หัวหน้าตำรวจขี่จักรยานยนต์คุมตัวเซี่ยฟู่กุ้ยไปที่หมู่บ้านเชาหยาง พอทุกคนในหมู่บ้านเห็นต่างส่งเสียงพูดคุยเซ็งแซ่ “เกิดอะไรขึ้นกับบ้านเซี่ย ทำไมตำรวจต้องขี่มอเตอร์ไซค์พาตัวเซี่ยฟู่กุ้ยมาที่นี่ด้วย”
“ทุกคนคงยังไม่รู้ข่าวสินะ น้องสาวฉันที่แต่งออกไปอยู่หมู่บ้านเซิ่งลี่เล่าให้ฉันฟังเมื่อกี้ว่า เซี่ยฟู่กุ้ยใจดำอำมหิตมาก ถึงกับใช้ลูกชายอายุสองเดือนเป็เครื่องมือใส่ร้ายลูกสาวในไส้”
“มีเื่แบบนี้ด้วยเหรอ”
“ไม่จริงหรอกมั้ง เมื่อเช้าฉันยังเห็นตำรวจขี่รถมอเตอร์ไซค์พาเซี่ยฟู่กุ้ยกลับมาที่นี่อยู่แป๊บหนึ่งเลย เหมือนมาทำอะไรสักอย่างนี่แหละ”
“ฉันได้ยินตำรวจพูดว่ามาหาหลักฐานอะไรนี่แหละ ตอนนั้นยังไม่ถูกจับใส่กุญแจมือ แต่เมื่อกี้ฉันเห็นว่าใส่กุญแจมือด้วยนะ” เพื่อนบ้านที่อยู่ติดกับบ้านเซี่ยเอ่ย
“เห็นปกติเซี่ยฟู่กุ้ยออกจะเป็คนดี ดูซื่อๆ นึกว่ามีแค่ภรรยาใหม่คนเดียวที่ชอบก่อเื่ไปทั่ว ที่ไหนได้ตัวเองก็ไม่ได้นิสัยดีไปกว่ากัน แม้แต่ลูกสาวในไส้ยังใส่ร้ายได้ลงคอ”
ขณะที่ทุกคนกำลังวิพากษ์วิจารณ์ หัวหน้าตำรวจคุมตัวเซี่ยฟู่กุ้ยเข้าไปในบ้านตระกูลเซี่ย ก่อนจะะโเรียกเสียงดัง “มีใครอยู่ไหม”
ในบ้านเงียบสนิท ไม่มีเสียงใดตอบกลับมา ขณะที่หัวหน้าตำรวจจะเปิดประตูเข้าไป เด็กสาวอายุประมาณสิบห้าสิบหกปีรูปร่างอวบอ้วนก็เดินสะลึมสะลือมาเปิดประตู
เด็กสาวหาวพร้อมกับเอ่ยถาม “ใครน่ะ”
พอเห็นว่าแขกคือนายตำรวจรูปหล่อ สวมเสื้อเชิ้ตสีขาวท่าทางน่าเกรงขาม แววตาเซี่ยอวิ๋นพลันเป็ประกายทันที เธอยิ้มพร้อมกับเชิญอีกฝ่ายเข้าบ้านอย่างกระตือรือร้น “เข้ามาก่อนค่ะ คุณคือพี่ตำรวจเหรอคะ”
ต่อมาสายตาถึงเลื่อนไปเห็นว่าพี่ตำรวจตรงหน้าอุ้มเด็กทารกมาด้วยคนหนึ่ง
ในสมองปรากฏเครื่องหมายคำถามมากมาย นี่มันเกิดเื่อะไรขึ้นหรือ?
เซี่ยฟู่กุ้ยที่ยืนอยู่ด้านหลังหัวหน้าตำรวจมองลูกเลี้ยงอย่างไม่เชื่อสายตา ไม่กี่ชั่วโมงก่อนตำรวจนายหนึ่งเคยพาเขากลับบ้านมาแล้วหนึ่งรอบ ตอนนั้นอีกฝ่ายร้องห่มร้องไห้ยกใหญ่ แต่พอเขาคล้อยหลังออกไป เธอกลับนอนต่ออย่างไม่รู้สึกรู้สา
นี่หรือคือลูกสาวที่เขารักและทะนุถนอมยิ่งกว่าลูกแท้ๆ ของตัวเอง ทำไมถึงแล้งน้ำใจได้ขนาดนี้
เซี่ยอวิ๋นไม่ได้สนใจพ่อเลี้ยงของตัวเองเลยแม้แต่น้อย ความสนใจของเธอพุ่งไปที่หัวหน้าตำรวจเพียงคนเดียวเท่านั้น
หัวหน้าตำรวจเห็นสายตาร้อนแรงของอีกฝ่ายที่มองมา ทำให้เขาอดนึกถึงแววตาใสซื่อบริสุทธิ์ของเด็กสาวคนก่อนหน้านี้ไม่ได้
“เธอคือเซี่ยอวิ๋นใช่ไหม” เขาเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเ็า
เซี่ยอวิ๋นมีสีหน้าดีอกดีใจอย่างเห็นได้ชัด พี่ตำรวจตรงหน้ารู้จักเธอด้วยงั้นหรือ?
เธอส่งยิ้มหวานให้อีกฝ่าย ดวงตาที่เล็กอยู่แล้วจึงยิ่งเล็กกว่าเก่าจนแทบจะกลายเป็เส้นตรง “ฉันเซี่ยอวิ๋นเองค่ะ พี่ตำรวจ เชิญเข้ามานั่งก่อนค่ะ”
ตำรวจหนุ่มแอบคิดในใจว่า ตาของเซี่ยฟู่กุ้ยต้องมีปัญหาเป็แน่ ถึงได้เห็นเด็กสาวคนนี้เป็สมบัติล้ำค่า
“เซี่ยฟู่กุ้ยถูกจับ เธอจะต้องเป็คนเลี้ยงเด็กคนนี้แทนเขา” เขาพูดด้วยน้ำเสียงเ็าขณะส่งตัวเด็กทารกไปให้
เซี่ยอวิ๋นผงะไปชั่วครู่ ก่อนจะถอยออกมาราวกับเด็กทารกคืองูที่มีพิษร้ายกาจ
“ฉันเลี้ยงเด็กไม่เป็ ฉันไม่เลี้ยงหรอก…”
“แม่ของเด็กถูกส่งไปทำงานที่ค่ายแรงงาน ส่วนพ่อเธอถูกจับข้อหาให้ร้ายผู้อื่นและทำร้ายเด็กทารกจนเกือบถึงแก่ชีวิต ถ้าเธอไม่เลี้ยงเด็กคนนี้แล้วใครจะเลี้ยง”
เซี่ยอวิ๋นยังคงส่ายศีรษะ ก่อนที่ดวงตาจะฉายแววเ้าเล่ห์ “พวกคุณเอาไปให้เซี่ยโม่เลี้ยงก็ได้นี่ อ้อ แล้วก็เซี่ยเฉินเฟิงอีก พวกเขามีสายเืเดียวกัน เด็กคนนี้ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอะไรกับฉันเสียหน่อย”
บรรดาตำรวจนึกไม่ถึงว่าเด็กสาวตรงหน้าจะเป็คนหน้าไม่อายแบบนี้
หัวหน้าตำรวจพูดด้วยน้ำเสียงเ็า “เธอเป็ลูกสาวของหวางลี่ลี่ เด็กคนนี้ถึงจะเกิดจากคนละพ่อ แต่ก็เป็พี่น้องแม่เดียวกันกับเธอ ดังนั้นเธอมีหน้าที่ต้องเลี้ยงเด็กคนนี้”
“เด็กคนนี้ก็มีพ่อคนเดียวกันกับเซี่ยโม่ เธอก็มีหน้าที่ต้องเลี้ยงเด็กคนนี้เหมือนกันสิ” เซี่ยอวิ๋นเถียงกลับไปทันที
หัวหน้าตำรวจยิ้มหยัน “พ่อเธอใช้เด็กคนนี้เป็เครื่องมือใส่ร้ายเซี่ยโม่กับน้องชาย พวกเขาทั้งสองคนเป็ฝ่ายถูกกระทำจนต้องออกจากบ้านไปอาศัยอยู่กับคุณตาคุณยายแบบตัวเปล่า แล้วทำไมเซี่ยโม่ต้องเลี้ยงเด็กคนนี้ด้วย”
เซี่ยอวิ๋นโต้กลับอีกว่า “ใครบอกว่าเธอออกไปตัวเปล่า แม่ฉันให้เงินเธอไปตั้งสองร้อยหยวน นั่นเป็เงินทั้งหมดที่บ้านฉันมีเลยนะ”
“อายุยังน้อยก็ขี้ลืมซะแล้ว เงินก้อนนั้นเป็ค่าชดใช้ที่หวางหมาจื่อเข้าไปขโมยของในบ้านและเป็ค่ารักษาพยาบาลเซี่ยเฉินเฟิงต่างหาก นี่เป็คำตัดสินของศาล เกี่ยวอะไรกับพวกเธอด้วย” หัวหน้าตำรวจเหน็บแนม
“แต่ตอนนี้ที่บ้านไม่มีเงินเหลืออยู่เลย แล้วฉันจะเอาเงินที่ไหนมาเลี้ยงน้อง ฉันไม่เลี้ยงหรอก” แม้เซี่ยอวิ๋นจะรู้สึกเสียหน้า แต่ก็ยังเถียงกลับไป
เซี่ยฟู่กุ้ยที่ยืนอยู่ข้างหลังนายตำรวจโพล่งออกมาอย่างทนไม่ไหว “ั้แ่หวางลี่ลี่พาเธอเข้ามาอยู่ในบ้าน พ่อก็เลี้ยงและดูแลเธออย่างดีมาตลอด ไม่เคยไม่ดีกับเธอเลยสักครั้ง แต่ตอนนี้พ่อทำผิดเพราะเชื่อคำพูดของแม่เธอ น้องชายเธอก็ยังเล็กอยู่ เธอจะไม่สนใจเขาเลยเหรอ”
เซี่ยอวิ๋นเพิ่งสังเกตเห็นพ่อเลี้ยง หากอีกฝ่ายอยู่ตรงนี้ตลอด แสดงว่าได้ยินสิ่งที่เธอพูดเมื่อครู่ทั้งหมดแล้วใช่หรือไม่ แต่เมื่อคิดอีกที อีกฝ่ายกำลังจะถูกจับเข้าคุกอยู่แล้ว จะมีปัญญาทำอะไรเธอได้ เช่นนั้นไม่มีอะไรที่ต้องกลัว
เธอกัดฟันเอ่ยออกไป “หนูเป็แค่เด็กผู้หญิงคนหนึ่ง แต่นั่นคือเด็กอ่อนที่ประเดี๋ยวฉี่ประเดี๋ยวขี้ สกปรกจะตาย ใครจะไปอยากดูแล ไม่งั้นก็ให้คนอื่นดูแลเถอะ”
เซี่ยฟู่กุ้ยเพิ่งนึกออกว่า ั้แ่ลูกชายคนเล็กเกิดมา เซี่ยอวิ๋นไม่เคยดูแลและไม่เคยช่วยเปลี่ยนผ้าอ้อมเลยสักครั้ง
เวลาเซี่ยเฉินซีขับถ่ายใส่ผ้าอ้อมก็มักทำท่ารังเกียจและพยายามหนีไปให้ไกลที่สุด คิดแล้วก็สะท้อนใจ
เซี่ยฟู่กุ้ยถอนหายใจก่อนจะเอ่ยขอร้อง “ถึงเธอไม่เห็นแก่บุญคุณพ่อที่เลี้ยงดูเธออย่างดี ก็เห็นแก่แม่แท้ๆ ช่วยดูแลเฉินซีสักระยะ พอครบสองเดือนกว่าแม่เธอก็กลับมาแล้ว ถือว่าพ่อขอร้องเถอะนะ”
เซี่ยอวิ๋นยังคงเอ่ยอย่างรังเกียจรังงอน “ที่บ้านไม่มีเงินแล้วจะให้หนูเลี้ยงยังไง เช็ดขี้เช็ดเยี่ยวหนูก็ทำไม่เป็ อีกอย่างนี่ก็ใกล้จะเปิดเทอมแล้ว จะให้อุ้มเด็กไปเรียนเหรอ ไม่รู้ละ ยังไงหนูก็ไม่เลี้ยง”
ได้ยินเช่นนั้นก็รู้ทันทีว่าคงหวังอะไรกับลูกเลี้ยงไม่ได้แล้ว
ถ้าไม่มีเหตุการณ์เลวร้ายนี้ หรือเขาทำผิดเื่หนึ่งเื่ใดจนถูกจับกุม หากไปขอให้โม่โม่ช่วยเลี้ยงเฉินซี โม่โม่ต้องยอมช่วยแน่นอน
แต่ก่อนกลับมาที่นี่ เขาร้องห่มร้องไห้ใส่ร้ายโม่โม่ด้วย้าเล่นงานให้ถึงตาย แล้วตอนนี้จะยังมีหน้าไปขอร้องให้อีกฝ่ายช่วยเลี้ยงดูเฉินซีได้อีกหรือ เขารู้ตัวแล้วว่าเพิ่งทำเื่ที่โง่ที่สุดในชีวิตลงไป
ทำสิ่งใดไว้ย่อมได้สิ่งนั้นคืน เขากำลังถูกกรรมตามสนองแล้วจริงๆ
“คุณหัวหน้าตำรวจ ผมขอร้องละ ให้ผมเอาลูกชายเข้าไปเลี้ยงในคุกด้วยเถอะ หรือไม่ก็ช่วยเอาไปส่งที่บ้านแม่ของแกที” เขาคุกเข่าต่อหน้าตำรวจอย่างจนปัญญา
หัวหน้าตำรวจมองเซี่ยฟู่กุ้ยพร้อมกับคิดในใจ เซี่ยฟู่กุ้ยคนนี้ช่างน่าสนใจเหลือเกิน ตอนแรกก็ไล่ลูกชายลูกสาวแท้ๆ ออกจากบ้าน แค่นั้นไม่พอยังตามไปเล่นงานครั้งแล้วครั้งเล่า สุดท้ายก่อเื่จนตัวเองต้องถูกจับ ที่บ้านเหลือเพียงเด็กสาวใจร้ายใจดำหน้าไม่อายคนหนึ่ง
เขาอดประชดประชันออกไปไม่ได้ “มีคุกที่ไหนให้เอาเด็กเข้าไปเลี้ยงบ้าง น่าขำ”
“คุณหัวหน้าตำรวจ งั้นคุณช่วยผมคิดหาวิธีหน่อยได้ไหมว่าผมควรทำยังไงดี”
“วิธีมันก็พอมีอยู่หรอก แต่คุณจะทำตามหรือเปล่าแค่นั้น”
“คุณหัวหน้าตำรวจ ขอแค่ลูกผมปลอดภัย ต่อให้ต้องตายผมก็ยอม”
“ก็แค่จ้างคนมาคอยดูแลเด็กระหว่างที่คุณไม่อยู่สามเดือน ถ้าไม่มีเงินจ้างก็แค่เอาบ้านไปจำนอง”
ตอนนี้เซี่ยฟู่กุ้ยหมดหวังในตัวเซี่ยอวิ๋นแล้ว เขารีบพยักหน้าตกลง ก่อนจะหันไปเอ่ยกับชาวบ้านที่มามุงดู “มีใครอยากช่วยฉันเลี้ยงเด็กสักสามเดือนไหม หากใครยอมช่วยฉันจะยกบ้านให้”
ระยะเวลาสามเดือนเด็กทารกจะกินมากแค่ไหนกันเชียว กินโจ๊กแค่นิดๆ หน่อยๆ จะเป็เงินสักกี่หยวนกัน คนที่มุงดูอยู่ต่างหวั่นไหวกับข้อเสนอนี้ไม่น้อย
“เซี่ยฟู่กุ้ย พูดแล้วพูดเลยห้ามคืนคำนะ”
เซี่ยฟู่กุ้ยที่หมดหนทางได้แต่ต้องกัดฟันเอ่ยออกไป “แน่นอน ขอแค่ดูแลลูกฉันอย่างดี ไม่ให้ตายก็พอ”
“ฉันยินดี…”
“ฉันยินดี…”