หนีเจียเอ๋อร์ออกมาจากถ้ำ แล้วมองสำรวจป่ารอบูเา เพราะไม่รู้ว่าบริเวณไหนมีผลไม้อยู่บ้าง นางจึงลองเสี่ยงดวงเดินไปทางซ้ายก่อน
โชคดีที่ใช้เวลาไม่นานนัก ก็เห็นต้นบ๊วยอยู่ตรงหน้า แม้ผลจะเล็กไปหน่อย แต่ก็ยังดีกว่าไม่มีกิน
หญิงสาวพุ่งตรงไปเก็บผลไม้ ทั้งยังหยิบใส่ปาก และรั้งกระโปรงขึ้นมาห่อเอากลับไป
เมื่อถึงปากถ้ำ ก็ได้ยินเสียงแว่วมาตามสายลม พอฟังดูก็พบว่าเป็เสียงเรียกชื่อตัวเองกับโจวชิงหวา
“เสี่ยวเอ๋อร์ ชิงหวา!”
เป็เสียงของท่านพี่!
“คุณชายโจว ท่านอยู่ไหนขอรับ?”
ยังมีอีกหลายคนที่ะโเรียกเช่นกัน... น่าจะเป็คนของสกุลหนี
หนีเจียเอ๋อร์ดีใจมาก จึงร้องตอบเสียงดัง “ท่านพี่ พวกเราอยู่ข้างล่าง ลงมาช่วยที”
มีเสียงะโกลับมาอย่างรวดเร็ว “เสี่ยวเอ๋อร์ รออยู่ที่นั่นก่อน เดี๋ยวพี่จะลงไปช่วย”
หนีเจียเอ๋อร์รับคำ รีบหันไปหยิบกิ่งไม้ที่ปิดถ้ำออก ก่อนวิ่งเข้าไป “ชิงหวา เรารอดตายแล้ว ท่านพี่ของข้าอยู่ที่นี่”
ได้ยินเช่นนั้น โจวชิงหวาก็พยักหน้าอย่างมีความสุข “ดีจริงๆ เ้าจะได้กลับไปกินข้าวแล้ว”
พอพูดถึงเื่นี้ ภาพของเนื้อและเป็ดย่างก็ปรากฏขึ้นมาในสมอง จนหญิงสาวอดกลืนน้ำลายโดยไม่รู้ตัว กระทั่งท้องก็ยังร้องโครกคราก
“ฮ่าๆๆ!” โจวชิงหวาหัวเราะออกมาอย่างอดมิได้
หนีเจียเอ๋อร์เกาจมูกด้วยความขัดเขิน พลางวางบ๊วยลง “เ้ากินรองท้องไปก่อน ข้าจะออกไปรอพวกเขา ไม่อย่างนั้น เราคงได้อดตายที่นี่เป็แน่”
โจวชิงหวามองตามหลังหญิงสาว รอยยิ้มผุดขึ้นที่มุมปาก แต่ดวงตากลับฉายแววขมขื่น
ผ่านไปครึ่งก้านธูป หนีเจียเอ๋อร์ก็พาพ่อบ้านและผู้คุ้มกันของบ้านสกุลหนีลงมา
เมื่อเจียเฮ่อเห็นสภาพน่าอนาถของน้องสาว ก็อดมิได้ที่จะคว้านางเข้ามากอด และสำรวจไปทั่วตัว
“เสี่ยวเอ๋อร์ เ้าาเ็หรือไม่? รีบบอกพี่ เร็ว!”
หญิงสาวกุมมือเขาเอาไว้ “ท่านพี่ ข้าสบายดี แต่ชิงหวาาเ็ เราต้องพาเขาไปรักษาเดี๋ยวนี้เลย”
หนีเจียเฮ่อจึงสั่งให้ผู้ติดตามรออยู่ด้านนอก ส่วนตัวเองก็ตามหนีเจียเอ๋อร์เข้าไปในถ้ำ เพื่อตรวจสอบาแของโจวชิงหวา โดยมิได้เอ่ยอันใด
“ชิงหวา เหตุใดเ้าถึงได้เจ็บหนักขนาดนี้” หนีเจียเฮ่อชกพื้นด้วยความโมโห “ใครกันที่กล้าทำร้ายเ้า? ข้าจะจับมันมาถลกหนังเสีย!”
โจวชิงหวาส่ายหน้า พร้อมคลี่ยิ้ม “ไม่ต้องเป็ห่วง”
เขามองไปยังหนีเจียเอ๋อร์ ก่อนพูดติดตลก “มีหมอหญิงน้อยดูแลอยู่ ข้าคงไม่ตายง่ายๆ หรอก”
หญิงสาวขมวดคิ้ว พลางเอ่ย “พูดแบบนั้นได้อย่างไร!”
หนีเจียเฮ่อก็จ้องเขม็งไม่ต่างกัน “ห้ามพูดอัปมงคลเช่นนี้!”
โจวชิงหวามองท่าทีของสองพี่น้อง ที่แสดงออกคล้ายกันด้วยสายตาอบอุ่น “เจียเฮ่อ ท่านแม่ของข้ากับเว่ยอี๋เหนียง ปลอดภัยดีหรือไม่?”
เขาเกรงว่า พอกลุ่มชายชุดดำไม่เจอพวกตนแล้ว จะไปไล่ล่าพวกนางแทน
หนีเจียเอ๋อร์ก็มองไปทางพี่ชาย ด้วยสายตากังวลเช่นกัน
“ไม่ต้องวิตก คนขับรถม้ามาส่งพวกเขาอย่างปลอดภัย รวมทั้งบ่าวรับใช้ในเรือนพักร้อนด้วย” หนีเจียเฮ่อถอนหายใจ และพูดว่า “สองวันที่ผ่านมา ทั้งบ้านสกุลโจวและสกุลหนีแทบจะพลิกฟ้าคว่ำแผ่นดิน เพื่อตามหาพวกเ้าทั้งสองคนบนูเา”
ตลอดสองวันสองคืนที่ไม่อาจข่มตานอนได้ ทำให้หนีเจียเฮ่อรู้สึกทรมานใจนัก
“ยังมีท่านแม่ทัพต้วนและฮองเฮา ที่ส่งคนมาช่วยตามหา หลังได้ยินว่ามีเื่เกิดขึ้นกับพวกเ้า อีกทั้งวันนี้ ท่านแม่ทัพก็ได้ออกมาตามหาด้วยตัวเอง...”
ยังไม่ทันพูดจบ หนีเจียเอ๋อร์ก็รีบโพล่งขึ้นทันที “ท่านพี่ ข้าหิวจะตายอยู่แล้ว รอให้กลับถึงบ้านก่อน ค่อยคุยกันได้หรือไม่?”
แต่โจวชิงหวารู้ทัน ว่านางก็แค่ไม่อยากให้เขาเศร้า จึงรีบขัดจังหวะพี่ชาย พอนึกถึงเื่ที่ตนต่อยเสาไม้จนล้ม โจวชิงหวาก็ยิ่งรู้สึกผิด จึงพูดกับหนีเจียเอ๋อร์อย่างจริงจัง “ข้าขออภัย ที่วันนั้นทำให้เ้าไม่พอใจ”
หนีเจียเอ๋อร์ส่ายหน้า นางก็แค่ไม่อยากให้เขาเดือดร้อน การบาดหมางกับต้วนอวิ๋นหลานนั้น เป็เื่ที่ไม่สมควรอย่างยิ่ง เพราะนั่นหมายถึงการทำให้อนุชาของฮองเฮาต้องขุ่นเคือง
หญิงสาวกัดริมฝีปาก ใบหน้าแสดงถึงความละอายใจ ก่อนกระซิบบอก “ข้าก็มีส่วนผิดเช่นกัน ข้าไม่ควรตำหนิเ้าโดยไม่ถามเหตุผล ขอโทษด้วย”
หนีเจียเฮ่อมองท่าทีของพวกเขา พลางทำหน้านิ่ว “พวกเ้าจะขอโทษกันทำไม นี่ทะเลาะกันหรือ?”
หนีเจียเอ๋อร์อยากอธิบาย แต่ก็ถูกขัดจังหวะด้วยเสียงกระแอมของโจวชิงหวาเสียก่อน ด้วยเกรงว่าจะถูกพี่ชายหัวเราะเยาะ จึงเปลี่ยนเื่ “ท่านพี่ มัวแต่คุยกันอยู่แบบนี้ ข้าคงหิวตายกลายเป็ผีเฝ้าที่นี่แล้ว!”
ขาดคำ ก็รีบเดินนำหน้า
หนีเจียเฮ่อจึงเข้ามาช่วยพยุงโจวชิงหวา ก่อนเดินตามไป
ตอนกลับจากูเา หนีเจียเอ๋อร์ก็นั่งรถม้าค้นเดียวกับโจวชิงหวา เพื่อจะได้เฝ้าสังเกตอาการาเ็ของอีกฝ่าย
นางด้วยเกรงว่าผู้อื่นจะดูแลได้ไม่ดี จึงตัดสินใจพาชายหนุ่มกลับมายังจวนสกุลหนี และส่งคนไปรายงานให้แม่นมโจวทราบ
ซึ่งโจวชิงหวาก็มิได้โต้แย้ง เพราะเขาย่อมไม่ปฏิเสธความหวังดีเช่นนั้น
ส่วนหนีเจียเฮ่อ ก็ปฏิบัติกับเขาเหมือนคนในครอบครัว โดยมิได้กล่าวอันใด
มีเพียงสวีซื่อและหนีจวิ้นหว่านเท่านั้น ที่มีท่าทีไม่พอใจ แต่โจวชิงหวาก็หาได้ใส่ใจพวกนาง
ด้านนายท่านหนี ที่เดิมทีมักจะทำเป็หูทวนลมไม่สนใจ ทว่าต่อหน้าต้วนอวิ๋นหลานเช่นนี้ ก็จำต้องตักเตือนสองแม่ลูกสองสามคำ ก่อนปล่อยตัวไป
หนีเจียเอ๋อร์เข้ามาดูแลโจวชิงหวาด้วยตัวเอง และสอนเสี่ยวเสวียนถึงวิธีการดูแลชายหนุ่มในแต่ละขั้นตอน จากนั้นก็รีบกลับไปยังห้องอาหารในเรือนหลัก เพื่อบอกเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อสองวันที่ผ่านมา ให้นายท่านหนี หนีเจียเฮ่อ ต้วนอวิ๋นหลาน และเว่ยอี๋เหนียงทราบโดยละเอียด
หลังจากฟังจบ บุรุษทั้งสามก็พากันส่ายหน้า ส่วนเว่ยอี๋เหนียงพลันตาแดงก่ำ
หนีเจียเฮ่อทุบโต๊ะ “ท่านพ่อ พรุ่งนี้ข้าจะเดินทางเข้าวัง เพื่อขอให้ฝ่าาช่วยออกรับสั่ง ให้ทำการสอบสวนเื่นี้ เราจะปล่อยคนเหล่านี้เอาไว้ไม่ได้นะขอรับ!”
นายท่านหนีสั่นศีรษะ “นี่เป็เื่ที่พวกเราต้องจัดการเอง ฝ่าาทรงช่วยได้ก็จริง แต่หากมิใช่เื่ใหญ่ ก็ไม่ควรไปรบกวนพระองค์”
บุตรสาวและโจวชิงหวาเกือบตาย นี่ยังไม่นับเป็เื่ใหญ่อีกหรือ?
เว่ยอี๋เหนียงยังจำเปลวไฟในวันนั้นได้ดี นางยังคงมือสั่นไม่หาย ได้แต่ร่ำไห้และใช้ผ้าเช็ดหน้าซับหางตา
นายท่านหนีเกรงว่าต้วนอวิ๋นหลานจะรำคาญ จึงสั่งให้สาวใช้พานางไปพักก่อน
ห้องโถง พลันตกอยู่ในความเงียบงัน
จากนั้นไม่นาน ต้วนอวิ๋นหลานก็มองไปยังหนีเจียเอ๋อร์ พลางขมวดคิ้ว “เสี่ยวเอ๋อร์ เ้าบอกว่าคนชุดดำพวกนั้นมิได้เอ่ยอันใด และโจวชิงหวาก็มองวรยุทธ์ของพวกเขาไม่ออก ใช่หรือไม่? ตอนที่พวกเราไปถึง ก็เห็นแค่เรือนที่กลายเป็ซากไหม้เกรียม ไม่พบเบาะแสที่จะสาวไปถึงตัวผู้บงการได้เลย แล้วจะสืบสวนเื่นี้อย่างไร?”
หนีเจียเอ๋อร์เลิกคิ้วขึ้น และตอบยิ้มๆ “พี่ใหญ่ ใช่ว่าเื่นี้จะไร้เงื่อนงำ...”
ต้วนอวิ๋นหลานตากระตุก “เ้ามีหนทางหรือ?”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้