ไม่ว่าคุณจะลำบากแค่ไหนก็ไม่ควรกดดันลูกๆ และไม่ว่าคุณจะยากจนเพียงใด คุณก็ไม่สามารถขาดการศึกษา
สำหรับผู้ปกครองชาวจีนส่วนใหญ่ การศึกษาของบุตรถือเป็เื่ใหญ่ยิ่งกว่าท้องฟ้า อู๋อู๋ได้เคลื่อนไหวครั้งใหญ่โดยใช้เื่ของซูอิน คนของตระกูลซูจึงทำได้เพียงยอมถอยหนึ่งก้าว
ซูอินนึกถึงเื่ราวที่ผ่านมา
ในชาติก่อนคะแนนของเธอดีมาตลอด ต่อให้รู้สึกสับสนงงงวยหลังจากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน แต่พื้นฐานของเธอยังอยู่ เมื่อประกาศผลสอบเข้ามัธยมปลาย คะแนนของเธอทำให้สอบเข้าโรงเรียนมัธยมปลายที่ดีที่สุดของเมืองได้
ในขณะที่หลิงเมิ่งทำคะแนนออกมาได้ไม่ดี
หลังจากประกาศคะแนน อู๋อู๋ใช้ทั้งไม้อ่อนและไม้แข็ง พยายามทำทุกวิถีทางเพื่อให้คะแนนของพวกเธอสองคนสลับกัน หลิงเมิ่งได้เข้าไปเรียนในเมือง ในทางกลับกัน ตัวเธอต้องไปเรียนในโรงเรียนมัธยมปลายที่แปดซึ่งเป็แหล่งรวมนักเรียนที่ไม่เอาไหน
บรรยากาศในโรงเรียนไม่สู้ดี นักเรียนส่วนใหญ่แบ่งออกเป็กลุ่มเล็กกลุ่มน้อย ในวันที่ทำรายงานเธอตกเป็เป้าหมายของนักเรียนแก๊งหนึ่ง ถูกคุกคามต่างๆ นานาจนไม่สามารถเข้าเรียนได้อย่างปกติสุข
ชีวิตมัธยมสามปีอันมืดมน ผลการเรียนของเธอแย่ลง สุดท้ายคะแนนออกมาช่างน่าเวทนาเกินกว่าจะทนดูได้
สิ่งที่เธอรู้สึกเสียใจคือไม่สามารถเรียนต่อมหาวิทยาลัย แต่เมื่อวิเคราะห์ดูอย่างละเอียด ความเสียใจนี้ก่อตัวขึ้นั้แ่ตอนที่เธอไม่ได้เข้าเรียนในโรงเรียนมัธยมดังที่้า
เมื่อได้ย้อนกลับมาอีกครั้ง เธอจึงอยากชดเชยความเสียใจในครั้งนั้น ถึงแม้ว่าเธออยากออกไปจากตระกูลหลิง แต่ก็ต้องยอมรับว่าสิ่งที่อู๋อู๋พูดนั้นมีเหตุผล ย่านที่บ้านเดี่ยวของตระกูลหลิงตั้งอยู่ห่างจากโรงเรียนเพียงสองถนน เดินแค่สิบนาที หากก่อนสอบเข้ามัธยมปลายได้อยู่ที่นี่เพื่อทบทวนบทเรียน ย่อมถือเป็ทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับเธอ
หลังจากที่เดินตามสองสามีภรรยาตระกูลหลิงเพื่อไปส่งคนของตระกูลซูออกจากเมือง ระหว่างทางซูอินก็คิดบางอย่างออก
หน้าปากทางชุมชน เมิ่งเถียนเฟินกำลังบอกลาหลิงเมิ่ง เธอพูดเจื้อยแจ้วว่าให้หลิงเมิ่งใช้ชีวิตอย่างมีความสุข ไม่ว่าอย่างไรก็อย่าน้อยใจ เชื่อฟังพ่อแม่
สีหน้าของหลิงเมิ่งแสดงออกว่ารำคาญ ตระกูลหลิงดีขนาดนี้ เมื่อเทียบกับตระกูลซูแล้วแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง เธอจะน้อยใจได้อย่างไร ส่วนเื่ที่ให้เชื่อฟัง บิดามารดาผู้ให้กำเนิดเธอสุดยอดขนาดนี้ ต่างจากบิดามารดาตระกูลซูที่อนาคตดูเหมือนไม่สดใสเลยสักนิด แน่นอนว่าเธอต้องเชื่อฟังอยู่แล้ว บีบซูอินออกไป และกลายเป็บุตรสาวที่ตระกูลหลิงรักและเอ็นดูมากที่สุด
“หนูรู้แล้ว แม่ก็ไปพูดกับอินอินสักหน่อยเถอะค่ะ”
พยายามผลักไสแม่บุญธรรมจากชนบทที่เลี้ยงดูตัวเองมาให้กับซูอิน ก่อนที่เธอจะกลับไปอยู่ข้างกายอู๋อู๋
เมิ่งเถียนเฟินไม่ใช่คนโง่ เธอสังเกตเห็นความห่างเหินของหลิงเมิ่งก็รู้สึกไม่สบายใจ แต่เธอไม่คิดจะโทษหลิงเมิ่ง ใครใช้ให้เธอไร้ความสามารถ มอบสิ่งดีๆ ให้กับบุตรสาวไม่ได้กันเล่า
อินอินจะรังเกียจเธอหรือเปล่า
เมื่อมีความรู้สึกเช่นนี้ ตอนที่เอ่ยปากกับซูอินเธอจึงกล่าวด้วยท่าทีระมัดระวัง “ถ้าอย่างนั้นอินอิน…ลูกตั้งใจทบทวนหนังสือ รอสอบเข้ามัธยมปลายแล้ว พวกเราจะมา…หาลูกอีก”
ประโยคหลังที่เอ่ยออกมาราวกับยืนยันว่าเธอไม่สามารถกลับไปด้วยกันได้จริงๆ เช่นนั้นหรือ
ซูอินที่ได้ยินก็รู้สึกเสียใจ ในชาติก่อนเธอดูถูกตระกูลซู อีกทั้งในตอนนั้นได้แสดงท่าทีจริงจังว่าเธอตัดสินใจที่จะอยู่กับตระกูลหลิงต่อ โดยไม่ได้ออกมาส่งพวกเขาด้วยซ้ำ
ในเวลานั้นมารดาของเธอคงเสียใจมากสินะ
เื่ราวที่ผ่านมาทำให้เธอรู้สึกว่าตนเองช่างเลวทราม เธอเดินเข้าไปคว้ามือสองข้างของเมิ่งเถียนเฟินก่อนให้คำมั่นสัญญา “พวกคุณกลับไปก่อน รอสอบเข้ามัธยมปลายเสร็จแล้วค่อยมารับหนูนะคะ”
ดวงตาของเมิ่งเถียนเฟินเปลี่ยนเป็สีแดงอย่างรวดเร็วโดยมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า “ตกลง เมื่อถึงเวลานั้น…จะมารับหนูนะ”
ร่ำลากันอยู่ครู่หนึ่ง คนของตระกูลหลิงก็ออกไปจากชุมชน เดินไปยังสถานีรถโดยสารที่อยู่ห่างออกไปเพียงสอง่ถนน
ถึงแม้จะอยู่เมืองเดียวกัน แต่จากชุมชนของตระกูลหลิงที่อยู่ใจกลางเมืองไปยังหมู่บ้านตงผิงของตระกูลซูมีระยะทางห่างออกไปถึงยี่สิบกิโลเมตร มีรถบัสทางไกลที่ผ่านเข้าหมู่บ้านจากเขตเมืองผิงไปถึงเขตเมืองหลิน เมื่อเช้าพวกเขาก็รีบมาเพื่อขึ้นรถโดยสารนี้ให้ทันเวลา
รถโดยสารระยะยาวเป็รถโดยสารต่อเนื่อง[1] เมื่อตระกูลซูมาถึง รถคันก่อนหน้านี้เพิ่งจะออกไป รถคันต่อไปเคลื่อนเข้ามาและจอดอยู่ตรงนั้น
เมื่อซื้อตั๋วแล้ว บนรถยังโล่งอยู่ มีเพียงเด็กหนุ่มวัยรุ่นใส่เสื้อยืดลายพรางนั่งอยู่ด้านหน้าซ้ายมือติดประตู
เด็กหนุ่มคนนั้นนั่งตัวตรง ขายาวชิดไปกับราวกันตก ตัวของเขาสูงมาก สิ่งที่ดูดียิ่งกว่าหุ่นของเขาคือใบหน้าอันหล่อเหลา คิ้วเรียวเหมือนดาบ ตาเป็ประกายดุจดวงดาว สันจมูกโด่ง แม้จะตัดผมทรงสกินเฮด ก็ไม่ได้ทำลายภาพลักษณ์ที่หล่อเหลาและกล้าหาญของหนุ่มวัยรุ่นเลยสักนิด
พี่สะใภ้ของตระกูลซู หลิวจินเซียงมีอาการเมารถเล็กน้อย ตอนขามาเธอจึงนั่งแถวแรก ตอนนี้มีเด็กหนุ่มหน้าตาหล่อเหลานั่งอยู่แถวแรก เธอซึ่งเป็หญิงวัยกลางคนจึงรู้สึกเขินเกินกว่าจะเข้าไปใกล้ จึงทำได้เพียงดึงเมิ่งเถียนเฟินไปนั่งแถวสอง
แน่นอนว่าตอนขามาเมิ่งเถียนเฟินนั่งอยู่แถวสอง โดยมีหลิงเมิ่งนั่งอยู่ข้างกาย เมื่อนึกถึงเหตุการณ์นั้นเธอก็อดไม่ได้ที่จะยกมือขึ้นปิดปาก
“นี่เธอ…เป็อะไรขึ้นมาอีกล่ะ” สีหน้าของหลิวจินเซียงเต็มไปด้วยความงุนงง
“เมื่อเช้าขามาเมิ่งเมิ่งยังนั่งข้างฉันอยู่เลย พอขากลับเธอก็ไม่อยู่แล้ว ไม่รู้ว่าเธออยู่ที่ตระกูลหลิงจะชินไหม คิดแล้วฉันก็เป็ห่วงจริงๆ”
ฉินหล่างซึ่งนั่งอยู่หน้าพี่สะใภ้กับน้องสะใภ้จึงได้ยินบทสนทนาที่ค่อนข้างเป็เื่ส่วนตัว เขาเหลือบดูนาฬิกา ยังเหลือเวลาอีกพักใหญ่กว่ารถจะออก เขาจึงคิดจะเลี่ยงหนี
ขณะที่กำลังจะลุก เขาก็ได้ยินคำว่า “ตระกูลหลิง”
หลิง…เด็กสาวที่ช่วยเสี่ยวหรุยก็แซ่นี้
เมื่อได้ยินเช่นนั้นเขาจึงไม่ได้ลุกขึ้น แต่นั่งฟังต่อ เมื่อได้ยินชื่อ “อินอิน” สองคำนี้เขาก็มั่นใจว่า ตระกูลที่สองคนด้านหลังเอ่ยถึงจะต้องเป็ตระกูลที่เขานึกถึงอย่างแน่นอน
จากนั้น ในระหว่างที่พวกเธอกำลังพูดจาคลุมเครือ เขาก็สรุปเื่ที่คาดไม่ถึงออกมาได้
สลับลูกกัน?
เมิ่งเถียนเฟินที่นั่งเยื้องออกไปไม่รู้เลยว่าคนที่นั่งอยู่แถวหน้ากำลังแอบฟัง เวลานี้จิตใจของเธอเต็มไปด้วยความกังวล “ฉันวางใจเื่อินอินไม่ได้เลย เธอไม่ได้มีชีวิตที่ดีเหมือนกับที่คนของตระกูลหลิงพูด เมื่อก่อนขนาดตอนที่อินอินยังเป็ลูกแท้ๆ ก็ยังให้เธอเดินตากแดดหิ้วปิ่นโตหนักๆ ไปส่งที่โรงพยาบาล ในตอนนี้รู้แล้วว่าไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของตัวเอง จะไม่ยิ่งปฏิบัติต่อเธอแย่กว่าเดิมหรือ”
ฉินหล่างสรุปเื่อีกครั้ง เหมือนกับว่าตระกูลหลิงปฏิบัติต่อเด็กสาวคนนั้นไม่ดีนัก
นี่มันไม่เหมือนกับที่เขาตามสืบมาเลยสักนิด
ฉินหล่างมาที่เขตเมืองผิงในครั้งนี้เพราะตั้งใจจะมาตอบแทนบุญคุณโดยเฉพาะ เสี่ยวหรุยเป็บุตรชายของพี่ชายคนรองของเขา พี่รองและพี่สะใภ้หย่ากันเมื่อหลายปีก่อน โดยที่พี่สะใภ้ของเขานำบุตรชายไปเลี้ยง เมื่อหลายวันก่อนพี่สะใภ้มาที่เขตเมืองผิงเพื่อไปยังสระว่ายน้ำแห่งใหม่ ไม่รู้ว่าเพราะอะไรเธอถึงปล่อยให้เสี่ยวหรุยไปที่ฝั่งน้ำลึกเพียงลำพัง
ในวันนั้นมีคนมาว่ายน้ำค่อนข้างน้อย ที่ฝั่งน้ำลึกแทบจะไม่มีคน โชคดีมีสาวน้อยคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้น มิเช่นนั้นหากรอให้พนักงานมาพบ ไม่อยากคิดเลยว่าผลลัพธ์จะออกมาเป็อย่างไร
เสี่ยวหรุยเป็หลานของตระกูลฉิน คนตระกูลฉินเมื่อมีบุญคุณต้องทดแทน คุณปู่ของเขาจึงโทรศัพท์มาหาเขาเป็การส่วนตัว คุณปู่บอกเขาซึ่งอาศัยอยู่ใกล้เขตเมืองผิงมากที่สุด ว่าให้เดินทางใน่วันหยุดเพื่อดูว่าพอจะทำอะไรได้หรือไม่
วันที่มาถึง เขาก็ได้ทราบสถานการณ์ในครอบครัวของสาวน้อยผู้นั้น บิดาของเธอเปิดบริษัทซึ่งรายได้ค่อนข้างดีทีเดียว มารดาทำงานเป็แพทย์อยู่ในโรงพยาบาล สาวน้อยคนนั้นเป็บุตรสาวเพียงคนเดียว เป็ครอบครัวสามคนสุขสันต์ เมื่อรู้แล้วเขาก็ตั้งใจจะตอบแทนบิดามารดาของเธอ
ติดต่อคนรู้จักและให้ไฟเขียวแก่โครงการที่บิดาของเธอกำลังทำอยู่ ในส่วนของมารดา มีโควตาหลักสูตรเรียนเพิ่มเติมที่เหมาะสมกับเธอพอดี เขาจึงมอบให้เธอเป็การเฉพาะเจาะจง
เมื่อรู้สึกว่าการตอบแทนนี้เพียงพอแล้ว เขาก็ขึ้นรถบัสกลับด้วยความอุ่นใจ
จัดการเื่นี้เสร็จก็กลับไปโดยไม่เปิดเผยชื่อ
แต่เมื่อได้ยินเื่ที่เกิดขึ้น มันไม่เหมือนกับที่เขาสืบมา ประการแรก เด็กคนนั้นไม่ใช่บุตรสาวแท้ๆ ของตระกูลนี้ ประการต่อมา พวกเขาปฏิบัติต่อเธอไม่ดีนัก
ก่อนหน้านี้พวกเขาเลี้ยงดูเธอมาสิบหกปี หลังจากนี้หากสิ่งเ่าั้เป็เื่จริง สิ่งที่เขาจัดเตรียมไว้คงจะไม่ใช่การตอบแทนบุญคุณ แต่เป็การแก้แค้น
คิดอย่างนี้แล้วฉินหล่างก็นั่งแทบไม่ติด เขาลุกขึ้นแล้วลงจากรถ
ถึงอย่างไรวันหยุดนี้เขาก็ยังพอมีเวลา เพื่อความปลอดภัย เขาควรเข้าใจเื่เหล่านี้ให้มากขึ้นอีกสักหน่อย
-------------------------------------------------------------------------
[1] รถโดยสารต่อเนื่อง หมายถึง การเดินรถโดยสารที่ไม่มีเวลาแน่นอน เป็เส้นทางที่มีผู้โดยสารมาก รถเต็มเมื่อไรก็ออก และรถคันใหม่ก็จะเข้ามา