สัตว์อสูรที่ทรงพลังตัวหนึ่งนั้น สำหรับมนุษย์แล้วร่างกายของมันทุกส่วนล้วนเป็สมบัติล้ำค่าได้ทั้งสิ้น
สัตว์อสูรทั้งสองตัวตรงหน้าของหลงอวี้ตอนนี้เองก็เช่นกัน
สัตว์อสูรที่มีระดับิญญาแท้ขั้นที่สี่แล้วไม่เพียงแต่มีตันเถียนที่เต็มเปี่ยมไปด้วยปราณอสูรปริมาณมหาศาลให้ดูดกลืนเพื่อยกระดับพลังเท่านั้น อีกทั้งในิญญาแท้ของพวกมันยังมีสิ่งที่เป็เอกลักษณ์พิเศษอยู่หนึ่งอย่างด้วย เรียกว่า “แก่นิญญาอสูร”
อันที่จริงแล้ว ิญญาแท้ที่สัตว์อสูรสร้างขึ้นมาได้ไม่ควรเรียกว่าิญญาแท้ แต่ควรเรียกว่าิญญาอสูรมากกว่า แน่นอนว่ามันเป็ตัวตนที่คล้ายคลึงกับิญญาแท้ของผู้ฝึกยุทธ์เผ่ามนุษย์
เพียงแต่ระหว่างทั้งสองสิ่งนี้ยังมีคุณสมบัติที่แตกต่างกันอยู่บ้างไม่มากก็น้อย
เมื่อผู้ฝึกยุทธ์มนุษย์ได้รับแก่นิญญาอสูรมาแล้ว จะสามารถดูดกลืนมันเข้าไปใช้หล่อหลอมิญญาแท้ของตัวเองได้!
ไม่ว่ามนุษย์หรือสัตว์อสูรที่ฝึกฝนวรยุทธ์เมื่อตาย ไม่ว่าจะเป็ิญญาแท้หรือิญญาอสูรก็ล้วนจะสลายหายไปในฟ้าดินอย่างรวดเร็วโดยหลงเหลือไว้เพียงแก่นิญญาอสูร แน่นอนว่าคงอยู่ได้ไม่นานเช่นกัน
อีกทั้งแก่นิญญาอสูรนั้นมันเป็สิ่งของที่มีประโยชน์สุดแสนไม่ว่าจะกับผู้ฝึกยุทธ์ระดับิญญาแท้ขั้นไหนก็ตาม
ด้วยเหตุนี้เองทำให้ไม่สามารถหาซื้อแก่นิญญาอสูรที่แหล่งค้าขายภายในเมืองได้อย่างแน่นอน เพราะทันทีที่สัตว์อสูรถูกยอดฝีมือฆ่าตาย แก่นิญญาอสูรก็จะถูกยอดฝีมือผู้นั้นดูดกลืนเข้าไปทันที
และแก่นิญญาอสูรนั้นจะเกิดขึ้นเฉพาะในตัวของสัตว์อสูรที่มีระดับิญญาแท้ขั้นที่สี่ขึ้นไป สามารถเปลี่ยนิญญาอสูรให้กลายเป็รูปธรรมได้แล้วเท่านั้น
อีกทั้งเมื่อสัตว์อสูรตายไป แก่นิญญาอสูรจะคงอยู่ต่อไปได้อีกเพียงไม่เกินหนึ่งชั่วยามเท่านั้น
ตอนนี้หลงอวี้จึงนับว่าโชคดีสุดๆ
สามารถสังหารสัตว์อสูรระดับิญญาแท้ขั้นที่สี่สุดแกร่งด้วยตัวเองได้ถึงสองตัวคือ หลงซีศิลาและนาคาทมิฬ จึงมีโอกาสได้ดูดกลืนแก่นิญญาอสูรของทั้งสองเลยตัว!
หลงอวี้รีบจัดการกับซากศพของนาคาทมิฬก่อนอย่างรวดเร็ว
เพราะนาคาทมิฬมีขนาดตัวค่อนข้างเล็ก จึงไม่จำเป็ต้องทำอะไรมาก เพียงนำเอาเน่ยตานของมันออกมา ดูดกลืนแก่นิญญาอสูรทั้งหมดเข้าไป จากนั้นค่อยเก็บซากศพของมันเข้าไปในช่องว่างปรภพ
ต่อจากนั้น เขาก็ได้ใช้พลังในแก่นิญญาอสูรมาหล่อหลอมิญญาแท้สุริยะ!
เพียงไม่นาน ิญญาแท้สุริยะของเขาที่ได้รับความเสียหายเล็กน้อยก่อนหน้านี้ก็ได้ถูกฟื้นฟูจนกลับมาสมบูรณ์เหมือนเดิมอย่างรวดเร็ว ไม่เพียงแค่นั้น ิญญาแท้ของเขาเองก็แข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมไม่น้อย
‘แก่นิญญาอสูรหนึ่งชิ้น มีผลเทียบเท่ากับโอสถระดับิญญาขั้นกลางสามถึงห้าเม็ดเลยหรือนี่!’
หลงอวี้ตาเป็ประกายขึ้นมาทันที!
การเข้ามาล่าสัตว์อสูรด้วยตัวเองมันดีกว่ามากจริงๆ ด้วย การใช้เงินผลึกอย่างเดียวในการซื้อหาเน่ยตานของสัตว์อสูรมาใช้ยกระดับวิถียุทธ์นั้นมันช้าเกินไป
หากมาล่าสัตว์อสูรด้วยตัวเอง ความเร็วในการพัฒนาจะเพิ่มสูงขึ้นกว่าเดิมหลายเท่าตัวเลยทีเดียว!
แต่กระนั้นภายในหุบเขาก็เต็มไปด้วยอันตรายมากมาย หากไม่ใช่ผู้ฝึกยุทธที่แข็งแกร่งมากพอจริงๆ ไม่มีทางล่าสัตว์อสูรระดับิญญาแท้ขั้นที่สี่ได้ด้วยตัวคนเดียวแน่นอน
หรือต่อให้เป็ผู้ฝึกยุทธระดับิญญาแท้ขั้นที่สี่ แม้จะสามารถสังหารสัตว์อสูรที่อยู่ในระดับเดียวกันได้อย่างง่ายดายก็ตาม แต่การจะยกระดับพลังขึ้นได้มันก็จำเป็ต้องใช้พลังฟ้าดินมากขึ้นกว่าเดิมไม่น้อยเช่นกัน
แค่แก่นิญญาอสูรระดับิญญาแท้ขั้นที่สี่เกรงว่าคงจะไม่สามารถช่วยยกระดับพลังให้พวกเขาได้มากขึ้นสักเท่าไร
แต่สำหรับหลงอวี้แล้ว ใน่สามขั้นแรกของขอบเขตวิถียุทธ์ระดับิญญาแท้ล้วนเน้นไปที่ปริมาณของพลังฟ้าดินอย่างเดียวเท่านั้น ขอเพียงมีพลังฟ้าดินมากพอก็จะสามารถยกระดับพลังขึ้นได้อย่างราบรื่น
แต่การจะเปลี่ยนิญญาแท้ให้กลายเป็รูปธรรมได้และก้าวขึ้นสู่ระดับิญญาแท้ขั้นที่สี่นั้นไม่ได้ง่ายดายขนาดนั้น แต่เื่นั้นยังไม่ใช่สิ่งที่หลงอวี้ต้องคิดในตอนนี้
หลังจากเขาจัดการกับซากศพของนาคาทมิฬเสร็จเรียบร้อยแล้วเขาก็ต้องมาปวดหัวกับซากศพของหลงซีศิลาต่อ
สาเหตุที่ทำให้เขาต้องปวดหัวกับมันก็ไม่ใช่เื่อื่นใด เป็เพราะร่างกายของมันมีขนาดใหญ่โตมากเกินไปนั่นเอง!
หลงอวี้เองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าหลงซีศิลามันมีส่วนไหนบ้างที่มีค่า เขาจึงได้แต่ตัดส่วนเขาขนาดใหญ่ของมันที่เด่นสะดุดตามากที่สุดออกมาเท่านั้น จากนั้นก็ทำการดูดกลืนเน่ยตาและแก่นิญญาอสูรของมันลงไป
ส่วนซากศพส่วนที่เหลือนั้นเขาก็ได้แต่ปล่อยทิ้งไป
‘ิัของหลงซีศิลาตัวนี้มันน่าจะใช้ทำเครื่องป้องกันได้ อย่างน้อยก็น่ามีคุณภาพระดับิญญาขั้นกลาง แต่น่าเสียดายที่ข้าไม่รู้วิธีเลาะหนังมันออกมา...’
หนังของมันแข็งมากเกินไป หากหลงอวี้คิดจะเลาะมันออก คงจำเป็ต้องเสียเวลาค่อนข้างนานพอสมควรเลยทีเดียว
แต่ตอนนี้ตัวเขายังคงอยู่ภายในหุบเขาปีศาจิญญา์ ทุกวินาทีล้วนเต็มเปี่ยมไปด้วยภัยอันตราย!
ถึงอย่างไรตอนนี้เขาก็ได้ของดีมามากพอแล้ว รีบออกไปั้แ่ตอนนี้เลยน่าจะดีกว่า เพราะหากมีสัตว์อสูรไล่ตามมาเพิ่ม ตัวเขาอาจจะตกอยู่ในอันตรายได้
......
เวลาล่วงเลยผ่านไปอย่างรวดเร็ว
หลังจากที่หลงอวี้เข้าไปในหุบเขาปีศาจิญญา์เพียงคนเดียว ตอนนี้เวลาก็ได้ผ่านมาเจ็ดวันแล้ว
แต่นอกจากหลงซีศิลาหนึ่งตัวกับนาคาทมิฬแห่งหุบเขาปีศาจหนึ่งตัวที่เขาฆ่าได้ั้แ่วันแรก หลังจากนั้นมาหลงอวี้ก็ไม่ได้อะไรเพิ่มอีกเลย
เพราะถึงแม้จะเป็สัตว์อสูรระดับิญญาแท้ขั้นที่สี่ แต่ทันทีที่พวกมันพบเห็นเขาก็จะรีบหลบหนีออกไปทันที!
‘หรือว่าระหว่างสัตว์อสูรด้วยกันเองก็มีการสื่อสารกันด้วย เื่ที่ข้าฆ่าหลงซีศิลากับนาคาทมิฬไปจะถูกพวกมันรู้หมดแล้ว?’
หลงอวี้รู้สึกปวดหัวเล็กน้อย สัตว์อสูรในหุบเขาแห่งนี้มันจะขี้ระแวงมากเกินไปแล้ว หากพวกมันไม่มีความมั่นใจมากพอ พวกมันจะไม่มีทางเปิดฉากโจมตีใส่มนุษย์ก่อนเลย!
ด้วยเหตุนี้เอง ใน่หลายวันที่ผ่านมาหลงอวี้จึงไม่ได้อะไรเพิ่มเติมเลยแม้แต่อย่างเดียว
ดูท่าการหวังพึ่งการล่าสัตว์อสูรในหุบเขาปีศาจเพื่อยกระดับพลังให้เร็วขึ้นมันน่าจะเป็ไปไม่ได้แล้ว
ตอนนี้หลงอวี้รู้แล้วว่า จะมองสัตว์อสูรในหุบเขาปีศาจิญญา์เป็เพียงแค่สัตว์ป่าทั่วไปไม่ได้เด็ดขาด สัตว์อสูรเหล่านี้มันล้วนมีสติปัญญาสูงสุดขีดเลยทีเดียว!
ในตอนที่มนุษย์ล่าสัตว์อสูรอยู่นั้น สัตว์อสูรเองก็กำลังล่ามนุษย์อยู่ด้วยเช่นกัน ไม่มีฝั่งไหนได้เปรียบไปกว่ากันเลย
ทันทีที่มีมนุษย์ที่เป็ยอดฝีมือปรากฏตัวก็จะมีสัตว์อสูรที่แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้นกว่าเดิมในหุบเขาปีศาจิญญา์ด้วยเช่นกัน
ที่แห่งนี้มันเป็ดั่งอาณาจักรของเหล่าสัตว์อสูร!
หุบเขาปีศาจิญญา์เองก็มีกำลังรบแข็งแกร่งสุดขีดทัดเทียมกันกับอาณาจักรต้าถังและกู่เิ อีกทั้งกำลังรบเฉพาะตัวของสัตว์อสูรในหุบเขาปีศาจเองก็เหนือกว่าผู้ฝึกยุทธ์ของอาณาจักรต้าถังหลายเท่าด้วย
เพียงแค่ว่าสัตว์อสูรในหุบเขาปีศาจิญญา์มันมีจำนวนน้อยกว่ามนุษย์ในอาณาจักรต่างๆ หลายเท่าก็เท่านั้น
หากมีความคิดว่าจะล่าสัตว์อสูรในหุบเขาเพื่อเพิ่มระดับพลังขึ้น ทางที่ดีรีบล้มเลิกความคิดนี้ไปดีกว่า ไม่อย่างนั้นอาจถูกฆ่าตายโดยไม่รู้ตัวก็เป็ได้
ด้วยเหตุนี้จึงมีแค่เหล่าผู้ฝึกยุทธ์พเนจรที่ไม่มีที่พึ่งเท่านั้นถึงจะมาล่าสัตว์อสูรกันในหุบเขาปีศาจิญญา์ เพราะการทำแบบนี้มันเสี่ยงมากจนแทบไม่ต่างอะไรกับการเอาชีวิตมาทิ้งเลย!
ผู้ฝึกยุทธ์ของเหล่าตระกูลใหญ่กับสำนักลัทธิใหญ่ต่างๆ จะมีใครอยากเอาชีวิตมาเสี่ยงในที่แบบนี้กัน?
เอาเป็ว่าพวกเขามีทรัพยากรมากเพียงพอ ขอเพียงทะลวงคอขวดไปได้ระดับวิถียุทธ์ก็จะเพิ่มขึ้นสูง ไม่จำเป็ต้องเอาชีวิตของตัวเองมาเสี่ยงเลย!
วันนี้หลงอวี้เตรียมจะเดินทางออกจากหุบเขาปีศาจิญญา์แล้ว
เพราะถึงแม้จะอยู่ที่นี่ต่อก็ไม่ค่อยได้อะไรเพิ่มอีก กลับจะยิ่งเสียงอันตรายมากขึ้นกว่าเดิม ใน่เจ็ดวันที่ผ่านมานั้นมันสร้างแรงกดดันให้กับจิตใจของหลงอวี้อย่างหนักหนาสาหัสมากจริงๆ!
เขาจำเป็ต้องพักผ่อนก่อนสักพักแล้ว
เขาเร่งเร้าปีกจันทราขึ้นมา พุ่งทะยานออกไปกลายเป็ประกายแสงสีเทาดำ ข้ามผ่านหุบเขาปีศาจอันแสนกว้างใหญ่ไป มุ่งหน้าสู่ปากทางเข้าที่อยู่ตรงฝั่งตะวันตกของหุบเขาด้วยความเร็วสูง
เมื่อเขาวิ่งตะบึงมาได้ครึ่งทางก็พบคนกลุ่มหนึ่งด้านหน้ากะทันหัน เป็พวกนั้นอีกแล้ว!
ฉือเสียวเสว่ในชุดขนสัตว์สีน้ำตาล เติ้งซุ่นที่เปลือยท่อนบนจนเผยให้เห็นขนหน้าอกอันรกรุงรัง เฟิงเหยาในชุดสีเขียวอ่อน
สิ่งเดียวที่เปลี่ยนไปในกลุ่มนี้ก็คือจำนวนคนในกลุ่มนั้นเหมือนจะลดลงไปหนึ่งคน จากเดิมที่มีอยู่เจ็ดตอนนี้เหลืออยู่เพียงแค่หกคนเท่านั้นแล้ว
‘ดูท่าจะมีคนตายระหว่างถล่มรังของสัตว์อสูรฉางหมานไปหนึ่งคน...’
หลงอวี้ที่มองดูจากไกลๆ หรี่ตาลง
ส่วนพวกฉือเสียวเสว่นั้นก็เหมือนจะได้ของดีมาไม่น้อยเลยเหมือนกัน ระหว่างที่กำลังเดินทางมีการพูดคุยหัวเราะกันไปพลางด้วย อีกทั้งในมือของฉือเสียวเสว่กับเติ้งซุ่นนั้นต่างก็แบกซากศพของสัตว์อสูรฉางหมานไว้คนละตัวด้วย
สัตว์อสูรฉางหมานสองตัวนี้ล้วนเคยเป็ตัวตนอันแข็งแกร่งระดับิญญาแท้ขั้นที่สี่ด้วย!
แต่น่าเสียดายที่ตอนนี้กลับกลายเป็เพียงของรางวัลของพวกฉือเสียวเสว่ไปแล้ว
การออกล่าของฉือเสียวเสว่นั้นแตกต่างจากหลงอวี้ตรงที่เขามีการวางแผนเตรียมการล่วงหน้าอย่างละเอียดก่อนแล้ว คงจะรู้ข้อมูลของฉางหมานเป็อย่างดี
อีกทั้งเป้าหมายของฉือเสียวเสว่ยังเป็การถล่มรังของฉางหมานด้วย ต่อให้พวกมันจะรู้สึกตัวว่ามีคนจะมาถล่มรังของตน พวกมันก็ไม่มีทางหนีอยู่แล้ว ย่อมต้องต่อสู้แลกชีวิตเพื่อปกป้องรังอย่างแน่นอน
ฉือเสียวเสว่ได้ใช้จุดนี้ในการนำกลุ่มนักล่าบุกเข้าไปถล่มรังของฉางหมานอย่างราบคาบ
หลงอวี้มองดูจากไกลๆ
สัตว์อสูรฉางหมานนั้นเป็เหมือนกับวานรขนขาวตัวหนึ่ง เพียงแต่แขนทั้งสองข้างของมันนั้นขาวสุดขีด อีกทั้งที่มุมปากทั้งสองข้างยังมีเขี้ยวอันแหลมคมงอกออกมาอย่างเด่นชัดสะดุดตา แค่ดูก็รู้ว่าโเี้อำมหิตสุดขีด
หลงอวี้ไม่คิดจะเจอหน้ากับพวกฉือเสียวเสว่ ดังนั้นเขาจึงคิดจะอ้อมอีกฝ่ายไป
ถึงอย่างไรพวกฉือเสียวเสว่ก็แบกซากศพของสัตว์อสูรมาด้วย ความเร็วในการเดินทางจึงไม่ได้สูงอะไรมากนัก
แต่ในตอนที่หลงอวี้กำลังคิดจะเดินอ้อมออกไปนั้นเอง แม้จะอยู่ห่างกันถึงนับร้อยจ้าง แต่สุดท้ายเขาก็ยังถูกอีกฝ่ายจับััได้อยู่ดี!
พวกฉือเสียวเสว่นั้นถึงแม้จะมีระดับิญญาแท้ขั้นที่สามเหมือนกัน แต่มีประสาทััเฉียบคมมากว่าห้าคนก่อนหน้านี้หลายเท่า!
พอเห็นหลงอวี้แล้ว ฉือเสียวเสว่ก็เหมือนจะเกิดการทะเลาะถกเถียงกับพวกคนที่เหลือขึ้นมา
ต่อจากนั้นหลงอวี้ก็มองเห็นอีกฝ่ายพากันมุ่งหน้ามาทางเขาแทบจะพร้อมกันทันที
“หืม?”
หลงอวี้หรี่ตาลง ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายคิดจะทำอะไร
แต่เขาก็ไม่ได้ถอยหนี
ที่เขาไม่คิดจะเผชิญหน้ากับอีกฝ่ายเป็เพราะเขาแค่้าจะประหยัดเวลาเท่านั้น แต่หากอีกฝ่ายเข้ามาหาเื่ก่อนล่ะก็ หลงอวี้ก็ไม่ได้เกรงกลัวพวกมันเหมือนกัน!
แม้ว่าฉือเสียวเสว่กับเติ้งซุ่นจะแบกร่างของฉางหมานที่เป็สัตว์อสูรระดับิญญาแท้ขั้นสี่ไว้คนละตัว ดูเป็ภัยคุกคามสุดขีด แต่สำหรับหลงอวี้แล้วมันก็ไม่ได้มีอะไรน่ากลัวเลย
หลงวี้มั่นใจว่าการที่อีกฝ่ายสามารถถล่มรังฉางหมานได้มันเป็เพราะอีกฝ่ายใช้กลยุทธ์แบ่งกำลังรบของศัตรูอย่างแน่นอน
หรือก็คือพวกคนกลุ่มนี้ไม่ได้มีพลังต่อสู้สูงส่งอะไรขนาดนั้น อย่างน้อยก็ไม่มีทางต่อกรกับตัวตนระดับิญญาแท้ขั้นที่สี่อันทรงพลังได้สองตัวพร้อมกันเหมือนกับเขาแน่นอน
หรือต่อให้หลงอวี้ไม่สามารถต่อกรได้ แต่หากเขาคิดจะหนีล่ะก็ พวกคนเหล่านี้มันไม่มีทางไล่ตามเขาทันแน่นอน
สิ่งที่หลงอวี้สนใจมากที่สุดก็คือท่าทีของเฟิงเหยาที่มีต่อตัวเขาในตอนนี้ต่างหาก!
ทั้งสองฝ่ายอยู่ห่างกันเพียงร้อยจ้างเท่านั้น เพียงไม่กี่อึดใจมันก็เข้ามาใกล้หลงอวี้แล้ว
“สหายน้อยหลง รีบหนีไป!”
เมื่อเข้ามาใกล้แล้ว ฉือเสียวเสว่ก็รีบส่งเสียงะโเตือนออกมาอย่างรีบร้อนก่อนทันที!
แต่ตอนนี้มันกลับช้าไปเสียแล้ว
“ท่านทะเลดาวเย่หลุนมีคำสั่งว่า หากพบเจอตัวหลงอวี้ให้ฆ่าทิ้งอย่างไร้ปรานี!”
เติ้งซุ่นได้ทิ้งซากศพของฉางหมานไว้ที่ข้างทางทันที ดวงตาฉายแววอำมหิตพร้อมกับแผดเสียงะโใส่หลงวี้อย่างดุร้าย!
ต่อจากนั้นพวกคนในกลุ่มทั้งหมดนอกจากฉือเสียวเสว่กับเฟิงเหยาก็ได้พากันกระจายตัวออกไปล้อมหลงอวี้เอาไว้จากสี่ทิศทาง ต่างก็มีแววตาโเี้อำมหิต!
คำสั่งฆ่าอย่างไร้ปรานี!
หลงอวี้หรี่ตาทั้งสองข้างลง เขาไม่คิดเลยจริงๆ ว่าที่คนพวกนี้มันบุกโถมเข้ามาขนาดนี้เพราะ้าจะฆ่าเขา!
เฟิงเหยาที่ยืนห่างไปไม่ไกลนั้นมีแววตาเฉยชาราวกับไม่รู้จักหลงอวี้ก็ไม่ปาน
แต่หลงอวี้กลับอดคิดไม่ได้ว่า หรือจะเป็นังเฟิงเหยาที่ไปผูกมิตรกับทะเลดาวเย่หลุนนั่นแล้วบอกให้ทะเลดาวเย่หลุนออกคำสั่งฆ่าไร้ปรานี?
พอลองคิดดูดีๆ แล้วหลงอวี้ก็รู้สึกว่ามีโอกาสสูงมากที่จะเป็แบบนี้!
หลังจากนั้นดวงตาของเขาก็เป็ประกายเ็าอำมหิตขึ้นมาทันที!
