ด้วยเพราะหนิงอ้ายใช้เนตรเเห่ง์จึงทำให้เขาสามารถบอกลู่ซีถึงผู้ที่เข้ารอบมาในเเต่ละคนนั้นว่ามีจุดเเข็งในด้านใด ควรระวังในเื่ใดบ้างรวมไปถึงจุดอ่อนต่าง ๆ แม้เพียงนิดก็ไม่อาจหลุดรอดสายตาไปได้ อีกทั้งหนิงอ้ายยังคงพูดคุยแนะนำให้กับลู่ซีถึงการใช้บทเวทย์กับผู้ฝึกตนที่เข้ารอบเเต่ละคนว่าควรใช้บทเวทย์ใดกับผู้ใดบ้างหากว่าถูกสุ่มรายชื่อให้ลงสนามประลอง
"ขอบใจเ้ามากหากว่าไม่ไหวจริง ๆ เกอจะขอยอมแพ้เอง..." ลู่ซีเอ่ยตอบกลับหนิงอ้ายไปด้วยรู้ว่าคนด้านข้างนั้นเป็ห่วงเขาไม่น้อย
เเต่ถึงอย่างนั้นนับจากการลงประลองในครั้งเเรกจนถึงตอนนี้ตนยังไม่ได้ลงเเข่งขันอีก ดังนั้นสำหรับเขาและหนิงอ้ายที่ก่อนหน้าได้เเลกเปลี่ยนความคิดเห็นว่าในการประลองของเเต่ละคู่นั้นผู้ใดจะเป็ผู้ชนะ หรือแม้กระทั้งว่าหากตัวเขานั้นได้ลงประลองกับผู้ประลองคนดังกล่าวจะเเก้ทางของบทเวทย์ที่อีกฝ่ายใช้หรือว่าควรใช้วรยุทธอย่างไรโต้กลับ เพื่อที่จะให้ตนสามารถเป็ผู้ชนะได้นั่นเอง
การประลองยังคงดำเนินต่อไปเพื่อเฟ้นหาผู้แข่งขันสิบคนเพื่อเข้าสู่การประลองครั้งสุดท้ายในรอบแรก เพื่อประลองกันอีกครั้งจนได้ตัวเเทนของราชทินนามขุนนางิญญาเพียงห้าคนเท่านั้น ตลอดการสุ่มรายชื่อในการประลองไม่มีการประกาศชื่อให้ลู่ซีลงประลองเสียทีนับว่าอีกฝ่ายได้แต้มต่อเป็อย่างมาก
การประลองที่มีกฎเกณฑ์เช่นนี้นอกจากต้องใช้ฝีมือไหวพริบและสติเเล้วยังคงต้องอาศัยโชคไม่น้อยเลยทีเดียว หนิงอ้ายสังเกตว่าในขณะที่ลู่ซียังไม่ถูกเรียกให้ลงแข่งขันทำให้สามารถผ่านเข้ารอบไปเรื่อย ๆ เเต่บางคนนั้นกลับมีรายชื่อลงแข่งขันไปเสียหลายครั้งจนทำให้สภาพของตัวคนดังกล่าวแทบที่จะเรียกว่าไม่อยู่ในสภาพที่ดีสักเท่าไหร่นัก เเต่ด้วยฝีมือที่ไม่อาจดูแคลนได้จึงสามารถผ่านเข้ารอบมาได้เรื่อย ๆ นับได้ว่ามีฝีมืออย่างเเท้จริง
ในที่สุดลู่ซีก็มีรายชื่อของผู้ผ่านเข้ารอบสิบคนสุดท้ายของการประลองในรอบเเรกของผู้ฝึกตนราชทินนามขุนนางิญญา เมื่อประกาศเรียกชื่อของผู้ที่ผ่านเข้ารอบทั้งสิบคนรวมไปถึงลู่ซีให้ยืนขึ้นนั้น ผู้คนที่อยู่ในสนามประลองต่างพากันะโโห่ร้องส่งเสียงเชียร์ด้วยเพราะจดจำถึงความสามารถของลู่ซีได้
มีผู้คนจำนวนไม่น้อยเช่นกันที่คิดว่าคุณชายลู่ซีผู้นี้คงเป็ลูกรักของ์เป็แน่ จึงทำให้สามารถเข้ารอบมาถึงสิบคนสุดท้ายนี้ได้ง่ายโดยที่ไม่มีรายชื่อสุ่มให้ลงเเข่งขันประลองหลายครั้งเฉกเช่นผู้อื่น แม้ว่าลู่ซีจะมีฝีมือเป็ที่ประจักษ์เป็อย่างมากและเขาได้ถูกจับตามองว่าการประลองครั้งต่อไปจะเเสดงความสามารถในด้านใดให้พวกตนได้เห็นอีกกัน เพราะอย่างไรแล้วอีกฝ่ายย่อมสามารถเข้าสู่รอบสุดท้ายของการประลองปีนี้ได้อย่างไม่ยากนัก
"การประลองในครั้งนี้ช่างดุเดือดยิ่ง!! ตอนนี้ก็ได้มาถึงรอบสุดท้ายของการประลองในครั้งเเรกเพื่อที่จะหาผู้ชนะเพียงเเค่ห้าคนเท่านั้นจากผู้เเข่งขันที่มีรายชื่อในสิบคนนี้ แน่นอนว่ายังคงเป็กฎการประลองก็เช่นเดิม นั่นคือผู้ที่แพ้จะถูกคัดออกในทันที สำหรับผู้ชนะในเเต่ละคู่ประลองนั้นจะเป็หนึ่งในตัวเเทนห้าคนของผู้ฝึกตนราชทินนามขุนนางิญญาเพื่อเข้าเเข่งขันในครั้งต่อไป..." เสียงของผู้าุโที่ดำเนินการประลองคนเดิมได้เอ่ยขึ้นมาอีกครั้ง เพื่อเน้นย้ำว่าการเเข่งขันครั้งสุดท้ายนี้มีความสำคัญมากเพียงใด...
ตระกูลหวัง
"ดูเหมือนว่าคุณชายรองตระกูลจางคงดวงดีไม่น้อยเลยทีเดียว ถึงได้มีรายชื่อผ่านมาถึงรอบสิบคนสุดท้ายเช่นนี้..." หวังจิ่งหลงเอ่ยขึ้นพร้อมกับส่ายหน้าเบา ๆ
"แต่อย่างไรด้วยข้อจำกัดในการประลองครั้งนี้ ถือว่าอีกฝ่ายทำผลงานได้ไม่แย่เท่าไหร่นะเ้าคะ..." เหมยฮวาเอ่ยขึ้นกับสามีให้ได้ยินกันเพียงสองคนเท่านั้น แม้ว่านางจะไม่ใช่ผู้ฝึกตนที่มีฝีมือโดดเด่นหรือว่ามีพลังิญญาระดับสูงเเต่นางก็พอดูออกถึงฝีมือของเเต่ละคนที่ลงเเข่งขันในสนามประลองอยู่บ้าง
"เหอะ!! ถึงเช่นนั้นก็ไม่ได้ใช้ความสามารถและทักษะพิเศษเทียบเท่ากับลู่ซีหลานของพวกเราเสียด้วยซ้ำ…" หวังจิ่งหลงเอ่ยขึ้นพร้อมกับนึกถึงหลานชายบุญธรรมของตนที่ลงสนามประลอง
คู่ประลองก่อนหน้าคือคุณชายกวงเหยาหานจากตระกูลกวงที่มีชื่อเสียงหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่ของแคว้นัเขียว ราวกับว่ามีผู้ที่คอยชักใยอยู่เื้ัจงใจให้พ่ายแพ้ตั้งเเต่การประลองในครั้งเเรก เเต่กับเ้าลูกเต่าหน้าเหม็นจากตระกูลจางกับได้ประลองกับผู้ฝึกตนพเนจรที่ไม่ค่อยมีฝีมือเก่งกาจเท่าใดเสียด้วยซ้ำ
"ลู่ซีหลานของเรานั้นทั้งเก่งกาจมีฝีมือและหล่อเหลาเช่นเดียวกับท่านพี่ในครั้งนั้นเลยเ้าค่ะ..." เหมยฮวาตอบกลับสามีของตนไปด้วยความชื่นชม ก่อนที่จะพูดคุยในเื่อื่นต่อไป...
"ถึงเวลาที่ทุกคนรอคอยเเล้วกับการประลองสิบคนสุดท้ายของผู้ฝึกตนราชทินนามขุนนางิญญา ผู้เเข่งขันในคู่เเรกได้แก่คุณชายรองจางิหวังจากตระกูลจางเเห่งแคว้นหงส์เเดงกับคุณชายลู่ซีแห่งแคว้นเต่าดำ!!!" ผู้าุโคนเดิมที่เป็ผู้ดำเนินการประลองได้สุ่มรายชื่อขึ้นมาอีกครั้ง หลังจากที่ประกาศออกมาให้ได้รับทราบ ผู้คนที่อยู่ในโดยรอบสนามประลองต่างส่งเสียงฮือฮาไม่น้อยเพราะไม่คิดว่าคุณชายลู่ซีจะต้องลงเเข่งขันกับคุณชายรองจางิหวังที่มาจากตระกูลใหญ่เเห่งแคว้นหงส์เเดงเช่นนี้
"คุณชายรองจางิหวังจากตระกูลจางเเห่งแคว้นหงส์เเดงเช่นนั้นรึ..." ลู่ซีเอ่ยขึ้นมาเบา ๆ ราวกับพูดคุยกับตนเองพร้อมกับลอบยิ้มอยู่ในใจ เพราะนี่จะเป็โอกาสที่ตัวเขาสามารถเเสดงฝีมือและลงมือเเก้แค้นเเทนหนิงอ้ายได้นั่นเอง
ตระกูลจาง
ทางฝั่งของตระกูลจางนั้นก็ใไม่แพ้กัน ด้วยเพราะต่างจดจำได้ว่าลู่ซีหรือคุณชายลู่ซีที่ถูกเรียกชื่อนั้นเป็เพียงเด็กกำพร้าที่อดีตฮูหยินใหญ่เยว่ซินได้ไถ่ตัวให้เป็บ่าวติดตามรับใช้คนสนิทของอดีตคุณชายใหญ่จางหนิงอ้าย แม้ว่ารูปลักษณ์ของลู่ซีจะดูราวกับเป็คุณชายจากตระกูลใหญ่ไม่หลงเหลือความเป็บ่าวรับใช้เลยก็ตาม
ยิ่งไปกว่านั้นการประลองของลู่ซีในก่อนหน้านี้ย่อมทำให้เกิดความเเปลกใจกับพวกตนไม่น้อยเลยทีเดียว พวกเขาต่างขบคิดสงสัยว่าอดีตบ่าวรับใช้คนนี้เหตุใดกันจึงมีฝีมือที่เก่งกาจและสามารถใช้บทเวทย์ระดับสูงได้กัน หากเทียบกับคุณชายรองจางิหวังของพวกตนเเล้วก็ไม่สามารถคาดเดาได้โดยง่ายได้ว่าผู้ใดจะเป็ฝ่ายชนะในการประลองครั้งนี้
"ข้าจะจัดการมันเองของรับท่านเเม่!!" จางิหวังเมื่อได้ยินว่าคู่ต่อสู้ของตนเป็ใครจึงเอ่ยขึ้นด้วยความมั่นใจ
"ระวังตัวให้ดีเล่าิเอ๋อร์ นอกจากที่มันจะสามารถใช้บทเวทย์ระดับสูงได้เเล้ว มันยังสัตว์อสูรมายาในพันธะเลยทีเดียว..." ฮูหยินรองหรือหวงลู่เอินเอ่ยขึ้นด้วยความเป็กังวลอยู่บ้างเล็กน้อย
"เข้าใจแล้วขอรับท่านเเม่!!" จางิหวังเอ่ยตอบกลับไปก่อนที่จะก้าวลงสู่กลางสนามประลองในทันที...
เสียงผู้คนมากมายที่อยู่โดยรอบของสนามประลองเวทย์นี้ต่างดังกระหึ่มไปทั่ว หากเทียบฝีมือของคุณชายลู่ซีที่ผ่านเข้ารอบสุดท้ายโดยได้ลงประลองเพียงเเค่ครั้งเดียว กับคุณชายรองจางิหวังที่ได้ลงสนามประลองไปสามครั้งและสามารถจัดการคู่ต่อสู้ฝั่งตรงข้ามได้เพียงเเค่ไม่กี่อึดใจ ตามที่พวกเขาได้เห็นตั้งเเต่เริ่มการประลองนับได้ว่ายากที่จะคาดเดาได้ว่าผู้ใดกันจะเป็ผู้ชนะที่จะได้เป็ตัวเเทนหนึ่งในห้าคนเเรก
หวังจิ่งหลงถึงกับลุกขึ้นจากที่นั่งของตนนับได้ว่าเป็การกระทำที่ค่อนข้างฮือฮาเป็อย่างมาก ด้วยเพราะว่าอีกฝ่ายได้ขึ้นชื่อว่าเป็ประมุขของตระกูลหวังหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่เเห่งแคว้นเต่าดำ ที่ในตอนนี้ถึงกับลุกจากที่นั่งของตนและมุ่งตรงไปยังโต๊ะรับพนันด้วยตัวเองพร้อมกับเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ดังว่า
"ข้าหวังจิ่งหลง ขอลงเดิมพันฝั่งคุณชายลู่ซีจำนวนหนึ่งแสนเหรียญทอง!!!"
"…"
"…"
"โอ้!! ท่านประมุขหวังจิ่งหลงเเห่งแคว้นเต่าดำลงพนันฝั่งคุณชายลู่ซีจำนวนหนึ่งแสนเหรียญทองเลยทีเดียว มีผู้ใดที่อยากลงเดิมพันเพิ่มอีกหรือไม่? ก่อนที่จะหมดเวลาเปิดรับในอีกไม่กี่อึดใจนี้" ผู้าุโคนเดิมที่เป็ผู้ดำเนินการได้เอ่ยเสียงดังเพื่อหวังให้ยอดการเดิมพันนั้นเพิ่มมากขึ้น
เสียงประกาศจากผู้ดำเนินการประลองนับว่าได้ผลเกิดคาดเลยทีเดียว เพราะจำนวนของผู้ที่ลงเดิมพันนั้นได้เพิ่มมากขึ้นโดยต่างเน้นในการลงทางฝั่งของจางิหวัง ด้วยเพราะว่าตัวของคุณชายจางิหวังมาจากตระกูลใหญ่ของแคว้น เมื่อเทียบกับคุณชายลู่ซีที่ในตอนนี้ทุกคนคาดว่าน่าจะเป็เพียงชาวยุทธภพธรรมดาเท่านั้นคงไม่ได้มีทรัพยากรในการฝึกตนที่มากมาย ด้วยเื้ัของคุณชายจางิหวังที่เป็ตระกูลใหญ่ของแคว้นเต่าดำนั้นคงทุ่มเททรัพยากรในการฝึกตนไม่น้อยอีกทั้งตัวของจางิหวังเองก็มีอสูรเป็ถึงอสูรมายาเช่นกัน
"ตอนนี้คุณชายทั้งสองได้ลงสนามประลองแล้ว ในรอบสิบคนสุดท้ายนี้ ้าผู้ชนะเพียงห้าคนเท่านั้นที่จะเป็ตัวแทนของผู้ฝึกตนราชทินนามขุนนางิญญา!!!"
"ทางฝั่งซ้ายมือ ขอต้อนรับคุณชายลู่ซีอีกครั้ง ราชทินนามขุนนางิญญาขั้นสูง ระดับพลังิญญา29 ิญญายุทธ์สายสนับสนุน ผู้ครองครองอสูรมายาขั้นกลาง ตัวแทนจากแคว้นเต่าดำ!!"
เฮ!!!!!
"แน่นอนว่าทางฝั่งขวามือของข้า นั่นคือคุณชายรองจางิหวัง จากตระกูลจางแห่งแคว้นหงส์แดง!! ราชทินนามขุนนางิญญาขั้นสูง ระดับพลังิญญา29 ิญญายุทธ์สายควบคุม และเป็หนึ่งในรุ่นเยาว์ที่สัตว์อสูรมายาเช่นกัน!!!"
เฮ!!!!!
"เอาละ เริ่มการประลองได้!!!!"
ลู่ซียืนประจันหน้ากับจางิหวังกลางสนามประลองด้วยใบหน้าราบเรียบไม่ปรากฏคลื่นอารมณ์ ไม่สามารถคาดเดาสิ่งใดได้ เเต่ท่าทางไม่สนใจดังกล่าวนี้กลับทำให้จางิหวังนั้นไม่พอใจยิ่ง ท่าทางที่ดูราวกับว่าลู่ซีนั้นเป็คุณชายจากตระกูลใหญ่หาใช่เป็บ่าวรับใช้ที่คอยก้มหน้าก้มตาในเรือนตระกูลจางดั่งเช่นที่ผ่านมา
"ไม่คิดเลยว่าบ่าวรับใช้ของสวะประจำตระกูลจางจะสามารถผ่านเข้ารอบมาถึงตรงนี้ได้!! เอาเป็ว่าข้าจะรีบส่งเ้ากลับไปหาเ้าสวะผู้นั้นโดยเร็วเเล้วกันเเต่ไม่รับปากนะว่าเ้าจะได้กลับไปในสภาพเช่นไร..." จางิหวังเอ่ยขึ้นอย่างดูถูกพร้อมกับยิ้มเหยียดที่ริมฝีปาก
"เช่นนั้นรึ?? เเต่ที่ข้าเห็นฝีมือของท่านที่สามารถผ่านมาถึงรอบนี้ด้วยคู่ประลองที่มีฝีมือราวกับพึ่งเข้าสู่วิถีของผู้ฝึกตน เเล้วเหตุใดท่านจึงมั่นใจเช่นนี้ได้กัน..." ลู่ซีเอ่ยตอบกลับไปอย่างไม่คิดที่จะไว้หน้าแม้เเต่น้อย เขาคือคุณชายใหญ่ของตระกูลหวังหาใช่เป็บ่าวรับใช้ดั่งเช่นวันวาน การที่เขายอมให้คนตรงหน้าดูถูกเหยียดหยามก็คงไม่ต่างกับลากตระกูลหวังลงมาได้รับการเหยียบย่ำจากตระกูลจาง
"ไอ้บ่าวชั้นต่ำ ข้าผู้นี้จะเสียเวลาสั่งสอนเ้าเอง!!" จางิหวังรู้สึกโกรธเป็อย่างมาก ตรงหน้านี้เป็เพียงบ่าวรับใช้เเต่กลับกล้าต่อปากต่อคำกับเขาที่เป็ถึงคุณชายจากตระกูลใหญ่ช่างไม่รู้จักเจียมตนสักเพียงนิด
พรึบ!
ฟิ้ว! ฟิ้ว!
เพล้ง! เพล้ง!
จางิหวังพุ่งทะยานไปด้านหน้าพร้อมกับโจมตีด้วยกระบี่อย่างเต็มแรง ลู่ซีนั้นได้ตวัดเอากระบี่ของตนออกมาต้านไว้ได้อย่างสวยงามทันท่วงที พร้อมกับแตะปลายเท้าด้วยเคล็ดวิชาย่างก้าวทะยานหมื่นลี้พุ่งเข้าโจมตีกลับไปในทันใด
พรึบ!
ฟิ้ว! ฟิ้ว!
เพล้ง! เพล้ง!
พลังลมปราณของทั้งสองได้ถูกนำออกมาใช้เสริมเข้ากับเคล็ดวิชากระบี่ที่สอดประสานกับท่วงท่าการโจมตีที่รุนแรง ด้วยความที่ทั้งสองต่างมีฝีมือไม่ไม่ห่างชั้นมากดังนั้นต่างฝ่ายจึงสามารถตั้งรับและโจมตีกลับได้อย่างทันท่วงทีไม่มีฝ่ายใดเพลี้ยงพล้ำให้แก่กัน
"หากกฏการประลองครั้งนี้เหมือนเดิมเฉกเช่นทุกครั้ง ข้าคงไม่ลังเลที่จะเรียกใช้ทักษะิญญาที่สองจัดการกับเ้า ราชทินนามสายสนับสนุนคิดจะต่อกรกับราชทินนามสายควบคุมอย่างข้าเช่นนั้นรึ นับว่าเป็โชคดีของเ้ามากเลยทีเดียว!!" จางิหวังร้องดังขึ้นด้วยความโกรธเกรี้ยว
"ข้าก็ไม่ได้ร้องขอให้ท่านต้องออมมือเสียหน่อย" ลู่ซีตอบกลับไป ก่อนที่จะเร่งเร้าญาณััเพื่อตั้งรับการโจมตีจากอีกฝ่าย
การต่อสู้ของทั้งสองคนได้ดำเนินไปเรื่อย ๆ โดยที่ทั้งสองฝ่ายยังคงใช้เพียงเคล็ดวิชากระบี่และวรยุทธเท่านั้นในการเข้าต่อสู้ห้ำหั่นกันและยังไม่ได้มีการใช้บทเวทย์เเต่อย่างใด การปะทะกันของเคล็ดวิชากระบี่ของทั้งสองต่างดุเดือดและสร้างความตื่นตาตื่นใจเป็อย่างมาก ผู้คนโดยรอบสนามประลองต่างพากับจับจ้องทุกการเคลื่อนไหวอย่างไม่กระพริบตาราวกับว่าพวกตนนั้นจะพลาดจุดที่สำคัญในการประลอง...
ลู่ซีค่อย ๆ จับจุดเคล็ดวิชากระบี่ที่จางิหวังใช้ เมื่อเขาสามารถจดจำในท่วงท่าได้เเล้ว ลู่ซีจึงทำการโต้กลับด้วยเคล็ดวิชากระบี่ที่มีความคล้ายคลึงกัน เเต่ทางฝั่งของลู่ซีจะมีความแตกต่างในเื่ของความรวดเร็วความดุดันที่มากกว่า
ลู่ซีนึกขอบคุณผู้าุโหวังฮุ่ยอยู่ในใจไม่น้อยเลยทีเดียว เพราะว่าเคล็ดลับต่าง ๆ เหล่านี้นั้นย่อมเป็ผู้าุโที่ทำการถ่ายทอดให้แก่เขา อีกทั้งยังคอยให้คำแนะนำเสมอยามที่ได้ฝึกฝนเคล็ดวิชากระบี่จนเขาสามารถเรียกใช้ได้อย่างเชี่ยวชาญเช่นนี้
เพล้ง!
ฉึบ!
คมกระบี่ของลู่ซีได้เฉือนเข้ากับต้นเเขนด้านขวาของจางิหวังซึ่งเป็ข้างที่อีกฝ่ายนั้นใช้จับกระบี่ บรรดาเหล่าผู้คนโดยรอบสนามประลองต่างพากันส่งเสียงเฮกันดังลั่น ด้วยเพราะว่าเวลาผ่านไปไม่น้อยแล้วเเต่ทั้งสองคนยังไม่เพลี้ยงพล้ำให้แก่กัน จนมาถึงตอนนี้ที่คุณชายลู่ซีสามารถสร้างรอยแผลแก่คุณชายจางิหวังได้แล้วในที่สุด
มีหลายคนเช่นกันที่พากันมองออกว่าเคล็ดวิชากระบี่ที่คุณชายลู่ซีใช้ตอบโต้กลับนั้นมีความคล้ายคลึงกับเคล็ดวิชากระบี่ของคุณชายจางิหวังไปมากกว่าเจ็ดในสิบส่วน เเต่ก็มีความแตกต่างกันเพียงในส่วนของเพลงกระบี่
แน่นอนว่าทางฝั่งของคุณชายลู่ซีนั้นเพลงกระบี่ที่ถูกเรียกใช้ออกมาล้วนเต็มไปด้วยความดุดันที่พริ้วไหวเเต่ก็แฝงไปด้วยความเฉียบขาดอันเเสดงถึงความเป็อันหนึ่งเดียวกันระหว่างตัวคนกับกระบี่นั่นเอง
"อ๊ากกกกก!!!!!" เสียงร้องของจางิหวังดังขึ้นเมื่อกระบี่ของลู่ซีได้ััเืและสร้างรอยแผลใหม่อีกแผลที่ต้นเเขนด้านซ้ายให้กับเขาอีกครั้ง
จางิหวังใไม่น้อยที่ลู่ซีสามารถใช้เคล็ดวิชากระบี่ของตนได้มากถึงเจ็ดในสิบส่วนเพียงเเค่การประลองกระบี่ใน่เวลาสั้น ๆ ตอนนี้ตัวเขาเองโกรธเป็อย่างมากที่บ่าวรับใช้ชั้นต่ำกล้าที่จะทำให้เขามีาแและได้รับความอับอายเช่นนี้ ดังนั้นจางิหวังจึงตัดสินใจอัญเชิญสัตว์อสูรในพันธะของตนออกมาต่อสู้ในทันที
จงออกมาอสูราาอสุภอัคนี!!!
โฮก!
จางิหวังกางมือออกพร้อมกับร่ายบทเวทย์อัญเชิญสัตว์อสูรมายาของตนออกมาในทันที ตรงด้านหน้าเขานั้นพลันปรากฏเป็วงเวทย์อักขระที่มีรัศมีเปล่งประกายออกมาพร้อมกับปรากฏร่างของสัตว์อสูรคล้ายกับวัวขนสีน้ำตาลทองที่มีความสูงถึงสามเมตร
เสียงร้องคำรามออกมากึกก้องให้ได้ยินไปทั่วทั้งสนามประลอง ผู้คนที่ได้เห็นสัตว์อสูรมายาดังกล่าวต่างใเพราะต่างเคยได้ยินเสียงร่ำลือว่าสัตว์อสูรมายาของคุณชายจางิหวังขึ้นชื่อในเื่ของพละกำลังเป็อย่างมาก
"ข้าฝากเ้าจัดการอสูรรับใช้ตนนี้ด้วย..." ลู่ซีเอ่ยขึ้นมาเบา ๆ พร้อมกับกางมือออกเพื่ออัญเชิญบทเวทย์เรียกสัตว์อสูรในพันธะของตนออกมา
จงออกมาเสี่ยวเฟิง วิฬาร์อัสนีสีชาด!!!
กรี๊ซ!
อสูรวิฬาร์อัสนีสีชาดพลันปรากฏขึ้นจากวงเวทย์อักขระพร้อมกับตอบรับคำสั่งจากลู่ซี ผู้เป็เ้านายแห่งพันธะพร้อมกับขยายร่างกายที่เเท้จริงออกมา เสียงกรีดร้องดังเเหลมไปทั่วทั้งสนามประลองส่งผลให้ผู้ฝึกตนที่มีพลังิญญาในระดับที่ไม่ค่อยสูงเท่าใดนักหรือชาวบ้านธรรมดาที่ไม่ใช่ผู้ฝึกตนต่างพากันััได้ถึงความกดดันนี้
หากว่าไม่มีเกราะป้องกันระดับสูงที่ถูกร่ายกำกับไว้หลายชั้นในสนามประลองดังกล่าว รับรองได้ว่าต้องมีผู้คนจำนวนไม่น้อยที่รับพลังกดดันมหาศาลจากสัตว์อสูรมายาไม่ไหวจนถึงขั้นหมดสติไปอย่างแน่นอน...
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้