตะกละตะกลามอย่างกับผีหิวโซมาเกิด ทั้งยังทำงานไม่มากมายเท่าไรหลังมาอยู่ที่เขตอันชิ่งกลับอ้วนท้วนขึ้นเป็เท่าตัว
บะหมี่หนึ่งชามก็เบี่ยงเบนความสนใจของเซี่ยหงเซี๋ยได้แล้วเซี่ยจื่ออวี้โดนเธอซักไซ้จนรู้สึกเหนื่อยไม่น้อย
เธอรับประทานบะหมี่เสร็จ เห็นหวังเจี้ยนหัวยังไม่ตื่นนอนจึงบอกจางชุ่ยว่าอยากออกไปเดินเล่นเสียหน่อย
“เอาของมากมายจากปักกิ่งมามันไกลเกินไป ฉันว่าจะออกไปซื้อของเพิ่มเติมในตัวเมืองหน่อย”
เซี่ยหงเซี๋ยอยากไปด้วย แต่ถูกจางชุ่ยวานให้อยู่เฝ้าร้าน
เซี่ยจื่ออวี้และจางชุ่ยเดินออกไปไกลสิบกว่าเมตร เมื่อเห็นว่าไกลจากร้านพอสมควรแล้วเซี่ยจื่ออวี้จึงถามถึงเซี่ยเสี่ยวหลานเป็อันดับแรก
“เล่าในโทรเลขก็ไม่ค่อยชัดเจน แม่เล่าอย่างละเอียดให้ฉันฟังอีกทีสิ”
จะเริ่มเล่าจากตรงไหนดี?
อันที่จริงจางชุ่ยไม่รู้เช่นกันว่าหลิวเฟินเอาความมั่นใจในการหย่ามาจากไหนอย่างไรเสียสุดท้ายเธอก็ได้ตัดขาดความสัมพันธ์กับตระกูลเซี่ยแล้ว ทำให้จางชุ่ยคิดจะทำอะไรก็ไม่สะดวกเอาเสียเลย
“หัวหน้าหมู่บ้านที่บ้านแม่หลิวเฟินคนนั้น วาจาแน่วแน่มากไม่ใช่แค่สนับสนุนใหเเธอหย่ายังบอกด้วยว่าจะแบ่งที่ดินและที่ปลูกบ้านให้พวกหลิวเฟิน”
จางชุ่ยเข้าอาศัยอยู่ในเมืองมาสองสามปีแล้ว กิจการร้านอาหารว่างก็ไม่เลว ทว่าความคิดของเธอกลับไม่เปลี่ยนแปลงเกษตรกรยังต้องมีบ้านมีที่ดินทำกิน แม้ว่าในเมืองจะหาเงินได้ง่ายดายยิ่งนักทว่าไม่มีอาคารในเมืองสักห้องที่เป็ของเธอเองจางชุ่ยไม่โปรดปรานที่ดินและบ้านในหมู่บ้านต้าเหอก็จริง แต่พวกมันคือหลักประกันของเธอ
เซี่ยจื่ออวี้คิดตาม โชคดีเสียจริงๆ นะ
ได้รับการแบ่งสรรที่ดินและบ้านเล็กๆ น้อยๆ ในชนบทก็ไม่ได้ยิ่งใหญ่อะไรนัก ดีเสียอีกที่เซี่ยเสี่ยวหลานย้ายออกไปไกลจะได้ไม่ต้องพบกับหวังเจี้ยนหัว
เธอถามว่าเกิดอะไรขึ้นกับจางเสเพลอีกครั้ง จางชุ่ยเองยังเข้าใจไม่ชัดเจนด้วยซ้ำรู้เพียงว่าได้ไปลักขโมยเงินหลวงและโดนปราบปรามเข้าพอดี จึงถูกตัดสินโทษจำคุกตลอดชีวิตเซี่ยจื่ออวี้พยักหน้าพลางกล่าวถึงน้าหวงจานด่วนตรงข้ามจางจี้อาหารว่าง
“ฉันว่าธุรกิจในร้านไม่ดีเท่าเมื่อก่อนแล้วสินะ? การแข่งขันเช่นนี้นั้นยากที่จะหลีกเลี่ยงคนพวกนั้นอิจฉาตาร้อนเพราะครอบครัวเราทำเงินได้ไม่แน่ว่าอีกหน่อยร้านอาหารหน้าเซี่ยนอีจงจะเพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆ... เอาเถอะจางจี้ทำเงินได้หลายพันหยวนต่อปี ตอนนี้ยังไม่มีปัญหาหรอก”
เซี่ยจื่ออวี้ชำเลืองมารดาเธอ “ฉันเคยพูดกับแม่แล้วสินะฉันอยู่ที่โน่นก็ไม่รู้ว่าต้องใช้เงินก้อนใหญ่เมื่อไร อาจจะหลายพันหรืออาจจะเป็หมื่น ฉันไม่แย่งร้านจางจี้กับน้องได้ แต่เมื่อไรที่ฉัน้าจะใช้เงินก้อนนี้ต้องเตรียมไว้ให้เรียบร้อย!”
จางชุ่ยกระอักกระอ่วนขึ้นมาทันใด
“แม่รู้น่า”
หลายพันถึงหลักหมื่น เธอต้องขายบะหมี่กี่ชามกัน?
จางชุ่ยไม่ทราบว่าเซี่ยจื่ออวี้นำเงินจำนวนมากมายขนาดนี้ไปทำอะไรเธอรู้สึกเป็ทุกข์ เพื่อจดจ่อกับการหาเงินสองสามีภรรยาถึงขั้นปล่อยลูกชายคนเล็กอายุ 10 ขวบไว้ที่ชนบทแม้ลูกสาวจะมีอนาคตไกล ทว่าสามีภรรยาทั้งสองก็คาดหวังให้ลูกชายมีอนาคตไกลยิ่งกว่าปรึกษาหารือกันว่าปีหน้าจะรับลูกชายอย่างเซี่ยจวิ้นเป่ามาศึกษาเล่าเรียนในเขตอันชิ่ง
นั่นย่อมเป็ค่าใช้จ่ายไม่ใช่น้อย
จางชุ่ยเปลี่ยนหัวข้อการสนทนาเกริ่นเื่ทุกวันนี้เซี่ยเสี่ยวหลานเรียนมัธยมปลายปีสามในเซี่ยนอีจงแทน
“ไม่รู้ว่าเธอทุจริตอย่างไรถึงสอบติดเซี่ยนอีจง...”
เซี่ยจื่ออวี้หูอื้อหัวใจเต้นผิดจังหวะ เื่สำคัญขนาดนี้มารดาเธอกลับวางไว้พูดเป็เื่สุดท้าย—มัวแต่หลิวเฟินหย่าแบ่งนาแบ่งที่ มีประโยชน์อะไรบ้าง!
เชิงอรรถ
[1]炕เตียงอิฐคือ เตียงนอนที่ก่อด้วยอิฐซึ่งสามารถสุมไฟไว้ข้างในได้ จึงทำให้อบอุ่นเวลานอน
