สนมอ๋องโยวยืนกรานจะโทษอวิ๋นอี้ แยกเขี้ยวะโอย่างโกรธแค้น
อวิ๋นอี้ยังคงคัดทำเนียบประวัติสตรี นั่งนิ่งราวก้อนหินมิขยับเขยื้อน
ซูเมี่ยวเออร์ไม่พลาดโอกาสนี้ แม้ว่านางจะเป็ผู้รับผิดชอบ แต่รอบๆ มีแม่นมคอยควบคุมดูแล นางจึงหาเื่อวิ๋นอี้อย่างโจ่งแจ้งมิได้
เพลานี้มีโอกาสอยู่นางจึงเดินไปหาอวิ๋นอี้ "พระชายาเจ็ด นี่เป็ความผิดของท่าน"
อวิ๋นอี้เงยหน้าขึ้น ดวงตาที่สวยงามของนางดูราวกับสว่างอยู่ภายใต้แสงแดดที่สาดส่อง “ข้ามิเห็นด้วย คุณหนูซูข้าขอถามหน่อยเถิด สิ่งใดสาดอยู่บนใบหน้าของพระสนม?”
“น้ำหมึกน่ะสิเพคะ” ซูเมี่ยวเออร์ตอบกลับ
อวิ๋นอี้เหยียดริมฝีปาก "ใช่น่ะสิ น้ำหมึกสาดใส่หน้านาง เ้าก็ควรไปหาน้ำหมึก มาหาข้าด้วยเหตุใด?"
"......"
ซูเมี่ยวเออร์เกือบจะถูกหลอกนางรู้ดีว่าตัวเองโดนทำไขสือใส่ นางกัดฟันพูด "ท่านเป็คนหยิบน้ำหมึกนี่เพคะ"
"ข้าหยิบแท่นหมึก สาดออกไปเป็น้ำหมึกของข้า ข้าผิดเื่ใดกัน?" อวิ๋นอี้ขมวดคิ้ว
“ท่านสาดใส่หน้านาง ท่านจงใจทำ”
“กระนั้นข้าจะพูดบ้าง มันเป็เพราะพระสนมจงใจเดินเข้ามาหาข้า ทำให้ข้าใ เ้าจะตำหนิข้าได้อย่างไร? ข้ายังรู้สึกแย่กับน้ำหมึกของข้าอยู่เลย เ้ารู้หรือไม่ว่านั่นเป็หมึกใด? หมึกชั้นดีมันมิมีศักดิ์ศรีหรือ? หน้าของพระสนมนั้น จะใช้หมึกชั้นดีเช่นนี้ไปสาดได้อย่างไร?” อวิ๋นอี้พูดมั่วไปมา สุดท้ายก็กลับมาที่ “ก็ต้องโทษพระสนมที่ไม่ดูตาม้าตาเรือ จะเข้ามาเสียให้ได้”
“เ้า เ้า เ้า!” สนมอ๋องโยวถูกสาดน้ำหมึก ทั้งยังโดนหัวเราะเยาะ น้ำตาแห่งความโกรธเคืองไหลออกมา ใบหน้าที่เต็มไปด้วยหมึกดำ ยิ่งดูน่าสยดสยอง
ทั้งสองฝ่ายมิมีผู้ใดยอมความ เื่ต่างๆ ชะงักงัน จัดการได้ยากนัก
ซูเมี่ยวเออร์มองอวิ๋นอี้ที่ยังคงคัดหนังสือราวกับว่ามิมีกระไรเกิดขึ้น แอบด่าว่านางหน้าด้านหน้าทน
ลืมตาพูดเื่ไร้สาระ มิมีผู้ใดแข็งแกร่งไปกว่านาง!
แต่... คิดว่านางเป็เช่นนี้แล้วจะทำกระไรก็ได้หรือ?
ซูเมี่ยวเออร์มีรอยยิ้มที่มุมปาก ถอนหายใจ แล้วพูดอย่างช่วยมิได้ว่า “หากเป็เช่นนี้ คงต้องรบกวนองค์ไทเฮาเสียแล้ว ข้าเชื่อว่าไทเฮาจะตัดสินได้อย่างชาญฉลาด!”
นางโบกมือ เรียกหัวหน้าแม่นมมา
แม่นมมิมีสีหน้าใดๆ เมื่อเข้าใกล้นางก็กระซิบกับนางว่า "คุณหนูซูเ้าคะ ทำแต่พอดีเถิดเ้าค่ะ ท่านจะสั่งสอนพระชายาองค์นี้อย่างไร ข้าน้อยจะมิพูดกระไร หากแต่ความเป็มาของเื่นี้...หากข้าน้อยจะต้องทูลรายงาน ข้าจำเป็ต้องเล่าหนึ่งห้าหนึ่งสิบแก่องค์ไทเฮา ข้าน้อยเกรงว่าการกระทำของคุณหนูจะมิเป็ที่โปรดปรานขององค์ไทเฮานะเ้าคะ”
จากการใช้ชีวิตไปในวังมาหลายสิบปี แม่นมรู้ลึกรู้จริง
ทันทีที่นางพูดเตือน ซูเมี่ยวเออร์เข้าใจทันใด
หากไทเฮารู้ว่านางมาที่นี่ แล้วยังทำตัวเป็นางร้าย ความประทับใจของนางจะลดลงครั้งแล้วครั้งเล่า เพราะหลังจากเทศกาลล่าสัตว์ฤดูวสันต์ ไทเฮาก็มิพอใจนางอยู่แล้ว
ซูเมี่ยวเออร์หวั่นใจ "กระนั้น...เ้ากลับไปก่อนเถิด"
"เ้าค่ะ" แม่นมกลับไปที่ตำแหน่งเดิม การกระทำนั้นทำให้อวิ๋นอี้เลิกคิ้วขึ้น นางยกริมฝีปากเล็กน้อย และมองดูซูเมี่ยวเออร์ด้วยรอยยิ้มที่มีความหมาย
ซูเมี่ยวเออร์วิตกกังวลเหมือนมดในกระทะร้อน
แม้ว่าสนมอ๋องโยวจะเป็ตัวละครตัวเล็กๆ แต่นางอยู่ฝ่ายพระชายาเอก นอกจากนี้ยังชัดเจนว่านางอยู่ในแนวร่วมเดียวกับพระชายาเอก หากนางรับมือได้ไม่ดี เกรงว่านางจะต้องผิดใจกับพระชายาเอกเป็แน่
ครั้นครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง นางก็กระแอมเบา ๆ “เมื่อครู่แม่นมบอกว่า องค์ไทเฮามิค่อยสบาย อย่าไปกวนท่านด้วยเื่ไร้สาระเช่นนี้ ผู้ใดก็ได้เข้ามาหน่อย พาพระสนมไปล้างเนื้อล้างตัว คนอื่นๆ ก็ออกไปได้แล้วเพคะ พระชายาเจ็ดคัดทำเนียบประวัติสตรีต่อจนครบหนึ่งร้อยจบ!"
ซูเมี่ยวเออร์พูดจบ ขมวดคิ้ว พลันเดินออกจากศาลาเรียนไปทันที
“ชิ!” พระชายาเอกอารมณ์เสีย ริมฝีปากขยับ มองดูแผ่นหลังของนางที่เดินกลับไปอย่างรวดเร็ว นางพูดเบาๆ “นางโง่ที่ใช้ประโยชน์มิได้ จะขุนอย่างไรก็ขุนมิขึ้น!"
พระสนมอ๋องโยวที่ร้องไห้สะอึกสะอื้น คิดว่าพระชายาเอกกำลังว่าตน จึงรีบหยุดส่งเสียง
“ไปกันเถิด” พระชายาเอกลุกขึ้น จัดแจงแขนเสื้อขึ้น แล้วก็มีกลุ่มคนตามไปเป็ขบวน
ตอนที่ผ่านอวิ๋นอี้ไป นางจงใจหยุดนิ่ง แต่เมื่อเห็นว่านางไม่เงยหน้าขึ้น ก็ยิ้ม พูดว่าน่าสนใจ และจากไปในที่สุด
ศาลาเรียนที่ค่อนข้างกว้างขวางว่างเปล่าในทันใด
กู่ซือฝานหยิบพู่กันมาแล้วเดินไปนั่งข้างๆ อวิ๋นอี้ นางนั่งลงเลียนแบบลายมือของอวิ๋นอี้ ช่วยคัดทำเนียบประวัติสตรีพลางถามด้วยความสงสัยว่า "พวกนางจากไปทั้งเช่นนี้หรือเพคะ? ข้านึกว่าจะไปฟ้ององค์ไทเฮาเสียอีก? หรือว่านางยังมีแผนการอื่นอีก อ้อ ใช่แล้ว เมื่อครู่ที่พระชายาเอกพูดว่าน่าสนใจ หมายความว่าอย่างไรหรือเพคะ? พี่สะใภ้เข้าใจหรือไม่เพคะ?”
อวิ๋นอี้นับ ยังมีทำเนียบประวัติสตรีที่ต้องคัดอีกกว่าเจ็ดสิบรอบ นางควรจะทำให้เสร็จก่อนมืด
“พี่สะใภ้?”
“หืม?” นางหยุดคิดคำถามก่อนหน้านี้ “หากทูลไทเฮา พวกนางจะมิได้รับความโปรดปรานด้วย หากแต่ทำให้ไทเฮารู้สึกว่านางรับมือกับเื่เล็กๆ น้อยๆ นี้มิได้ มิมีความสามารถ ส่วนคำพูดของพระชายาเอก นางคงพูดไปเช่นนั้น เรารีบคัดเถิด เ้าเลียนแบบลายมือข้าด้วยนะ อย่าให้ผู้ใดจับได้"
"เพคะ" กู่ซือฝานตกลงอย่างรวดเร็ว ทั้งสองคุยกันถึงเื่อื่นๆ
่บ่ายผ่านไปเช่นนี้
ด้วยความช่วยเหลือของกู่ซือฝาน อวิ๋นอี้ที่คัดเองได้เพียงเจ็ดสิบกว่าจบ มือที่ปวดเป็ทุนเดิมเจ็บเสียจนแทบจะยกไม่ขึ้น
นางช่างโชคร้ายเสียจริง เมื่อวานก็ขา วันนี้ก็มือ
หากเป็เช่นนี้ต่อไป เกรงว่าทั้งตัวจะมิมีส่วนใดเหลือดีได้แล้ว
ต้องสู้กลับบ้าง!
อวิ๋นอี้ได้จำแนกเ้านายในสำนักซืออี๋ออกเป็สองประเภทชั่วคราว
หนึ่งคือนำโดยซูเมี่ยวเออร์ อีกหนึ่งกลุ่มนำโดยพระชายาเอก
สำหรับเพลานี้ ทั้งพระชายาเอกและซูเมี่ยวเออร์อยู่ในแนวร่วมเดียวกันคือกำลังรังแกนาง
ซูเมี่ยวเออร์คือศัตรูตัวฉกาจของนาง มิจำเป็ต้องพูด แต่พระชายาเอกขององค์รัชทายาท เป็คนมีสมอง จะเป็มิตรหรือศัตรู ตอนนี้ยังตัดสินได้ยากนัก
ดังนั้นการจัดการกับทั้งสองคนจึงแตกต่างกัน
อวิ๋นอี้มีความคิดหนึ่ง ทว่ายัง้าความช่วยเหลือจากหรงซิว
นางติดอยู่ในสำนักซืออี๋ ไปที่ใดมิได้ ดังนั้นหลังอาหารเย็น นางจึงรีบอาบน้ำ นั่งในห้องตามปกติเพื่อรอตอนกลางคืน
หากว่าเมื่อคืนมิใช่ความฝัน นางมีสัญชาตญาณว่าคืนนี้ว่าหรงซิวจะมาอีก
ั้แ่ที่โคมไฟจุดขึ้น รอบข้างเงียบสงัด ค่ำคืนมักจะเป็เช่นนี้เสมอ ทั้งลึกลับและอันตราย
ในที่สุดเสียง "เอี๊ยด" สั้นๆ ทำลายความสงบ
ประตูถูกคนผลักออก เงาสีดำยาวก็ย่องเข้ามาเบาๆ
เขาลงกลอนประตูด้วยทักษะหลังมือ เมื่อเขาหันหลังกลับ ก็เห็นสตรีตัวเล็กนั่งอยู่ตรงข้าม
หรงซิวสะดุ้งเล็กน้อย ดีใจ เดินไปจับหน้าน้อยๆ ของนางด้วยรอยยิ้ม “รอข้าอยู่หรือ?”
“จะเป็อื่นใดหรือเพคะ?” อวิ๋นอี้พูดหยุดท่าทีหยอกล้อของเขา “ข้ามีเื่จะพูดด้วยเพคะ”
“ขอข้าจูบก่อน” หรงซิวอุ้มนางขึ้นอย่างรวดเร็ว ดันนางเข้าไปในอ้อมแขนของเขา ลดศีรษะลงแล้วขบกัดนางไปทั่ว
อวิ๋นอี้ถูกขบกัดจนน้ำลายเต็มหน้า ทั้งอยากหัวเราะทั้งโกรธ จะพูดก็พูดได้ไม่จบ “ฝ่าา...ท่าน...เกิดปีจอหรือเพคะ? จูบก็จูบสิ เหตุใดต้องเลียข้าด้วย?”
“เพราะว่าเ้าอร่อย” เขาเงยหน้าขึ้น ยิ้มอย่างเ้าเล่ห์ ตาเป็ประกาย
บุรุษผู้นี้ช่างเย้ายวนใจ
อวิ๋นอี้บ่นอยู่ครู่หนึ่ง แต่ไม่ลืมเื่จริงจัง
อาศัย่เวลาที่หรงซิวจัดเตียงให้นาง เล่าเื่ที่โดนรังแกตอนกลางวันให้เขาฟังด้วยท่าทีฟ้องความ นางอธิบายแผนของนางด้วย บอกว่าการสวนกลับของนางเหมาะสมแล้ว จัดการให้หลาบจำจะได้สงบสุขเสียที!
หรงซิวจัดการเสร็จแล้วก็นั่งข้างเตียงแล้วโบกมือให้นาง "ไม่ว่าเ้าจะทำกระไร ข้าจะช่วยเ้า ข้าจะเอาของมาให้ก็แล้วกัน"
อวิ๋นอี้เบิกตาเป็ประกาย "จะได้เมื่อใดเพคะ?"
"นอนกับข้าคืนนี้ พรุ่งนี้เช้าฃจะได้" เขายิ้มเ้าเล่ห์ให้นาง
แสงจันทร์สาดส่องลงมาอย่างนุ่มนวลราวกับน้ำ หญิงสาวตัวเล็กนั่งข้างๆ ปอยผมที่ตกลงมา ทำให้ใบหน้าที่สวยงามของนางดูมีเสน่ห์ต้องตานัก
นางยิ้มแล้วมุดเข้าผ้าห่มอย่างไม่รีรอ “ใช่ว่าจะมิเคยนอนด้วยกันนี่เพคะ แต่ว่าฝ่าาทำได้แน่หรือเพคะ?”
หรงซิวก้มหน้าจูบนาง “จริงสิ ใช้สิ่งนั้นจะทรมานมาก เ้าแน่ใจหรือว่าจะใช้?”
“ก่อนที่พวกนางจะหาเื่ข้า ก็ควรทำความเข้าใจให้ดีสิ” อวิ๋นอี้พ่นลมหายใจเ็า “ข้าเพิ่งจะเริ่ม วันเวลายังมีอีกไกล”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้