ด้วยเหตุนี้ บทบาทของสองพี่น้องตระกูลเส้ากับูเี่อันจึงกลับตาลปัตร พวกเขาโดนมัดอยู่ที่พื้น ส่วนูเี่อันนั่งสบายๆ บนโซฟา สองพี่น้องทำได้แค่ถลึงตามองเธออย่างแค้นเคือง
“ฉันเข้าใจว่าเื่ล้มละลายมันยอมรับได้ยาก” ูเี่อันเดินเข้ามา “แต่ว่าพวกนายไม่ควรมาลักพาตัวคนนอกอย่างฉันนี่นา แถมยังทำไม่ดีกับฉันอีก เพราะงั้นจะมาว่าฉันไม่ได้นะ” เธอยักไหล่ ทำเหมือนเื่นี้มันช่วยไม่ได้
เส้าิจงยอมแพ้อย่างหมดท่า “พวกผมยอมแพ้แล้ว ปล่อยพวกผมไปเถอะ เดี๋ยวผมพาคุณไปส่งบ้านแล้วเราหายกันโอเคไหม”
“เหมือนตอนนี้อำนาจการต่อรองจะอยู่ในมือฉันนะ” ูเี่อันยิ้มแล้วจึงส่ายหน้า
“ฉันว่าส่งพวกนายไปนอนในคุกสักไม่กี่ปีจะดีกว่า ใจเย็นๆ นะจ๊ะ เดี๋ยวอีกแป๊บคุณลุงตำรวจก็จะมารับพวกนายแล้ว”
เธอปัดมือแล้วลุกขึ้น มองรองเท้าคู่ที่เธอใช้เตะเส้าิจงเมื่อครู่แล้วขมวดคิ้ว เธอถอดมันออกแล้วโยนทิ้งถังขยะไป เธอเดินไปเดินมาด้วยเท้าเปล่าในอพาร์ทเมนต์เก่าๆ แห่งนี้
นี่ก็ดึกแล้ว พรุ่งนี้ต้องไปทำงานอีก คงต้องรีบกลับแล้ว แต่ตอนนี้เธอไม่มีมือถือ คงจะต้องหามือถือของสองพี่น้องนี่แล้วโทรตามลั่วเสี่ยวซีมาช่วยเธอออกไป
ทว่า กลับหาไม่เจอแม้แต่เงา
ูเี่อันเดินกลับเข้ามาในห้อง เธอนั่งลงบนโซฟาอย่างหงุดหงิด
“พวกนายแม้แต่มือถือก็ไม่มีใช้เหรอเนี่ย”
“มีแต่ซิม...” เส้าิจงพูด “ก่อนหน้านี้พวกเราขายมือถือเอาเงินมากินข้าวกับจ่ายค่าห้องไปหมดแล้ว”
ูเี่อันตบหน้าผากตัวเองอย่างกลุ้มใจ “จากเ้าของบริษัทตกอับถึงขึ้นนี้ มิน่าถึงได้แค้นลู่เป๋าเหยียนนัก...”
เธอคงนึกไม่ถึงว่าตอนนี้ลู่เป๋าเหยียนอยู่ข้างล่างอพาร์ทเมนต์ และคงนึกไม่ถึงเข้าไปใหญ่ว่า สิ่งที่เกิดขึ้นในห้องนี้ทั้งหมดจะถูกเสิ่นเยว่ชวนใช้กล้องส่องทางไกลจับตาดูอยู่
เสิ่นเยว่ชวนถูกส่งให้ไปสืบดูสถานการณ์ และหาจุดเหมาะๆ ที่จะเข้าจู่โจม แต่เขาคาดไม่ถึงว่าูเี่อันจะจับสองพี่น้องนั่นมัดตัวเอาไว้ได้ เขากลั้นยิ้มแล้วลงไปที่อพาร์ทเมนต์ฝั่งตรงข้ามเพื่อรายงานลู่เป๋าเหยียน
“ชั้นห้าห้อง 03 ขึ้นไปได้เลย”
ลู่เป๋าเหยียนขมวดคิ้วหน้าเครียด “ูเี่อันเป็ยังไงบ้าง”
เสิ่นเยว่ชวนกับลูกน้องอีกคนที่หากใครได้ยินชื่อคงกลัวหัวหด พูดพลางกลั้นหัวเราะ
“ขึ้นไปดูเองเดี๋ยวนายก็รู้ เฮ้อ ฉันเข้าใจแล้วว่าทำไมอาซ้อถึงมาเป็หมอนิติเวชได้ ที่แท้...ไม่ใช่คนธรรมดาจริงๆ”
ปฏิกิริยาของพวกเขาดูผิดปกติ
คิ้วของลู่เป๋าเหยียนยิ่งขมวดแน่นขึ้นไปอีก ว่าแล้วก็เดินเข้าไปในอพาร์ทเมนต์อย่างไม่ลังเล แต่เมื่อไปถึงกลับพบภาพที่ตนไม่เคยคาดคิดว่าจะได้เห็นมาก่อน
ูเี่อันนั่งไขว่ห้างอย่างสบายใจอยู่บนโซฟา พูดด้วยน้ำเสียงสงสารว่า
“ั้แ่ล้มละลาย พวกนายคงลำบากมากสินะ”
เส้าิจงที่ถูกมัดขดตัวเป็กุ้งอยู่บนพื้นตอบ “ก็ใช่น่ะสิ ั้แ่เล็กจนโตพวกเราไม่เคยรู้จักรสชาติอาหารฟาสฟู้ดด้วยซ้ำ จนกระทั่งล้มละลาย แค่ข้าวขาหมูจานละสิบหยวน พวกเรายังต้องกลั้นใจซื้อเลย ฮือๆๆ คุณหนูซู พวกผมผิดไปแล้ว ปล่อยพวกผมไปเถอะ ทำเป็ว่าเื่ในวันนี้ไม่เคยเกิดขึ้นได้ไหมครับ”
“พวกนายทำผิดไปแล้วจริงๆ แต่ฉันคงทำเป็ว่าเื่นี้ไม่เคยเกิดขึ้นไม่ได้หรอกนะ” ูเี่อันยิ้มพร้อมลุกขึ้นยืน “รออีกแป๊บหนึ่งนะ เดี๋ยวคุณลุงตำรวจก็มารับแล้ว ส่วนฉันขอตัวกลับก่อนล่ะ”
พูดจบเธอก็เดินออกไปนอกบ้าน แต่กลับเจอลู่เป๋าเหยียนยืนหน้านิ่งอยู่ที่ประตู เธอใสะดุ้งเฮือก
“นายมาอยู่นี่ได้ยังไง”
ถ้าจะให้ตรงตามแบบฉบับละครน้ำเน่าละก็ ลู่เป๋าเหยียนควรจะอยู่เป็เพื่อนคอยปลอบใจหานรั่วซี ส่วนเธอต้องเดินตากฝนคนเดียวอยู่บนถนนอันมืดมิดเพื่อกลับบ้านไม่ใช่เหรอ...
เธอยังคงอยู่ในชุดราตรีตัวเดิม เสื้อปาดไหล่โชว์ลำคอและกระดูกไหปลาร้างามระหงดูเย้ายวน ข้อเท้าขาวเปลือยเปล่า ลอนผมที่ดูยุ่งจากเดิมนิดหน่อย ทั้งหมดนี้กลับทำให้เธอดูเซ็กซี่ขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า ความประหลาดใจทำให้ดวงตาโตคู่งามดูน่าหลงใหลส่องประกาย ผู้ชายอย่างลู่เป๋าเหยียนรู้ดีว่า หากผู้หญิงแบบนี้เดินคนเดียวกลางดึกในสถานที่แบบนี้ ผู้ชายที่พบเจอจะคิดทำอะไร
เขามองไปที่เท้าของเธอ “รองเท้าเธอไปไหน”
“มันสกปรกเลยทิ้งไปแล้ว” ูเี่อันเอียงคอถามด้วยความสงสัย “นายรู้ได้ยังไงว่าฉันถูกพามาที่นี่”
ไม่มีทางที่เขาจะบอกว่าเขาตามเธอมา จึงได้แต่พูดเสียงเย็นออกไปว่า “กลับบ้าน”
“อืม” ูเี่อันเดินตามลู่เป๋าเหยียนไป
ในอพาร์ทเมนต์โทรมๆ แบบนี้ เพราะเธอไม่ได้ใส่รองเท้าจึงต้องเดินอย่างระวังเป็พิเศษ เดินไปได้ไม่กี่ก้าว เธอก็ถูกลู่เป๋าเหยียนทิ้งห่างเสียแล้ว
ตอนลงบันไดยิ่งหนักเข้าไปใหญ่ ตอนบ่ายที่นี่ฝนตก เลยทำให้บันไดสกปรกเฉอะแฉะไปหมด คนรักความสะอาดอย่างูเี่อันชักอยากจะร้องไห้
รู้อย่างนี้ ไม่ว่ารองเท้าคู่นั้นจะเตะโดนส่วนไหนของเส้าิจง เธอก็ควรใส่กลับบ้านก่อนแล้วค่อยทิ้งทีหลัง ฮือ...
ลู่เป๋าเหยียนรู้ตั้งนานแล้วว่าเธอเดินตามเขาไม่ทัน แต่ไม่คิดเลยว่าตอนลงบันไดเธอยิ่งเดินช้าเข้าไปอีก เขาหันกลับไปอย่างหมดความอดทนแล้วพบว่า หน้าของูเี่อันกำลังยุ่งเหยิงเสียยิ่งกว่าอะไร เขาขมวดคิ้วแล้วจึงเดินย้อนกลับไป
ูเี่อันถามอย่างแปลกใจ “เอ๋ นายเดินกลับมาทำไมกัน”
ทันใดนั้น ลู่เป๋าเหยียนก็เข้ามาโอบเอวและอุ้มเธอขึ้นมา
อุ้มท่า...ท่าเ้าหญิง...
ความใถูกทดแทนไปด้วยความอ่อนหวานที่ได้รับ รู้ตัวอีกทีความหวานนั้นก็เหมือนแทรกซึมเข้าไปในทุกอณูของร่างกายของเธอ
ยังดีที่ไม่กี่วินาทีหลังจากนั้นูเี่อันก็ตั้งสติได้ จึงดิ้นอย่างขัดขืน
“ลู่เป๋าเหยียน ปล่อยฉัน ฉัน...ฉันเดินเองได้”
ลู่เป๋าเหยียนหรี่ตาพร้อมขยับอ้อมแขนให้แน่นยิ่งขึ้นอีก
“ูเี่อัน ถ้าเธอยังดิ้นอีกฉันจะเปลี่ยนเป็แบกเธอพาดไหล่แทน”
ูเี่อันลองจินตนาการภาพตัวเองถูกแบกพาดไหล่แล้วจึงเงียบไป
เธอรู้สึกได้ว่าถึงหัวใจของเธอที่เต้นผิดจังหวะไปจากเดิม
มันคงเป็เพราะ...ครั้งนี้เป็ครั้งที่เธอกับเขาใกล้ชิดกันที่สุด เหมือนเธอจะตัวเล็กลงในชั่วขณะ ััทุกอย่างรอบกายดูชัดเจนขึ้นกว่าปกติ รวมถึงลมหายใจและหัวใจที่ไม่เหมือนเดิม ไหนจะยัง...ไออุ่นของลู่เป๋าเหยียนที่แผ่ออกมาจากเสื้อเชิ้ตของเขา
อุณหภูมิร่างกายของลู่เป๋าเหยียนไม่ได้สูงเลย แต่มันกลับทำให้เธอร้อนไปหมดทั้งตัว
เธอเห็นใบหน้าเขาได้อย่างชัดเจน เมื่อมองเขาจากมุมนี้ ใบหน้าของเขาช่างสมบูรณ์แบบราวสลัก ความหล่อของเขาเหมือนจะทำลายสถิติเดิมอีกแล้ว ผิวของเขาขาวกว่าผู้ชายปกติทั่วไป ดูเป็ผิวของคนสุขภาพดี แถมยังดูสะอาดสะอ้านเสียจนทำให้อยากจะ...จุ๊บสักที
เมื่อูเี่อันรู้ตัวว่าตนเผลอคิดอะไรออกไป เธออยากจะให้ลู่เป๋าเหยียนโยนเธอทิ้งจากชั้นห้าลงไปซะ
การได้ััลู่เป๋าเหยียนอย่างใกล้ชิดแบบนี้ เหมือนแบบทดสอบวัดใจกันชัดๆ
‘โอ๊ย ปิดตาหลับไปซะูเี่อัน’