ที่ห้องพักฝึกวิชาที่ตรงสุดทางชั้นแปดของหอคอยิญญาเมฆา์เก้าชั้น เซียวหลิงอวิ๋นนั่งลงทายาบนาแตามตัวอย่างตั้งใจ ใช้ผ้าพันปิดแผลเอาไว้อย่างง่ายๆ!
ห้องตรงสุดทางเดินของหอคอยิญญาเมฆา์ในแต่ละชั้นจะมียาใช้รักษาแผลทั่วไปอยู่ในห้องด้วย ซึ่งเป็ยาที่ให้ผลดีต่อการหยุดเืและช่วยเสริมการฟื้นฟูของกล้ามเนื้อ! สิ่งนี้เป็สิ่งที่ทางสำนักได้เตรียมเอาไว้ให้บรรดาศิษย์ที่เข้ามา เพื่อให้การรักษามีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น!
ยารักษาแผลเหล่านี้สามารถใช้ได้แค่ภายในหอคอยเท่านั้น ไม่สามารถนำออกไปใช้ข้างนอกได้! นี่คือกฎของหอคอยิญญาเมฆา์เก้าชั้น หากมีคนนำไปใช้เป็การส่วนตัว จะถูกไล่ออกจากสำนักและสูญเสียคุณสมบัติที่จะได้รับการฝึกวิชาต่อทันที มีศิษย์บางคนที่ไม่เชื่อและริลองที่จะขโมยไป แต่ผลลัพธ์ที่ออกมากลับกลายเป็โศกนาฏกรรม!
กฎเหล่านี้มีการบอกกล่าวกับศิษย์ทุกคนให้ทราบั้แ่ก่อนที่จะเข้าไปในหอคอยเพื่อเข้ารับการทดสอบแล้ว! ตัวเซียวหลิงอวิ๋นเองก็ไม่เคยแตะต้องยาเหล่านี้ในชั้นก่อนๆ เลย ดังนั้นนี่จึงเป็ครั้งแรกที่เขาจะได้ทดลองใช้!
หลังจากรักษาาแแล้ว เซียวหลิงอวิ๋นก็ยังไม่ฝึกวิชาในทันทีเหมือนชั้นที่ผ่านมา! แต่ใช้วิชาเซียนเต่ากระเรียนแทน หากตัวเขาคิดจะตะลุยชั้นที่เก้าทั้งอาการาเ็เช่นนี้ อย่าหวังเลยว่าจะผ่านไปได้!
ดังนั้นเซียวหลิงอวิ๋นจึงคิดค้นวิธีรวบรวมไอิญญาอันเข้มข้นในห้องลับนี้ ร่วมกับการใช้วิชาเซียนเต่ากระเรียนเพื่อรักษาอาการาเ็ของตนเองเสียก่อน!
เขาต้องอยู่ในสภาพที่พร้อมที่สุดเท่านั้น จึงจะมีความหวังที่จะผ่านด่านชั้นที่เก้าและสร้างสถิติใหม่ขึ้นมาได้!
ขณะที่ขยับร่างกายและมือของตนเองเพื่อเปลี่ยนอิริยาบถ เขายืดแขนเหยียดออกมาราวกับนกกระเรียนกางปีก แิคือเพื่อให้เขามีชีวิตยืดยาวดั่งนกกระเรียน มีร่างกายถึกทนดั่งเต่า เส้นลมปราณและเส้นเืแข็งแรง ยาวิเศษที่อุดมไปด้วยพลังิญญาในห้องลับนี้พลันหลั่งไหลเข้าสู่ร่างกายของเซียวหลิงอวิ๋นจากทุกทิศทุกทาง ราวกับแม่น้ำหลายพันสายที่ไหลลงสู่ท้องทะเล การใช้วิชาเซียนเต่ากระเรียนได้เปลี่ยนพลังลมปราณเย็นเยือกนี้ให้กลายเป็พลังรักษาอย่างรวดเร็ว จากนั้นพลังปราณเย็นๆ นี้ก็หลั่งไหลไปสู่าแที่บริเวณหน้าอกและไหล่ เกิดอาการชาและคันยุบยิบเล็กน้อย!
าแมีอาการชาและคัน ถือเป็สัญญาณที่ดี บ่งบอกว่าาแดีขึ้นและจวนจะหายแล้ว!
ครึ่งชั่วยามต่อมา เซียวหลิงอวิ๋นก็ััได้ถึงอาการชาและคันยุบยิบที่แผ่มาจากรูเืบนไหล่ซ้ายของเขา จึงเอื้อมมือออกไปและค่อยๆ แกะผ้าพันแผลออก แล้วมองดูที่าแที่ไหล่ซ้ายของตนเอง จากแต่เดิมที่าแใหญ่พอๆ กับแขน บัดนี้หดตัวลงจนเหลือขนาดพอๆ กับไข่ฟองเล็ก ด้วยความเร็วนี้ คาดว่าาแคงจะหายสนิทได้ภายในเวลาอย่างมากก็สองชั่วยาม
แม้แต่เซียวหลิงอวิ๋นยังอดรู้สึกแปลกใจไม่ได้ที่วิชาเซียนเต่ากระเรียน ซึ่งเป็วิชาใช้ฝึกบำเพ็ญิญญาในระดับกลาง จะมีส่งผลต่ออาการาเ็ทางกายของนักยุทธ์ด้วย!
เซียวหลิงอวิ๋นที่กำลังอารมณ์ดี เข้าสู่ขั้นตอนของการรักษาเยียวยาตัวเองต่อไป!
...
ในขณะที่เซียวหลิงอวิ๋นกำลังเรียกใช้วิชารักษาอาการาเ็ของตัวเองอยู่นั้น จ้าวิเจี้ยนก็อยู่ท่ามกลางสถานการณ์ต่อสู้ที่ยากลำบาก!
ระยะทางห่างจากสุดทางเดินหนึ่งพันเมตร ขอเพียงเขาสามารถฆ่าศัตรูมายาสี่ตัวสุดท้ายที่อยู่ตรงหน้าได้ ก็จะสามารถผ่านชั้นที่เจ็ดไปได้แล้ว!
ทว่าโชคของจ้าวิเจี้ยนไม่ค่อยเข้าข้างนัก! อย่าว่าแต่หมีั์สองตัวเลย ลำพังจอมยุทธ์ชุดเงินสองคนก็ไม่ใช่เื่ง่ายที่จะจัดการแล้ว! ในแง่ของอายุ เขาแก่กว่าเซียวหลิงอวิ๋นถึงสองปี! นั่นทำให้จอมยุทธ์ชุดเงินสองคนมีพลังเทียบเท่ากับนักยุทธ์ระดับเจ็ดตัวจริงที่อยู่ขั้นสูงสุด!
เขาปล่อยปราณหมัดออกไปราวกับคลื่นทะเลคลั่ง แต่กลับถูกสกัดกั้นเอาไว้ได้โดยจอมยุทธ์ชุดเงินที่อยู่ตรงหน้า จ้าวิเจี้ยนรีบล่าถอยออกมาทันที ก่อนที่นักยุทธ์มายาอีกคนจะเข้ามาฟาดฟันด้วยดาบยาว! ลงมือทำลายแผ่นป้ายหยกที่ห้อยเอวเขาอยู่ สุดท้ายก็ถูกเคลื่อนย้ายออกมาจากหอคอยทันที!
ตัวเขาใช้หมัดซ้อนคลื่นถึงสิบสามลูกติดต่อกัน แต่กลับไม่สามารถเอาชนะจอมยุทธ์ชุดเงินได้ อย่างไรก็ดี กว่าเขาจะมาถึงตรงนั้นก็สูญเสียทั้งพลังกายและพลังปราณจนเหลือไม่ถึงสองส่วนแล้ว หากยังฝืนสู้ต่อไป นอกจากจะสังหารสัตว์อสูรมายาและนักยุทธ์มายาเหล่านี้ไม่ได้แล้ว เกรงว่าอาจถูกอีกฝ่ายทำให้าเ็แทน ในเมื่อทำอะไรต่อไม่ได้แล้ว จ้าวิเจี้ยนจึงเลือกที่จะล่าถอยออกมาอย่างเด็ดขาด เพื่อให้แน่ใจว่าตนเองจะมีสภาพร่างกายพร้อมสำหรับงานประลองขั้นถัดไป
...
ตรงทางเดินชั้นหก ใบหน้าอ้วนกลมของพานเสี่ยวปิงเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อ แต่ร่างกายอ้วนกลมของเขากลับว่องไวถึงขีดสุด “ฟิ่ว!” ลูกศรพุ่งผ่านไปในอากาศ พร้อมด้วยเสียง “ฉึก” มันก็แทงทะลุร่างกายของหมีั์ที่ทั้งแข็งและหนาเข้าเนื้อ!
“โฮก!” หมีั์แหงนหน้าขึ้นและร้องโหยหวนด้วยความเ็ป ลูกศรแหลมคมหลายดอกปักอยู่รอบตัวมัน!
หมีั์ร้องคำราม เบิกตาสีแดงโพลง จากนั้นค่อยๆ เดินกะโผลกกะเผลกด้วยสองขา ลากสังขารหมีั์ของมันเพื่อไปไล่ฆ่าชายอ้วน ทั้งๆ ที่ขาทั้งสองข้างของมันก็มีลูกศรเหล็กแหลมคมปักติดอยู่!
ถึงอย่างนั้น ดวงตาของชายอ้วนกลับฉายแววดุดัน ยิงธนูใส่ซ้ำอีกครั้งในทันที คันธนูถูกยืดออกจนเป็รัศมีวงกลมราวพระจันทร์เต็มดวง มือของเขาสั่นเล็กน้อย แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่ามาถึงขีดจำกัดแล้ว “ผึง” หลังจากคลายนิ้วมือออก ลูกศรยาวที่ทำจากเหล็กเนื้อดีก็กลายเป็ดั่งสายฟ้าสีดำ พุ่งออกไปในอากาศ! เสียง “ฉึก” ดังขึ้น มันทะลุเข้าไปในดวงตาใหญ่โตของหมีั์อย่างจัง!
“โฮก!” หมีั์ส่งเสียงร้องโหยหวนด้วยความเ็ป ในชั่วขณะต่อมา ร่างของเ้าหมีั์ก็สลายหายไปราวกับเกล็ดหิมะ กลายเป็ประกายแสงแล้วหายลับไป!
ชายอ้วนที่เคลื่อนไหวได้อย่างคล่องแคล่วว่องไวไม่เลวเมื่อครู่นี้ผ่อนคลายลงเมื่อเห็นประกายแสง ทั้งตัวของเขาลงไปนั่งกองอยู่กับพื้นพร้อมกับหอบหายใจอย่างหนัก แต่ใบหน้าที่อ้วนท้วนและเต็มไปด้วยเหงื่อของเขา ปรากฏสีหน้าตื่นเต้นและยินดีอย่างไม่อาจอธิบายได้ ฮ่าๆๆ ผ่านชั้นหกได้แล้ว!
...
ด้านนอกหอคอยิญญาเมฆา์เก้าชั้น ยามนี้ท้องฟ้ามืดมิดแล้ว ไม่รู้ตัวก็ล่วงเข้าสู่เวลาตีสามของเช้าวันที่สาม! ภายในหกชั่วยาม หอคอยิญญาเมฆา์เก้าชั้นก็จะเปิดเป็เวลาครบสองวันเต็ม
ที่หอคอยิญญาเมฆา์เก้าชั้นสูงตระหง่าน ยังคงมีจุดไฟส่องสว่างอยู่รอบๆ ผู้ชมจำนวนมากจับกลุ่มกันสามถึงห้าคน ไม่ก็แปดถึงเก้าคนเพื่อพูดคุย นั่งสังเกตการณ์ และฝึกวิชาร่วมกัน...
“ดูนั่นสิ ดูนั่น ที่ชั้นแปดมีลูกไฟสีเหลืองอยู่บนนั้นด้วย!” ทันใดนั้นก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้น ทำให้ดวงตาหลายคู่เพ่งความสนใจไปที่ชั้นแปดของหอคอยอีกครั้ง
ลูกไฟสีเหลืองที่ขึ้นไปถึงก่อนหน้านี้คือเมื่อหกชั่วยามก่อน! ตอนนี้ก็ยังอยู่ที่ชั้นแปด ทว่าลูกไฟดวงนั้นอยู่ในสถานะหยุดนิ่งไม่ขยับไปไหน เช่นนี้ก็บ่งบอกได้อยู่กรณีเดียว นั่นคือชายผู้ทั้งทรงพลังและโชคดีคนนั้นได้ผ่านด่านชั้นแปด และเข้าสู่ห้องลับของชั้นที่แปดไปแล้ว!
แล้วภาพตรงหน้าก็ทำให้ทุกคนประหลาดใจอีกครั้ง ที่เมื่อหกชั่วยามต่อมา ศิษย์ระดับกลางอีกคนก็ขึ้นมาถึงชั้นแปดได้เช่นเดียวกัน ศิษย์ระดับกลางถึงสองคนสามารถบุกตะลุยขึ้นมาถึงชั้นที่แปดได้
สายตาของผู้าุโหลายคนในสำนักต่างก็เป็ประกายสว่างวาบ!
ฮ่าฮ่าฮ่า ใครกันที่บอกว่าสำนักิญญาเมฆาของเราไม่เป็โล้เป็พาย ใครกันที่บอกว่าสำนักิญญาเมฆาของเราอยู่อันดับล่างสุดของสำนักอื่น ตอนนี้มีอัจฉริยะปรากฏตัวอยู่ที่นี่สองคนแล้ว คนหนึ่งเพิ่งจะผ่านชั้นแปดมาได้ ส่วนอีกคนก็เตรียมฝ่าขึ้นไปสู่ชั้นเก้า!
ราวกับเหล่าผู้าุโของสำนักเริ่มเล็งเห็นอนาคตอันรุ่งโรจน์ของสำนักิญญาเมฆา ถึงเวลาแล้วที่พวกเขาจะกลับมาผงาดอีกครั้ง!
จ้าวิเจี้ยน หวังอี้ หลิวิเฉวียน จางอวิ๋น และคนอื่นๆ ต่างก็มองไปยังจุดแสงสีเหลืองที่โดดเด่นสะดุดตาสองดวงบนชั้นแปดของหอิญญาเมฆา์เก้าชั้น ในใจพวกเขาเต็มไปด้วยความริษยา! แต่ในเวลาเดียวกันก็ตกตะลึง เมื่อเห็นว่าสองคนนั้นสามารถผ่านชั้นแปดไปได้ ไม่สิ ไฟดวงหนึ่งเข้ามาก่อนนานแล้ว และไม่ขยับไปไหนเลยเป็เวลาสามถึงสี่ชั่วยาม แม้ว่าเขาไม่อยากจะยอมรับ แต่ก็รู้ดีอยู่แก่ใจว่า เป็ไปได้มากที่คนคนนั้นจะผ่านชั้นแปดไปได้ เพราะนั่นคือเหตุผลเดียวที่สามารถใช้อธิบายสิ่งที่เกิดขึ้น!
ผ่านชั้นที่แปดไปได้! นี่เป็ความสำเร็จอันน่าประทับใจที่สำนักิญญาเมฆาไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน! นี่อาจจะเป็ผลงานที่ดีที่สุดของบรรดาศิษย์ระดับกลางในสำนักอื่นๆ ด้วย!
ยอดอัจฉริยะ หากไม่เรียกคนเช่นนี้ว่ายอดอัจฉริยะแล้ว ก็คงไม่มีใครที่สมควรได้รับการขนานนามดังกล่าว!
ทั้งผู้าุโในสำนัก รวมถึงจ้าวิเจี้ยน และคนอื่นๆ ต่างก็พอรู้แน่ชัดแล้ว ว่าลูกไฟสีเหลืองทั้งสองลูกที่อยู่บนชั้นแปดของหอิญญาเมฆา์เก้าชั้น ก็คือเซียวหลิงอวิ๋นและเยี่ยเฟิง!
เมื่อจ้าวิเจี้ยนคิดได้เช่นนี้ หัวใจของเขาก็เต็มไปด้วยอารมณ์ซับซ้อนมากมาย ทว่าความรู้สึกอับอายขายหน้าและไม่พอใจนั้นมากกว่าอารมณ์อื่น!
จากไอ้คนขี้แพ้ที่ถูกลูกสมุนของเขารังแกมาโดยตลอด กลับพุ่งทะยานขึ้นสู่ฟากฟ้าได้ภายในเวลาเพียงครึ่งเดือน จากไอ้ขยะกลับกลายเป็ยอดอัจฉริยะที่ปรากฏขึ้นในสำนักิญญารอบพันปี
การเปลี่ยนแปลงทั้งหมดนี้เริ่มต้นขึ้น เมื่อเ้าหมอนั่นถูกจ้าวฉางกงช่วยเหลือออกมาจากูเาหลังสำนัก!
คนแซ่เซียวนั่นต้องเป็คนดวงแข็งถึงเพียงไหนกันเชียว?
อาจเป็ไปได้ว่าตอนที่อยู่ในูเาหลังสำนัก หมอนั่นอาจกินผลไม้ิญญาระดับสมบัติ์เข้าไปกระมัง?
ยิ่งจ้าวิเจี้ยนครุ่นคิดถึงเื่นี้มากเท่าไร เขาก็ยิ่งรู้สึกถึงว่าความเป็ไปได้นี้มากเท่านั้น!
ให้ตายเถอะ ทั้งจ้าวซานเต๋อและไช่ิ เ้าโง่สองตัวนั้นถูกเขาออกคำสั่งให้ระเห็จออกจากสำนักด้วยตัวเองไปแล้วด้วย ลูกสมุนคนอื่นๆ ก็ไม่ค่อยได้ติดต่อกับคนแซ่เซียวมากนัก จึงไม่รู้ว่าจะหาใครมาสอบถามเื่นี้ได้อีก!
...
“ยอดเยี่ยม ยอดเยี่ยม อัจฉริยะหลิงอวิ๋นผู้มากด้วยชื่อเสียง เป็แค่นักยุทธ์ระดับห้า แต่กลับขึ้นไปถึงชั้นที่แปดได้ อดไม่ได้ที่จะรู้สึกชื่นชมเขาจริงๆ!” หวังอี้เงยหน้าขึ้น มองลูกไฟสีเหลืองที่ดูโดดเด่นทั้งสองดวงนั้น หัวใจเขารู้สึกตื่นเต้น ดวงตาของเขาเป็ประกาย ไฟแห่งจิติญญาลุกโชนอยู่ในอกของเขา!
ศิษย์สองคนนี้ถือเป็เสือหมอบัซ่อนของสำนักิญญาเมฆาอย่างแท้จริง!
เซียวหลิงอวิ๋นและเยี่ยเฟิง จากนี้ไปเขาจะได้คู่แข่งที่ทรงพลังเช่นสองคนนี้ร่วมเดินทางไปบนเส้นทางบำเพ็ญิญญา เพียงคิดก็รู้สึกเยี่ยมยอดแล้ว!
...
“เ้าตัวประหลาดสองคนนั่นสามารถขึ้นไปถึงชั้นแปดได้จริงๆ!” หลิวิเฉวียนถอนหายใจออกเบาๆ ตบปากตัวเองในใจ! จากนั้นความไม่เต็มใจที่จะยอมรับความพ่ายแพ้ก็พลุ่งพล่านขึ้นในหัวใจ ได้แต่กำหมัดเงียบๆ: “รอให้ถึงการคัดเลือกรอบที่สามเสียก่อนเถิด ข้า หลิวิเฉวียนคนนี้ จะไม่ยอมให้พวกเ้าครองอันดับหนึ่งแน่!”
...
ขณะยืนอยู่ตรงทางเข้าชั้นแปด แม้เสื้อผ้าของเยี่ยเฟิงจะขาดรุ่งริ่ง แต่ตัวเขาก็ยังรู้สึกแจ่มใสและมีเรี่ยวแรง ทั้งพลังกายและพลังปราณล้วนอยู่ในสภาพเต็มเปี่ยม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ไฟิญญาของเขาลุกโชติ่เป็อย่างยิ่ง!
ตัวเขาไม่รู้หรอกว่าผู้ที่ถูกเรียกว่ายอดอัจฉริยะนั้นจะผ่านมาถึงชั้นนี้ได้หรือไม่ เพราะหากไม่ ตัวเขาก็จะเป็คนแรกซึ่งเป็ศิษย์ระดับกลางที่สามารถมาถึงชั้นแปดได้ในรอบห้าสิบปี!
เยี่ยเฟิงราวกับได้ยินเสียงเชียร์จากผู้คนตอนที่เขาออกมาจากหอคอย รวมถึงศิษย์อีกหลายคนที่จ้องมองเขาด้วยความอิจฉาตาร้อน!
รอยยิ้มปรากฏขึ้นที่มุมปากของเขา เขากระชับดาบในมือแน่นแล้วก้าวเท้าไปข้างหน้า
“ฉัวะ!” ดาบยาวในมือแทงเข้าที่คอของหมาป่าสีเงินกระหายเืด้วยความแม่นยำที่ไม่มีใครเทียบ ก่อนจะจัดการสังหารอีกฝ่ายด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว! แล้วตัวของเขาก็หายวับไป กระทั่งชั่วขณะต่อมา ดาบยาวในมือก็ยืดออกราวกับงู พุ่งเข้าไปแทงข้อต่อขาหลังข้างขวาอันแข็งแกร่งของหมีั์ ทำให้ร่างใหญ่โตของหมีั์เซถลา อุ้งเท้าหน้าขนาดใหญ่จมลงไปที่พื้น จนมีหลุมลึกสองหลุมปรากฏขึ้น!
ร่างกายที่ผอมเพรียวแต่ล่ำสันของเยี่ยเฟิงะโขึ้นสูง ราวกับเสือชีตาห์ที่แข็งแกร่ง ถือดาบไว้ในมือทั้งสองข้าง กระหน่ำแทงอย่างดุเดือดไปที่คอของหมีั์!
“โฮกกก!” เสียงร้องโหยหวนด้วยความเ็ปดังลั่น ร่างใหญ่โตของหมีั์กลายเป็ประกายแสง และหายไปพร้อมกับเสียง “ซู่”!
วิชาดาบที่เยี่ยเฟิงฝึกฝนนั้นเป็วิชาดาบสังหาร ทั้งเรียบง่ายและให้ผลดี อีกทั้งยังสังหารศัตรูได้อย่างรวดเร็ว! ในตอนที่เขาฝึกฝนวิชาอยู่ในป่า ตัวเขาไม่เคยลังเลเลยที่จะรับความเสี่ยงมากกว่าหนึ่งครั้งขณะออกล่าสัตว์อสูร เพียงเพื่อจัดการสังหารสัตว์อสูรที่อยู่ตรงหน้าให้จงได้
