ฟางเฉาตื่นั้แ่เช้ามืด เธอรีบลุกไปจัดการธุระส่วนตัวให้เสร็จก่อน จากนั้นครู่หนึ่งเมื่อหลินเหมยตื่น เธอก็เห็นหลานสาวเตรียมอาหารเช้าในครัวแล้ว
พวกเขาคุยกันั้แ่เมื่อเย็นวานว่า เช้านี้จะทำโจ๊กเป็มื้อเช้า ดังนั้นฟางเฉาจึงเริ่มทำทุกอย่างโดยไม่ต้องรอคนอื่น
“เสี่ยวเฉา ตื่นเช้าจริงๆ” หลินเหมยยิ้ม ขณะปลดหม้อโจ๊กที่สุกแล้วจากบนเตา “ใส่ผักดองกับไข่เค็มเป็เครื่องเคียงเถอะ” ตอนนี้หลานสาวมีงานทำแล้ว เธอจึงไม่รู้สึกกดดันมากเกินไป
ฟางเฉาพยักหน้า และเริ่มเตรียมเครื่องเคียงต่อ ส่วนหลินเหมยก็ยกชามโจ๊กไปเสิร์ฟให้สามีที่ตื่นแล้ว
ไม่นานทุกคนในบ้านก็มารวมตัวกันที่โต๊ะ หลินเซียงฉินนั่งอยู่ข้างพี่สาว เขายังดูงัวเงียเล็กน้อยแต่ก็นั่งอย่างเชื่อฟัง เมื่อฟางเฉาแบ่งไข่ใส่ชามให้ เด็กชายก็ชวนเธอให้กินข้าวเยอะๆ ก่อนไปทำงานด้วย เพราะกลัวว่าพี่สาวจะหิว
ฟางเฉาอมยิ้มอย่างอุ่นใจ กระซิบเบาๆ กับเขาอีกหลายประโยค อยากใกล้ชิดกับน้องให้มากก่อนที่เธอจะออกไป
หลังอาหารเช้า เด็กสาวรีบเก็บชามไปล้าง ขณะเดียวกันก็เตรียมตัวไปทำงาน
แม้ว่าน้องชายของเธอจะดูยังไม่ชินและเสียใจที่ต้องห่างจากพี่สาว แต่เขาก็ไม่ได้ดื้อดึงหรือร้องขอให้เธออยู่เหมือนเมื่อวาน เพียงแต่มองตามด้วยแววตาเศร้าสร้อยที่ทำให้ฟางเฉารู้สึกเ็ปใจเล็กน้อย
ครู่หนึ่ง เด็กสาวมีภาพลวงตาว่าตนเองกลายเป็แม่ลูกติดแล้วจริงๆ ...
“พี่จะรีบกลับมานะ เซียงฉินอยู่กับอาหญิงที่บ้าน ต้องเป็เด็กดีล่ะ” เธอพูดพร้อมลูบหัวน้องชายเบาๆ และรีบเดินออกมาโดยไม่กล้าหันไปมอง คิดในใจว่าจะชดเชยเวลาให้น้องชายตอนวันหยุดแทน
เมื่อมาถึงร้านผลไม้ เถ้าแก่เถียนก็กำลังรับลูกค้าอยู่แล้ว ฟางเฉาจึงรีบเข้าไปช่วยอย่างรู้งาน
เนื่องจากแถวนี้เป็เขตตลาด ย่อมมีคนมาจับจ่ายซื้อของั้แ่เช้ามืด หากร้านค้าอยากขายของก็ต้องรีบเปิดเร็วๆ เช่นกัน
เถ้าแก่เถียนเปิดร้านมาสักพักแล้ว เมื่อเห็นว่าลูกจ้างมาถึง เขาก็เริ่มผ่อนคลายลง แต่มือยังคงรับทอนเงินและส่งของให้ลูกค้าอยู่
ลูกค้าประจำในตลาดเริ่มทยอยมาเรื่อยๆ บางคนมองฟางเฉาด้วยความประหลาดใจเมื่อเห็นเธอกำลังช่วยงานเถ้าแก่
“เถ้าแก่ เดี๋ยวนี้รับคนมาช่วยงานด้วยเหรอ?” หญิงวัยกลางคนคนหนึ่งถามขณะเลือกแอปเปิ้ล
“ใช่น่ะสิ ก็เมียฉันกลับไปบ้านเกิดตั้งนาน ลำพังตัวคนเดียวจะทำทุกอย่างมันก็เหนื่อย เลยต้องจ้างคนมาช่วยบ้าง” เถ้าแก่เถียนว่า
“ป้าซูยังไม่กลับมาอีกเหรอ?” ลูกค้าคนหนึ่งเอ่ยถามด้วยความแปลกใจ
“ยังเลย เมื่อคืนโทรมาบอกว่าอาการผู้เฒ่าแย่ลง คงต้องเข้าโรงพยาบาลอีกรอบ” เถ้าแก่เถียนตอบ พร้อมถอนหายใจเบาๆ “น่าจะต้องอยู่อีกนานกว่าจะกลับได้ เมียฉันเป็ลูกคนเดียว พอคนแก่ป่วยก็ต้องไปช่วยดูแล จะปล่อยไว้คนเดียวก็ไม่ได้”
“โอ้ ป้าซูเป็คนกตัญญูจริงๆ พวกคุณทำดีแล้ว” ลูกค้าคนเดิมกล่าวด้วยน้ำเสียงชื่นชม
เถ้าแก่เถียนหัวเราะ หลังไหล่ยืดตรง ดูออกว่าชอบได้ยินคำชมพวกนี้มาก
เมื่อฟังพวกเขาอยู่ครู่หนึ่ง ฟางเฉาก็จับความได้ว่า ภรรยาของเถ้าแก่เป็ลูกสาวคนเดียวของครอบครัวซึ่งมีถิ่นฐานอยู่ไกลถึงอีกมณฑลหนึ่ง
ครั้งนี้เป็เพราะมารดาล้มป่วย ภรรยาของเถ้าแก่จึงพาลูกชายและลูกสาวกลับไปช่วยดูแลชั่วคราว ทว่า สามีภรรยาคู่นี้ยังคงกังวลเื่รายได้จากร้าน จึงตกลงกันให้เถ้าแก่เถียนอยู่ขายของต่อที่นี่
เดิมทีร้านนี้มีคนดูแลสองคน บางครั้งยังมีลูกมาช่วยเป็ครั้งคราว แต่เมื่อต้องเหลือเพียงคนเดียว เถ้าแก่เถียนก็รู้สึกว่างานมันเหนื่อยเกินไป อีกทั้งอายุก็เพิ่มขึ้น ไม่ค่อยแข็งแรงเหมือนแต่ก่อน สุดท้ายจึงยอมควักเงินเพื่อจ้างฟางเฉามาช่วย
จู่ๆ เด็กสาวก็รู้สึกถึงความไม่มั่นคงของงานนี้ขึ้นมา
ก่อนหน้านี้เธอคิดจะทำงานที่นี่อีกนาน เพื่อเก็บเงินสำรองสักก้อนหนึ่ง แต่ดูเหมือนว่า หากลูกเมียของเถ้าแก่กลับมา ย่อมมีแววว่าเธออาจไม่ได้รับการจ้างงานต่อ
ดังนั้นในระหว่างนี้ เธอคงต้องมองหางานอื่นไปด้วย
ฟางเฉาฟังการสนทนาเงียบๆ แต่ก็ไม่ได้หยุดมือเลย ลูกค้าหลายคนยังพูดคุยกับเถ้าแก่ต่อ ขณะที่เธอช่วยคิดเงินและยกของให้กับลูกค้าโดยไม่มีติดขัด
่สายของวัน หลังจากที่ลูกค้าซาลง ฟางเฉาก็ใช้เวลานี้ในการเติมผลไม้บนแผง จากนั้นก็เริ่มทำความสะอาดบริเวณหน้าร้าน ในระหว่างนั้นเสียงรถบรรทุกที่ดังเข้ามาใกล้ก็ดึงความสนใจของเธอ
“ในที่สุดก็มาสักที!” เถ้าแก่เถียนพูดขณะเดินออกมา “ทำไมมาสายขนาดนี้ล่ะ? เช้านี้ผลไม้หมดตั้งหลายอย่าง ลูกค้ามาถามหาแต่ไม่มีขาย รายได้ฉันหายไปตั้งเยอะเลยนะ”
พ่อค้าส่งผลไม้ยกมือเกาหัวเล็กน้อยก่อนตอบ “โทษทีเถ้าแก่ รถบรรทุกที่ขนของมามันเสียระหว่างทาง ต้องหาช่างมาซ่อมกันตั้งนาน ทุกอย่างก็เลยล่าช้าไปหมด”
“เฮ้อ ถ้าเป็แบบนี้ทุกวันฉันจะขายของยังไง ลูกค้าประจำมาถามหา สุดท้ายก็ต้องเสียลูกค้าไปหมด”
พ่อค้าตอบพร้อมกับหยิบลังผลไม้ใบแรกลงจากรถ “เถ้าแก่ก็รู้ว่าผลไม้พวกนี้ขนมาจากอีกมณฑล มันไกลนะ ถ้ารถไม่เสียก็ดีไป แต่พอเกิดเื่แบบนี้เราก็ช่วยอะไรไม่ได้จริง ๆ”
“ช่วยไม่ได้? ถ้าขืนส่งช้าบ่อยๆ แบบนี้ ฉันว่าคงต้องหาคนส่งใหม่แล้วล่ะ!” เถ้าแก่เถียนพูดจิกกัด แต่พ่อค้ากลับหัวเราะในลำคอราวกับไม่ได้ใส่ใจ
เขารู้จักคนขับรถบรรทุกเก่าที่ผันตัวไปเป็พ่อค้า จึงได้ติดต่อซื้อผลไม้หลายอย่างที่ไม่มีในพื้นที่มา หากว่าไม่ซื้อกับเขา เถ้าแก่ในเทศมณฑลเหล่านี้ยังจะติดต่อกับพ่อค้าเ้าไหนได้อีก?
ในยุคนี้ คนที่ขับรถได้มีอยู่น้อย ยิ่ง้าสามารถหารถมาใช้และชำนาญเส้นทางด้วย ยิ่งหายากกว่า ใช่ว่าแค่ขับรถได้ก็จะไปได้ทุกที่ ถนนหลายสายยังไม่ได้รับการพัฒนาอย่างดีนัก เส้นทางบางแห่งทั้งขรุขระและเต็มไปด้วยความเสี่ยงมากมาย การเดินทางจึงไม่ใช่เื่ง่ายเลย
ฟางเฉาเดินเข้าไปช่วยยกลังผลไม้เข้าร้าน เธอหยิบลังขึ้นมาโดยแทบจะไม่แสดงท่าทีอ่อนแอเลยสักนิด ทำให้พ่อค้ามองเธอด้วยความประหลาดใจ
“เถ้าแก่ จ้างเด็กมาช่วยงานเหรอ?” พ่อค้าถามขณะส่งลังอีกใบให้เธอ
“ใช่ เพิ่งจ้างมาไม่นาน” เถ้าแก่เถียนพึมพำด้วยสีหน้าไม่ดีนัก เมื่อเห็นอีกฝ่ายเมินคำขู่ของเขา
แต่อันที่จริง มันก็เป็เพียงคำพูด เขาขายของมานานแล้วและรู้ว่าแหล่งค้าส่งในเทศมณฑลเล็กๆ เช่นนี้จะไม่มีทางหาสิ่งที่ดีกว่านี้ได้
ด้วยความท้อแท้ เถ้าแก่เถียนเริ่มเดินไปตรวจสอบผลไม้แทน เมื่อเห็นผลไม้บางส่วนมีรอยช้ำ เขาก็ขมวดคิ้วและบ่นออกมา “ทำไมผลไม้ชุดนี้มีรอยช้ำเยอะขนาดนี้ล่ะ?”
พ่อค้าตอบด้วยน้ำเสียงเหนื่อยใจ “ผลไม้พวกนี้ขนมาจากที่ไกล บางทีระหว่างทางมันก็เลี่ยงไม่ได้ที่มันจะมีรอยช้ำบ้างสิเถ้าแก่”
“แต่แบบนี้ฉันขายลำบากนะ ลูกค้าที่ไหนจะอยากซื้อผลไม้ช้ำๆ?” เถ้าแก่แย้ง “ลดราคาให้หน่อยไม่ได้เหรอ? ดูสิ มีหลายลูกที่ดูแย่ขนาดนี้”
“ไม่ได้หรอกเถ้าแก่ ราคานี้ก็ถูกมากแล้ว ถ้าเถ้าแก่คิดว่ามันแย่จริงๆ ก็ลองไปหาคนส่งที่ดีกว่านี้สิ” พ่อค้าพูดเสียงแข็ง “แต่ฉันบอกได้เลยว่าไม่มีใครส่งผลไม้ให้คุณในราคานี้อีกแล้ว”
การโต้เถียงดำเนินไปอีกครู่หนึ่ง แต่สุดท้ายเถ้าแก่เถียนก็ไม่ได้ส่วนลดตามที่้า เขาพ่นลมหายใจแรงๆ ก่อนหันไปจัดการกับลังผลไม้ที่เหลือ ฟางเฉาเองก็ไม่ได้แสดงความคิดเห็นใดๆ เธอเพียงก้มหน้าก้มตาขนย้ายลังผลไม้เข้าร้านต่อ
ลังผลไม้ทั้งใหญ่ทั้งหนัก เพียงเดินไม่กี่ครั้งก็ทำให้เหงื่อผุดซึมทั่วร่าง ทว่าเด็กสาวไม่ได้บ่นแม้แต่คำเดียวขณะที่ต้องทำทั้งหมดนี้
ไม่ว่าจะเป็ชีวิตในอดีตหรือปัจจุบัน เธอก็ชินกับการทำงานหนักไปเสียแล้ว
แม้จะต้องแบกรับน้ำหนักหลายสิบจิน แต่เธอก็ใช้ร่างกายเล็กๆ แบกรับไว้โดยไม่เปลี่ยนสีหน้า
ขณะที่กำลังทำงาน ฟางเฉาก็อดไม่ได้ที่จะคิดถึงปัญหาที่เกี่ยวกับการคมนาคมในยุคนี้
หลังจากคิดตามคำพูดของพ่อค้าแล้ว เธอก็พอจะเข้าใจปัญหาเกี่ยวกับการขนส่ง ตอนนี้ถนนหลายสายยังเป็เพียงถนนลูกรังหรือทางคดเคี้ยวในูเา รถบรรทุกที่ใช้ขนส่งส่วนมากเป็รถเก่าที่ผ่านการใช้งานมาหลายปี ทำให้เกิดปัญหาเครื่องยนต์ขัดข้องอยู่บ่อยครั้ง
เส้นทางการขนส่งยาวไกลจากมณฑลหนึ่งไปยังอีกมณฑลหนึ่งก็ไม่ได้มีจุดพักที่เพียงพอสำหรับการจัดเก็บสินค้าหรือดูแลสินค้าในระหว่างทาง ความร้อนและแรงกระแทกขณะเดินทางมักทำให้ผลไม้ช้ำหรือเสียหายก่อนจะถึงมือผู้ค้าปลีก
แม้แต่เครือข่ายรถไฟที่เริ่มขยายตัวในยุคนี้ ก็ยังไม่ครอบคลุมทุกพื้นที่ รถไฟมักจะเป็ตัวเลือกที่ดีสำหรับการขนส่งสินค้าจำนวนมากในระยะไกล แต่ถ้าเป็สินค้าที่้าการดูแลพิเศษ เช่น ผลไม้สด มันยังคงยากที่จะรักษาคุณภาพระหว่างการเดินทาง
อีกอย่าง ปัจจุบันยังแทบจะหาบริษัทเอกชนที่ทำข้อตกลงกับการรถไฟเพื่อขนส่งสินค้าโดยเฉพาะแทบไม่ได้ คนส่วนใหญ่ก็เลยต้องพึ่งระบบขนส่งแบบนี้เท่านั้น
ฟางเฉาเหม่อไปชั่วขณะ
แต่ในใจเธอก็เริ่มมีความคิดบางอย่างที่เป็ไปได้
การขนส่งในยุคนี้อาจเป็จุดอ่อนสำหรับคนอื่น แต่สำหรับเธอ ...มันอาจกลายเป็ข้อได้เปรียบ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้