ั้แ่ที่หว่านฉือกลับมาเมืองหลวง หายนะน้อยใหญ่ก็เข้ามามิได้หยุดหย่อน รู้สึกว่าจะมีเื่เกิดกับนางทุกสามถึงห้าวันเลยทีเดียว ราวกับว่าถ้ามิได้เกิดเื่จะอยู่ไม่เป็สุขเสียเช่นนั้นแหละ
เมื่อได้ยินข่าวนี้ อวิ๋นอี้ก็คิดแค่ว่านางเริ่มทำเื่อีกแล้ว จุดประสงค์คือเพื่อให้หรงซิวไปดูแลประคบประหงมนาง
การทำเช่นนี้ของสตรี ก็ทำเพื่อเรียกร้องความสนใจจากบุรุษทั้งนั้นแหละ
ยังไม่ทันเข้าจวนมา นางก็อดที่จะออเซาะกับหรงซิวมิได้แล้ว รอให้นางเข้ามาในจวนจริงๆ เกรงว่าตนคงจะมิได้แตะต้องแม้แต่ชายเสื้อของหรงซิว
เมื่อนึกถึงเื่นี้ ใบหน้าของอวิ๋นอี้ก็ดูไม่ค่อยดีนัก สายตาอ่อนลง ใบหน้ายิ้ม มองดูอบอุ่นมากแต่ท่าทีของนางกลับเ็า
บรรยากาศในห้องโถงนิ่งไปชั่วขณะ อุณหภูมิก็ลดลงไปตามกัน
หรงซิวเหลือบมองพ่อบ้าน เมื่อเห็นท่าทางตื่นตระหนก ก็ขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ “เกิดกระไรขึ้นอีก?”
“ฝ่าาพ่ะย่ะค่ะ...” พ่อบ้านสีหน้าไม่ดี ลังเลแต่ก็สู้พูดไป “ผู้ส่งสารก็มิได้บอกกระไรชัดเจนนักพ่ะย่ะค่ะ เพียงบอกให้ท่านรีบไป บอกว่าไทเฮาก็กำลังเสด็จไปที่จวนท่านหญิงหว่านฉือพ่ะย่ะค่ะ”
หรงซิวไม่พูดกระไร มุมปากกดลง ราวกับว่ากำลังคิดกระไรบางอย่างอยู่
เขาไม่พูด อวิ๋นอี้ก็ไม่พูด
ให้นางแสร้งทำเป็คนใจกว้าง ผลักเขาไปให้หว่านฉือ นางทำมิได้ ทั้งยังมิรู้ว่าหว่านฉือครานี้จะแสร้งเจ็บตัวเองอีกหรือไม่?
“ฝ่าา...” พ่อบ้านอึกอัก “ผู้ส่งสารรออยู่ข้างนอกพ่ะย่ะค่ะ เกี้ยวก็พร้อมแล้ว ท่านกับท่านหญิงหว่านฉือจะอภิเษกกันอีกในไม่กี่วัน หากครานี้ไม่ไปล่ะก็ เกรงว่าจะพูดกับทางไทเฮายากนะพ่ะย่ะค่ะ”
"ข้ารู้แล้ว" หรงซิวพยักหน้า แล้วให้พ่อบ้านออกไป "เ้าออกไปก่อนเถิด"
พ่อบ้านจากไป เขาก็พิงตัวติดกับนาง เอาคางถูกับระหว่างคอของนาง ปรึกษาด้วยท่าทีเอาใจ “เมียจ๋า ไปดูด้วยกันกับข้าหรือไม่ หืม?”
"ไม่ไปเพคะ" นางปฏิเสธ "หากข้าไปแล้วรบกวนพวกท่านจะทำอย่างไร?”
“......”
หรงซิวจูบที่แก้มของนาง มิได้ผ่านการยินยอมของนาง เขาอุ้มนางขึ้นมาในทันใด
การอยู่ในอากาศอย่างกะทันหัน ทำให้อวิ๋นอี้ใเล็กน้อย นางเปล่งเสียงร้องต่ำและกอดคอเขาด้วยความตื่นตระหนก
หรงซิวเหล่มองนางแล้วยิ้ม “ไปกันเถิด ไปด้วยกันนะ หากเมียจ๋าไม่ไปด้วยข้าจะทำตัวไม่ถูก”
หลังจากถูกฉุดกระชากลากถูแล้ว สุดท้าย อวิ๋นอี้ก็ไปที่จวนหว่านฉือด้วยกันกับหรงซิว
เมื่อลงจากรถก็เห็นราชรถของไทเฮา นางผลักหรงซิว เมื่อเห็นเขาเข้ามา ก็ทำหน้าบึ้งใส่เขาอย่างเย้ยหยัน
“เด็กน้อย” หรงซิวเย้ยนาง คว้าข้อมือนางไว้ด้านใน เดินพลางพูดเสียงเบาว่า “ใจร้ายเสียจริง เดี๋ยวเจอไทเฮา เ้าเฉลียวหน่อยนะ”
ไทเฮาชอบหาเื่นาง เขารู้ดี
อวิ๋นอี้อ้อสั้นๆ พร้อมมุ่ยปาก "ข้าจะเฉลียวหรือไม่ฉลาด อย่างไรผลก็เหมือนเดิมเพคะ"
รู้ว่านางอารมณ์ไม่ดี หรงซิวลูบหัวนางเบาๆ ด้วยความอ่อนโยน "เด็กดี"
ไทเฮาอยู่ที่จวนหว่านฉือจริงๆ ไม่เพียงแค่นั้น แม้แต่ฮ่องเต้อวี่ซวนก็อยู่ด้วย หรงซิวแปลกใจมาก ดึงให้อวิ๋นอี้ทำความเคารพอย่างระมัดระวัง เมื่อเงยหน้าขึ้นก็เห็นว่าสีหน้าของทั้งสองที่ดูไม่ดี เขาก็คาดเดาได้แล้ว
เขาชำเลืองมองฉากกั้นไปโดยมิรู้ตัว เมื่อเห็นชายเสื้อของหมอหลวง ก็คิดว่าหว่านฉือต้องไม่สบายตรงที่ใดอีกเป็แน่
ตอนที่กำลังคิดอยู่นั้น เสียงของไทเฮาดุเสียงต่ำก็เข้ามาในหู “อวิ๋นอี้! เื่นี้เ้าเป็คนทำใช่หรือไม่!"
ไม่เพียงแค่อวิ๋นอี้ที่ถูกถามจนงงงวย แม้แต่หรงซิวก็สมณสูงจ้างเอ้อก็ลูบหัวไม่เจอ [1]
เขาคิ้วขมวด เอ่ยปากด้วยท่าทีอ่อนโยน “ท่านย่าพ่ะย่ะค่ะ? มิทราบว่าท่านกำลังพูดเื่กระไร อวิ๋นเออร์เพิ่งจะมากับข้า เื่มันเป็อย่างไรกันแน่ หว่านฉือ...”
“ข้ามิได้ถามเ้า!” ไทเฮามองเขาอย่างเคร่งขรึมด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ “เ้าก็ดีแต่เข้าข้างนางไปวันๆ มิเคยรู้ใบหน้าที่แท้จริงของนางเลย!”
อวิ๋นอี้โดนด่าไม่ใช่เพียงคราสองครา ตอนนี้นางสงบมาก มิมีการโต้กลับ มิมีรอยยิ้ม เพียงแค่นิ่งดูว่านางจะยังโวยวายกระไรอีก
“ท่านย่า มีสิ่งใดก็พูดกันดีๆ สิพ่ะย่ะค่ะ...” หรงซิวรู้สึกปวดหัว
เพียงแค่ขัดเจตนาของนางในตอนแรก มุ่งจะอภิเษกกับอวิ๋นอี้ท่าเดียว ไม่คิดเลยว่าหญิงชราจะจำฝังใจนานเพียงนี้ แค่เห็นอวิ๋นอี้ก็พูดว่านางท่าเดียว
บอกตามตรงว่า แค่ครั้งสองครั้งเขาก็พอจะทนได้ แต่นี่มันครั้งแล้วครั้งเล่า ถึงจะเป็เขาก็หงุดหงิดแทบแย่
อวิ๋นอี้จะแย่เพียงใด ก็ยังเป็คนรักของเขาอยู่ดี จะให้ผู้อื่นมาบงการนู่นนี่ได้อย่างไร?
แน่นอนว่าไทเฮามิรู้ว่าหรงซิวกำลังคิดกระไรอยู่ จึงพูดประชดประชันต่อ “จะพูดดีได้อย่างไร เดิมทีหว่านฉือยังดีๆ อยู่ แต่ก็เพราะไปพบนางเมื่อบ่าย กลับมาก็อาเจียนท้องร่วงมีไข้สูง หากมิใช่นางเป็คนทำแล้วจะเป็ผู้ใดได้?"
"หว่านฉือป่วยอีกแล้วหรือพ่ะย่ะค่ะ?" หรงซิวถามอย่างลังเล
เขาไม่ร้อนรนเหมือนคราที่แล้ว หากเป็ผู้ใดเคยถูกหมาป่าหลอก ก็คงไม่เชื่อง่ายๆ อีก
ไทเฮากัดฟันแผดเสียงอย่างดุดัน “อวิ๋นอี้! หว่านฉือยังไม่เข้าจวน เ้าก็ไม่ชอบนางเสียเช่นนี้ แทบจะอยากให้นางตาย เหตุใดเ้าถึงใจดำอำมหิตโเี้เยี่ยงนี้!"
"ท่านย่าพ่ะย่ะค่ะ ข้าเกรงว่าเื่นี้จะเป็เื่เข้าใจผิดกันแน่ อวิ๋นอี้มิใช่คนเช่นนั้น" หรงซิวทนฟังต่อไปไม่ไหว รับช่วยนางพูด "สาเหตุการป่วยของหว่านฉือจำเป็ต้องตรวจสอบเพิ่มเติม!”
“ความจริงที่ชัดเจนก็อยู่ตรงหน้า ยังจะต้องตรวจสอบเพิ่มเติมกระไร! ซิวเออร์ ย่ารู้ว่าเ้ารับมิได้ แต่ว่าสตรีข้างกายของเ้า ดูเหมือนจะมิมีพิษภัย แต่นางทำเื่ได้ชั่วร้ายอย่างงูพิษ แมงป่องร้าย! เหตุใดเ้าถึงได้ถูกนางบังตาไว้นะ มองไม่เห็นความเป็จริงอยู่เรื่อยทุกครา!” ไทเฮาเกลียดเหล็กไม่กลายเป็เหล็กกล้า พูดโน้มน้าวเขาด้วยความปวดใจ
อวิ๋นอี้ยกมุมริมฝีปากขึ้น แล้วพึมพำเสียงเบาๆ
วินาทีถัดมา นางก็เดินออกมาจากด้านหลังหรงซิวยืดหลังตรงต่อหน้าทุกคน
แววตาของนางนั้นมั่นคงและกล้าหาญ รอยยิ้มก็อ่อนโยน ดูรื่นรมย์นัก
“ขออนุญาตเพคะองค์ไทเฮา องค์ฮ่องเต้” นางโค้งคำนับอย่างสง่างาม ประพฤติตนอย่างถูกต้อง แต่กลับได้เห็นท่าทีของไทเฮาที่ยิ่งไม่พอใจ กลอกตาขาวอย่างเ็า “ฮึ่ม!”
อวิ๋นอี้เตรียมใจไว้แล้ว จึงทำเป็มองไม่เห็น นางถามด้วยรอยยิ้มว่า "ข้าเกรงว่าไทเฮาจะเข้าใจอวิ๋นเออร์ผิดไปนะเพคะ จริงอยู่ที่เมื่อบ่าย อวิ๋นเออร์ได้ไปซื้อของกับแม่หญิงหว่านฉือ หากแต่ไทเฮาคงจะลืมไปว่า เดิมทีที่แม่หญิงหว่านฉือมาเชิญข้านั้น อวิ๋นเออร์ได้ปฏิเสธไปแล้ว เป็โองการของท่านเอง ที่ให้อวิ๋นเออร์ไปให้ได้ อวิ๋นเออร์กับแม่หญิงหว่านฉือเรากลมเกลียวกันมาก ระหว่างนั้นเรามิได้มีการทะเลาะเบาะแว้งใดๆ แม่หญิงหว่านฉือปลอดภัยมากเพคะ ถึงขนาดที่ในตอนที่เราร่ำลากัน นางก็ยังคงไม่เป็กระไร กระนั้น เหตุใดแม่หญิงหว่านฉือป่วยภายหลังกลับมาที่จวน จึงเป็ความผิดของอวิ๋นเออร์เล่าเพคะ?”
“เ้ายังจะเล่นลิ้นอีกหรือ?!” ไทเฮาใ คำพูดที่เฉียบขาดของนางทำให้นางคาดไม่ถึง
อวิ๋นอี้ได้ย่อตัวคำนับด้วยรอยยิ้มน่ารักอีกครา นางปฏิเสธคำของไทเฮาว่า "อวิ๋นเออร์มิได้เล่นลิ้นเพคะ เพียงแต่แค่อธิบายความจริง ไทเฮาเป็หนึ่งในวังหลัง ข้าเชื่อว่าท่านคงจะต้องตัดสินอย่างชาญฉลาด หากตอนนี้ยังหาสาเหตุของการป่วยมิได้ แล้วมาโทษอวิ๋นเออร์ ข้าเกรงว่าจะไม่ถูกนะเพคะ”
“สามหาว!” ไทเฮาะโอย่างฉุนเฉียว “ข้าจะตัดสินอย่างไร มิต้องให้เ้ามาบงการ!”
“ข้ามิบังอาจเพคะ!” อวิ๋นอี้ทำท่าทีจะคุกเข่าลง ก็ถูกหรงซิวคว้าแขนไว้ เขากุมมือนางแล้วเดินขึ้นไปพูด “ท่านย่าพ่ะย่ะค่ะ อวิ๋นเออร์พูดมีเหตุผลพ่ะย่ะค่ะ ท่านจะคิดว่าการป่วยของหว่านฉือเป็เพราะอวิ๋นเออร์ไปเจอหว่านฉือมิได้นะพ่ะย่ะค่ะ ท่านก็รู้อยู่ หว่านฉือร่างกายอ่อนแอมาั้แ่ไหนแต่ไร มิแน่ว่าครานี้อาจจะเป็เพราะเหนื่อยเกินไป หรือทานสิ่งใดผิดแปลกไป เรารอให้หมอวินิจฉัยออกมาก่อน แล้วค่อยสรุปเถิดพ่ะย่ะค่ะ!”
“ดีนี่! พวกเ้าสองคน เข้ากันเป็ปี่เป็ขลุ่ย ดูเหมือนข้าจงใจจะกลั่นแกล้งพวกเ้าเสียเช่นนั้น!” ไทเฮามองหลานบุรุษที่ไม่เอาไหน แทบจะลมจับอยู่แล้ว นางตบโต๊ะเสียงดัง พูดออกมาอย่างดุดัน “กระนั้นข้าก็จะรอ ถึงเวลาตะปูตอกลงกระดาน [2] พวกเ้าจะยังมีสิ่งใดจะพูดอีก!”
อวิ๋นอี้ถอนหายใจด้วยความโล่งอก แต่ก็รู้สึกเศร้ากับตนเอง
เป็เมียหลวงนี่มันยากแท้!
เชิงอรรถ
[1] สมณสูงจ้างเอ้อก็ลูบหัวไม่เจอ丈二和尚摸不着头脑 หมายถึง ไม่รู้ที่มาของเื่ ไม่เข้าใจสถานการณ์
[2] ตะปูตอกลงกระดาน 板上钉钉 หมายถึง ไม่กลับคำพูด เื่ราวที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้